Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 จตุคามรามเทพ “พระแท้หรือเทียม” (ส.ชิโนรส) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2007, 12:37 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

จตุคามรามเทพ “พระแท้หรือเทียม”
โดย ส.ชิโนรส ป.ธ.9 วัดป่าปลักประดู่ จ.ราชบุรี



กระแสการคลั่งไคล้และหลงใหล “จตุคามรามเทพ” ของชาวพุทธปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่า สังคมไทยกำลังจมปลักอยู่ภายใต้กระแสวัตถุนิยมอย่างรุนแรงจนยากที่จะเยียวยา

“วัตถุนิยม” คือ มรดกบาปของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์แบบวัตถุนิยม ซึ่งเชื่อมั่นกันอย่างจริงจังว่า ชีวิตและจิตใจทั้งผองของมนุษย์เป็นเพียงแค่ “วัตถุ” หรือสรณะอันสูงสุดที่มนุษย์ต้องไขว่คว้าและแย่งชิงเพื่อให้ได้และครอบครองคือ “ความมั่งคั่ง ร่ำรวย และแข็งแกร่ง”

ส่วนจิตใจหรือคุณธรรม ถือเป็นสิ่งที่เหลวไหลและไร้ความหมายใดๆ ทั้งสิ้นต่อชีวิตมนุษย์ โลก และจักรวาล

เมื่อสังคมไทยหันเข้าสมาทาน “วัตถุนิยม” อย่างไม่ตั้งคำถามและสยบยอม แนวคิดวัตถุนิยมจึงไหลทะลักเข้าสู่จิตวิญญาณของคนไทยอย่างท่วมทับและท่วมท้น จนกระทั่งลามปามเข้าถึงวัด “วัตถุ” จึงถูกชาวพุทธนำมาเสกสรรปั้นแต่ง เพื่อให้กลายเป็นสิ่ง “ขลังศักดิ์สิทธิ์-นำโชค” หรือเรียกว่า “วัตถุมงคล”

“จตุคามรามเทพ” จึงกลายเป็นหนึ่งใน “วัตถุมงคล” อันเป็นที่นิยมแห่งยุค ที่ชาวพุทธทุ่มเทเสกสรรค์และบันดาลแต่ง ด้วยหวังว่า วิถีชีวิตของตนจะมั่งคั่ง ร่ำรวย และแคล้วคลาดจากภัยพิบัติทั้งปวงได้

แน่นอน หากการบูชา “จตุคามรามเทพ” ถูกนำไปใช้เพื่อเป็น “ตัวเกาะ” โน้มนำจิตใจเข้าสู่กระแสธรรม หรือรู้เท่าทันความจริงของชีวิตและจิตใจของตัวมนุษย์เอง จนกระทั่งหลุดพ้นจากการเป็นทาสของกิเลสและตัณหาทั้งปวง การบูชา “จตุคามรามเทพ” เช่นนี้ เป็นสิ่งที่พระศาสดาไม่เคยปฏิเสธและใช้อยู่บ่อยครั้ง

เห็นได้จาก พระองค์นำวัตถุต่างๆ ตามธรรมชาติมาเสกเป่าและมอบแก่พระ เพื่อให้ท่านเหล่านี้ ใช้เป็นแหล่งยึดเกาะและดีดตัวออกจากปวงทุกข์เป็นอิสระเบิกบานได้ชั่วนิรันดร์

เช่น พระหนุ่มสมองทึบรูปหนึ่งชื่อว่า “จูฬปันถก” ท่านพยายามท่องจำบทกวีธรรมะแค่ 1 บทถึง 4 เดือน แต่ก็มิอาจจำอะไรได้ พระพุทธองค์ จึงเสกผ้าขาวบริสุทธิ์ชิ้นหนึ่งแล้วมอบให้เป็นสื่อทำจิตใจให้สงบ เมื่อจูฬปันถกทำตามคำชี้แนะของพระองค์เท่านั้น จิตใจก็สงบนิ่งและดีดตัวออกจากกองทุกข์ได้

ส่วนพระอีกรูปหนึ่ง เป็นลูกชายนายช่างทอง ท่านได้ทุ่มเทปฏิบัติธรรมอย่างหามรุ่งหามค่ำ แต่ก็มิอาจประสบผลสำเร็จที่เลอเลิศแต่ประการใด พระศาสดาทรงทราบเข้า จึงเสกดอกบัวสีทองประทานมอบให้ พอท่านเพ่งภาวนาที่ดอกบัวสีทองเท่านั้น จิตใจของท่านก็สงบแน่วแน่ ดีดตัวเองออกจากกิเลสและตัณหาได้เหมือนกับจูฬปันถก

เราจะเห็นว่า การนำวัตถุตามธรรมชาติมาเสกสรรปั้นแต่งเป็น “วัตถุมงคล” ของพระศาสดา ก็เพื่อเป็น “ตัวเกาะ” ใหัคนเกิดสติและปัญญา รู้เท่าทันความจริงของชีวิตและจิตวิญญาณจนกระทั่งหลุดพ้นจากกิเลสและตัณหาทั้งปวงได้ เป็นอิสระเบิกบานชั่วฟ้าดินสลาย

Image

หากเราตระหนักถึงจุดหมายแท้ของการใช้ “วัตถุมงคล” อย่างพระพุทธองค์ พร้อมกับใช้ “จตุคามรามเทพ” ตามแบบอย่างพระศาสดา “จตุคามรามเทพ” ก็จะกลายเป็น “วัตถุมงคลชั้นเลิศ” ที่จะช่วยชักนำชีวิตชาวพุทธให้ดีดตัวออกจากปวงทุกข์ได้อย่างวิเศษและมหัศจรรย์ยิ่งนัก

แต่น่าเสียดาย กระแสการนิยม “จตุคามรามเทพ” ของชาวพุทธปัจจุบัน หาได้มีเครื่องบ่งชี้ว่า จะนำพาชีวิตชาวพุทธให้ก้าวขึ้นสู่ความดีงาม และเพิ่มพูนสติปัญญาให้อยู่เหนือความโลภ ความโกรธ และความหลงไม่

“จตุคามรามเทพ” กลับถูกใช้เพียงเพื่อธุรกิจการค้าเก็งกำไร และเพิ่มความเชื่อว่า “ขลัง-ศักดิ์สิทธิ์-นำโชค” เท่านั้นเอง นั่นก็หมายความว่า กระแสการนิยม “จตุคามรามเทพ” กำลังพอกพูนความโลภ ความโกรธ และความหลง ซึ่งชาวพุทธมีกันอยู่แล้วให้หนาเตอะมากยิ่งขึ้น

หากเป้าหมายและทิศทางการนิยม “จตุคามรามเทพ” ของชาวพุทธ ยังคงถูกขับเคลื่อนไปเช่นนี้อย่างต่อเนื่องและไหลลื่น วิถีชีวิตชาวพุทธ ยิ่งจะจมปลักอยู่ในหุบเหวแห่งความโง่เขลา ความยึดมั่นถือมั่น และความทะยานอยากมากขึ้นเป็นแน่แท้

กระแสการนิยม “จตุคามรามเทพ” ของชาวพุทธปัจจุบัน จึงกลายเป็น “ศรัทธาหัวเต๋า” หรือ “ศรัทธาที่ไร้ปัญญา” ซึ่งถือเป็นสิ่งที่องค์พุทธะเตือนให้ระวังอยู่เสมอ

เพราะจุดจบของศรัทธาชนิดนี้ คือ “การขุดหลุมฝั่งศพตัวเอง” นั่นเอง

เมื่อทิศทางการเห่อเหิม “จตุคามรามเทพ” ของชาวพุทธปัจจุบัน มิได้มีเป้าหมาย หรือทิศทางเพื่อยกตัวเองให้กลายเป็นพุทธะแท้ หรือ “ผู้รู้-ผู้ตื่น-ผู้เบิกบาน” เหมือนกับคำสอนของพระศาสดา แต่กลับสร้างความโง่งม ยึดมั่นถือมั่น และความทะยานยากแก่ผู้คนมากยิ่งขึ้น

“จตุคามรามเทพ” จึงมิอาจถือว่า “เป็นพระแท้ในดวงใจคน” หรือเป็นสรณะอันสูงสุดที่ชาวพุทธควรยึดถือหรือฝากตัวไว้อย่างสุดใจ เพราะ “จตุคามรามเทพ” ก็มิได้แตกต่างอะไรนักจากภูเขา ต้นไม้ สายน้ำ และมหาสมุทร ที่คนส่วนใหญ่ในสังคมอนารยะสมัยก่อน ยึดถือและบูชากันอย่างจริงจังว่า “เป็นพระเจ้า หรือที่พึ่งอันเกษมสูงสุด”

การนับถือที่พึ่งนอกตัวดังกล่าว องค์พุทธะปฏิเสธไว้ว่า “มิใช่ทางแท้ที่จะช่วยให้มนุษย์พ้นทุกข์ และพบสุขอันถาวรได้” เพราะพระองค์เคยตรัสว่า “ภูเขา ป่า ต้นไม้ อาราม และเจดีย์ มิใช่ที่พึ่งอันสูงสุด เพราะสิ่งเหล่านี้ มิอาจช่วยให้คนพ้นทุกข์ แต่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อริยสัจ 4 และมรรค 8 คือ ที่พึ่งอันสูงสุด เพราะช่วยให้คนอยู่เหนือกิเลสได้”

Image

หยุดเสียเถอะ !!! กับการคลั่งไคล้และหลงใหล “พระเทียม” อย่าง “จตุคามรามเทพ” เพราะ “วัตถุมงคลแท้แบบพุทธะ” หาใช่วัตถุนอกตัวที่ทำให้คนเห่อเหิมและลุ่มหลงอย่างบ้าคลั่งไม่ หรือหาใช่สินค้าที่ใช้เก็งกำไรทางธุรกิจไม่ แต่คือ “ธรรมะ” หรือ “ธรรมชาติแท้ของชีวิตและจิตใจ” ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในตัวมนุษย์แต่ละคนนั่นเอง หากชาวพุทธหันมาปลุกเสกและสวมใส่ “ธรรมะ” แม้เพียงแค่ข้อเดียวในแต่ละวัน ชีวิตจะกลายเป็นสิ่งที่ “ขลัง-ศักดิ์สิทธิ์-นำโชค” ได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาใครและไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว

เพียงแค่เรา ปลูกความรักและสงสารคนอื่น ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ทุจริตฉ้อโกง ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดยุแยงใส่ร้าย และไม่เสพสิ่งเสพติดมึนเมา ชีวิตเรา ครอบครัว และชุมชน จะมีแต่ความสุขและสงบสันติ พร้อมกับกลายเป็นฐานที่สำคัญต่อการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองได้อย่างวิเศษและน่ามหัศจรรย์

แต่หากชาวพุทธ ยังคงสยบยอมและหลงงมงายอยู่กับที่พึ่งภายนอกอย่าง “จตุคามรามเทพ” แสงธรรมอันถ่องแท้ภายในตัวชาวพุทธเอง คงจะไม่มีวันทอประกายได้เลย หนำซ้ำความก้าวหน้าทางสติและปัญญาเพื่อล่วงรู้ธรรมชาติแท้ภายในกายและใจของชาวพุทธเอง ก็จะหยุดชะงักลงและสูญสิ้นไปอย่างน่าเสียดาย

“อย่าหลงพระเทียม จนลืมพระแท้” กันอีกเลย


หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน หน้า 7
วันที่ 03 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10706
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2007, 12:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ปรากฏการณ์ “กระแสจตุคามฯ”
เงินสะพัดกว่า 40,000 ล้านบาท



กระแสความเลื่อมใสศรัทธาและความนิยมในจตุคามรามเทพ ในปัจจุบันยังคงแรงอย่างต่อเนื่องจากในช่วงปลายปี 2549 โดยปัจจุบันยังคงมีการสร้างจตุคามรามเทพรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และแต่ละรุ่นยังคงมีแรงศรัทธาในการจับจองเช่าบูชา

นับว่าปรากฏการณ์ของจตุคามรามเทพนี้นอกจากเข้ามาสร้างผลกระทบทำให้เม็ดเงินในวงการพระเครื่องและวัตถุมงคลเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ และยังสร้างเม็ดเงินกระจายในธุรกิจพระเครื่องวัตถุมงคลและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ตั้งแต่ธุรกิจการจัดสร้างไปจนถึงธุรกิจให้เช่าพระเครื่อง เท่ากับเป็นการสร้างรายได้อัดฉีดให้หลากหลายธุรกิจท่ามกลางกระแสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา และกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง

ปี 2550 เม็ดเงินสะพัด 40,000 ล้านบาท เงินสะพัดมากเป็นประวัติการณ์

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เคยคาดการณ์ว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในวงการพระเครื่องและธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพียง 22,000 ล้านบาท แต่จากกระแสความนิยมองค์จตุคามรามเทพ มีมากเกินความคาดหมาย ทำให้คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในวงการพระเครื่องและธุรกิจที่เกี่ยวข้องนั้นเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 40,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากประมาณการณ์เดิมร้อยละ 81.8 อันเป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

1. จำนวนผู้สร้างมากขึ้น ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีผู้สร้างองค์จตุคามรามเทพเพียง 50 รุ่น แต่ปัจจุบันมีผู้สร้างองค์จตุคามรามเทพแล้ว 300 รุ่น และคาดว่าตลอดปี 2550 จะมีการสร้างองค์จตุคามรามเทพรวมทั้งสิ้นประมาณ 650 รุ่น โดยมีผู้สนใจหลากหลายวงการเข้ามาเป็นนายทุนจัดสร้างองค์จตุคามรามเทพเป็นจำนวนมาก

2. จำนวนผู้ต้องการเช่าซื้อเพิ่มมากขึ้น ราคาเช่าองค์จตุคามรามเทพทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปั่นราคาเพื่อสร้างกำไร โดยการสร้างองค์จตุคามรามเทพบางรุ่นนั้นมีการปั่นราคากันตั้งแต่ใบจอง ทำให้การจัดสร้างองค์จตุคามรามเทพสามารถสร้างรายได้มหาศาล นับเป็นแรงจูงใจที่สำคัญให้มีการจัดสร้างเพิ่มขึ้นอย่างมากมายเป็นประวัติการณ์

3. ต้นทุนในการจัดสร้างมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในขั้นตอนการสร้าง ที่บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจค่าใช้จ่ายในช่วงต้นปี 2550 และกลางปี 2550 ค่าใช้จ่ายมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก นับว่าความต้องการสร้างองค์จตุคามรามเทพที่เพิ่มขึ้นและความต้องการที่จะสร้างให้ทันกับความต้องการของบรรดาผู้ที่ต้องการเช่าองค์จตุคามรามเทพ

Image

จตุคามรามเทพ : ศรัทธามาร์เก็ตติ้ง
หลากธุรกิจรับทรัพย์


องค์จตุคามรามเทพ นับว่าเป็นกรณีตัวอย่างที่ดีสำหรับความสำเร็จของการใช้กลยุทธ์การตลาดในข่ายศรัทธามาร์เก็ตติ้ง (Faith Marketing) โดยศรัทธามาร์เก็ตติ้ง เป็นกลยุทธ์การสร้างตลาดจากพลังแห่งความเชื่อ-ความศรัทธา หากมีสินค้าหรือบริการใดตอบสนองความต้องการได้ก็จะตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก โดยไม่มีข้อจำกัดด้วยภาวะเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้น สินค้าหรือบริการที่อยู่ในข่ายศรัทธามาร์เก็ตติ้งนั้นเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างเม็ดเงินได้เป็นกอบเป็นกำสำหรับผู้ทำธุรกิจต่อเนื่อง

เมื่อพิจารณาปัจจัยหลักสำคัญอันจะนำไปสู่ความสำเร็จของสินค้าและบริการที่อยู่ในข่ายศรัทธามาร์เก็ตติ้งแล้ว จตุคามรามเทพนั้นมีอยู่อย่างครบถ้วน ดังนี้

1. ตัวสินค้าและบริการโดนใจผู้บริโภค ปัจจุบันผู้บริโภคซื้อสินค้าด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล กอปรกับสภาวะจิตใจที่ต้องการเครื่องยึดเหนี่ยว ซึ่งองค์จตุคามรามเทพนั้นมีความโดดเด่นอย่างครบถ้วน กล่าวคือ “พิธีดี ชื่อรุ่นโดนใจ พิมพ์สวย” นอกจากนี้ผู้ที่แขวนองค์จตุคามรามเทพนั้นต้องไว้นอกเสื้อ ทำให้เป็นที่สะดุดตาและมีการถามกัน ซึ่งนับว่าเป็นกลยุทธ์ “ปากต่อปาก” ในการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นับว่าก่อให้เกิดกระแสความนิยมอย่างต่อเนื่องในวงกว้าง

2. กระบวนการสื่อสารทางการตลาดที่ชัดเจน ความนิยมในองค์จตุคามรามเทพนั้น มีมานานพอสมควรแล้วแต่อยู่ในวงค่อนข้างจำกัด แต่ในช่วงกลางปี 2549 กระแสความนิยมเป็นไปอย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยเริ่มต้นจากมีประเด็นจุดพลุ คือเรื่องราวประวัติของท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช และประวัติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์จตุคามรามเทพ ผนวกกับข่าวในสื่อต่างๆ ที่เกี่ยวกับอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ ระหว่างการประกอบพิธีบวงสรวง หลังจากนั้นพัฒนากลายเป็นกระแสสังคมที่สร้างความสนใจกับผู้เลื่อมใสศรัทธาในวงกว้างเป็นกระแสต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “ปากต่อปาก” นับเป็นประเด็นสำคัญทำให้องค์จตุตามรามเทพเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว

3. จังหวะเวลาเหมาะสม หลังจากเกิดประเด็นจุดพลุและพัฒนาเป็นกระแสสังคม โดยมีการกระจายข้อมูลและประสบการณ์ จนกระทั่งทำให้องค์จตุคามรามเทพนั้นกลายเป็นกระแสฟีเวอร์ ซึ่งเป็นผลผลักดันยอดจำหน่ายสินค้าและบริการให้พุ่งสูงขึ้น

Image

ธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากกระแสศรัทธา มีดังนี้

1. ธุรกิจโฆษณาประชาสัมพันธ์ แม้ว่ากลยุทธ์ทางการตลาดที่ประสบความสำเร็จอย่างมากขององค์จตุคามรามเทพ คือ กลยุทธ์ปากต่อปาก แต่การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เป็นอีกกลยุทธ์ที่สำคัญในการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับจตุคามรามเทพ คาดการณ์ว่าตลอดปี 2550 จากความนิยมองค์จตุคามรามเทพยังคงคึกคักต่อเนื่องถึงช่วงสิ้นปี ส่งผลให้การโฆษณาผ่านสื่อยังคงคึกคัก โดยเฉพาะสื่อหนังสือพิมพ์หัวสีที่ได้รับอานิสงส์ ทำให้ยอดโฆษณามีอัตราเติบโต ถือว่าเป็นการเติบโตครั้งแรกในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมา คาดว่าตลอดทั้งปี 2550 เม็ดเงินโฆษณาของวัตถุมงคลจะสูงถึง 500 ล้านบาท

2. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพิธีบวงสรวง การจัดสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลแต่ละรุ่น ต้องมีพิธีบวงสรวงทั้งพิธีพุทธาภิเษกและพิธีเทวาภิเษก ซึ่งค่าใช้จ่ายสำหรับจัดงานพิธีบวงสรวงนี้นับว่าอยู่ในเกณฑ์สูง การจัดพิธีบวงสรวงทั้งพิธีพุทธาภิเษกและเทวาภิเษกนั้นยังก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจดอกไม้ และธุรกิจจัดเครื่องเซ่น/เครื่องบวงสรวง รวมทั้งยังสร้างเม็ดเงินสะพัดให้กับธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการในจังหวัดนครศรีธรรมราช และพระนครศรีอยุธยา จนกระทั่งในปัจจุบันมีการจัดพิธีบวงสรวงในวัดที่อนุมัติให้มีการจัดสร้างองค์จตุคามรามเทพ หรือการเช่าสถานที่เพื่อจัดพิธีบวงสรวง

3. ธุรกิจปั๊ม/หล่อพระ ก่อนกระแสความนิยมองค์จตุคามรามเทพนั้น ธุรกิจปั๊ม/หล่อพระนั้นกิจการไม่คึกคักมากนัก แต่เมื่อมีกระแสนิยมองค์จตุคามรามเทพธุรกิจปั๊ม/หล่อพระต้องรับงานเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

4. ธุรกิจแผง/ศูนย์พระเครื่องและเครื่องรางของขลัง กระแสความนิยมในองค์จตุคามรามเทพสร้างเม็ดเงินสะพัดให้กับธุรกิจแผงหรือศูนย์พระ กล่าวคือ ตั้งแต่กลางปี 2549 ต่อเนื่องถึงปี 2550 กระแสจตุคามรามเทพเป็นที่นิยมอย่างมาก ทำให้ธุรกิจแผง/ศูนย์พระต่างปรับตัวนำองค์จตุคามรามเทพมาวางโชว์แทนพระเครื่องและวัตถุมงคลประเภทอื่นๆ รวมทั้งมีการเพิ่มธุรกรรมของบรรดาแผง/ศูนย์พระเครื่องโดยการทำหน้าที่เป็นตัวแทนเปิดรับจององค์จตุคามรามเทพรุ่นต่างๆ

5. ธุรกิจสิ่งพิมพ์ เดิมนั้นธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากธุรกิจพระเครื่องและวัตถุมงคล คือ หนังสือพระซึ่งแยกออกเป็นสองประเภทคือ หนังสือเกี่ยวกับราคาเช่าบูชาวัตถุมงคลโดยจะเป็นราคากลางที่ใช้อ้างอิงหรือหั่งเช้งพระ และหนังสือวิชาการด้านต่างๆ เกี่ยวกับพระเครื่องและวัตถุมงคล กระแสความนิยมองค์จตุคามรามเทพ ทำให้บรรดาหนังสือพระหันมาพิมพ์เรื่องราวเกี่ยวกับองค์จตุคามรามเทพเป็นเรื่องเด่นในฉบับ รวมทั้งมีการจัดพิมพ์หนังสือเฉพาะกิจเกี่ยวกับองค์จตุคามรามเทพอีกด้วย นอกจากนี้ บรรดาโรงพิมพ์ต่างๆ ยังมีงานพิมพ์เกี่ยวกับโปสเตอร์ แผ่นพับ รวมไปถึงใบจองเพิ่มขึ้นอย่างมากอีกด้วย

6. ธุรกิจที่เกี่ยวกับอุปกรณ์การสะสมพระเครื่องและวัตถุมงคล กระแสความนิยมองค์จตุคามรามเทพ ปลุกให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับอุปกรณ์การสะสมคึกคักขึ้นอย่างมาก ด้วยการจัดสร้างองค์จตุคามรามเทพ แต่ละรุ่นต้องมีการสั่งกล่องพลาสติก และกล่องกระดาษ เพื่อบรรจุองค์จตุคามรามเทพให้กับบรรดาผู้สั่งจอง สำหรับผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาและเก็บสะสมองค์จตุคามรามเทพ ทำให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจที่เกี่ยวกับอุปกรณ์การสะสมพระเครื่องและวัตถุมงคลเช่นกัน โดยเฉพาะธุรกิจผลิตตลับพระ ธุรกิจอัดกรอบพระ ธุรกิจจำหน่ายสร้อยลูกปัด/เชือกถัก ซึ่งยอดจำหน่ายสินค้าเหล่านี้เติบโตอย่างมาก


อนาคตจตุคามรามเทพ
กระแสยังไม่จาง แต่เริ่มชะลอตัว


เนื่องจากปัจจุบันมีการสร้างองค์จตุคามรามเทพเป็นจำนวนมาก คาดว่ามีองค์จตุคามรามเทพที่จัดสร้างแล้วกว่า 30 ล้านองค์ กระแสความนิยมองค์จตุคามรามเทพยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่จะไม่คึกคักเท่ากับในปี 2550 นี้ ผู้ที่สร้างองค์จตุคามรามเทพรุ่นหลังๆ จึงต้องใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น โดยต้องประกาศประชาสัมพันธ์การจัดสร้างอย่างถูกต้องตามแบบดั้งเดิม และพยายามสร้างความแตกต่างขององค์จตุคาม เช่น การฝังตะกรุด การสร้างแบบจตุคามรามเทพอิงกับพระเกจิชื่อดัง หรือบุคคลสำคัญ เป็นต้น

นอกจากนี้ ประเด็นของการที่กรมสรรพากรกำลังพิจารณารายละเอียด เพื่อที่จะเข้ามาจัดเก็บภาษีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับองค์จตุคามรามเทพ เนื่องจากกรมสรรพากรมีแนวคิดในการจัดเก็บภาษีผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการจตุคามรามเทพ คาดว่าถ้ามีการจัดเก็บจริงคงจะกระทบกับการจัดสร้างองค์จตุคามรามเทพไม่มากนัก ตราบเท่าที่ประชาชนยังคงมีศรัทธาอยู่

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการจัดสร้างองค์จตุคามรามเทพในปี 2551 คงจะไม่มากเท่ากับปี 2550 ตามกระแสความนิยมที่อาจจะชะลอความร้อนแรงลง

Image

บทสรุป

กระแสความนิยมในองค์จตุคามรามเทพที่เพิ่มขึ้นอย่างมากและต่อเนื่องมาโดยตลอดในช่วงที่ผ่านมา 5 เดือนของปี 2550 มีการจัดสร้างองค์จตุคามรามเทพแล้วประมาณ 300 รุ่น และคาดว่าตลอดทั้งปี 2550 จะมีการจัดสร้างองค์จตุคามรามเทพประมาณ 650 รุ่น บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่าตลอดปี 2550 มีเม็ดเงินสะพัดประมาณ 40,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากที่เคยประมาณการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ประมาณร้อยละ 81 (เดิมประมาณการไว้ที่ 22,000 ล้านบาท)

เนื่องจากผู้สร้างจากหลากหลายวงการธุรกิจต่างหันมาสร้างองค์จตุคามรามเทพ จนทำให้ปริมาณการสร้างองค์จตุคามรามเทพเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในวงการพระเครื่องและวัตถุมงคล ส่งผลต่อเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดสร้าง และค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างองค์จตุคามเมื่อเทียบระหว่างช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2550 และเดือนมิถุนายน 2550 นั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน

กระแสความเลื่อมใสศรัทธาในองค์จตุคามรามเทพที่ขยายวงออกไปอย่างกว้างขวางในปัจจุบันนับว่าเป็นกรณีตัวอย่างที่น่าศึกษาอย่างยิ่งของการใช้กลยุทธ์ศรัทธามาร์เก็ตติ้งจนประสบความสำเร็จอย่างสูง นอกจากจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนให้กับผู้สร้างแล้วยังทำให้หลากหลายธุรกิจได้รับอานิสงส์ โดยเฉพาะธุรกิจโฆษณาประชาสัมพันธ์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพิธีบวงสรวง แผง/ศูนย์พระเครื่องและวัตถุมงคล โรงงานปั๊ม/หล่อพระ ธุรกิจโรงพิมพ์ ธุรกิจสิ่งพิมพ์ โรงงานผลิตกล่องพลาสติกและกล่องกระดาษ และธุรกิจรับใส่ตลับพระ/เลี่ยมพระ รวมทั้งยังเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในธุรกิจเฉพาะอย่าง เช่น ธุรกิจรับออกแบบวัตถุมงคล ธุรกิจปัดทอง/เขียนลาย/ลงสี เป็นต้น

สำหรับแนวโน้มองค์จตุคามรามเทพนั้นคาดว่ากระแสความนิยมยังคงมีต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่แรงเท่ากับในปี 2550 โดยคาดว่าปริมาณการจัดสร้างองค์จตุคามรามเทพน่าจะลดลง และผู้สร้างจะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น รวมทั้งการปั่นราคาองค์จตุคามรามเทพจะกระทำได้ยากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น และส่วนใหญ่จะมีองค์จตุคามรามเทพอยู่ในครอบครองบ้างแล้ว

ที่มา : บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด


หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน หน้า 29 สกู๊ปพิเศษ
วันที่ 03 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10706
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง