Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เจ้าชายกับต้นสะเดา (ธรรมสภา) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 05 ม.ค. 2005, 6:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

เจ้าชายกับต้นสะเดา

นิทานธรรม ฉบับพิเศษ
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา



พระเจ้าพรหมทัตแห่งเมืองพาราณสี แคว้นกาสี ทรงมีพระโอรสพระองค์หนึ่งเป็นคนเกเรดุร้ายหยาบคาย ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นฤาษี ได้รับมอบหมายให้อบรมพระโอรส พระอานนท์เกิดเป็นพระเจ้าพรหมทัต

ฤาษีออกบวชจากตระกูลพราหมณ์ผู้มั่งคั่ง หลังจากบิดามารดาถึงแก่กรรม ครั้งเป็นฆราวาสได้เดินทางไปศึกษาไตรเพทและศิลปวิทยาที่เมืองตักสิลา เมื่อจบการศึกษาแล้วจึงได้สละทรัพย์สมบัติออกบวชเป็นฤาษี อยู่ในป่าหิมพานต์ บำเพ็ญฌานสมาบัติจนได้บรรลุคุณวิเศษต่างๆ คือ ตาทิพย์ หูทิพย์ เหาะเหินเดินอากาศได้

ต่อมา ฤาษีประสงค์จะเดินทางมาเยี่ยมบ้านเกิด จึงเหาะจากป่าหิมพานต์มาลงที่เขตเมืองพาราณสีแล้วเดินทางเข้าไปอาศัยอยู่ในพระอุทยานของพระเจ้าพรหมทัต เช้าวันรุ่งขึ้นท่านภิกขาจารอย่างสำรวมเรื่อยไปจนกระทั่งถึงลานหน้าพระราชวัง

ขณะนั้น พระเจ้าพรหมทัตประทับนั่งอยู่ในพระตำหนักทอดพระเนตรลงมาทางช่องพระแกล (หน้าต่าง) เห็นฤาษีเดินภิกขาจารอย่างสำรวมแล้วเกิดเลื่อมใส ตรัสกับตัวเองว่า “ฤาษีนี้สำรวมตา หู สำรวมกาย มองเพียงแค่ชั่วแวบจิตใจคงจะสงบ ท่านเดินอย่างองอาจเหมือนพญาราชสีห์ทุกๆ ย่างก้าว ท่านมีอะไรดีหรือ”

จากนั้นทรงคิดได้ว่า “เขาพูดกันว่า ธรรมที่ทำให้สงบมีอยู่ ในจิตใจของท่านน่าจะมีธรรมข้อนั้นอยู่เป็นแน่”

พระเจ้าพรหมทัตจึงทรงรับสั่งมาที่อำมาตย์คนหนึ่ง “ไปนิมนต์ฤาษีมาหาฉัน”

“มีอะไรหรือ เจริญพร” ฤาษีถามอย่างสำรวม

“พระเจ้าพรหมทัตทรงรับสั่งให้นิมนต์พระคุณท่านเข้าไปในวัง” อำมาตย์ชี้แจ้ง

“เจริญพร...” ฤาษีตอบรับ ครั้นแล้วก็เดินตามอำมาตย์เข้าไปในพระราชวังด้วยอาการสำรวม

พระเจ้าพรหมทัตทรงดีพระทัยมาก ที่ฤาษีรับนิมนต์เข้ามาในพระราชวัง พระองค์ทรงไหว้อย่างนอบน้อม แล้วนิมนต์ให้ขึ้นนั่งบนตั่งทองซึ่งมีเศวตฉัตรกั้นอยู่เบื้องบน จากนั้นจึงทรงสนทนากับฤาษีนั้น

“พระคุณเจ้า อยู่ที่ไหน” พระเจ้าพรหมทัตตรัสถาม

“อยู่ที่ป่าหิมพานต์” ฤาษีกราบทูล

“แล้วพระคุณเจ้าจะไปไหนต่อ”

อาตมาจะไปหาที่จำพรรษาสัก ๓ เดือน”

“ถ้าอย่างนั้น โยมขอนิมนต์พระคุณท่านอยู่จำพรรษาในอุทยานของโยมก็แล้วกัน”

“ที่ตรงนี้แหละที่โยมขอนิมนต์พระคุณท่านอยู่จำพรรษา” พระเจ้าพรหมทัตทรงชี้ให้ฤาษีดูมุมสงบในอุทยาน ครั้นแล้วทรงรับสั่งให้สร้างบรรณศาลา (โรงที่มุงบังด้วยใบไม้) จากนั้นทรงรับสั่งให้สร้างที่พักกลางคืนและที่พักกลางวัน เพื่อให้ฤาษีใช้ประโยชน์เต็มที่

พระเจ้าพรหมทัตทรงมีเรื่องไม่สบายพระทัยอยู่เรื่องหนึ่ง คือ เรื่องเจ้าชายทุฏฐกุมาร พระโอรสของพระองค์ที่ทรงเกเรนิสัยดุร้ายหยาบคาย พระองค์ทรงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะอบรมพระโอรสให้มีนิสัยอ่อนโยนและสุภาพ แต่ก็ไร้ผล พระเจ้าพรหมทัตทรงหนักพระทัยมาก

“ใครจะช่วยอบรมลูกเราได้” พระเจ้าพรหมทัตทรงครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ตลอดเวลา

การที่พระองค์นิมนต์ฤาษีให้อยู่จำพรรษาในพระอุทยานของพระองค์ ก็เพื่อให้ได้ช่วยโปรดพระโอรสของพระองค์ด้วย พระเจ้าพรหมทัตเสด็จไปหาฤาษีเสมอที่ทรงว่างจากพระราชภารกิจ จนกระทั่งเกิดความคุ้นเคย

วันหนึ่ง จึงพาพระโอรสไปหาฤาษีด้วย “พระคุณท่าน ลูกชายโยมคนนี้นิสัยดุร้ายหยาบคาย ไม่มีใครจะอบรมเขาได้ นอกจากพระคุณท่านเท่านั้น” พระเจ้าพรหมทัตทรงกระซิบบอกฤาษี


(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 05 ม.ค. 2005, 6:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“ขอถวายพระพร เจ้าชายยังอบรมได้อยู่ แต่ว่าต้องใช้กุศโลบาย” ฤาษีกราบทูล

วันนั้นก่อนเสด็จกลับ ทรงมอบเจ้าชายให้อยู่กับฤาษีในพระอุทยาน

“ลูกพ่อ พ่ออยากให้ลูกอยู่กับพระคุณท่านสักวันหนึ่งก่อนนะ ตกเย็นพ่อจะให้คนมารับ” พระเจ้าพรหมทัตตรัสบอกเจ้าชาย

ครั้นพระเจ้าพรหมทัตเสด็จกลับไปแล้ว ฤาษีก็ได้ชวนเจ้าชายสนทนาด้วยเรื่องต่างๆ

“องค์ชายมีพี่น้องกี่คน” ฤาษีเริ่มสนทนา

“องค์เดียว” เจ้าชายตรัสเสียงห้วน

“นับว่าองค์ชายโชคดี”

“โชคดียังไง”

“โชคดีที่ไม่ต้องมีใครแย่งความรักจากพระบิดาพระมารดา”

เจ้าชายทรงพอพระทัยมากกับคำพูดของฤาษี เมื่อคุ้นเคยกับเจ้าชายแล้ว ฤาษีก็พาเจ้าชายไปเดินเที่ยวเล่นในพระอุทยาน “องค์ชายเสด็จมาเที่ยวบ่อยไหม” ฤาษีชวนสนทนาต่อ

“นานๆ ที” เจ้าชายตรัสตอบและยิ้มให้

“องค์ชายรู้จักต้นไม้นั่นไหม” ฤาษีตรัสถามพลางชี้ไปที่ต้นสะเดาอ่อนต้นหนึ่งซึ่งสูงได้ ๔ นิ้ว และมีใบ ๒ ใบ

“ไม่รู้จัก” เจ้าชายสั่นพระเศียร

“ลองไปเด็ดมาเคี้ยวดูซี่”

เจ้าชายทรงทำตามที่ฤาษีทูลแนะนำ ไปเด็ดใบสะเดาใบหนึ่งมาเคี้ยว แต่ยังมิทันไรก็ทรงบ้วนทิ้งและตะโกนเสียงดังลั่น “ใบอะไร ขมจังเลย”

“เป็นอะไรไปหรือเจ้าชาย” ฤาษีแกล้งทูลถาม

“ก็ใบไม้นี้นะซี” เจ้าชายชี้ไปที่ต้นสะเดาด้วยท่าทางโกรธ

“มันใบต้นอะไร ขมจังเลย ต้นแค่นี้มันยังมีพิษร้ายขนาดนี้ ถ้าโตขึ้นพิษมันจะร้ายขนาดไหน ใครเผลอกินเข้าไปไม่ตายกันหมดหรือ” ว่าแล้วเจ้าชายก็เสด็จรี่ไปถอนต้นสะเดา แล้วขยำจนแหลกละเอียด มิหนำซ้ำยังทรงเหยียบซ้ำ

ฤาษีเห็นเหตุการณ์กำลังดำเนินไปตามแผน เนื่องจากได้สิ่งเปรียบเทียบ แล้วจึงทูลต่อไปว่า “องค์ชาย พระองค์ทรงถอนต้นสะเดาทิ้งก็เพราะพิโรธว่ามันมีรสขม และทรงรังเกียจว่าหากปล่อยให้มันโตใหญ่ขึ้นไปจะเป็นอันตรายต่อคนได้ องค์ชายก็เหมือนกัน ขณะนี้ทุกคนทั้งในและนอกพระราชวัง ต่างเห็นองค์ชายเป็นเหมือนต้นสะเดา และเชื่อได้ว่าต่อไปในภายภาคหน้า พวกเขาจะทำลายองค์ชายเหมือนอย่างที่องค์ชายทำลายต้นสะเดา”

เจ้าชายยืนฟังฤาษีพูดด้วยความตกตะลึง เพราะทรงนึกไม่ถึงว่าจะมีผู้บังอาจสอนพระองค์ได้อย่างแหลมคมเช่นนี้ ฤาษีเข้าใจท่าทีของเจ้าชายได้ดี จึงถือโอกาสนั้นถวายการอบรมว่า “องค์ชายจะต้องไม่ทำตัวเหมือนต้นสะเดาอีกต่อไปนับแต่นี้ ขอให้ทรงมีเมตตากรุณาต่อทุกคน และมีความอดทนหนักแน่นให้มาก ไม่ควรพูดให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจ แต่ควรพูดให้เกิดความรักความสามัคคี เพราะคนเหล่านี้ต่อไปก็คือผู้ค้ำบัลลังก์ขององค์ชาย”

ถึงตรงนี้ เจ้าชายมีอาการเศร้าซึมอย่างเห็นได้ชัด พระองค์เริ่มสำนึกผิดน้ำพระเนตรคลอ “พระคุณท่าน นับว่าโชคดีที่เสด็จพ่อได้พาข้าพเจ้ามาพบท่าน มิฉะนั้นแล้ว ข้าพเจ้าคงหลงตัวทะนงตนไปอีกนาน ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณท่านมาก”

ครั้นแล้ว เจ้าชายก็ก้มลงกราบฤาษีและทรงกล่าวปฏิญาณตนเป็นคนดีตลอดไป


นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การแก้ไขที่ยากลำบากนั้น คือการแก้ไขนิสัยคน ซึ่งบางครั้งต้องใช้เวลาและกลวิธีที่แยบยล เหมือนพระเจ้าพรหมทัตและฤาษีจากป่าหิมพานต์แก้ไขนิสัยเจ้าชายทุฏฐกุมารได้ ก็เพราะใช้เวลาและกลวิธีที่แยบยลฉะนั้น



........................ เอวัง ........................
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 24 พ.ค.2007, 2:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยิ้ม อายหน้าแดง
 
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ย. 2008, 4:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุครับ
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง