Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 โต้คลื่นชีวิตด้วยกรรมฐาน (ศ.นพ.ประเวศ วะสี) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 21 มิ.ย.2007, 5:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

การเจริญกรรมฐานกับการพัฒนาทางจิตวิญญาณ (Meditation)

กรรมฐานคือ เครื่องมือโต้คลื่นชีวิต
การดำเนินชีวิตเปรียบเสมือนการแล่นเรือ
ไปในท้องทะเลและมหาสมุทร
ทะเลและมหาสมุทรที่ไม่มีคลื่นนั้นไม่มี
คลื่นลูกเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง หรืออาจเจอใต้ฝุ่น
ซึ่งทำให้เมาคลื่น ไม่สบาย หรือเรืออับปางลง
ในชีวิตก็เช่นเดียวกันที่มีคลื่นลูกเล็กบ้างใหญ่บ้าง
ที่ทำให้ชีวิตสั่นคลอนหรืออับปาง
ไม่ว่าจะเป็นชีวิตครอบครัว ชีวิตการงาน
ใหญ่หรือเล็ก ทุกข์หรือสุข
ล้วนเป็นคลื่นที่มากระทบ
ทำให้ชีวิตโคลงเคลงและอับปางได้ทั้งสิ้น
บุคคลจึงควรสร้างเครื่องมือโต้คลื่นชีวิต
ประคองให้เรือชีวิตแล่นไปได้ด้วยดีไม่อับปาง


เครื่องมือโต้คลื่นชีวิตคือ กรรมฐาน

กรรมฐานคือ ฐานของกรรมหรือการกระทำ หรือหน้าที่การงาน
ซึ่งในที่นี้หมายถึง จิต หรือฐานอันเป็นการทำงานของจิต
อาจเรียกว่า เป็นการบริหารจิตก็ได้
เรามีการบริหารการงานภายนอก
แต่ขาดการบริหารภายในคือ จิต
การพัฒนา จึงเอียงเป็นเรื่องของภายนอกเกือบทั้งสิ้น
การเอียง ทำให้ล่มได้
ความสมดุล ทำให้แล่นไปได้เลียบและนาน
ถ้าชีวิตและโลกจะสมดุล
ต้องมีการบริหารภายในหรือจิตหรือกรรมฐานด้วย
กรรมฐานเป็นกระบวนการภายในที่ดูจิตใจของตัวเอง
(internal reflection) และขยับจิตใจให้สูงขึ้น
ปรกติจิตหลุกหลิกเหมือนลูกลิงไม่อยู่นิ่ง จับดูได้ยาก
เพราะคิดเรื่องนั้นผลุบแผลบ รวดเร็ว
การทำให้จิตสงบ จึงเป็นเครื่องมือที่จะดูจิต และยกระดับจิตให้สูงขึ้น

สิ่งแวดล้อม มีส่วนทำให้จิตสงบ
เช่น การอยู่คนเดียวการอยู่ในที่สงบ
เช่น อยู่ในป่า อยู่บนเขา อยู่ในถ้ำ
บรรยากาศและสถาปัตยกรรมของวัด โน้มนำให้จิตสงบ เป็นต้น

การสวดมนต์ การระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
หรือระลึกถึงพระเยซูคริสต์ หรือพระศาสดามะหะหมัด
หรือพระผู้เป็นเจ้า ทำให้จิตสงบ เป็นต้น

การเจริญสติ ให้จิตรู้อยู่กับปัจจุบันหรือรู้กาย
เช่น รู้ลมหายใจเข้าออก (อาณาปานสติ)
รู้การก้าวย่างเดิน (เดินจงกรม)
หรือรู้อิริยาบถต่างๆ รู้ความรู้สึก สุขก็รู้ ทุกข์ก็รู้ เฉยๆ ก็รู้
รู้จิต จิตมีกิเลสก็รู้ ไม่มีกิเลสก็รู้
รู้ธรรม หรือรู้ในความรู้ว่า อะไรดีอะไรชั่ว
พยายามให้รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา เรียกว่า มีสติอยู่ในทุกเรื่อง
รู้ตัวรู้ความคิดจิตใจต่อเนื่อง
จิตสงบมีความสุขและมีพลังมาก
ความหงุดหงิดรำคาญ ความทุกข์ใดๆ เข้ามาสู่จิตไม่ได้
สามารถป้องกันปัญหาทุกชนิด
สติจึงเป็นเครื่องมือโต้คลื่นชีวิตอย่างเอก
บุคคลจึงควรเจริญสติไว้เป็นเครื่องมือประจำตน

การเจริญสมาธิ คือ การฝึกให้จิตนิ่งอยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่ง
หรือนิ่งไปเลย เมื่อจิตนิ่ง ก็ได้พักผ่อนและมีพลัง
เป็นฐานให้เกิดปัญญาได้ง่าย แต่ต้องระวัง
เพราะเมื่อจิตเป็นสมาธิ อาจมีนิมิตหรือเห็นนั่นเห็นนี่
ต้องมีสติและปัญญารู้จักแยกแยะระหว่างนิมิตกับความเป็นจริง
มิฉะนั้นจะฟั่นเฟือนลงไปได้ กับอีกประการหนึ่ง
เมื่อมีสมาธิอาจรู้สึกว่า มีอำนาจและใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง
เช่น ไปหลอกลวง หรือควบคุมผู้อื่นให้ตกอยู่ในอำนาจของตน
หรือเพื่อเงินทอง ต้องมีสติ และปัญญากำกับ
ให้สมาธิสัมพันธ์กับปัญญา

การเจริญปัญญา หมายถึง การมีปัญญารู้ธรรมชาติของสรรพสิ่ง
ว่าเป็นไปตามเหตุปัจจัย และละคลายจากความยึดมั่นในตัวตนลง
เมื่อคลายจากความยึดมั่นในตัวตนลง ก็เป็นอิสระ
มีความสุขสูงสุด มีไมตรีจิตอันไพศาลต่อเพื่อนมนุษย์และสรรพสิ่ง
นี้คือ พัฒนาการทางจิตวิญญาณสูงสุด
พัฒนาการทางจิตวิญญาณสูงสุด เข้าถึงด้วยปัญญา
ปัญญาที่รู้ว่า ตัวเองไม่ใช่ศูนย์กลางของสรรพสิ่ง
การเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้าก็คือ การหลุดพ้นจากพันธนาการในตัวเอง
การเข้าถึงสิ่งสูงสุด จะเป็นการเข้าถึงความจริงของจักรวาลก็ดี
เข้าถึงพระผู้เป็นเจ้าก็ดี หรือเข้าถึงพระนิพพานหรือสุญตาก็ดี
คือ การหลุดพ้นจากพันธนาการ ในตัวเอง ประสบอิสรภาพ

ฉะนั้น นี้แลคือ กรรมฐาน อันได้แก่ การทำให้จิตสงบ
จะโดยสิ่งแวดล้อม การสวดมนต์ การเจริญสติ การเจริญสมาธิ
อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง หรือทั้งหมดก็ตาม
แล้วยกระดับจิตให้สูงขึ้น ด้วยปัญญา
จนหลุดพ้นจากความบีบคั้นด้วยความเห็นแก่ตัว
เป็นอิสระมากขึ้นเป็นลำดับ

กรรมฐานทำให้อยู่สบาย เป็นเครื่องมือโต้คลื่นชีวิต
และทำให้การอยู่ร่วมกันด้วยสันติเป็นไปง่ายขึ้น
จึงสมควรที่ชุมชน บุคคล สังคม และโลก จะเจริญกรรมฐาน


ในแต่ละชุมชนควรจะมีศูนย์สอนกรรมฐาน (Meditation center)
จะเป็นวัดหรือสำนักสงฆ์ หรือในรูปอื่น
สุดแต่สภาวะในชุมชนนั้นๆ
พระสงฆ์และคณะสงฆ์ ควรถือการฝึกและการสอนกรรมฐาน
เป็นหน้าที่และเป็นบริการชุมชน
สถาบันการศึกษาทุกประเภทและทุกระดับ
ควรมีการสอนกรรมฐาน
ถ้าครูทุกคนเป็นครูสอนกรรมฐานได้ด้วย
จะเกิดความเจริยอย่างก้าวกระโดด
ทำไมครูจะต้องสอนแต่เรื่องภายนอกหรือเรื่องวัตถุเท่านั้น
ในเมื่อความเป็นจริงทั้งภายนอกและภายในคือ จิตด้วย
ถ้าครูรู้กรรมฐาน ตัวครูเองก็จะมีความสุข
ความเมตตาและความฉลาดมากขึ้น
และสามารถนำเรื่องการเจริญสติ เจริญสมาธิเจริญปัญญา
ไปสู่กระบวนการเรียนรู้ การปฏิรูปการเรียนรู้ไปสู่การเรียนรู้ที่ดี
หรือการเรียนรู้ในอุดมคตินั้น ควรจะมีการเจริญสติ
เจริญสมาธิ เจริญปัญญา หรือการเจริญกรรมฐาน
เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งด้วย

ถ้าพระทุกองค์และครูทุกคนสามารถสอนกรรมฐานได้
มนุษยชาติจะเปลี่ยน เพราะเรามีครูกรรมฐานจำนวนมาก
และมีทางว่า ทุกคนในสังคมจะได้ฝึกการเจริญกรรมฐาน
ผู้ใดที่เจริญกรรมฐานแล้ว
ย่อมเข้าใจอานิสงส์ของกรรมฐานอยู่แล้วด้วยตัวเอง เป็นสันทิฏฐิโก
แต่ควรนึกถึงแนวนโยบายด้วย
นั่นคือ การที่ส่งเสริมสนับสนุนให้พระทุกองค์
และครูทุกคนเป็นครูกรรมฐานได้
อันจะก่อให้เกิดการปฏิวัติทางจิตวิญญาณ
เพื่อมนุษยชาติจะได้ประสบความเจริญอย่างแท้จริง
และอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้



คัดลอกจาก จากบทที่ 9 ตอนที่ 4
หนังสือ “วิถีมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 สู่ภพภูมิใหม่แห่งการพัฒนา”
เขียนโดย “ประเวศ วะสี” จัดพิมพ์โดยมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์


http://www.budpage.com/ba10.shtml

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 22 มิ.ย.2007, 8:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ธรรมสวัสดีครับ
ขอให้เจริญในธรรมนะครับ สาธุ.. สู้ สู้ เจ๋ง
ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง