| ผู้ตั้ง | 
ข้อความ | 
ยุทธนา ศรีสง่า 
บัวผลิหน่อ 
 
 
  
เข้าร่วม: 22 พ.ค. 2006 
ตอบ: 2 
ที่อยู่ (จังหวัด): ราชบุรี 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
28 มิ.ย.2007, 11:23 am | 
   | 
 
 
 | 
    | 
  | 
I am 
บัวบานเต็มที่ 
 
 
  
เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006 
ตอบ: 972 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
28 มิ.ย.2007, 12:01 pm | 
   | 
 
 
 
คือคนที่บวช ๓ ครั้ง
 
 
ท่านว่าเป็นคนใจรวนเร ไม่แน่นอน บวชๆ สึกๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ ห้ามคบ (ว่างั้น)
 
   | 
 
        
          |   | 
         
 _________________ ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก | 
 
 
 | 
      | 
  | 
human 
บัวใต้ดิน 
 
  
  
เข้าร่วม: 01 พ.ย. 2006 
ตอบ: 41 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
29 มิ.ย.2007, 1:26 pm | 
   | 
 
 
 
น่าจะเป็นผู้ที่ชอบเปลี่ยนศาสนาที่นับถือ 3 ครั้งนะ
 
แต่ถ้าบวช 3 ครั้งไม่น่าใช่นะ
 
เพราะในบาลีนั้น พระโพธิสัตว์ ตอนที่เป็นชาวบ้านธรรมดามีอาชีพ ทำนา
 
ก็เคยบวชแล้วสึก ถึง 6 ครั้ง จนครั้งที่ 7 จึงตัดใจได้ บวชแล้วไม่สึก | 
 
        
          |   | 
         
 | 
 
 
 | 
   | 
  | 
ผู้เยี่ยมชม. 
บัวพ้นดิน 
 
 
  
เข้าร่วม: 22 พ.ค. 2007 
ตอบ: 95 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
30 มิ.ย.2007, 5:28 am | 
   | 
 
 
 
เปรียบกับคนที่ใจไม่มีความหนักแน่น | 
 
        
          |   | 
         
 | 
 
 
 | 
   | 
  | 
arcturus 
บัวใต้ดิน 
 
 
  
เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2007 
ตอบ: 14 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
30 มิ.ย.2007, 11:36 am | 
   | 
 
 
 
เข้าใจแบบเดียวกับคุณ human ครับ | 
 
        
          |   | 
         
 | 
 
 
 | 
   | 
  | 
NongBua 
บัวใต้ดิน 
 
 
  
เข้าร่วม: 10 ก.ค. 2007 
ตอบ: 21 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
24 ก.ค.2007, 7:52 pm | 
   | 
 
 
 
อืม ที่จริงแล้วเค้าหมายถึง ผู้ที่โดนจับสึก แล้วไปบวชซ้ำอะคะ 
 
อันนี้เป็นความรู้ด้านภาษาไทย เรื่องภาษิต คำพังเพย นะคะ 
 
ไม่ใช่เรื่องพระพุทธศาสนา ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยคะ    | 
 
        
          |   | 
         
 | 
 
 
 | 
   | 
  | 
กรัชกาย 
บัวแก้ว 
 
  
  
เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006 
ตอบ: 2348 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
26 ก.ค.2007, 8:08 am | 
   | 
 
 
 
เป็นคำพูดของคนรุ่นปู่ยาตาทวด
 
 
ชายสามโบสถ์  คงได้แก่คนที่บวชสามหนบวชๆสึกๆ ท่านคงมองด้านความมั่นคงในชีวิตตั้งหลักปักฐานของผู้นั้นเอง   
 
 
คือผู้นั้นเอาดีทางไหนไม่ได้สักทางเดียว  ไม่ว่าทางพระหรือทางคฤหัสถ์
 
  
 
สมมุติบวชโบสถ์แรก (ครั้งแรก)  อายุ 20 ปี  บวชได้ 6-7 พรรษา   ชาวบ้านและคณะสงฆ์จะแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส 
 
 
 
ตนไม่เอา   ไม่ชอบปกครองคนวุ่นวาย   ไม่อยากรับผิดชอบการก่อสร้าง  เป็นต้น  ตนทนการรบเร้าจากหลายๆฝ่ายไม่ไหว   ก็จึงสึกหนีออกไปเสีย....เมื่ออายุได้ 26-27  ปี  
 
 
สึกไปทำงาน....ทำมาหากิน  ทำไปทำมา 6-7 ปีได้    
 
ต้องต่อสู้กับงานหนักบ้างเบาบ้าง....รับผิดชอบทุกอย่างทั้งในบ้านนอกบ้านเรื่องปากท้องตนเองและพ่อแม่เป็นต้น...
 
 
วุ่นวายสารพัดทะเลาะกันบ้างในหมู่ญาติพี่น้อง ฯลฯ  
 
จิตใจเริ่มเบื่ออีกแล้ว...สู้บวชไม่ได้    ยังไงๆ  ก็ยังดีกว่านี้    ไม่วุ่นวายแบบนี้  ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมายขนาดนี้   
 
บ้านก็ไม่ต้องเช่า  ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ ฯลฯ บวชดีกว่า...  
 
6-7 ปีที่สึกออกไป   ทำงานก็ยังไม่เป็นหลักเป็นฐาน  ตั้งตัวไม่ได้  ทำมาใช้ไป
 
 
เข้ามาบวชใหม่   อายุปาเข้าไป 33-34 แล้ว....บวชเป็นพระใหม่อีก  
 
อยู่ไปอยู่มาตามประสา   พรรษามากขึ้นๆ 
 
 
ตนก็ขยับไปนั่งหัวแถว    เพราะพระใหม่อื่นๆ ก็สึกหาลาเพศกันไปหมด   เหลือตนผู้เดียว  เอาอีกแล้ว  จะมีเจ้าอาวาสหรือไม่มีก็ตาม  ก็คงต้องรับผิดชอบในวัดบ้าง หรืออาจจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส  งานก็มีเข้ามามากเช่นกัน 
 
 
ตนก็ไม่เอางานเอาการเป็นทุนเดิมอยุ่แล้ว    เมื่อมีภาระรับผิดชอบมากขึ้น   
 
เบื่ออีก  บวชมา 7-8   พรรษา   สึกอีก  
 
 
อายุปาเข้าไปเท่าไหร่แล้ว 40  กว่าแล้ว  สึกไปจะไปทำอะไรกิน   อายุก็มากขึ้น 
 
สรุป...คนโบราณจึงว่า 
 
คนประเภทนี้   เอาดีไม่ได้สักทาง  ไม่ว่าทางพระหรือทางฆราวาส    เป็นคนไม่สู้งานจิตใจโลเล  ตั้งเนื้อตั้งตัวสร้างหลักฐานสร้างความมั่นคงในชีวิตไม่ได้แล | 
 
        
          |   | 
         
 _________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา | 
 
 
 | 
   | 
  | 
Story Note 
บัวพ้นดิน 
 
  
  
เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2007 
ตอบ: 97 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
26 ก.ค.2007, 11:03 am | 
   | 
 
 
 
O^_^O
 
 
การตีความ ของ ชาย 3 โบสถ์  ..น่าจะเป็นกุสโลบาย ที่ใช้เตือน..
 
 
การที่เป็นชาย 3 โบสถ์ อาจเป็นคน 3 ศาสนาก็เป็นได้ ซึ่งถ้าตนเองไม่มีศาสนาใดไว้ยึด
 
 
ชายคนนั้น อาจหาแก่นสารให้กับตัวเองไม่ได้...
 
 
และการที่ชายคนนั้น ต้องบวช แล้ว สึก.. ถึง 3 ครั้ง ก็น่าจะเป็นคนหนักไม่เอา เบาไม่สู้
 
 
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ใครจะคบด้วยได้     "^-^" | 
 
        
          |   | 
         
 | 
 
 
 | 
   | 
  | 
aek_nida7 
บัวใต้ดิน 
 
 
  
เข้าร่วม: 22 มิ.ย. 2006 
ตอบ: 11 
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
04 ส.ค. 2007, 11:40 pm | 
   | 
 
 
 
เอ่อ.. เค้าหมายถึง คนที่หลายศาสนาครับ เข้าไหนก็ได้ แต่ไม่จริงจัง คบไม่ได้
 
 
ในอดีต มีพระสาวกท่านหนึ่งบวชประมาณสิบครั้งได้มั้ง สุดท้ายจึงได้บรรลุเป็นพรอรหันต์
 
 
ผมว่า ไม่ได้หมายถึงคนบวชหลายครั้งหรอกครับ
 
 
คนที่บวช 6-7 ปีแล้วสึกออกมา อย่าได้ไปว่าเค้าเลยครับ ดีที่สึก ดีที่พอรู้ว่าตนเองมีกิเลส ไม่อยากอยู่ในผ้าเหลืองแล้ว กล้าพอที่จะสึก ไม่ทำให้แปดเปื้อนสงฆ์
 
 
ผมเองบวช 1 ปี 8 เดือน รู้จักพระอาจารย์ที่ท่านประพฤติดีๆเยอะ หลายท่านสึกออกมา ผมเสียดายมากๆ ที่พระดีๆสึก บางท่านมีความจำเป็นทางบ้าน  แต่นับถือที่ท่านยอมรับตัวเอง กล้าที่จะสึก เพราะบางท่านแทบไม่มีวุฒิทางโลกเลย ต้องมาเผชิญอะไรบ้างในสังคม 
 
 
จริงอยู่ครับบางคนไม่เอาไหน บวชแล้ว เบื่อก็สึก สึกแล้วเบื่ออีก บวชดีกว่า ประมาณนี้ก็คงมี แต่อย่าไปเหมารวมสิครับ จะเป็นบาปกับตัวเองเปล่าๆ คนดีๆมีอีกเยอะครับ
 
 
แม้แต่ตัวผมเอง บวช 3 ครั้ง แล้วครับ
 
 
1.บวชเณร รับกฐินแม่ ตอน 8-9 ขวบมั้ง กี่วันจำไม่ได้ 2-3 วันมั้ง
 
2.บวชเพระ 1 ปี 8 เดือน
 
3.บวชพระให้ยายตอนยายกำลังจะเสีย 7 วัน พอสึกแล้วยายเสียเลย
 
 
ถ้าตามความหมายของท่านๆ ผมก็ครบ 3 โบสถ์ พอดีเลยครับ
 
คบไม่ได้ รึเปล่าครับ | 
 
        
          |   | 
         
 _________________ ดูใจตัวเอง ให้รู้ว่ามีอะไรมากระทบ และเกิดอะไรขึ้น แล้วปล่อยซะ ไตรลักษณ์เกิดดับให้เราเห็นอยู่ทุกขณะจิต
 
 
อย่าให้อกุศลของผู้อื่น มาทำให้จิตเราเกิดอกุศล
 
 
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นครับ | 
 
 
 | 
    | 
  | 
RARM 
บัวบาน 
 
 
  
เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007 
ตอบ: 417 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
06 ส.ค. 2007, 9:35 pm | 
   | 
 
 
 
ชายสามโบสถ์นั้นมิใช่คบหาสมาคมมิได้นะครับทุกท่าน เพียงแต่คนที่บวชแล้วสึกนั้นบุญของคนนั้นทำมาอย่างนี้เอง  ในครั้งพุทธกาลเคยมีคนบวชแล้วสึกถึง 7 ครั้งด้วยกัน  ในพระสูตรพระธรรมบทครับ คือท่านนั้นยังมีความอาลัยในของใช้ของท่านอยู่คือ ขวานที่ท่านใช้ทำมาหากินจนครั้งสุดท้ายท่านขว้างขวานนั้นเข้าป่าเลยแล้วตะโกนขึ้นว่าเราชนะแล้ว  คือชนะใจตัวเองนั่นเองที่ยังมีความอาลัยในชีวิตฆราวาสครับ  บุญของท่านที่ท่านนั้นตัดขาดได้  เพราะชีวิตฆราวาสเป็นชีวิตที่คับแคบไม่มีเวลาจะปฏิบัติธรรมสักเท่าไหร่  แต่ไม่ใช่ปฏิบัติไม่ได้นะครับ  
 
RarmaDhammo | 
 
        
          |   | 
         
 | 
 
 
 | 
   | 
  | 
| 
 |