Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สวรรค์ชั้นที่ ๔ : ตุสิตาเทวภูมิ (พระธรรมธีรราชมหามุนี) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 24 ต.ค.2007, 6:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



พระพุทธเจ้าในทิพยสถาน.jpg


สวรรค์ชั้นที่ ๔ : ตุสิตาเทวภูมิ
พระธรรมธีรราชมหามุนี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙)

เทวภูมิ อันดับที่ ๔ นี้ เป็นแดนสุขาวดี ที่สถิตย์อยู่ แห่งปวงเทพเจ้าชาวฟ้าทั้งหลาย
ผู้มีความยินดีและ ความแช่มชื่นอยู่เป็นนิตย์ โดยมีเทพเจ้าผู้มเหศักดิ์
ทรงนามว่า สมเด็จท้าวสันดุสิตเทวาธิราช ทรงเป็น อธิบดี
จึงมีนามว่า ตุสิตาเทวภูมิ

หมายถึงภูมิเป็นที่อยู่ของ แห่งทวยเทพ
อันมี สมเด็จท้าวสันดุสิตเทวาธิราช ทรงเป็นอธิบดี

แดนสุขาวดีเมืองสวรรค์ชั้นฟ้า ซึ่งมีนามว่า ดุสิตาเทวภูมิ
นี้เป็นเทพนครที่ตั้งอยู่เหนือสวรรค์ชั้นยามาขึ้นไป ในเบื้องบน ไกลแสนไกล
ภายในเทพนครนี้ ปรากฏว่า มีปราสาทวิมานอยู่ ๓ ชนิด

๑. รัตนวิมาน = วิมานแก้ว
๒. กนกวิมาน = วิมานทอง
๓. รชตวิมาน = วิมานเงิน


ปราสาทวิมานเหล่านี้ ตั้งอยู่เรียงรายมากมาย
แต่ละ วิมานเป็นปราสาทสวยสดงดงาม มีความวิจิตรตระการตา เหลือที่จะพรรณา
และมีรัตนปราการกำแพงแก้วล้อมรอบ ทุกวิมาน มีรัศมีรุ่งเรืองเลื่อมพรรณราย
สวยงามยิ่งกว่า ปราสาทพิมานของเทพยดาในสรวงสวรรค์ชั้นยามาภูมิ

นอกจากนั้น สถานที่ต่างๆ ในเทวสถานชั้นนี้
ยังมี สระโบกขรณีและอุทยานอันเป็นทิพย์
สำหรับเป็นที่ เที่ยวเล่นให้ได้ความชื่นบานเริงสราญ
แห่งเทพเจ้าชาวสวรรค์ชั้นนี้มากมายนัก

สำหรับปวงเทพเจ้าผู้สถิตย์อยู่ในดุสิตสวรรค์นี้
แต่ละองค์ย่อมปรากฏมีรูปทรงสวยงาม มีความสง่ากว่า เหล่าเทพยดาชั้นต่ำๆ
ทั้งมีน้ำใจรู้บุญรู้ธรรมเป็นอย่างดี มีจิตยินดีต่อการสดับตรับฟังพระธรรมเทศนาเป็นยิ่งนัก
ทุกวันธรรมสวณะ เทพเจ้าเหล่านี้ย่อมจะมีเทวสันนิบาต
ประชุมฟังธรรมกันเสมอมิได้ขาดเลย

ทั้งนี้ ก็เพราะเหตุที่ องค์สมเด็จท่านท้าวสันดุสิตเทวาธิราช จอมเทพ
ผู้มีอิสริยยศยิ่งใหญ่ในสวรรค์ชั้นดุสิตนี้ ทรงเป็นเทพเจ้า ผู้พหูสูต
เป็นผู้รู้ธรรมะแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าเป็นอันมาก

อีกประการหนึ่ง ตามปกติดุสิตสวรรค์นี้
เป็นที่สถิตย์อยู่แห่งเทพบุตรผู้เป็นโพธิสัตว์
ซึ่งมีโอกาสจัก ได้ตรัสแก่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณ
สำเร็จเป็น องค์สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคต


เพราะฉะนั้นท่านท้าวสันดุสิตเทวาธิบดี
จึงมักมีเทวโองการตรัสอัญเชิญให้เทพบุตรพระโพธิสัตว์ผู้ทรงปัญญานั้น
เป็นองค์แสดงธรรมเช่นใน ปัจจุบันนี้

สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรย พระโพธิสัตว์
ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นที่รู้จักกันในหมู่พุทธบริษัทว่า
จักได้ ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า ในอนาคตอันตรกัปที่ ๑๓ แห่ง ภัทรกัปนี้
พระองค์ก็สถิตอยู่ ณ สรวงสวรรค์ชั้นนี้

และมักได้รับอาราธนาให้เป็นองค์แสดงธรรม
โปรดเหล่าเทพบริษัทในดุสิตสวรรค์นี้อยู่เสมอ


นอกจากจะเป็น สวรรค์ชั้นสำคัญดังกล่าวมาแล้ว
ในขณะนี้ แดนสวรรค์ ชั้นดุสิต ยังเป็นที่สถิตย์อยู่ของเทพเจ้าองค์สำคัญ
ซึ่งเราท่านทั้งหลายรู้จักกันดี

เทพเจ้าองค์นี้ก็คือ พระสิริมหามายา
เทพบุตรผู้มีบุรพวาสนาเป็นพระพุทธมารดาแต่ปางบรรพ์


ทางไปสวรรค์ชั้นดุสิต คือต้องอุตส่าห์พยายามสร้างเสบียง
กล่าวคือบุญกุศล ต้องมีกมลสันดานชอบสดับตรับฟังพระธรรมเทศนา
เพื่ออบรมปัญญาให้เจริญผ่องใส ไม่หวั่นไหวโยกคลอน ในการประกอบกุศล
ไม่เป็นผู้มัวเมาประมาทในวัย และชีวิตของตน
เร่งสร้างกุศลเช่น บำเพ็ญทานและ รักษาศีลเป็นเนืองนิตย์

ทานสูตร

ดูกรสารีบุตร ! ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวัง ให้ทาน
ไม่มีจิตผูกพันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน
ไม่ได้ให้ทานด้วยความคิดว่า

"บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย เคยให้เคยทำมา เราก็ไม่ควรทำ ให้ประเพณี"

แต่ให้ทานด้วยคิดว่า

"เราหุงหากิน แต่สมณะหรือพราหมณ์ไม่ได้หุงหากิน เราหุงหากินได้
จะไม่ให้ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ ผู้ไม่หุงหากิน ย่อมเป็นการไม่สมควร"


เขาผู้นั้น ให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว

เมื่อทำ กาลกิริยาตายไปแล้ว
ย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย แห่งเทวดาทั้งหลายในสวรรค์ชั้นดุสิต

ปุญญกิริยาวัตถุสูตร
(อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต ข้อ ๑๒๖ หน้า ๒๔๕ บาลีฉบับสยามรัฐ)


ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร !
บุคคลบางคนในโลกนี้ กระทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานมีประมาณยิ่ง
กระทำบุญกิริยาวัตถุด้วยศีลมีประมาณยิ่ง
ไม่เจริญบุญ กิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย

เมื่อถึงกาลกิริยา ตายไปแล้ว
เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย แห่งเทวดาชั้นดุสิต

ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร !
ท้าวสันดุสิตเทพบุตร จอมเทพในชั้นดุสิตนั้น
ได้ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จ ด้วยทานเป็นอดิเรก
ได้ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วย ศีลเป็นอดิเรก
ท้าวเธอจึงทรงเจริญรุ่งเรือง ก้าวล่วง เหล่าเทวดาชั้นดุสิตสวรรค์
โดยฐานะ ๑๐ ประการ คือ

อายุทิพย์ วรรณะทิพย์ สุขทิพย์ ยศทิพย์ อธิปไตยทิพย์ รูปทิพย์
เสียงทิพย์ กลิ่นทิพย์ รสทิพย์ โผฏฐัพพะทิพย์


สังคีติสูตร
(ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ข้อ ๓๔๖ หน้า ๒๗๑ บาลีฉบับสยามรัฐ)


ดูกรสารีบุตร! บุคคลบางคนในโลกนี้
ย่อมถวายข้าว น้ำ ผ้าผ่อน ยวดยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้
ที่นอน ที่นั่ง ที่พัก ที่อาศัย และสิ่งที่เป็นอุปกรณ์แก่ ประทีป
ให้เป็นทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ เขาย่อมมุ่งหวังสิ่งที่ตนถวายไป โดยเขาได้ยินมาว่า

"พวกเทพเจ้าเหล่าดุสิตสวรรค์เป็นเทพที่มีอายุยืน มีวรรณะงาม มากไปด้วยความสุข"

ดังนี้แล้ว เขาจึงจินตนาอธิษฐานอย่างนี้ว่า

"โอหนอ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก
เราพึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งพวกเทพเจ้าเหล่า ดุสิตสวรรค์เถิด"


เขาตั้งจิตนั้นไว้ อธิษฐานจิตนั้นไว้ อบรมจิตนั้นไว้
จิตของเขา นั้นน้อมไปในสิ่งที่ต่ำ มิได้อบรมเพื่อคุณเบื้องสูง อย่างนี้
ย่อมเป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตนั้น
ก็ข้อนี้แล เรากล่าวสำหรับบุคคลผู้มีศีล ไม่ใช่สำหรับบุคคลผู้ทุศีล
ผู้มีอายุทั้งหลาย ความตั้งใจของบุคคลผู้มีศีล ย่อมสำเร็จลงได้เพราะเป็นของบริสุทธิ์ ดังนี้

สาธุ สาธุ สาธุ

หมายเหตุภาพ จิตรกรรมพุทธศิลป์ "พระพุทธเจ้าในทิพยสถาน"
ผลงานของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์


ที่มา : ภูมิวิลาสินี (บางส่วน) ตอนที่ 6 :
โดย พระธรรมธีรราชมหามุนี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙) ใน

http://www.dharmagateway.com/monk/preach/lp-vilas/lp-vilas-01-06.htm
 


แก้ไขล่าสุดโดย กุหลาบสีชา เมื่อ 30 ต.ค.2007, 12:30 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ต.ค.2007, 10:32 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณกุหลาบสีชา

ธรรมะสวัสดีวันพระค่ะ

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง