Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
เลือกคนผิดคิดจนวันตาย : มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2007, 11:47 pm
เลือกคนผิดคิดจนวันตาย
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย
การหาเสียงของนักการเมืองเพื่อจุดมุ่งหมายคือ
ให้ชนะได้รับเลือกตั้งเข้ามาเพื่อจะได้มาบริหารประเทศ
นั่นคือจุดมุ่งหวังของนักการเมือง
แต่เมื่อนักการเมืองแต่ละพรรคต่างก็มุ่งหวังว่าจะได้รับชัยชนะ
บางเขตมีสิทธิ์เพียงสามคน แต่มีผู้สมัครถึงสี่สิบคน
การแข่งขันจึงเข้มข้นเป็นพิเศษ
เมื่อเริ่มต้นอาจหาเสียงตามกติกา
แต่เมื่อใกล้วันเวลาเลือกตั้งเข้ามา ต่างก็หวังว่าจะได้ชัยชนะ
วิธีการต่างๆ จึงถูกนำมาใช้
บางคนขุดรากเหง้าโคตรตระกูลขึ้นมาประจาน
เพื่อให้คู่แข่งเกิดความเสียหาย
ซ้ำร้ายบางคนก็แจกเงินเพื่อให้ประชาชนลงคะแนนให้
เมื่อพฤติกรรมของนักการเมืองเป็นอย่างนี้
จะให้ประชาชนมั่นใจได้อย่างไรว่า
นักการเมืองเหล่านี้จะเข้าไปบริหารบ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์ยุติธรรม
นักการเมืองประเภทไหนที่เราควรเลือก
ถ้าหากว่าตามอุดมคติก็ต้องมีครบทั้งสามคือ
คนเก่ง คนดี คนมีความรู้
หากได้ไม่ครบจะตัดอะไรออก
ประเด็นแรกน่าจะเป็น
คนมีความรู้
เหลือไว้ระหว่าง
คนเก่งกับคนดี
ระหว่างคนเก่งกับคนดีจะตัดใครออก
เป็นเรื่องที่ต้องใช้วิจารณญาณพอสมควร
การเลือกคนผิดอาจจะต้องทำให้เกิดความเสียใจไปนาน
เหมือนลูกสาวเศรษฐีเลือกรักคนผิด
เรื่องนี้เกิดขึ้นในมัยพุทธกาลปรากฏในอรรถกถาวีณาถูณชาดกความว่า
ครั้งหนึ่งพระศาสดาประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ได้เล่าเรื่องลูกสาวเศรษฐีคนหนึ่งว่า
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลเศรษฐีในตำบลหนึ่ง
ครั้นเจริญวัยแล้วมีครอบครัว เจริญด้วยบุตรธิดาทั้งหลาย
จึงได้ขอธิดาของเศรษฐีกรุงพาราณสีให้แก่บุตรของตน ได้กำหนดวันกันไว้แล้ว
ฝ่ายธิดาเศรษฐีเห็นเครื่องสักการะสัมมานะของโคอุสภราชที่เรือนของตน
จึงถามพี่เลี้ยงว่าสัตว์นี้ชื่ออะไร ได้ฟังว่าโคอุสภราช
ครั้นเห็นชายค่อมเดินอยู่ระหว่างถนน
จึงได้คิดว่าชายนี้คงเป็นบุรุษอุสภราช
จึงถือห่อของมีค่าหนีไปกับชายค่อมนั้น
ฝ่ายพระโพธิสัตว์คิดว่าจักนำธิดาเศรษฐีมาเรือน
จึงไปยังกรุงพาราณสีกับบริวารเป็นอันมาก เดินทางไปทางนั้นเหมือนกัน
ชายค่อมกับธิดาเศรษฐีเดินทางกันตลอดคืน
ชายค่อมซึ่งถูกความหนาวเบียดเบียนตลอดคืน
ได้เกิดโรคลมกำเริบขึ้นในร่างกาย
ในเวลาอรุณขึ้นเกิดทุกขเวทนาสาหัส
เขาจึงแวะลงจากทางทนทุกขเวทนานอนขดตัวงอ
มีธิดาเศรษฐีก็นั่งเฝ้าอยู่อย่างใกล้ชิด
พระโพธิสัตว์เห็นธิดาเศรษฐีนั่งอยู่ที่ใกล้เท้าชายค่อมจำได้จึงเข้าไปหา
เมื่อจะสนทนากับธิดาเศรษฐี ได้กล่าวคาถาแรกว่า
เรื่องนี้เจ้าคิดคนเดียว บุรุษเตี้ยค่อมผู้โง่เขลานี้จะนำทางไปไม่ได้แน่
ดูก่อนเจ้าผู้เจริญ เจ้าไม่สมควรจะไปกับบุรุษเตี้ยค่อมผู้นี้เลย
ธิดาเศรษฐีฟังคำของพระโพธิสัตว์แล้วกล่าวตอบว่า
ดิฉันเข้าใจว่าบุรุษค่อมเป็นผู้องอาจ
จึงได้รักใคร่กับบุรุษค่อมผู้นี้นอนตัวงออยู่
ดุจคันพิณที่มีสายขาดแล้วฉะนั้น
ลูกชายเศรษฐีโพธิสัตว์ทราบว่า นางปลอมตัวหนีมา
จึงให้อาบน้ำตกแต่งตัวให้ขึ้นรถไปยังเรือนของตน
ลูกสาวเศรษฐีเลือกคนหลังค่อมเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้องอาจ
แต่ภายหลังกลับตัวได้เพราะได้เห็นธาตุแท้
และความจริงของคนหลังค่อมว่าไม่อาจจะเลี้ยงดูตนให้มีความสุขได้
จึงได้ไปกับลูกชายเศรษฐีที่มีชาติตระกูลเสมอกันและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
นักการเมืองย่อมปรารถนาจะชนะการเลือกตั้ง
ดังนั้นวิธีการต่างๆ จึงต้องนำมาใช้อย่างเต็มที่เพื่อให้ถูกใจประชาชนมากที่สุด
บางคนมิได้คำนึงถึงอนาคตว่าตนเองจะทำได้ตามที่ได้รับปากไว้หรือไม่
การเลือกผู้แทนจึงต้องพิจารณาก่อนเลือก
อย่าให้เป็นเหมือนลูกสาวเศรษฐี
ที่คาดคะเนเอาเองว่าโคมีหนอกคือโคที่ดีคนมีหนอกก็ย่อมเป็นคนดี
ในที่สุดก็จะพบกับความผิดหวัง
ที่ใดไม่มีความสงบที่นั่นไม่เรียกว่าสภา
เมื่อนักการเมืองได้รับการเลือกตั้งแล้วก็ต้องเดินเข้าสภา
พระพุทธศาสนาได้กล่าวถึงสภาไว้ใน
โขมทุสสสูตรที่ ๑๒ สังยุตนิกาย สคาถวรรค อุปาสกวรรค
(๑๕/๗๒๔/๒๒๔)
มีความตอนหนึ่งว่า
สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคประทับอยู่
ณ นิคมชื่อว่าโขมทุสสะของเจ้าศากยะ ในแคว้นสักกะ
เวลาเช้าวันหนึ่ง พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้วทรงถือบาตรและจีวร
เสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังโขมทุสสนิคม
ในขณะนั้น พวกพราหมณ์และคฤหบดีชาวโขมทุสสนิคมกำลังประชุมอยู่ในสภา
ด้วยกรณียกิจบางอย่างและฝนกำลังตกอยู่ประปราย
พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าไปยังสภานั้น
พราหมณ์และคฤหบดีชาวโขมทุสสนิคม
ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเสด็จมาแต่ไกล จึงได้กล่าวขึ้นว่า
คนพวกไหนชื่อว่าสมณะโล้น และคนพวกไหนรู้จักธรรมของสภา
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะพราหมณ์และคฤหบดีชาวโขมทุสสนิค
ด้วยพระคาถาว่า
ในที่ใดไม่มีคนสงบ ที่นั้นไม่ชื่อว่าสภา
คนเหล่าใดไม่กล่าวธรรม คนเหล่านั้นไม่ชื่อว่าคนสงบ
คนสงบละราคะโทสะ และโมหะแล้ว กล่าวธรรมอยู่
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว
พราหมณ์และคฤหบดีชาวโขมทุสสนิคม
ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ท่านพระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก
ท่านพระโคดมทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย
เหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิดบอกทางให้แก่คนหลงทาง
หรือส่องประทีปในที่มืด
ด้วยหวังว่าคนมีจักษุจักเห็นรูปฉะนั้น
พวกข้าพระองค์เหล่านี้ขอถึงท่านพระโคดมผู้เจริญ
กับพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์เป็นสรณะ
ขอท่านพระโคดมทรงจำพวกข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกถึงพระรัตนตรัย
ว่าเป็นสรณะตลอดชีวิตตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นั่นเป็นเหตุการณ์เมื่อครั้งพุทธกาล
หันมามองสภาของนักการเมืองไทยในปัจจุบัน
ท่านสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ที่มาจากการปฏิวัติยังคงตั้งหน้าประชุมเพื่อออกกฎหมาย
บางวันรีบเร่งผ่านถึง ๒๐ ฉบับ อย่างนี้น่านับถือ
แต่ที่น่าสนใจคือกฎหมายเหล่านั้นมีสารประโยชน์เพื่อคนส่วนใหญ่หรือไม่
หรือว่ามุ่งเพื่อคนเพียงไม่กี่กลุ่ม ถ้าเป็นประเด็นหลังก็เป็นเรื่องที่น่าห่วง
เมื่อนักการเมืองที่ควรเลือกอยู่ในกรอบคือ เก่ง ดี มีความรู้
ก็ควรเลือกคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนที่สุด
ถ้าหากจะเลือกโดยที่สุดแล้วน่าจะเหลือคุณสมบัติไว้ข้อสุดท้าย
คือ
ควรเป็นคนดี
ตามที่พุทธภาษิตใน
อานันทสูตร ขุททกนิกาย (ขุ.ธ. ๒๕/๑๒๔/๑๑๗)
และวินัยปิฎก จุลวรรคตอนหนึ่งว่า (วิ.จุ. ๗/๓๘๘/๑๓๐)
ว่า
ความดี คนดีทำง่าย ความดีคนชั่วทำยาก
ความชั่วนั้นคนชั่วทำง่าย แต่อารยชนทำความชั่วได้ยาก
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเหล่าคนดี
ย่อมสรรเสริญความกลัวต่อบาป
ไม่สรรเสริญความกล้าในบาปเลย
การจะเลือกคนดีเข้าสภาที่ตามทัศนะของพระพุทธศาสนา
ว่าจะต้องมีความสงบและคนพูดความจริงที่ถูกต้องตามธรรมะนั้น
แม้จะมิใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้
นักการเมืองที่ใกล้ชิดกับประชาชนย่อมมีความผูกพัน
ประชาชนสามารถจะแยกแยะได้ว่าควรจะเลือกใครเป็นตัวแทน
เพราะถ้าเราตัดสินใจเลือกผิดอาจจะคิดจนตัวตายก็ได้
หรือไม่ก็อาจจะมีปฏิวัติร่างธรรมนูญใหม่ไม่รู้จบสักที
ขอให้การเลือกตั้งครั้งนี้ได้คนดี คนเก่งและคนมีความรู้
เข้าไปบริหารบ้านเมืองให้ผ่านพ้นวิกฤติเสียที
ที่มา :
www.mbu.ac.th
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th