Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สงสัยเรื่องการพึ่งตนเอง อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ช้างชูธง
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 18 พ.ค. 2007
ตอบ: 50

ตอบตอบเมื่อ: 18 พ.ค.2007, 8:32 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มีความสงสัยเกี่ยวกับคำสอนที่ว่า พระพุทธเจ้าสอนให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน อัตตาหิ อัตโนนาโถ

แต่ทำไมอ่านในหนังสือสวดมนต์ทั่วไปพบแต่คำว่า ขอถึงพระรัตนัตรัย เป็นที่พึ่ง ที่ว่า
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ เป็นต้น

ขอความกรุณาท่านพี่ ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อยครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 18 พ.ค.2007, 10:41 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ธรรมแยกกล่าวเป็นสองระดับ

คือระดับ
โลกียธรรม
และ
โลกุตรธรรม

-โลกียธรรม
-สำหรับปุถุชน ผู้ยังเคว้งคว้างไม่มีหลัก ขาดแนวทางที่จะพัฒนาตน
จากขั้นต่ำขั้นต้น จนถึงสูงคือการปฏิบัติเพื่อนำตนพ้นทุกข์

เมื่อตนไม่รู้ทาง ไม่รู้จะเดินไปทางไหน ก็จึงต้องหันเข้าหาหลัก คือ
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ฯลฯ
ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึง หมายความว่าหันเข้าหลักธรรมที่ถูกต้อง คือศึกษาแล้วดำเนินตามรอยท่านผู้รู้จริงเหล่านั้นไป

ต่อเมื่อได้ศึกษาหลักธรรมแห่งศาสนาตามลำดับแล้ว ก็จึงปฏิบัติไปตามทางที่สูงยิ่งๆขึ้นไป จนถึงโลกุตรธรรม ซึ่งจะต้องพึ่งตนเอง ปฏิบัติเอาเอง ทำเอาเอง ผู้อื่นทำแทนไม่ได้

จะขอร้องอ้อนวอนให้เทพมาช่วยก็ไม่ได้ ที่สำคัญต้องต่อกรกับกิเลสเอง....
ท่านจึงว่า อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนเป็นที่พึงแห่งตน ท่านหมายเอาโลกุตรธรรม
 
nop
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 พ.ค.2007, 11:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าสนใจแล้วศรัทธาในพระพุทธศาสนาแล้วจำเป็นต้องศึกษา เหมือนเราเรียน อนุบาล - ดร.นั่นแหละ จึงจะเข้าใจแล้วต้องปฏิบัติด้วยจึงจะเป็นชาวพุทธที่แท้จริง ไม่ใช่พิมพ์ไว้ในทะเบียนบ้านหรือบัตรประชาชนว่านับถือศาสนาพุทธ ก็เป็นชาวพุทธได้
 
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 18 พ.ค.2007, 5:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เป็นคำถามที่น่าสนใจมากค่ะ

แต่"คำตอบ" นั้นก็มีอยู่แล้วใน "คำถาม" ดังนี้

พระรัตนตรัยนั้น ประกอบด้วยองค์สาม คือ
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สาธุ สาธุ สาธุ

ซึ่งสำหรับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และพระสงฆ์นั้น
ท่านเป็นบุคคล... มีตัวตนจริง
สามารถประจักษ์ด้วยผัสสะทั้ง ๕ อันไม่เกินวิสัยของมนุษย์ปุถุชน
และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่พิสูจน์ได้

ส่วน "พระธรรม" ซึ่งเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธองค์
และเป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบนั้น เป็นนามธรรม
ซึ่งเป็นได้ทั้งความรู้ ความเข้าใจ และวิธีในการใช้ชีวิตทั้งหมดเพื่อให้ถึงซึ่งการพ้นทุกข์
หรือ ดับทุกข์อย่างสิ้นเชิง
นั่นคือ "นิพพาน"
อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา

ตามหลักศาสนาพุทธที่กล่าวว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน " (อัตตาหิ อัตโนนาโถ) นั้น
หมายความว่า
ศาสนาพุทธสอนให้คนรู้จักเป็นตัวของตัวเอง
ใช้ชีวิตของตนเองด้วยการพึ่งตนเองในวิถีทางที่ถูกต้อง


ซึ่งคุณจะซาบซึ้งและเข้าใจ การพึ่งตนเองตามหลักพุทธศาสนา ได้ก็ต่อเมื่อ
คุณยึดเอาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาเป็นสรณะ


ทีนี้ถามว่า แล้วพระธรรมนั้นใครเป็นผู้ค้นพบและแสดง
ก็ต้องย้อนกลับไปสู่คำตอบข้างต้นที่กล่าวมาแล้วว่า...
ใครเป็นพระบรมศาสดาผู้ก่อตั้งพระพุทธศาสนา?

ส่วนพระสงฆ์ที่เป็นพระสุปฏิปัณโณ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา
และพระอริยเจ้าผู้บรรลุอรหันตผลซึ่งพ้นแล้วซึ่งกิเลสทั้งปวงนั้น

นอกจากท่านจะเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา สืบทอดพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์แล้ว

ท่านเหล่านี้ยังมีไว้ให้เราสามารถยึดถือ และระลึกเป็นแบบอย่าง
มีไว้ให้เราเป็นสรณะในการเดินตามรอยแห่งการปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์ว่า

ผลแห่งการปฏิบัติธรรมด้วยการพึ่งตนเองตามหลักพระพุทธศาสนานั้น

สามารถทำทุกข์ให้สิ้นสุดได้จริง โดยมิต้องอ้อนวอน ร้องขอ พึ่งพึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดใด

อย่างไรก็ตาม....เหตุปัจจัยที่สำคัญที่สุด

ในการการทำทุกข์ให้สิ้นสุดได้จริงนั้น

ก็มีแต่ตัวเราที่ต้องทำเอง ปฏิบัติเอง นั่นคือ "พึ่งตนเอง" ตามวิถีแห่งพุทธเท่านั้น

พระพุทธเจ้า ท่านเป็นเพียงผู้ค้นพบ และบอกทางแก่เรา
พระธรรม คือ วิธีการในการพ้นทุกข์
พระสงฆ์ เป็นแบบอย่าง และเป็นผู้ถ่ายทอดวิธีการของพระพุทธเจ้า


ทั้งหลายทั้งปวง
ก็เอวัง ด้วยประการฉะนี้ค่ะ ยิ้ม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 18 พ.ค.2007, 9:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คำสวดดังกล่าวเปรียบรัตนตรัยเป็นหนทางที่ควรยึดไว้ เป็นทางสว่างที่ควรก้าวเดิน
 
ไก่โต้ง
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 21 พ.ค.2007, 9:03 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การพึ่งพระรัตนตรัย หรือพึ่งตัวเองนั้น ถูกทั้งคู่แหละครับ ไม่ขัดกันดอก

พึ่งพระรัตนตรัย ก็หมายถึง
พระพุทธเจ้าเป็นสรณะที่พึ่งได้จริง เพราะทรงชี้บอกทางพ้นทุกข์ภัยได้จริง ตรัสรู้จริง

พระธรรมเป็นสรณะที่พึ่งได้จริง
เพราะรักษาผู้ปฏิบัติไว้ ไม่ให้ตกต่ำ ไม่ให้ทำผิด ไม่ให้ก่อทุกข์ก่อโทษก่อภัยให้กับทั้งตนเองและผู้อื่น

พระสงฆ์เป็นสรณะที่พึ่งที่พึ่งได้จริง เพราะเป็นผู้ช่วยชี้บอกทางตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงชี้บอกและเป็นผู้ที่กำลังเดินทางนั้น

ว่าโดยย่อๆ ก็คือ

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นรัตนะ คือ รัตนตรัยแก้วอันอุดมในโลก จึงเป็นสรณะที่พึ่งได้จริง

และข้อที่ว่า ต้องช่วยตนเอง ต้องพึ่งตนเองนั้น เป็นการถูกต้อง ทางพระพุทธศาสนา
พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้พึ่งตนเอง ให้ช่วยตนเอง ในการปฏิบัติทั้งปวง เพราะพระพุทธเจ้าเป็นเพียงตรัสบอกทางให้ปฏิบัติเท่านั้น

เมื่อฟังพระธรรมของพระพุทธเจ้า รู้ทางปฏิบัติแล้ว
ก็ต้องปฏิบัติด้วยตนเอง ในทางปฏิบัติก็ต้องพึ่งตนเอง

แต่ต้องพึ่งพระพุทธเจ้าเป็นผู้บอกทางให้
พึ่งพระธรรมเป็นทางเดิน
พึ่งพระสงฆ์ เป็นผู้เดินนำหน้าเป็นหมู่


พวกเราทั้งหลาย ก็เหมือนอย่างเดินหางแถวต่อพระสงฆ์ไป เมื่อพึ่งพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยก็เป็นสรณะได้จริง อย่างไม่ต้องสงสัย


สู้ สู้ ยิ้มเห็นฟัน
 
นวโยคี
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 04 พ.ค. 2007
ตอบ: 20
ที่อยู่ (จังหวัด): bkk

ตอบตอบเมื่อ: 23 พ.ค.2007, 11:05 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขั้นต้นจำต้องอาศัยตนเป็นที่พึ่ง ใช้อัตตาเพื่อละอัตตา
มองเห็นตัวตนของตนเองว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และบังคับไม่ได้
พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม ที่เกิดขึ้นกับตน เพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้นจากตัวตน
เมื่อหลุดพ้นแล้วก็ไม่มีอัตตาตัวตน ที่จะต้องพึ่งพาอาศัยอีกแล้ว
มีแต่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะในความหมายถึงที่เคารพ
เพราะพระพุทธองค์เมื่อทรงตรัสรู้แล้ว ดำริว่า การเป็นมนุษย์ที่ไม่เคารพสิ่งใดนั้นไม่ควร
พระองค์ทรงสำรวจดูทั่วโลกทั่วจักรวาลแล้วก็ไม่มีใครที่จะประเสริฐกว่าพระองค์
พระองค์จึงเลือกเอา พระธรรม เป็นที่เคารพ ดังเข่นพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ก็ทำแบบเดียวกันนี้ เอวังฯ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง