ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
05 ก.ย. 2007, 2:14 pm |
  |
หมอเต็มศักดิ์ได้รับเลือกเป็นอาจารย์แพทย์ดีเด่นของมหาวิทยาลัย
นับเป็นเกียรติประวัติที่น่าภาคภูมิใจ แต่เขาไม่รู้สึกยินดีเอาเสียเลย
เพราะกำลังประสบปัญหารุมเร้าหลายอย่าง
ทั้งในครอบครัวและที่ทำงาน
เกิดความท้อแท้เหนื่อยหน่ายเป็นกำลัง จนต้องขอพักงาน
เป็นเพราะต้องไปปรากฏตัวในงานแสดงมุทิตาจิต
ที่โรงพยาบาลจัดให้เขา หมอเต็มศักดิ์จึงแวะไปที่โรงพยาบาล
หลังจากลางานไปแล้วนับสิบวัน
แห่งแรกที่เขาเข้าไปก็คือ ตึกผู้ป่วยหญิงเพื่อเยี่ยมคนไข้มะเร็งผู้หนึ่ง
ที่เขาเคยรักษาก่อนพักงาน
เมื่อเขาเข้าไปในห้องผู้ป่วยคนนั้น ภาพที่ได้เห็นสะกดเขาจนแน่นิ่ง
หญิงสาวกำลังนอนอย่างสงบ ข้างเตียงคือ แม่ของเธอ
สองแม่ลูกกุมมือและสบตากันอย่างเงียบๆ
ไม่มีถ้อยคำใดเอื้อนเอ่ยออกมา
ในห้วงยามอันสงบนั้น เขารู้สึกถึงความรักและความเอื้ออาทร
ที่แม่ลูกสื่อถึงกันอย่างเต็มเปี่ยม
ในยามนั้นไม่ปรากฏร่องรอยแห่งความเจ็บปวดทุรนทุราย
ราวกับถูกสยบเอาไว้ให้แน่นิ่ง
ผู้ป่วยกำลังอยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิต
แต่หมอเต็มศักดิ์ได้ประจักษ์แก่ใจว่า
เธอหาได้ต้องการความช่วยเหลือใดๆ จากเขาหรือหมอคนใดไม่
เธอไม่ต้องการยาหรือเคมีบำบัดใดๆ
อย่างเดียวที่เธอปรารถนาคือ ความรัก
เพียงความรักจากใจของแม่หรือคนใกล้ชิด ก็พอแล้วสำหรับเธอ
แม้แต่ถ้อยคำก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นด้วยซ้ำ
อาการนิ่งสงบของสองแม่ลูก
ได้สะกดความวุ่นวายสับสนในใจของหมอเต็มศักดิ์
ที่ยืดเยื้อมานานหลายอาทิตย์ ให้สงบลงไปด้วย
เขาได้ตระหนักว่า ถึงที่สุดแล้วคนเราก็ไม่ได้ต้องการอะไร
มากไปกว่าความรักและความเอื้ออาทรจากคนใกล้ชิด
ยิ่งในวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยแล้ว
อะไรเล่าที่จะสำคัญไปกว่าสายตา
และสัมผัสที่เปี่ยมด้วยความรักจากคนรู้ใจ
จิตใจที่เคยหนักอึ้งด้วยความทุกข์กลับโปร่งเบาขึ้นมาทันที
ไม่ใช่เพียงเพราะว่า ความทุกข์ของเขานั้น
เทียบไม่ได้กับความทุกข์ที่สองแม่ลูกกำลังเผชิญ
หากยังเป็นเพราะเขามาได้คิดว่า
สิ่งที่ทำให้เขาทุกข์นั้น ไม่ใช่สิ่งที่เป็นสาระสำคัญสำหรับชีวิตเลย
ชื่อเสียง ความสำเร็จ หน้าตา เงินทอง และอะไรต่ออะไรอีกมากมาย
หาใช่สิ่งที่คนเราต้องการในส่วนลึกของจิตใจไม่
โดยเฉพาะเมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง
สิ่งเหล่านี้ไม่มีความหมายอะไรเลย
ถึงที่สุดแล้วเราก็ต้องการเพียงแค่ความรัก
ความเห็นอกเห็นใจ จากคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
จะว่าไปแล้วนี้คือ บทเรียนสำคัญของชีวิตที่น้อยคนจะตระหนัก
สิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตมักเป็นเรื่องพื้นๆ สามัญจนดูเหมือนไม่มีค่า
ผู้คนส่วนใหญ่จึงมองข้ามไป
กลับไปให้ความสำคัญกับสิ่งอื่นที่หวือหวาน่าตื่นตาตื่นใจ
น้ำ และอากาศ นั้นเป็นสิ่งสามัญที่ทุกชีวิตขาดไม่ได้
แต่ใครบ้างที่เห็นค่า ต่อเมื่อปล่อยปละละเลยจนน้ำขาดแคลน
อากาศเป็นพิษ เราถึงมาเห็นคุณค่า
ความรักและความเอื้ออาทรก็เช่นกัน ไม่มีชีวิตใดที่ขาดสิ่งนี้ไปได้
แต่เป็นเพราะได้รับจากคนรอบตัวมาตั้งแต่เล็ก
เราถึงเห็นเป็นเรื่องธรรมดาที่ไร้ความสำคัญ
ร้ายกว่านั้นก็คือ ไม่สนใจทะนุถนอมความรักที่ได้มา
และไม่คิดจะเพิ่มพูนให้มากขึ้น
ตรงกันข้ามกลับบั่นทอนทำลายด้วยการแย่งชิงแข่งขัน
ทะเลาะวิวาท หรือฉวยประโยชน์จากกันและกัน
เพราะเห็นสิ่งอื่นสำคัญกว่า
ผลก็คือ เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง
จึงไม่มีต้นทุนความรักหลงเหลือที่จะหล่อเลี้ยงจิตใจ
กลับต้องอยู่และจากไปอย่างอ้างว้างและแห้งผาก
คงไม่มีอะไรที่น่าเศร้าเท่ากับการแวดล้อม
ด้วยผู้คนแต่ไร้ความรักให้สัมผัส
ทุกความรักที่ได้รับล้วนมีค่า จึงควรรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณ
ขณะเดียวกันก็อย่าลืมทะนุถนอม
และบ่มเพาะความรักนั้น ให้เจริญงอกงาม
ไม่ใช่ในใจของเราเท่านั้น แต่ในใจของผู้ที่ให้ความรักแก่เรา
ด้วยการมีน้ำใจให้เขา ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ และทำความดีตอบแทน
ที่ขาดไม่ได้คือ การให้อภัยและความอดทนอดกลั้น
ตระเตรียมความรักเป็นทุน
ถนอมรักษ์สัมพันธภาพอันงดงามไว้ให้ยั่งยืน
แล้วความรักจักเกื้อหนุนให้เราผ่านวิกฤตไปได้ด้วยดี
คัดลอกจาก
http://www.budpage.com/ba171.shtml
 |
|
|
|
   |
 |
กุหลาบสีชา
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
05 ก.ย. 2007, 3:29 pm |
  |
ความรัก ความเมตตาค้ำจุนโลก
อนุโมทนาสาธุด้วยนะคะ...คุณลูกโป่ง  |
|
|
|
    |
 |
I am
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
|
ตอบเมื่อ:
06 ก.ย. 2007, 8:33 am |
  |
 |
|
_________________ ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก |
|
     |
 |
|