Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 “พระพุทธเจ้าเข้านิพพาน” อันซีนฯ เมืองสองแคว อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 24 ส.ค. 2007, 7:10 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
พระพุทธเจ้าเข้านิพพานที่ประดิษฐานในวิหารแกลบ วัดใหญ่


“พระพุทธเจ้าเข้านิพพาน” อันซีนฯ เมืองสองแคว

หากเอ่ยถึง “พระพุทธชินราช” เชื่อว่าพุทธศาสนิกชนคนไทยคงรู้จักกันดีถึงความงดงามและความศักดิ์สิทธิ์ โดยพระพุทธชินราชนั้นประดิษฐานอยู่ที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ วัดใหญ่ แห่งเมืองสองแคว อ.เมือง จ.พิษณุโลก

นอกจากพระพุทธชินราชแล้ว ที่วัดใหญ่ยังมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ

ปรางค์พระศรีมหาธาตุ ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่น มีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ภายใน

พระอัฏฐารส ที่เป็นพระปางประทับยืนยกพระหัตถ์ขวา สูง 9 เมตร ที่ยืนประทับกลางแจ้งแบบสงบนิ่ง

พระเหลือ ที่เป็นทองสัมฤทธิ์ที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดย่อม

และนอกจากพระพุทธชินราชและสิ่งที่น่าสนใจที่กล่าวมา ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ วัดใหญ่ ยังมีพระพุทธรูปที่น่าสนใจอีกหนึ่งองค์ ที่คนทั่วไปมักจะไม่ค่อยรู้ นั่นก็คือ “พระพุทธรูปปางพระพุทธเจ้าเข้านิพพาน” หรือ “พระพุทธเจ้าเข้านิพพาน” ซึ่งนับเป็นสิ่งที่น่าสนใจในระดับอันซีนฯ แห่งเมืองสองแคว จ.พิษณุโลก

พระพุทธเจ้าเข้านิพพาน ประดิษฐานอยู่ในวิหารพระพุทธเจ้าเข้านิพพาน หรือ วิหารหลวงสามพี่น้อง หรือ วิหารแกลบ ซึ่งความเป็นมาของพระพุทธเจ้าเข้านิพพานนั้นในตำนานได้กล่าวไว้ว่า...เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล ในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 (วันวิสาขบูชา) ก่อนที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ได้แสดงปัจฉิมโอวาทแก่พระอานนท์และพระภิกษุทั้งมวล และได้ทรงตั้งอธิษฐานก่อนปรินิพพานว่า เพลิงที่จะเผาพระพุทธสรีระจะติดก็ต่อเมื่อพระอริยกัสสปะ (พระสาวกอาวุโส) ได้เสด็จมาเคารพพระบรมศพเสียก่อน

ขณะนั้นพระอริยกัสสปะพร้อมบริวารได้บำเพ็ญศีลอยู่ ณ นครปาวาย ได้พบอาชีวกผู้หนึ่งถือดอกมณฑารพ ซึ่งเป็นดอกไม้ที่เทพยาดาโปรยปรายจากสวรรค์เพื่อเป็นเครื่องสักการบูชาพระบรมศพของพระพุทธองค์ ก็ทราบทันทีว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว

เหล่าพระอริยกัสสปะจึงรีบตรงไปยังสถานที่ปรินิพพาน พอไปถึงก็ถวายความเคารพพระบรมศพ ซึ่งหลังถวายความเคารพพระยุคลบาทก็ทะลุหีบแก้วออกมารองรับความเคารพอย่างน่าอัศจรรย์ และจากนั้นเพลิงที่เผาพระพุทธสรีระก็ติดขึ้นเอง...


สำหรับ “พระพุทธรูปปางพระพุทธเจ้าเข้านิพพาน” ที่วิหารพระพุทธเจ้าเข้านิพพานถือเป็นการจำลองสังเวชนียสถานของพระพุทธเจ้า และนับเป็นโบราณวัตถุสำคัญชิ้นหนึ่ง ซึ่งคาดว่าในเมืองไทยมีที่วัดใหญ่ที่เดียว โดยพระพุทธเจ้าเข้านิพพาน มีลักษณะเป็นหีบบรรจุพระศพสีทองเหลืองอร่าม ตั้งอยู่บนฐานที่ลงรักปิดทองและประดับประดาลวดลายกระจกอย่างสวยงาม โดยที่ปลายด้านหนึ่งมีพระบาท 2 ข้างยื่นออกมา ส่วนที่ด้านหน้าและด้านท้ายหีบศพมี พระมหากัสปะเถระ นั่งนมัสการพระบรมศพอยู่ และพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประทับอยู่ด้านหลัง นับว่าเป็นพระพุทธรูปปางที่น่าอัศจรรย์ไม่น้อย

เชื่อกันว่าหากพุทธศาสนิกชนคนใด ต้องการผลสำเร็จในสิ่งที่ตนปรารถนา ก็ให้กราบไปที่หีบศพและอธิษฐานก็จะได้สิ่งที่ตนปรารถนา

ใครที่เดินทางไปสักการะพระพุทธชินราช หากเวลาเหลือก็น่าที่จะลองเดินไปสักการะ รวมถึงชมความน่าอัศจรรย์ และความสวยงามของพระพุทธเจ้าเข้านิพพานที่วิหารแกลบดู


โดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 มีนาคม 2548 17:02 น.
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 24 ส.ค. 2007, 7:31 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระเหลือ หรือ “หลวงพ่อเหลือ” หรือ “พระเสสันตปฏิมากร”
พระประธานในพระวิหารพระเหลือ หรือพระวิหารหลวงพ่อเหลือ
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.พิษณุโลก

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19715

เทียน พระพุทธชินราช พระประธานในพระวิหารใหญ่
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.พิษณุโลก

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19299

~ พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=24657
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง