ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ธรรมรักษา
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 19 พ.ย. 2007
ตอบ: 3
|
ตอบเมื่อ:
19 พ.ย.2007, 9:11 am |
  |
สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นสมาชิคใหม่ค่ะ อาจจะเรียกได้ว่าอยากใช้ธรรมะเข้ารักษาจิตใจค่ะ เพราะเข้าใจแร้วว่าในโลกเราไม่มีอะไรยั่งยืน และตอนนี้ก็กำลังมีความทุกข์อย่างยิ่ง ก็คือ ตอนนี้ดิฉันเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย เพราะอยากจะช่วยครอบครัวแบ่งเบาภาระ แต่ว่าดิฉันทำงานเป็นกะ วันไหนไม่มีเรียนก็ทำ อย่างเช่น แต่ว่ามีอยู่วันนึงดิฉันต้องเข้างานตอน 24.00 - 08.30 ดิฉันรู้สึกเหนื่อยและเริ่มท้อ และพอขอเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมงานด้วยกัน ที่เป็นผู้ชาย เค้าบอกว่าเค้าจะทำให้ แต่เค้าก็ไม่ทำ เค้าบอกว่าไม่ไหว เพราะมีเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้หญิงบอกว่าผู้ชายคนนั้นน่ะเค้าทำไม่ได้หรอก เพราะเค้าทำตอนเช้าจนชิน ทั้งที่เพื่อนร่วมงานคนอื่นที่เป็นผู้ชาย มีแต่คนที่ทำกะดึกกันทุกคนเลยค่ะ แต่ผู้ชายคนนี้ไม่มีวันไหนทำกะดึกเลย แต่ดิฉันก็ไม่คิดอะไรค่ะ แต่ก็แค่อยากให้ช่วยกันมั่งค่ะ ตอนนี้เริ่มท้อ อยากได้ธรรมะมาเป็นที่พึ่งค่ะ |
|
|
|
  |
 |
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623
|
ตอบเมื่อ:
19 พ.ย.2007, 9:19 am |
  |
อัตตาหิ อัตตโน นาโถ (ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน) |
|
|
|
  |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
19 พ.ย.2007, 2:04 pm |
  |
งานที่คุณทำเป็นอาชีพอะไร แล้วคุณทำงาน กะดึกตลอดปี เลยหรืออย่างไร เพราะการทำงานเป็นกะนั้น ส่วนใหญ่ก็จะต้องหมุนเวียนกันไป
คือ ทำกะกลางวัน 3 วัน หรือ 1 อาทิตย์ แล้วก็เปลี่ยนไปทำงาน กะดึก อีก 3 วัน หรือ 1 อาทิตย์ บางแห่งก็จะมีวันหยุด 1 วัน หลังทำงานกะดึก
แล้วคุณต้องการธรรมะอะไร คุณไปขอเปลี่ยนกะทำงานกับเขา แล้วไม่ได้ แล้วคุณท้อใจ
มันผิดที่คุณ หรือผิดที่เขา คุณท้อใจเรื่องอะไรกัน
คำเตือน "อย่าเห็นแก่ตัว ให้เห็นหัวอกหัวใจของผู้อื่นบ้าง" ตัวเรายังไม่อยากทำงานกะดึก แล้วคนอื่นเขาอยากจะทำงานกะดึกหรือ เขาจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็มีความคิดเหมือนกัน
คุณต้องสร้างความคิดความเข้าใจในตัวคุณใหม่แล้วละนะ
และที่กล่าวไปทั้งหมดนี้คือธรรมะ ที่คุณจะต้องปฏิบัติ
คุณเรียนหนังสือ แล้วทำงานไปด้วย
ถ้าเป็นไปได้ ก็ควรหางานที่ไม่เป็นอุปสรรคในการเรียน นี้เป็นทางแก้ไขที่ดีที่สุด แต่ถ้าจำเป็นต้องทำงานที่เดิม ก็ต้องอดทน อดทน และอดทน เพื่ออนาคต หรือเพื่อชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า
ขอให้โชคดี เหมือนข้าพเจ้า (ให้พรตัวเองบ้างคงดีนะ) |
|
|
|
  |
 |
bad&good
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 06 ส.ค. 2007
ตอบ: 115
|
ตอบเมื่อ:
19 พ.ย.2007, 6:30 pm |
  |
สวัสดี ท่านธรรมรักษา
ชีวิตน่ารำเค็ญ เช่นนี้ เป็นการเตือนจากกิเลส ชนิดหนึ่ง
เธอจงรับรู้ รับจำ ความรำเค็ญ เช่นนี้ไว้ในจิตของเธอ ตลอดไป
กิเลสแบบนี้ สักวันหนึ่ง เธอจะไม่ได้พบเห็นมันอีก
............................................................................
การฝึกตนเองให้อยู่ใน พรหมจรรย์ (อยู่เป็นโสด) จะทำให้ชึวิต ที่ยากจน แต่ขยันทำงาน กลับมาเป็นชีวิตที่ดีขึ้นได้
แต่เมื่อตนเองเห็นว่า เริ่มมีชีวิตที่สุขสบายขึ้น กลับพยายามหาคู่รัก หาสามี กำเนิดบุตรธิดา
เมื่อบุตร ธิดา เกิดขึ้นมา(ในแวดล้อมฐานะการเงิน เช่นเดียวแบบเธอ อีก) บุตรธิดาของเธอ ย่อมลำเค็ญ แม้นขยันทำงาน ก็คงท้อ เช่นเดียวกับเธอ
นี่แล คือ วัฎฎสงสาร (วงเวียนแห่งกรรม เกิด แก่ เจ็บ ตาย) ที่มนุษย์คิดว่า มีชีวิตเป็นมนุษย์ จะมีสุข จึงยินดีต่อวัฎฎสงสาร
การใช้ธรรมะ รักษาใจ คงต้องเรื่อง ยาว ๆ แบบนี้ เพื่อให้สร้างความคิดรวบยอดเอาเอง
1.รักษาพรหมจรรย์
2.อย่าได้เพิ่มกิเลส ด้าน ราคะ(อย่าคิดสละโสด) ด้าน โลภะ(อย่าคิดซื้อสิ่งของเกินความจำเป็น)
............................................................................
ลองมาใช้ วิธีสร้างความสุขทางโลกและทางธรรม กัน
1.รู้จักพักผ่อนร่างกายให้มาก โดยการ
1.1 พักผ่อนนอนหลับ ทุกเมื่อ ที่มีโอกาส (ห้ามหลับในเวลาทำงาน ในเวลาเรียน)
พยายามหลับเป็นช่วง ๆ หลับตา 20 นาทีบ้าง หลับ 1 ชั่วโมงบ้าง หลับสะสมให้ได้
วันละ 6-7 ชั่วโมงหรือรู้สึกว่า ร่างกายไม่อ่อนล้า ก็ถือว่าร่างกายแข็งแรงดี
การทำสมาธิที่ถูกต้อง 1 ชั่วโมง ทุกวัน ถือเป็นการทำให้ร่างกายทุกส่วนได้พักผ่อน
อย่างแท้ จริง มากกว่าการหลับไหล
การทำสมาธิเบื้องต้น คือ การนั่ง หรือ เดินจงกรม จงมีเป้าหมายเพื่อให้จิตใจรู้สึก
สงบเย็น ไม่ได้คิดเรื่องอื่น นอกจากความนิ่ง สงบ มีสุข ไม่ห่วงอะไร จิตใจจึงได้
พักผ่อน
1.2 อย่าพักผ่อนร่างกายโดยวิธีอื่น เช่น ดูทีวี ดูการละเล่น ร้องเพลง คุยโทรศัพท์
คุยกับเพื่อน เล่นเกมส์ เล่น เที่ยวของนอกบ้าน หรือเรื่องที่ต้องเสียเวลาและทำให้
ตา หู จมูก ลิ้น ร่างกาย ใจ ต้องเหนื่อยล้า อย่าได้ไปทำ
2.สิ่งสำคัญที่สุด เมื่อกำลังทำงาน จงอย่าทำด้วยอารมณ์ร้อน จงทำด้วยอารมณ์ที่เบิก
บาน รู้สึกเป็นสุข ทำมาก ทำไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกสุข เหล่านี้ เรียกว่า สัมมาอาชีวะ
(การทำงานด้วยอารมณ์สุข ไม่มีกิเลสเจือปน ทำด้วยสุข)
รู้จักสร้างขั้นตอนทำงาน ซ้ำ ๆ ให้กับตนเอง เพื่อให้รู้สึกว่า งานง่าย ไม่เสียอารมณ์
3. รู้จักออกกำลังกาย ให้ครบ 30 นาที ทุกวัน เพื่อร่างกายที่แข็งแรง
4. เมื่อจำเป็นต้องหยุดงาน ขาดรายได้ ก็จำเป็นต้องหยุด อย่าได้กังวลเรื่องเงิน มากจนเกินเหตุ
.....................................................................
สิ่งเหล่านี้ บางตอน ไม่ใช่ วิชา ศาสนาพุทธ
แต่เป็นการยอมรับในธรรมชาติของร่างกาย
เป็นการยอมรับธรรมชาติของเศรษฐกิจ
เมื่อไร ที่เธอ พ้นทุกข์จากความยากจน แล้ว
ขอให้เธอจงนึก พุทธะ
ขอให้เธอศึกษา ความเป็นพุทธะ (ความรู้แล้วว่า ทำให้เธอ หมดกิเลสได้อย่างไร)
นั้นแล เธอจะหมดทุกข์
นั้นแล เธอจะไม่รู้จักคำว่า ท้อ
เพราะเธอหมดทุกข์แล้ว หมดท้อแล้ว จึงไม่มีอะไรเหลือ ให้เธอทุกข์
สาธุ |
|
_________________ อริยมรรคมีองค์ 8 คือ สูตรสำเร็จแห่งการดับทุกข์ |
|
  |
 |
ดุสิตธานี
บัวบาน


เข้าร่วม: 21 ก.ย. 2007
ตอบ: 352
ที่อยู่ (จังหวัด): สุโขทัยธานี
|
ตอบเมื่อ:
19 พ.ย.2007, 6:52 pm |
  |
ดุสิตธานี ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
อย่าท้อนะคะ เหนื่อยก็ต้องทนค่ะ ชีวิตก็แบบนี้แหล่ะค่ะ
ล้วนเป็นวิบากกรรมที่เราทำมาทั้งนั้นนะคะ
ความสุขความสบาย ความทุกข์ทนทรมาน เป็นสิ่งที่เราสร้างมาค่ะ
ต่อสู้ ในโชคชะตานะคะ หมั่นทำดีค่ะ
ความดีเท่านั้น ที่จะช่วยเราได้
เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เรามีธรรมะ เข้ามาให้หัวใจ เราก็จะไม่ทุกข์ค่ะ
เราจะน้อมรับทุกอย่างที่เกิดกับเราได้
เราจะไม่น้อยใจ ไม่คิดอยากต่อว่าให้ใครค่ะ
สาธุ ชีวิตไม่ต่างกันนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
คนเราต่างมีทุกข์ กันคนละแบบค่ะ  |
|
_________________ จงทำจิตให้บริสุทธิ์ ด้วยความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น หรือแม้กระทั่ง ตัวของเราเอง |
|
  |
 |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
19 พ.ย.2007, 7:04 pm |
  |
จขกท. รู้จักคิด ไม่นิ่งดูดายเอาแต่สบาย กตัญญูต่อครอบครัว เรียนด้วยทำงานด้วยเพื่อแบ่งเบาภาระทางบ้านด้วยการทำงานหนัก
เงินที่ได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงจะมีคุณค่าทางความรู้สึกเรากว่าเงินที่ได้มาง่ายๆ
ในอนาคต จขกท. คงสมหวังในชีวิตแน่ๆ เพราะการคิดดีเป็นนิสัย ขยันหมั่นเพียรอดทนจนเป็นนิสัย เป็นที่พึ่งแห่งตนได้
พระพุทธเจ้าท่านก็พึ่งตนเอง กว่าจะตรัสรู้มิใช่ของง่าย ต้องต่อสู่กับกิเลสมารในใจ อดมื้อกินมื้อ นอนกลางดินกินกลางทราย อยู่ตามป่าตามดอย กว่าจะปราบกิเลสได้ราบคาบ ใช้เวลานานนับปี
-ธรรมกับอธรรม เป็นสังขารขันธ์ที่คอยปรุงแปรความคิดเราให้ดีบ้าง ให้ชั่วบ้าง ให้ท้อบ้าง ให้สู้บ้าง ให้เหงาบ้าง ให้หายเหงาบ้าง ให้สุขบ้าง ให้ทุกข์บ้าง ฯลฯ อย่างที่ จขกท. เข้าใจแล้วว่าไม่มีอะไรยั่งยืน
ก็ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ ยามใดเกิดท้อเป็นต้นขึ้น ยามนั้นก็คิดปลุกปลอบจิตใจตนเอง ยกจิตตนด้วยสุภาษิตคำคมอะไรก็ได้ ซึ่งจะทำให้จิตใจเราแช่มชื่น หายหดหู่ท้อแท้ เช่นว่า คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร ความเกียจคร้านทำให้อนาคตมืดมนเป็นต้น
การทำงานเป็นการปฏิบัติธรรม เป็นศีลในองค์มรรคที่เรียกว่าสัมมาอาชีวะ
เราทำงานโดยสุจริตแม้ยากลำบากก็ภูมิใจกว่าลักขโมยเขากินเสียเกียรติเสียศักดิ์ความเป็นมนุษย์
คิดปลุกกุศลจิตให้เกิด โดยอาศัยสภาพแวดล้อมเป็นตัวกระตุ้น
ดัง เช่น บัณฑิตสามเณรผู้เป็นศิษย์พระสารีบุตร
เมื่อออกบิณฑบาตกับอาจารย์ พบชาวนากำลังไขน้ำเข้านา ถามอาจารย์ว่า น้ำมีจิตไหมขอรับ
ไม่มี สารีบุตรตอบ
สามเณรจึงคิดว่า แม้น้ำไม่มีจิต เขายังไขให้ไหลไปตามต้องการได้ เรามีจิตแท้ๆ ควรจะฝึกจิตให้เป็นไปในอำนาจ
อาจารย์กับศิษย์พากันเดินต่อไป ก็แลเห็นช่างศร นำไม้ลนที่ไฟ เล็งด้วยหางตา แล้วก็ดัดๆให้ตรง
ไม้มีจิตไหมขอรับ สามเณรถาม
ไม่มี
บัณฑิตสามเณรคิดว่า ไม้หาจิตมิได้ช่างศรยังทำให้ตรงได้ เรามีจิตแท้ๆ ทำไมไม่ฝึกจิตให้ตรงเล่า
-สุดท้ายส่งบาตรคืนอาจารย์ ส่วนตนกลับที่พักเพื่อฝึกจิตยกจิตตนเองให้เป็นไปในอำนาจ
-ความคิดไม่คงที่เปลี่ยนแปรอยู่เรื่อยๆ เมื่อตนรู้สึกความคิดตก ก็คิดหาอุบายปลอบใจตนเอง ยกขึ้นสู่ระดับที่เรียกว่าให้แช่มชื่นเบิกบานเอง โดยอาศัยสภาพแวดล้อมรอบๆตัว จากธรรมชาติบ้าง จากบุคคลบ้าง
บนโลกใบนี้ไม่มีมนุษย์คนใดที่ดำรงชีวิตอยู่โดยไม่ต่อสู้ชีวิต นอกจากผู้ประมาท
-บางคนมีความเป็นอยู่เหน็ดเหนื่อยลำบากยิ่งกว่าเราครับ
สู้ต้องสู้ จึงจะชนะ อยู่ด้วยความหวังครับ สักวันหนึ่งคงเป็นของเรา
|
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
  |
 |
เหม่งตุ๊ก
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 28 ก.ย. 2007
ตอบ: 26
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี
|
ตอบเมื่อ:
19 พ.ย.2007, 7:16 pm |
  |
เมื่อเราเหนื่อยเราท้อจงดูคนที่เขาลำบากกว่าเราเพื่อนำมาเป็นกำลังใจ...  |
|
|
|
  |
 |
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065
|
ตอบเมื่อ:
20 พ.ย.2007, 7:01 am |
  |
ขอต้อนรับ คุณธรรมรักษา สู่ลานธรรมจักรแห่งนี้ด้วยนะค่ะ
ใช้ชื่อว่า ธรรมรักษา (ชื่อเป็นมงคลมาก)
ขอให้ธรรมอันประเสริฐจงรักษาคุ้มครองคุณด้วยนะค่ะ
การใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่ง่ายเลยจริงๆ ต้องเจอะเจอปัญหาต่างๆ มากมายกันทุกๆ คน (ไม่มียกเว้น) เราจึงต้องใช้อาศัยธรรมรักษาตัวเรา ทั้งความอดทน ความเมตตา การให้อภัย การยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น และปล่อยวางในเรื่องต่างๆ อย่างสงบเย็น อย่างไรก็ตาม ขอเป็นกำลังใจให้คุณก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างสงบเย็นและมีความสุขนะค่ะ
 |
|
_________________ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว |
|
    |
 |
น้ำใส
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 31 พ.ค. 2004
ตอบ: 53
|
ตอบเมื่อ:
20 พ.ย.2007, 8:28 am |
  |
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด นึกเสียว่าวันนี้อาจเป็นวันสุดท้าย ของชีวิตก็ได้
ดังนั้น ความดีอะไรที่เราคิดว่าจะทำ แต่ยังไม่ได้ทำ ให้รีบทำเสียในวันนี้
อย่า...รอ....ถึง....พรุ่ง....นี้....เลย.....
 |
|
|
|
  |
 |
บัว
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 28 ต.ค. 2007
ตอบ: 33
|
ตอบเมื่อ:
28 พ.ย.2007, 9:02 am |
  |
เขาอาจจะไม่ชอบเวลานั้นหรือมีกิจธุระที่ทำเวลาอื่นไม่ได้เหมือนกันค่ะ ก็คงต้องทำใจ และทำงานต่อไปค่ะ ถ้ามันดึกและอันตรายก็มาที่ทำงานเร็วๆ แล้วหาหนังสือมาอ่าน ถ้าเวลาไม่ได้จริงๆ ก็ลองหางานใหม่ดูค่ะ เลือกที่ที่ไม่เปลี่ยว และสภาพแวดล้อมเหมาะสมไม่ว่าจะคนหรือสถานที่ค่ะ โชคดีค่ะ |
|
_________________ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทางแห่งความสำเร็จ ขยัน อดทน ไม่ประมาท มีน้ำใจ |
|
    |
 |
บัวหิมะ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
|
ตอบเมื่อ:
14 ส.ค. 2008, 11:18 pm |
  |
จงอดทน ยิ้มรับ กับทุกสิ่ง
รับความจริง ความเท็จ อย่าเข็ดหนา
อะไรเกิด ก็ต้องเกิด เปิดอุรา
เป็นบทเรียน ศึกษา ทุกท่าที
โบราณท่าน สมมุติ มนุษย์โลก
มีสุขโศก เกิดดับ สลับสี
ตราบเมื่อถึง วันวาย ตายชีวี
จึงไม่มี สุขโศก วิโยคเอย
บทกลอนบางส่วน โดย ท่านจันทร์
เป็นกำลังใจ ค่ะ เข้าใจความรู้สึกนี้ดีค่ะ
เคยได้ยินไหม ทุกข์ได้ แต่อย่าท้อ
จงน้อมรับพระธรรมเป็นที่พึ่งเถิด สาธุ
 |
|
_________________ ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ |
|
  |
 |
taparuk
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 14 ส.ค. 2008
ตอบ: 4
ที่อยู่ (จังหวัด): เชียงราย
|
ตอบเมื่อ:
14 ส.ค. 2008, 11:27 pm |
  |
อุเบกขา ไม่รู้จึงเป็นทุกข์รู้แล้วจะเข้าใจ หากใจสบายทุกอย่างไม่ว่ายากหากไม่สงบรู้ว่าต้องทุกข์ อุเบกขา.......... |
|
_________________ เกิดดีมีทรัพย์คือผู้มีบุญ |
|
  |
 |
|