Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
อานิสงส์แห่งการรักษาอุโบสถ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2007, 10:23 am
อันผู้รักษาอุโบสถศีลนั้น
ย่อมได้อานิสงส์ทั้งชาตินี้ชาติหน้า
โดยอนุรูปแก่ความปฏิบัติของตน
ดังพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ในตอนท้ายแห่งอุโบสถสูตรว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘
ที่อริยสาวกเข้าอาศัยอยู่แล้ว
เป็นคุณมีผลใหญ่และอานิสงส์ใหญ่
มีความรุ่งเรืองแผ่ไพศาลมากดังนี้
จะยกคุณประโยชน์แห่งการรักษาอุโบสถมา
ชี้ให้เห็นพอเป็นเครื่องบำรุงศรัทธาปสาทะดังต่อไปนี้
๑. ตามธรรมดาคนเรา วันปกติย่อมใช้กายวาจาใจให้สาละวนหมกมุ่น
อยู่ในการงานทางบ้านนานาประการ
การงานบางอย่างก็สะดวกบางอย่างก็ติดขัด
ที่ติดขัดก็เป็นต้นตอก่อให้กายวาจาใจเศร้าหมอง
เพราะต้องการให้สิ่งนั้นสำเร็จผลดังประสงค์
เมื่อนานวัน นานเดือน นานปี กาย วาจา ใจ
ก็หม่นหมองเป็นมลทินขึ้นโดยลำดับ
จนถึงกับไม่สามารถชำระล้างให้สะอาดได้ก็มี
เมื่อสาธุชนถือโอกาสเข้ารักษาอุโบสถศีล
ก็นับว่าเป็นอุบายชำระมลทินนั้น
เพราะได้ปลดเปลื้องการงานทางบ้านออกจากกาย วาจา ใจ
เป็นการปล่อยวางภาระของกาย วาจา ใจ
ให้ได้พักผ่อนเสียครั้งหนึ่ง
๒. การพักการงานทางบ้าน แล้วไปหาอุบายควบคุมกาย วาจา ใจ
ให้อยู่ในกรอบศีลธรรม
นับว่าเป็นอุบายให้คฤหัสถ์ชน
มีโอกาสได้ชำระกาย วาจา ใจของตนเสียครั้งหนึ่ง
คือ ๖ วัน ๗ วันได้ชำระกันครั้งหนึ่ง
ถึงจะไม่สะอาดจนผ่องก็เป็นทางไม่ให้หม่นหมองทวีขึ้นมาก
การรักษาอุโบสถนั้น โดยความมุ่งหมายก็เพื่อ
เป็นอุบายชำระกาย วาจา ใจ ดังกล่าวมานี้อีกประการหนึ่ง
๓. วันปกติที่ไม่รักษาอุโบสถ กาย วาจา ใจ
ต้องเป็นทาสกรรมกรของตนและคนอื่นสัตว์อื่นอีกมากมาย
บางครั้งต้องเป็นทาสของลูกๆ หลานๆ
บางทีต้องเป็นทาสของวัวควายและเป็ดไก่
ต้องยอมตนลงให้คนและสัตว์เหล่านี้ใช้
เกือบจะไม่มีเวลาแสนที่จะเหนื่อย แสนที่จะลำบาก
แม้จะได้ค่าจ้าง คือ ทรัพย์และความยินดีเป็นค่าแรง
ก็เพียงนิดหน่อยและให้คุณชั่วเวลาเพียงชาติเดียว
ส่วนวันรักษาอุโบสถ นับว่าเป็นโอกาสให้กับบุคคล
พ้นจากความเป็นทาสเช่นนั้น แล้วเขามอบกาย วาจา ใจ
เป็นทาสของพระรัตนตรัย ซึ่งนับว่าเป็นทาสที่มีเกียรติ
และได้รับค่าแรงงานอันมีเกียรติด้วย
กล่าวคือ ได้ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของกาย วาจา ใจ
และความเยือกเย็นเป็นสุขทั้งภพนี้และภพหน้าเป็นค่าแรงาน
๔. การเข้ารักษาอุโบสถ นับว่าเป็นการเข้าถือบวชของคฤหัสถ์
เพราะเป็นอุบายเว้นจากบาป
และอบรมกาย วาจา ใจ ให้สุขเกิดรสหวาน
ซึ่งเป็นผลที่ต้องการทั้งทางคดีโลก คดีธรรม
จริงอย่างนั้น น้ำใจอัธยาศัย อันทำอบรมบ่มให้สุขแล้ว
ย่อมเกิดรสหวาน คือ น่ารัก น่าเคารพ
น่าคบค้าสมาคมด้วยความสนิทสนม กาย วาจา และใจ
อันศีลอบรมบ่มให้สุขแล้วย่อมเกิดรสหวาน
กล่าวคือ กิริยาทางกายหวาน ตาน่าดูน่าชม
คำพูดทางวาจาก็หวานหู ฟังไม่รู้เบื่อ
๕. ตามที่กล่าวมาแล้ว ๔ ประการนี้เป็นอานิสงส์
จะพึงเห็นได้ด้วยตนเองในชาตินี้
ส่วนอานิสงส์ในชาติหน้านั้น
แม้ถึงจะยังไม่มีผู้รับรองยืนยัน
เพราะทุกๆ คนยังไม่ตาย
หรือเคยตายมาแล้วก็เป็นการเหลือวิสัย
ที่จะจดจำนำมาเป็นพยานได้
แต่ก็พอมีแนวทางที่จะคาดคะเนหรือสันนิษฐานลง
ด้วยเหตุผลว่า กาย วาจา ใจ ที่บริสุทธิ์สะอาด
ด้วยอำนาจศีลธรรมที่ได้ปฏิบัติไว้ในชาตินี้ นั้นแลฯ
จะเป็นพืชพันธุ์ เป็นเครื่องรับประกัน
ให้เกิดผลคู่ควรกันในชาติหน้า
สมด้วยพระคาถาพุทธภาษิตว่า
โยธมฺมจารี กาเยน วาจาย
อุทเจตสา อิเทวนํ ปสงฺสนฺติ เปจฺจ สคฺเค ปโมทติ
ผู้ใดประพฤติเป็นธรรมด้วยกาย วาจา และใจ ในชาตินี้
เขาย่อมได้รับการสรรเสริญ
ครั้นละโลกนี้ไปเขาย่อมบันเทิงเบิกบานในโลกสวรรค์ดังนี้
รวมกระทู้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ วันโกน-วันพระ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=45496
รวมคำสอน หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=44758
I am
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
ตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2007, 3:04 pm
โมทนาคร้าบบ..คุณลูกโป่ง..สาธุ
_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
อากง
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 18 มี.ค. 2007
ตอบ: 41
ที่อยู่ (จังหวัด): สตูล
ตอบเมื่อ: 07 เม.ย.2007, 11:10 am
อนุโมทนา สาธุด้วยคนครับ
การรักษาศีล ๘ อุโบสถ ทำให้เราได้ใกล้ชิดพระพุทธศาสนามากขึ้นครับ
_________________
ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ สติ ปัญญา
กัลยรัตน์ กุศลปฏิการ
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 26 มี.ค. 2007
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): นครราชสีมา
ตอบเมื่อ: 08 เม.ย.2007, 8:56 pm
_________________
ทุกคนเกิดมาย่อมมีกรรมเป็นของตัวเอง
admin
บัวทอง
เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
ตอบเมื่อ: 25 มี.ค.2012, 6:57 pm
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th