ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
I am
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ย. 2007, 8:33 am |
  |
พุทธศาสนาสอนหลักข้อเท็จจริงส่วนหนึ่ง ซึ่งมีในคำสอนของพระองค์ที่ว่าให้เชื่อกรรมเชื่อผลของกรรมบุคคลผู้ทำกรรมดีไม่ว่าจะเป็นทางกายทางวาจาและทางใจก็ตาม ย่อมได้รับผลดีมีความสุขด้วยกรรมนั้น
ตรงกันข้ามบุคคลผู้ทำกรรมชั่วไม่ว่าทางกายทางวาจาและทางใจก็ตาม ย่อมได้รับผลชั่วมีความทุกข์ด้วยกรรมนั้น หาได้มีบุคคลอื่นมาประสิทธิ์ประสาทให้ไม่ ผู้ที่เชื่อในใจของตนด้วยการปฏิบัติจนเห็นผลด้วยตนเองแล้ว ได้ชื่อว่าพระพุทธศาสนาคำสอนของพระพุทธเจ้าหยั่งลึกลงไปในน้ำใจของผู้นั้นแล้ว
ผู้นั้นได้เป็นพุทธศาสนิกชนโดยแท้จริง ความเชื่อ (คือน้ำใจ) ของบุคคลนั้นไม่ต้องพูดถึงจะไปกระชากเอาออกมาแม้แต่จะมองของกันก็ไม่สามารถเห็นได้ แล้วใครเล่าจะมาลบล้างความเชื่อของเขาให้สูญสิ้นไปจากใจได้เล่า
บางทีคำสอนและระเบียบแนวปฏิบัติของศาสนาและลัทธิอันไร้สาระและตรงกันข้ามกับความเชื่อมั่นของเขาที่เขาเชื่ออยู่แล้วนั้น เมื่อเขาได้ยิน ได้เห็นเข้าแล้ว เขาอาจทำความมั่นในความเชื่อของเขาให้ทวีขึ้นอีกเสียซ้ำไป “ของไม่ดีไม่มีสาระย่อมเป็นเครื่องสนับสนุนผู้ที่เจอของดีมีสาระแล้วให้มั่นใจในความดีของเขายิ่งขึ้นไปอีก”
ฉะนั้น ผู้ที่เชื่อมั่นใจในพุทธศาสนาคำสอนของพระพุทธเจ้าจนถึงข้อเท็จจริงแล้ว จึงไม่มีความหวั่นเกรงว่าใครและลัทธิอะไรก็ตาม จะมาทำลายพระพุทธศาสนาของตนให้เสื่อมสูญลงไปได้
ที่พากันกลัวว่าลัทธิการเมืองบางลัทธิไม่ให้มีศาสนานั้น เพราะเขาผู้นั้นไม่เข้าใจหลักของพระพุทธศาสนา แล้วปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ยังเข้าไม่ถึง เห็นพระพุทธศาสนาเพียงตื้นๆ เผินๆ ยึดเอาวัดเอาโบสถ์เอาวิหาร แม้แต่พระภิกษุสามเณรที่ประพฤติตนเลวๆ ว่าเป็นศาสนา
เมื่อสิ่งเหล่านั้นเสื่อมสลายหรือบุคคลเหล่านั้นทำตนเป็นคนเหลวๆ ก็หาว่าศาสนาเสื่อมสูญเสียแล้ว แท้จริงสิ่งเหล่านั้นมิใช่ศาสนา เป็นแต่สัญลักษณ์ของพุทธศาสนาเท่านั้น
พุทธศาสนาก็แปลว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าบ่งชัดอยู่แล้ว พุทธบริษัทหรือพุทธสาวกก็แปลว่าผู้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า เข้าใจแล้วและเสื่อมใสแล้วยอมปฏิบัติตาม พระสมณโคดมก็เป็นผู้ตรัสรู้สัจธรรมของจริง แล้วนำเอาธรรมของจริงนั้นมาบอกสอนคนอื่น คำสอนของพระองค์นั้นต่างหากคือพระพุทธศาสนา
ถ้าหากสิ่งเหล่านั้นหรือท่านเหล่านั้นเป็นศาสนาแล้ว วัดและสิ่งเหล่านั้นตลอดถึงท่านเหล่านั้นนิพพานหรือตายไปแล้วศาสนาก็มิเสื่อมสูญไปหมดหรือ แต่นี่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่
วัดเชตวันที่พระองค์ประทับตรัสเทศนาก็ดี พระพุทธองค์ก็ดี พระอสีติมหาสาวกก็ดี อนาถบิณฑิกมหาอุบาสกก็ดี นางวิสาขามหาอุบาสิกาก็ดี สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นสลายไปแล้ว
แม้พระพุทธองค์ผู้ทรงเป็นพระบรมครู พร้อมทั้งพระสาวกและอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายดังกล่าว แล้วนิพพานและถึงแก่อนิจกรรมไปแล้วก็ตาม แต่พุทธศาสนาคำสอนของพระองค์ก็ตั้งมั่นอยู่ในใจของพุทธบริษัทจนตราบเท่าทุกวันนี้
หาได้เสื่อมสูญสิ้นไปแต่อย่างไรไม่ พระพุทธองค์ตรัสว่า
“เราตถาคตเป็นแต่ผู้บอกผู้สอนเท่านั้น
ท่านทั้งหลายฟังแล้วปฏิบัติตามคำสอนของเรา
ก็จักพ้นทุกข์ได้ด้วยตนเอง”
ดังนี้ ก็แสดงว่าพุทธศาสนาคือคำสอนของพระองค์นั้นต่างหาก มิใช่ตัวของพระองค์เป็นศาสนา พระพุทธองค์เป็นแต่ผู้นำเอาความรู้ที่ได้ทรงรู้เองและเห็นในสัจธรรมนั้นออกมาสอนแก่ผู้อื่น เรียกว่า “พระบรมครู”
: ศาสนาเสื่อมได้อย่างไร (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
http://www.thewayofdhamma.org/page2/2_9se.html
 |
|
_________________ ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก |
|
     |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ย. 2007, 11:44 am |
  |
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณ I am
ธรรมะสวัสดีค่ะ
 |
|
|
|
   |
 |
|