Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
วันอาสาฬหบูชา-วันเข้าพรรษา (เสฐียรพงษ์ วรรณปก)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
พิธีกรรมทางศาสนา
ผู้ตั้ง
ข้อความ
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993
ตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2007, 2:11 pm
วันอาสาฬหบูชา-วันเข้าพรรษา
โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
เลยวันอาสาฬหบูชามาแล้ว แต่อยู่ในระหว่างพระเข้าพรรษา จึงขอพูดถึงวันทั้งสองนี้ เพื่อความสุขใจส่วนตัว
อาสาฬหบูชา
(อ่าน อาสานหะบูชา) คือ การบูชาในวันที่พระจันทร์เสวยฤกษ์อาสาฬหะหรือวันเพ็ญเดือน 8 (ถ้าปีไหนมีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปเป็นเดือนแปดหลัง)
วันอาสาฬหบูชา
นี้เป็น น้องใหม่ ในจำนวนวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาทั้งสาม เพิ่งประกาศใช้ในรัชกาลปัจจุบัน เมื่อ พ.ศ.2501 วันที่เก่าแก่ที่สุดคือ
วันวิสาขบูชา
มีมาตั้งแต่สมัยไหนก็ไม่รู้ สันนิษฐานกันว่าตั้งแต่พระพุทธศาสนาเข้ามายังเมืองไทยโน่นแหละ สมัยสุโขทัยก็มีพูดถึงการเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชา มาขาดตอนเอาในสมัยอยุธยาตอนปลาย และต้นรัตนโกสินทร์ มาฟื้นฟูใหม่เมื่อรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เหตุการณ์ที่ทำให้วันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญ คือ
1. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา คือ แสดงธรรมครั้งแรก มีชื่อว่า
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
2. เป็นวันที่พระอัญญาโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม แล้วทูลขอบวชด้วยวิธี
เอหิภิกขุอุปสัมปทา
(พระพุทธเจ้าทรงบวชให้เอง) เกิดพระอริยสงฆ์องค์แรกในโลก
3. เป็นวันที่พระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก (ก่อนหน้านี้มีเพียงพระพุทธและพระธรรมเท่านั้น)
4. วันนั้นเป็นวันที่พระจันทร์เสวยอาสาฬหฤกษ์ (คือ วันเพ็ญเดือน 8)
รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งคือ วันแรม 1 ค่ำเดือน 8 เป็น
วันเข้าพรรษา
พระสงฆ์จะต้องอธิษฐานจิตว่าอยู่ประจำในที่ใดที่หนึ่งตลอดเวลา 3 เดือน โดยไม่ไปแรมคืนที่ไหน (ยกเว้นกรณีจำเป็น ไปได้และต้องกลับมาภายใน 7 วัน)
วันเข้าพรรษากำหนดไว้ 2 ระยะ หรือพูดอีกนัยหนึ่ง วันเข้าพรรษามี 2 ช่วง คือ
1. วันเข้าพรรษาแรก (ปุริมพรรษา) ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8
2. วันเข้าพรรษาหลัง (ปัจฉิมพรรษา) ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 9
สถานที่สำหรับจำพรรษานั้น พระพุทธเจ้าทรงกำหนดไว้ว่า จะต้องเป็นสถานที่ที่เหมาะสม
มิใช่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ได้ตามชอบใจ สถานที่จะต้องเป็น
1. เสนาสนะที่มุงบังมิดชิด
2. เสนาสนะที่มีบานประตูปิด-เปิดได้
3. ไม่ใช่ในร่ม (เช่น กลดพระธุดงค์) ตุ่มน้ำ โพรงไม้
4. เป็นสถานที่เดียวตลอด 3 เดือน ไม่ใช่หลายสถานที่
การอธิษฐานเข้าพรรษา ทำเป็นพิธีตามที่ทรงอนุญาตไว้ให้เป็นแบบปฏิบัติ คือ เมื่อเลือกสถานที่ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามพระวินัยบัญญัติแล้ว ก็ตั้งจิตอธิษฐานว่า อิมัสมิง อาวาเส อิมัง เตมาสัง วัสสัง อุเปมิ ข้าพเจ้าเข้าจำพรรษาในอาวาสนี้ ตลอด 3 เดือน
ขณะจำพรรษาอยู่นั้น จะไปค้างคืนที่ไหนไม่ได้จริงหรือไม่ นี้คือคำถามที่คนห่างวัดถามกัน บางท่านเข้าใจว่า เวลาเข้าพรรษา พระจะต้องอยู่เฉพาะในกุฏิเท่านั้น เสมือน กบจำศีล ไม่ไปไหน ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด
ความจริงในระหว่างพรรษา พระจะไปไหนก็ได้ จะไปค้างที่อื่นก็ได้ แต่จะต้องกลับมาทัน รับอรุณ คือ กลับมายังที่อยู่ก่อนเวลาอรุณขึ้น
เช่น พระ ก. จำพรรษาอยู่วัดโคกขี้แร้ง มีความจำเป็นบางอย่าง จะไปพักแรมอยู่ที่วัดโคกขี้กาจนถึงเวลาประมาณตีห้า แล้วรีบกลับมาที่วัดโคกขี้แร้งก่อนอรุณขึ้น อย่างนี้ได้ครับ
หรือถ้ามีความจำเป็นจริงๆ จะต้องไปค้างแรมที่อื่นหลายวัน พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ไปได้ แต่ไม่เกิน 7 วัน
การไปด้วยกรณีที่จำเป็นนี้เรียกว่า สัตตาหกรณียะ (ไปทำกิจที่จำเป็นตลอด 7 วัน)
กิจที่จำเป็นที่ว่านี้มี 4 ประการ คือ
1. เพื่อนสหธัมมิก (เพื่อนพระด้วยกัน) หรือบิดามารดาป่วย ไปเพื่อพยาบาล
2. เพื่อนสหธัมมิกกระสัน (คือ อยากลาสิกขา) ไปเพื่อระงับมิให้สึก ชี้แจงให้กลับใจ มีอุตสาหะประพฤติพรหมจรรย์ต่อไป
3. ไปกิจการของสงฆ์ เช่น ไปหาอุปกรณ์มาซ่อมแซมกุฏิวิหารที่ชำรุด
4. ทายกนิมนต์ไปเทศนาสั่งสอน หรือไปบำเพ็ญกุศล
เมื่อพระภิกษุจำพรรษาครบ 3 เดือนแล้ว ย่อมได้ อานิสงส์ ตามพระวินัย (คือ ได้รับยกเว้นไม่ต้องรักษาวินัยบางข้อ) 5 ประการ คือ
1. จาริกไปที่อื่นได้โดยไม่ต้องบอกลาเพื่อนสหธัมมิกด้วยกัน ข้อนี้เป็นข้อยกเว้นพิเศษ เพราะตามปกติพระภิกษุจะไปที่อื่น จะต้องบอกลาเพื่อนพระด้วยกัน ถ้าไปไหนไม่ได้บอกลาใครไม่ได้ ปรับอาบัติ (มีความผิดตามพระวินัย)
2. จาริกไปที่อื่นได้โดยไม่ต้องนำผ้าไตรไปครบชุด มีพระวินัยบัญญัติข้อหนึ่งว่า พระภิกษุจะต้องนำผ้าไตรไปครบชุด หาไม่จะถูกปรับอาบัติ
3. ฉันอาหารเป็นหมู่คณะและฉันพร่ำเพรื่อ (ในเวลา) ได้ ซึ่งตามปกติห้ามทำอย่างนี้
4. เก็บอดิเรกจีวรไว้ได้ตามต้องการ คือ พระภิกษุสามารถเก็บผ้าจีวรนอกจากผ้าไตรได้
5. มีส่วนได้ อดิเรกลาภ (ลาภพิเศษ) ที่เกิดขึ้นในวัดนั้น
อานิสงส์เหล่านี้ พระภิกษุที่อยู่จำพรรษาแล้ว มีสิทธิได้รับตั้งแต่วันแรกที่ออกพรรษาเป็นเวลา 1 เดือน และถ้าได้รับกฐินแล้ว ยืดเวลาไปอีก 4 เดือน
ในเทศกาลเข้าพรรษา นอกจากจะมีการทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารและไทยธรรม ดอกไม้พุ่ม ผ้าจำนำพรรษาแล้ว ก่อนวันเข้าพรรษายังมีการถวายเทียนพรรษาอีกด้วย บางแห่งก็ทำกันเอิกเกริกมโหฬาร อย่างเช่นในจังหวัดอุบลราชธานี มีประเพณีแห่เทียนพรรษากันยิ่งใหญ่และงดงามที่สุดทุกปี ปัจจุบันประเพณีแห่เทียนของจังหวัดอุบลราชธานีได้พัฒนาไปมาก มีต้นเทียนประเภทแกะสลัก และประเภทติดพิมพ์ ประกวดประขันกัน จัดรูปขบวนแห่ที่งดงามแปลกตา ดูเหมือนว่าพัฒนาถึงขั้นประกวดนางงามต้นเทียน หรืออะไรทำนองนั้นด้วย นับว่าสมสมัยดี (สมสมัยหรือเสื่อมสมัยก็ไม่รู้สิครับ)
ข้อคิดที่อยากฝากก็คือ การเข้าพรรษานี้ ไม่ได้มีมาตั้งแต่ต้น สมัยแรกๆ พระสงฆ์ท่านยังไม่ได้จำพรรษากัน ต่างก็สัญจรไปยังท้องที่ต่างๆ เพื่อเผยแพร่พระศาสนา สาเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติให้มีการจำพรรษา เนื่องมาจากชาวบ้านพากันติเตียนพระสงฆ์ว่า ในขณะที่พ่อค้าและนักบวชลัทธิอื่นพากันหยุดพักในฤดูฝน พระสมณะศากยบุตร (สาวกของพระพุทธเจ้า) กลับท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ตามอำเภอใจ เหยียบย่ำติณชาติและข้าวกล้าชาวบ้านให้เสียหาย ดูไม่เหมาะสมสำหรับสมณะเลย
พระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่อง จึงทรงวางระเบียบให้เหล่าสาวกของพระองค์อยู่จำพรรษา ณ ที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลา 3 เดือนในฤดูฝน ดังกล่าวมาข้างต้น
ถึงเทศกาลพรรษา มีธรรมเนียมอย่างหนึ่งสำหรับชาวบ้านที่เป็น ปีศาจสุรา ท่านเหล่านี้จะนัดกันหยุดดื่มสุราเมรัยตลอดเวลา 3 เดือน บางท่านยืมคำพระมาใช้เลยก็มี
ไม่ดื่มบ้างหรือครับ เสียงใครคนหนึ่งถามเพื่อนอีกคน
ไม่ครับ ผมเข้าพรรษา คนถูกถามตอบอย่างสงบ
จะเห็นได้ว่า พิธีเข้าพรรษาของพระ ฆราวาสก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ซึ่งเป็นเรื่องดี น่าสรรเสริญ และจะดีกว่านี้ ถ้าดื่มในฤดูเข้าพรรษา 3 เดือน แต่หยุดดื่ม 9 เดือน นอกเทศกาลพรรษา คุณว่าไหม
หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน หน้า 6
คอลัมน์ รื่นร่มรมเยศ โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
วันที่ 05 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10739
ฌาณ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
ตอบเมื่อ: 18 ก.ย. 2008, 9:48 pm
_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
พิธีกรรมทางศาสนา
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th