Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์ : พระครูสันติธรรมรังษี อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 02 พ.ย.2007, 1:15 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์
พระครูสันติธรรมรังษี
ประธานฝ่ายบรรพชิต กลุ่มเสขิยธรรม


มนุษย์เป็นสัตว์สังคมจะอยู่คนเดียวตามลำพังมิได้
และจะต้องพึ่งพาอาศัยกัน ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
ต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นไม่มากก็น้อย

นับตั้งแต่นาทีแรกที่เกิดออกมา
หากไม่มีคนทำคลอดให้หรือดูแลหลังคลอด ก็อาจจะไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลก
หรืออาจจะเกิดมาเป็นเด็กที่ไม่แข็งแรงสมบูรณ์ได้
ต่างจากสัตว์เดรัจฉานที่สามารถช่วยตัวเองได้ ตั้งแต่ออกจากครรภ์ของแม่

ดูเหมือนว่าคนเราจะรู้สึกพอใจกับคำกล่าวที่ว่า

“มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐกว่าสัตว์ใดๆ ในโลก”

แต่ในความเป็นจริงแล้ว
หากปราศจากการฝึกฝน อบรม พัฒนาตนเองแล้ว
ความประเสริฐของมนุษย์จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
ดังที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า

“ทนฺโต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ”

แปลใจความว่า

ในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย ผู้ฝึกตนดีแล้วเป็นผู้ประเสริฐสุด

และการจะพัฒนาตนเองไปสู่ความเจริญหรือความประเสริฐได้นั้น
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกัลยาณมิตร
คือมีครูบาอาจารย์ มิตรสหาย หรือผู้ให้คำชี้แนะตักเตือน


ถึงกับทรงให้ความสำคัญกับกัลยาณมิตรว่าเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์
กล่าวคือชีวิตของคนเราจะประเสริฐได้ ก็ต้องมีกัลยาณมิตรที่ดี
เช่น พ่อแม่ ครูอาจารย์ ตักเตือนพร่ำสอน แนะนำให้รู้ ทำให้ดู อยู่ให้เห็นว่า

ชีวิตที่ดีที่ประเสริฐนั้นต้องละเว้นอะไรบ้าง
ต้องทำความดีอะไรบ้าง
ตลอดจนการเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตัววางตนต่อผู้อื่น ต่อสังคมอย่างไร
จึงจะเป็นที่เคารพรักยำเกรงของผู้อื่น


ในบรรดากัลยาณมิตรทั้งหลาย
พระพุทธเจ้าเป็นยอดแห่งกัลยาณมิตร


เพราะทรงสามารถทำตนให้เข้าถึงความประเสริฐสุด
คือ มีพระทัยที่สะอาดบริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย
มีพระปัญญาอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน
มีพระมหากรุณาต่อสัตว์ทั้งหลายอย่างไม่มีประมาณ
แม้แก่ศัตรูผู้คิดร้ายทำลายชีวิตของพระองค์ เช่น พระเทวทัต

มีคำถามว่า ในเมื่อพระพุทธเจ้าทรงปรินิพพานไปแล้วกว่า ๒,๕๐๐ ปี
แล้วพระองค์จะเป็นกัลยาณมิตรของพวกเราในยุคปัจจุบันได้อย่างไรเล่า ?

คำตอบก็คือว่า พระพุทธองค์ทรงเฉลยไว้ว่า

“ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ผู้ใดถึงธรรม ผู้นั้นถึงเรา ตถาคต”

ก็หมายความว่า ผู้ใดปฏิบัติตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระองค์
ด้วยการเจริญใน ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างจริงจัง
ผู้นั้นก็ย่อมเห็นธรรมและเข้าถึงธรรมะของพระพุทธองค์อย่างแน่นอน

ขั้นหยาบขั้นละเอียด
จะเร็วหรือช้า ก็ขึ้นอยู่กับอินทรีย์บารมี
และความขยันพากเพียรของแต่ละคน

ผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้วย่อมจะรู้ดีว่า
พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่
หาได้ปรินิพพานหรือตายไปแล้วอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจไม่

สาธุ สาธุ สาธุ

ที่มา: กลุ่มเสขิยธรรม
http://sekhiyadham.semsikkha.org/
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ย.2007, 3:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุจ้ะ...คุณกุหลาบสีชา

ธรรมะสวัสดีค่ะ

ยิ้ม ยิ้มแก้มปริ ยิ้ม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 05 พ.ย.2007, 9:09 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โมทนาครับ.. สาธุ ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง