Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 รักนี้มีกรรม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 11:31 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



3545.gif




รักนี้มีกรรม



เขียนจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นโดย พ. พันธวัฒน์









เขาคือชายหนุ่มที่มีความหล่อเหลาเอาการ ทีเดียวใบหน้าคมคาย รูปร่างสมาร์ทสมxxxส่วนของชายชาตรีคนหนึ่ง จัดได้ว่าใครที่พบเห็นหรือสนทนาปราศรัยกับเขาแล้วจะต้องนึกชมเชยอยู่ในใจเสมอว่า ผู้ชายคนนี้รูปงามในบุคลิกลักษณะที่มีอยู่ ทำให้เขาเองเป็นที่ชื่นชมของบรรดาสาวๆ ทั้งหลายอยู่ไม่น้อย สาวใดที่รู้จักกับเขาแล้วดูเหมือนว่าจะหลงใหลเขาไปทุกคน อย่างน้อยก็แอบชอบเขาอยู่ในที และเอาไปเพ้อฝันเมื่ออยู่คนเดียวเงียบๆ เสมอ



แต่สำหรับสาวบางรายอาจจะถลำตัวเองลงไปถึงก้นบึ้งแห่งหายนะ เพราะทำใจไม่ได้ เอาใจตัวเองไปมอบแก่เขาโดยง่าย เอาตัวเองไปมอบแก่ชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ไปในที่สุด



“ทำไมเป็นเช่นนั้น”

มีใครคนหนึ่งถามขึ้นก็ได้รับคำตอบมาว่า



“ก็เพราะหล่อมองเห็นความหล่อของเขาเพียงภายนอก ผู้คนรูปงามมักจะมีเสน่ห์ เช่นเดียวกับผู้หญิงที่มีรูปร่างสะสวย มีเสน่ห์ ผู้ชายก็รุมทึ้ง”



“แต่ว่าหล่อนก็ไม่น่าเอาตัวเองไปทอดให้เขาชมเชยง่ายๆ นี่นา ผู้หญิงจะต้องรักนวลสงวนตัวเอง ทำไมถึงเป็นยังงั้นไปได้…”



“จะมัวมาเถียงกันทำไมวะเพื่อน”

ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาบ้าง หลังจากนิ่งฟังมานานพอสมควรแล้ว



“อ้าว เรื่องพรรค์นี้มันน่าคิด น่าพูดคุยกัน สนุกปากดี สนุกอารมณ์อีก”



“ก็จริง แต่ฉันขอพูดตรงๆ ว่ายอมให้เขาง่ายเกินไปก็เสียคน ผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียหาย ปล่อยให้เจ้าเชิดรูปหล่อคนนี้เขมือบ ก็หมายความว่าทนความหล่อของมันไม่ไหวนั่นแหละ ไม่ใช่อะไรอื่น ความอยากไม่ปรานีใครโว้ย”



“แหม พูดซะเสียหาย ยังไงเชิดก็เพื่อนของพวกเรานะเพื่อน”



“เออ เพื่อน บางทีฉันก็มีกิเลสเหมือนกันว่ะ”

ใครคนนั้นพูดออกมาอีก



“ทำไมวะ”



“อิจฉามัน อิจฉาอย่างว่าของมัน เจอของดีอยู่เรื่อย เดี๋ยวคนนั้น เดี๋ยวคนนี้ เดี๋ยวสาวเอ๊าะๆ เดี๋ยวแม่ม่าย เดี๋ยวสาวแก่ เดี๋ยว…โอ๊ย มันมั่วซั่วไปหมด มันฟันไม่เลือกเลย”



“ไอ้ผู้ชายอะไร เกิดมาเสือกรูปหล่อเหลือหลาย ยิ่งกว่าพระเอกหนังซะอีก”

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 11:41 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จริงทีเดียว เขาผู้นี้ เชิด เกรียงไกร เป็นคนรูปหล่ออย่างยิ่ง



เชิด เกรียงไกร มีการงานทำมาก่อน แต่เดี๋ยวนี้ลาออกมานั่งนอนกินเงินเก่า ที่เป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เขาไม่เดือดร้อนอะไรหรอกสำหรับเรื่องเงิน



โดยเฉพาะในยามนี้ ยุคโลกาภิวัตน์ที่เศรษฐกิจตกต่ำ เงินบาทลอยตัว มีความเปลี่ยนแปลงไปจากหนึ่งดอลล่าร์ปาเข้าไปถึงสี่สิบบาทกว่า ทำไมเงินไทยจึงอ่อนตัวยวบยาบไม่มีน้ำยาเช่นนี้หนอ



เชิด เกรียงไกร ก็ไม่แคร์อะไรกับสิ่งเหล่านี้เลย



เขายังใช้เงินเป็นเบี้ยทุกวัน เพราะคิดเสียว่าตนเองมีเงินมามายมหาศาล ใช้ยังไงก็ไม่หมด



เชิด เกรียงไกร ไม่ดื่ม ไม่สูบบุหรี่ สุขภาพเขาดีมาก อย่างเดียวที่เขาต้องการและชอบเป็นชีวิตจิตใจก็คือ เพศตรงข้าม



ผู้หญิงคือ สิ่งที่เขาต้องการมาก



แล้วก็ต้องการไปเรื่อยๆ ฟันฝ่าไปเรื่อยๆ



เปลี่ยนไปโน่นไปนี่เรื่อยๆ ชอบเสน่ห์ของสาวแปลกๆ กันออกไป ชอบความใหม่ที่สดสวยและอยากลองของที่ยังไม่เคยลิ้มลอง



บางทีเขาก็ไปฮ่องกง คลี่กี่เพ้าของหมวยผิวหยวก



บางครั้งเขาก็ไปนอนที่มาเลเซียบอกว่าไปดูหมวยที่นั่นเช่นเดียวกัน และก็อยากเห็นชาวพื้นเมืองอีกด้วย บอกว่าผิวดำเด่นดีมาก แปลกหูแปลกตาไปกว่าหมวย



วันดีคืนดีเขาก็ไปเวียงจันทน์ ดูสาวเวียงจันทน์ที่ใบหน้ากลมกลึง ผิวขาว หรือลูกครึ่งญวนปนลาว ญวนปนฝรั่งเศส ฝรั่งเศสปนลาว



เชิด เกรียงไกร บอกว่ามันพิลึกดี แปลกตาและแปลกรสชาติของการลิ้มลอง



รอบๆ เมืองไทยเขาไปหมด แถมบางทีโอกาสเหมาะเขาบินไปถึงฮาวายดูน้ำทะเลใส คลื่นจากท้องทะเล กับเสียงเพลงแลสะโพกดีดดิ้นของแม่สาวเอวสปริงสอดส่ายไปมาเข้ากับเมโลดี้ของเพลงแห่งท้องถิ่น…



ระบำฮาวาย…ของชาวฮาวายเอี้ยน อะหา…อะไรจะปานนั้น



เชิด เกรียงไกร รสนิยมสูงส่งมากนักหนา



แล้วเขาก็กลับมาที่เมืองไทยบ้านเกิดอีกครั้งหนึ่ง



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 11:43 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตรงดิ่งไปที่ดุสิตธานี โรงแรมชั้นหนึ่งที่ใครๆ ก็รู้จัก



เขาไม่เข้าบ้านหรอก แต่มาโรงแรมนี้เพราะเขาเช่าเอาไว้แล้วเป็นแรมเดือนและต่อเนื่องทั้งปี



เพื่อนของเขาถามว่าทำไมจะต้องมาเช่าโรงแรมพักเป็นปี



เชิด เกรียงไกร อธิบายให้คนๆ นั้นฟังพร้อมกับรอยยิ้ม



“นายจะต้องรู้นะโว้ย ฉันไม่ได้เอาเงินของฉันมาจ่ายค่าโรงแรมหรอก”



“อ้าว หมายถึงอะไรกัน ก็นายเช่าอยู่นายก็ต้อง”



เขาโบกมือทันที



“ไม่นายฟังฉันก่อนเพื่อน ฉันหมายถึงว่า ฉันเช่าที่นี่อยู่เดือนละหลายหมื่นบาทนั้นเพราะเขาลดให้แล้ว ในฐานะกันเอง แต่นายจะต้องรู้ว่าฉันมีดอกเบี้ยเดือนหนึ่งๆ จากหลายๆ ทางเข้ามา ฉันก็เอาดอกเบี้ยนั้นจ่ายเป็นค่าโรงแรมไป ซึ่งมันเพียงส่วนเดียวจิ๊บจ๊อยเท่านั้น”



“ก็เงินของนายนั่นแหละ น่าเสียดาย”



“อย่าไปเสียดาย ฉันคิดแล้ว บ้านหลังนั้นขายไปแล้ว ที่นายเคยไปน่ะ”



“อ้าว…”



เชิด เกรียงไกร หัวเราะเบาๆ

“เอาไว้ก็เปลืองค่าคนใช้ ค่าคนสวน ค่าอะไรต่ออะไรมากจิปาถะ เลยขายไปแล้วทั้งที่ดิน ตึกห้าร้อยกว่าล้าน เพราะที่ดินมันแพงตรงนั้นราคาเลยสูงหน่อย”



ฟังดูเขาพูดต่อไปอีก



“นายจะต้องเข้าใจอีกด้วย ฉันมาอยู่โรงแรมแห่งนี้สุขกายสบายใจดีมาก ไม่ต้องมีคนเฝ้าห้อง ไม่ต้องมียาม ไม่ต้องมีคนใช้ซักเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอนเปลี่ยนทุกวัน รักษาความสะอาดห้องก็ทุกวัน มาเมื่อไหร่ก็สุขสดชื่นทั้งนั้นโทรศัพท์ก็มีใช้ แอร์ก็มีตลอด ค่าน้ำค่าไฟก็ไม่ต้องวุ่นของก็ไม่หาย ไม่ต้องตัดหญ้า ไม่ต้องมีคนสวนดูแล”



ฟังเขาพูดแล้วก็คิดไปไกลทีเดียว เขาคิดอย่างนี้นี่เอง



นี่แหละเชิด เกรียงไกร ชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่ารูปหล่อและร่ำรวย ไม่มีความทุกข์อะไรกับคนอื่นทั้งนั้น



ตั้งหน้าตั้งตาตระเวนเที่ยวไปเรื่อยๆ ผนวกกับความสนุกสนานเรื่องนารี เรื่องการเปิดหูเปิดตา พบเห็นของใหม่ๆ แปลกๆ ไม่มีที่สิ้นสุด



เช่นเดียวกันวันนี้ เขามีนัดกับสาวหนึ่งที่รู้จักกันมาครั้งหนึ่ง และเคยพามาที่ห้องพัก



เชิด เกรียงไกร เดินลงไปที่ล็อบบี้ของดุสิตธานีรอคอยหญิงสาวที่เขานัดหมาย



เต๊ะท่านั่งที่โซฟาร์ ไขว่ห้าง และอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาไทยฉบับหนึ่ง มองผ่านไปเรื่อยๆ แล้วก็สนใจในหน้าบันเทิง ซึ่งมีดาราละครและภาพยนตร์มากมาย รวมทั้งนักแสดงหน้าใหม่ที่อยากดังหลายคน



เสียงฝีเท้าดังแว่วมาอีกด้านหนึ่ง เขาเหลือบสายตามองดูแวบเดียวแล้วก็ทำเป็นตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือต่อ ไม่รู้ไม่ชี้ จนกระทั่งเสียงฝีเท้านั้นดังใกล้เข้ามาหาตัวเขา และมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าพอดี ชายหนุ่มจึงเงยหน้ามองดูเจ้าของเรืองร่างอรชร

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 11:44 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“ จ๊ะเอ๋ …” หญิงสาวที่มาหยุดยืนอยู่ทักทายออกมา



“นุช นึกว่าไม่มาซะแล้ว”



เชิดทักทายและยิ้มหวานทีเดียว ทำเอาหญิงสาวที่ชื่อนุชยิ้มตอบพร้อมกับค้อนให้หนี่งวง



“เชิดนัด ไม่มาได้เหรอคะ นุชรอโทรศัพท์อยู่เสมอ แต่มือถือเชิดก็ไม่เปิด ใจร้ายนัก ไม่รู้ไปทำอะไรอยู่”



“เปิดเอาไว้ขี้เกียจรำคาญพวกที่ไม่ชอบขี้หน้า ผมก็เลยปิดตลอด จะโทรก็โทรออกเอง อ้อ นุชจ๋า รู้ตัวมั้ยวันนี้”



“ทำไมคะ”



“นุชสวยหยาดเยิ้ม มองดูแล้วน่ากอดมาก”



เขายืนขึ้นมาเคียงข้างหล่อน มือข้างหนึ่งโอบรอบเอวค่อยๆ บางเบา



“ปากหวานตามแบบฉบับของเชิด เกรียงไกร ตามเคยนะ”



“ นุชจ๋า รู้รึเปล่าว่าผมมีหัวใจยังไงกับนุช ”



“ใครจะไปทราบคะ หัวใจของเชิด ไม่ใช่หัวใจของนุชเมื่อไหร่”



ชายหนุ่มพาหล่อนเดินออกไปช้าๆ จากที่ตรงนี้ออกไปอีกด้านหนึ่ง มองเห็นสระว่ายน้ำที่มีแหม่มสาวสองคนกำลังว่ายน้ำอยู่



“ นุชน่าจะทราบว่าหัวใจของเชิดคนนี้ร่ำเรียกหานุชอย่างไร ภาพในอดีตที่เราสองคนอยู่ด้วยกันแบบไม่มีใครมารู้เห็น ผมประทับใจมาก นุชจ๋า นี่ผมพูดเรื่องจริง”



หญิงสาวไม่ตอบเขา เพราะความจริงเป็นอย่างที่เขาพูดออกมา



หล่อนถูกเขาพาเข้าไปในห้องพัก พูดจาจู๋จี๋กันอย่างมีความสุข สุขจาก รสชาติของสิ่งที่เกิดขึ้นในยามนั้นทำให้หล่อนคิดมากและอยากจะมาหาเขาอีกตั้งนานแล้ว ดีแต่ว่าเชิดไม่โทรไปหาหล่อนเท่านั้นเอง เมื่อเชิดบอกว่าเขามาแล้วจาก ณ ที่แห่งหนึ่งอันห่างไกล นุชก็โผล่ถลาร่อนมาหาเขาไม่รั้งรอ

เชิด เกรียงไกร เป็นชายหนุ่มที่ไวไฟมากในเรื่องนี้นั่นก็เพราะชีวิตของเขาถูกสร้างมาให้เป็นอย่างนี้กระมัง



เขาจึงขาดเพศตรงข้ามไม่ได้

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 11:45 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่นานนัก นุชก็มากับเขาอีก หล่อนถูกพาเข้าไปในห้องพักของเชิด เกรียงไกรไปแล้ว



เขี้ยวเล็บเสือร้ายของเชิด เกรียงไกร ที่ดูเหมือนกระหายหิวอยู่เสมอนั้นทำหน้าที่ทันที



ร่างของหญิงสาวอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อประตูห้องปิดลง จมูกและปากของชายหนุ่มรูปหล่อฝังแน่นลงไปที่ริมฝีปากนุชหญิงสาวที่เขารู้จักเป็นครั้งที่สอง จากงานสังคมแห่งหนึ่งที่ดุสิตธานีแห่งนี้



บรรยากาศวันนั้นกับวันนี้แตกต่างกันมาก



วันนั้นดึกดื่นจากงานเลี้ยงที่หรูหรา แล้วนุชก็มึนเมาพอสมควร เชิด เกรียงไกร จึงพาหล่อนขึ้นมาบนชั้นที่ 14 ซึ่งเป็นชั้นที่เขาพักอยู่อย่างไม่น่าเชื่อ



นุชลืมตัวไปเพียงชั่ววูบ หล่อนก็เข้าสู่ภวังค์แห่งความเริงร่าอย่างช่วยไม่ได้



นี่แหละสตรี เพศที่ปล่อยตัวปล่อยใจตัวเองอย่างไม่น่ากระทำ



หล่อนต้องตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของผู้ชายคนนี้แบบไม่มีค่าอะไรเหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว



วันนี้ไม่ใช่ยามดึกดื่นอย่างวันนั้น แต่เพียงหัวค่ำหนึ่งทุ่มเศษเท่านั้นเอง



“นุชจ๋า” เสียงเชิด เกรียงไกร พึมพำเบาๆ และซุกซนไปเรื่อย



“เชิด…เอ้อ…”

ชายหนุ่มยังคงใช้การจุมพิตอย่างดูดดื่มกับนุชต่อไปอย่างไม่เบื่อหน่าย



นุชเองก็ตอบสนองเขาอย่างดียิ่ง ดูเหมือนหล่อนก็มีความสุขกับเขาอย่างที่สุด จะเป็นด้วยอะไรก็ไม่ทราบหากแต่ว่าความหล่อเหลาของผู้ชายคนนี้มีอยู่เป็นเหมือนพลังสำคัญที่ทำให้หล่อนโอนอ่อนผ่อนตามเขาเสมอ ไม่ว่าเขาจะสั่งให้ทำอะไรก็ตาม



“ผมรักนุช…นุช”

หญิงสาวไม่ตอบแต่หลับตาเคลิ้มเหมือนกำลังฝัน ปล่อยตัวเองไปเรื่อยๆ



เชิด เกรียงไกร ยัดเยียดความเป็นหนุ่มให้หล่อนอย่างตระกรามเหมือนไม่เคยพบไม่เคยเห็น ซึ่งนุชเองก็ไม่ขัดขืนจริงๆ



เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งชั่วโมงเศษ



“นุชจ๋า…ผมกำลังจะทำอะไรสักอย่าง สำคัญมากต้องเดินทางอีกแล้ว”



“ไปไหนคะ” หญิงสาวรีบซักถามเขาทันที



“ คราวนี้ไม่ไปไกลมาก แต่สุดเหนือทีเดียว ในเมืองไทยนี่เอง”



“ที่ไหนคะ”



“แม่สาย เชียงราย” เขาตอบ และโอบกอดหล่อนเอาไว้อีก แนบร่างของนุชเข้ามาเบียดกับตัวเอง



“คุณไม่เคยไปที่แม่สายไม่ใช่เหรอคะ”



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 11:47 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“ยังเลย ครั้งแรก แต่ต้องไปเพราะจำเป็น”



“ธุรกิจอะไรกันนะ ให้นุชไปด้วยคนซี”

เชิด เกรียงไกร กอดหล่อน



“ งานสำคัญ งานที่ผมจะต้องไปทำเองด้วยตัวเอง นุชไปไม่ได้หรอกเพราะจะเกิดความสับสนยุ่งยากได้ แต่เสร็จงานแล้วผมก็กลับมาหานุชเหมือนเดิมอีก”



“เชิดไปหาผู้หญิงเหนือหรือคะ”



“เปล่า ทำไมนุชเข้าใจยังงั้น”

เขาเพ่งมองเข้าไปในดวงตาหญิงสาวเหมือนพยายามจะคาดคั้นว่ารู้มาจากไหน



“สาวเหนือสวยๆ ทั้งนั้น ผิวก็งาม ขาวผ่องเชียว พูดจาก็เพราะ อ่อนหวานไปหมด เชิดเป็นผู้ชายรูปหล่อเจ้าชู้อีกด้วย นุชว่า”



“พูดอะไรก็ไม่รู้ ไม่เอา นี่เป็นงานนะที่รัก ธุรกิจสำคัญมาก มีพรรคพวกทางเหนือเขาชักชวนเขาอยู่ที่เชียงราย งานสำคัญ แต่รับรองว่าไม่ใช่งานผิดกฎหมายเรื่องสิ่งเสพย์ติดไม่มี เพราะคนอย่างเชิด เกรียงไกร ไม่ใช่คนเช่นนั้น ผมมีเงินมากพอที่จะไม่จำเป็นจะต้องเสี่ยงภัยเสี่ยงชีวิต เสี่ยงการเสียชื่อเสียงวงศ์ตระxxxล”



“ไปกี่วันคะ เชิดขา”



“ไม่แน่ อาจจะอาทิตย์ อาจจะครึ่งเดือน หรืออาจจะหนึ่งเดือน ไม่แน่ ถ้าใจผมคิดว่างานสำคัญนี้ไม่มีอะไร อาจจะไม่กี่วันก็ได้” เขาพูดและคิดอยู่ในใจ



หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วก็เอ่ยขึ้นเบาๆ

“งานสุจริตอะไร นุชไม่ว่าหรอก ขออย่างเดียวเท่านั้น อย่าเป็นเรื่องผู้หญิงก็แล้วกัน นุชกลัวจริงๆ กลัวว่าเชิดของนุชจะไปหลงเสน่ห์สาวทางโน้นเข้า แล้วก็ไม่มา”



“โถ คนดีของผม” เขากอดก่ายหญิงสาวเอาไว้เป็นการปลอบขวัญ หอมที่แก้มเบาๆ อีกไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว



หญิงสาวแนบแน่นอยู่กับเชิด เกรียงไกร อีกนานทีเดียว ต่างก็เคลิ้มไปด้วยกัน



“นุชจ๋า”



“ขา”



“เดี๋ยวเราขับรถออกไปหาอะไรกินกันนะที่รัก”



“ไปไหนคะ”



“ที่ไหนก็ได้ แต่ที่นี่เบื่อแล้ว ชั้นสูงสุดก็เบื่อ อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปทางนอกเมืองบ้าง นุชว่าไง”



“นอกเมือง แต่ว่าที่ไหนเล่าคะ”



“ไปกินอาหารทะเลแถวแม่กลองดีมั้ยที่รัก”



“ ค่ะ เชิดว่าดี นุชก็ต้องดีด้วย ”



“ชื่นใจของผม แบบนี้รักตายเลย ทำไมนุชจึงน่ารักอย่างนี้ก็ไม่รู้ นี่ นี่”



เขากอดรัดฟัดเหวี่ยงหญิงสาวต่ออีกด้วยความเมามัน

บทเพลงแห่งรักดำเนินต่อไปอีก แล้วเชิด เกรียงไกร ยังคงตักตวงเอาความสำเริงสำราญเบิกบานใจของเขาอีกต่อไปไม่หยุดยั้งเลย



นี่แหละคือคนอย่างเชิด เกรียงไกร



นุชเหนื่อยอ่อนระโหยร่างแบบบางของหล่อนต้องมาถูกขยำขยี้อย่างชอกช้ำมากมาย



ในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปแล้ว ทั้งสองอยู่ในเครื่องแต่งกายเรียบร้อย หลังจากปล่อยตัวปล่อยใจให้หลงระเริงสับสนไปหมดในเรื่องของอารมณ์รุ่มร้อนที่เกิดขึ้นมา



เชิด เกรียงไกร ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงของเขา หยิบเอาอะไรสิ่งหนึ่งออกมาด้วย ส่งให้นุชสาวสวยที่เป็นคู่ขาของตน

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 11:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“ นุช ของขวัญเพื่อนุชคนเดียวของผม ”



“อะไรคะ” หญิงสาวสงสัย สิ่งที่เขาส่งมาและที่หล่อนรับเอาไว้ก็เป็นกล่องกำมะหยี่สีแดง มันหมายถึงเครื่องประดับอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน



เมื่อเปิดออกดู สายตาของหญิงสาวก็เบิกโพลงออกมาทันที



ประกายของมันวูบวาบแวววาว เล่นกับแสงไฟอย่างน่าสนใจยิ่ง



เพชรเม็ดงามในเรือนแหวนทองคำขาวนั้นช่างสวยงามอะไรเช่นนี้



แหวนเพชร

แหวนเพชรลูกที่สดสวย หญิงสาวมองดูอย่างละลานตา ใจเต้นแรง เพราะหล่อนทราบดีว่าเพชรเม็ดงามเม็ดนี้หาใช่ธรรมดาไม่



“เชิดขา…นี่คุณ”



“นี่คือเครื่องหมายแห่งความรักที่ผมมีต่อนุชคนเดียวของผมที่รักมากที่สุดในโลก เวลาคิดถึงผมนุชก็ดูแหวนเพชรวงนี้ เชิดยังคงอยู่และรักนุชตลอดเวลา ที่รัก”



“โอ…เชิด”

ชายหนุ่มหยิบแหวนเพชรวงนี้มา ดึงมือของหญิงสาวมาด้วย บรรจงสวมแหวนเพชรวงงามแก่หล่อนอย่างเอาอกเอาใจ แล้วก็รวบร่างของนุชเข้ามากอด ฝังรอยจูบลงไปที่ริมฝีปากสาวสวยอย่างดูดดื่ม



อะไรไม่รู้ทำให้ชายหนุ่มดันร่างของหญิงสาวตรงเข้าไปที่เตียงนอนอีกแล้ว



นุชเห็นดังนั้นก็ชะงักทันที เพราะหล่อนเข้าใจในความหมายของชายหนุ่มนั่นเอง



“เชิดขา พอทีเถอะ อย่าให้มากไปกว่านี้ซีคะ ที่รักเดี๋ยวก็ไม่สบาย”



“ผมรักนุชนี่”



“รู้ค่ะ เราไปกันเถอะ ยังมีวันหน้าอีกมากมายนักสำหรับเราสองคน เชื่อนะคะคนดี”



“เดี๋ยวผมจะพานุชไปหาอะไรกินกันให้อร่อยที่สุด อาหารทะเล แม่กลอง กุ้ง หอย ปู ปลา เยอะแยะ สดๆ ด้วย”



“ค่ะ”



“กลับมาที่นี่ ผมจะต้องนอนกอดนุชอีกนะ ที่รัก”



“ตายละ เชิดขา ทำไมคุณ”

หญิงสาวตกใจมองหน้าเขาแล้วสั่นศีรษะ



“เพราะผมรักนุช รักมาก”



หญิงสาวไม่ตอบ ชายหนุ่มโอบกอดหล่อนเข้ามาอีก พาเดินไปที่รถเก๋งส่วนตัวของเขาที่จอดอยู่ด้านหนึ่งรวม 2 คันพอขึ้นรถเตรียมจะออกเดินทาง โทรศัพท์มือถือของเขาก็ส่งสัญญาณดังขึ้นมา



“พอเปิดเครื่องก็ทันทีเลย เห็นมั้ย ใครกันนะโทรมาตอนนี้”

เมื่อเขารับก็ว่าใครที่โทรมา ทำให้เชิด เกรียงไกรหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความพึงพอใจ

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 11:51 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“โอย นึกว่าใครที่ไหน นายเองเหรอเปี๊ยก ว่าไง”



“จะขึ้นเหนือเมื่อไหร่ จะได้ต้อนรับ วันไหนว่ามาเลย”



“เร็วๆ นี้แหละน่า ใจร้อนทำไมวะ”



“ ไม่ใช่ใจร้อน เรื่องของนายฉันพร้อมเสมอ แต่ว่ามันแปลกมากถ้าจะทำยังงั้น มันแปลกจริงๆ นะเชิด เล่นอะไรกันแน่”



“ แปลกหรือไม่แปลกแกก็อย่าคิดมาก ฉันทำอะไรมันแปลกเสมอ แนะนำอะไรให้น่ะฉันขอบใจมาก เพราะฉันยังไม่รู้เหนือรู้ใต้เลย กับเรื่องราวของทางเหนือ เออเอายังงี้ก็ได้”



“เอาไง ว่ามา”



“วันจันทร์ฉันไปแน่ บินไปเลย เครื่องลงเชียงรายเวลาอะไรค่อยพูดกัน แล้วเราก็ไปแม่สายต่อ นายคิดว่ายังไงดีก็ว่าไปเถอะ สำหรับฉันพร้อมเสมอนั่นแหละว่ะ เอา เจ้าเปี๊ยก”



“เวลานี้แกกำลังทำอะไรอยู่ เชิด”



“จะไปหาอะไรกินข้างนอกว่ะ”



“ไปกับใคร”



“แฟน”



“อะไรนะ พูดใหม่ซิ”



“ฉันพูดว่ากำลังจะไปกินข้าวข้างนอกกับแฟนคนสวยของฉัน”



“โธ่เอ๊ย เชิด” เสียงของเปี๊ยกพรรคพวกของเขาเอ่ยออกมาอย่างน่าเบื่อหน่าย



“นายทำไมไม่รู้จักพอวะทำไมถึงถมไม่เต็มซักที”



“ เต็มน่า เต็มอยู่ แต่บางทีมันก็พร่องลงไปบ้างก็จะต้องเติมกันใหม่ ”



“เกิดเป็นนายนี่บอกตรงๆ ไม่เบื่อบ้างหรือไง”



“เบื่ออะไรวะ”



“ก็เบื่อเพศตรงข้ามน่ะซี มันมากมายแล้วนะ บ่อยมากเกินไปแล้ว เชิดโว้ย”



“เบื่อเหมือนกัน แต่เบื่อๆ อยากๆ ว่ะ ทำยังไงได้ เกิดเป็นผู้ชายมันก็จะต้องเป็นยังงี้แหละ เป็นคนซื่อบื้ออยู่ทำไมเล่า เกิดมาก็เสียชาติเกิดเปล่าๆ ฉันไม่อยากเหมือนนายที่มีเมียแล้วก็จมอยู่กับบ้าน รับประทานแต่น้ำพริกถ้วยเก่าตลอดปีตลอดชาติ ว่าน้ำพริกอ่อง แคปหมู แกงฮังเล แกงโฮะ มันก็เบื่อ โอ๊ย อะไรเล่านุชจ๋า”



“นายว่ายังไงนะ เชิด”



“เปล่าๆ ไม่มีอะไร โอ๊ย เอ๊ นุช โอ๊ยๆ” นุชหยิบทึ้งแขนชายหนุ่มด้วยความหมั่นไส้ เชิด เกรียงไกรจึงร้องออกมาดังๆ

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 11:52 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“อะไร เกิดอะไรขึ้น นายถูกอะไรหรือ”



“ไม่หรอก พอดีมดแดง มดคันไฟกัดเอา โอ๊ยเอาอีกแล้ว”



“เออ เท่านั้นก่อนนะ ฉันพร้อมนายมาได้เลย ฉันเตรียมต้อนรับเต็มที่ แล้วก็ทุกอย่างคิดว่าไม่น่าผิดหวังอะไรหรอก”



“เออ ขอบใจมาก เปี๊ยก บ๊ายบาย”



“เรื่องผู้หญิงเสมอนะคะ เชิด เกลี๊ยด เกลียดผุ้ชายเจ้าชู้นี่”

เสียงนุชเอ่ยออกมา ค้อนให้ชายหนุ่มสองวงซ้อน



“พูดเล่นกันน่าที่รัก”



“ฮึ ใครจะรู้คะ เล่นหรือจริง นี่จะต้องมีอะไรกันแน่ๆ ไปเมืองเหนือคราวนี้เชิดจะต้องมีอะไรลับลมคมในแน่นอน แล้วก็คงจะเป็นเรื่องผู้หญิงอีกด้วย ผู้หญิงเมืองเหนือที่นุชเคยพูดเมื่อตะกี้นี่ว่าสวย ผิวดี น่ารัก คอยดูนะ ถ้าเชิด ไปยุ่งกับแม่สาวคนไหนล่ะก็ นุชไม่ยอมด้วย ”



“โธ่เอ๊ย ที่รัก ไม่มีอะไรหรอก บอกก็เชื่อกันมั่งซีจ๊ะ เอาล่ะ รีบไปกันดีกว่า กลับมาเราจะต้องมีงานยุ่งกันอีกแล้วนะ”



“เอ๊ะ งานอะไรคะ”

ชายหนุ่มเอียงหน้าเข้าไปกระซิบที่หูของหล่อน



“บ้าใหญ่แล้ว เชิดนี่ สองครั้งแล้วนะ ยังไม่พอใจอีกเหรอ คนอะไรไม่รู้ บ้าอยู่เรื่อยเชียว”





ที่เชียงราย จังหวัดเหนือสุดของประเทศไทย

แผ่นดินที่จรดอาณาเขตของพม่า กั้นอาณาเขตเอาไว้ด้วยแม่น้ำแม่สาย แม่น้ำเล็กๆ ที่มีอยู่เท่านั้น ในหน้าแล้งก็สามารถเดินข้ามไปมากันได้



อำเภอแม่สายเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดเชียงรายที่มีเขตแดนติดกับรัฐฉาน ประเทศพม่า มีการค้าขายต่อกันอย่างคึกคัก ผู้คนไปมาหาสู่กัน คนไทยไปฝั่งพม่า คนพม่าไทยใหญ่ก็ข้ามสะพานที่เชื่อมต่อกันผ่านไปมา ภาพเหล่านี้จะเห็นเป็นกิจวัตรทีเดียว



เชิด เกรียงไกร มาพบกับเกลอเก่าที่เรียกนิคเนมกันว่า “เปี๊ยก” ที่ตัวจังหวัดแล้วสองวันเต็ม ปรึกษาหารือกันต่างๆ ในธุรกิจบางอย่างที่มีอยู่



“ทำไมนายมีความคิดอย่างนี้ก็ไม่รู้ เชิด นายคิดยังไงของแก พิเรนนะ” เปี๊ยกเกลอของเขาเอ่ยขึ้น



“นายว่าประหลาดเหรอ” เชิด เกรียงไกร ถามยิ้มๆ



“เออ บ้าหรือเมาก็ไม่รู้ เศรษฐีอย่างนายมาทำอะไรเล่นบ้าๆ แบบนี้ มันน่าขำแล้วก็น่าทุเรศซะอีกด้วย”



“ฉันว่าน่าสนใจมากกว่า เพราะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเขาทำกัน สนุกดีมาก ถ้าทำสำเร็จ แล้วก็ได้อะไรแปลกๆ มาเปลี่ยนบรรยากาศอีกด้วย ฉันว่านายทำตามนี้ก็แล้วกัน ตกลงนะ”



“ก็ตกลงไปแล้ว พรรคพวกของฉันเขาติดต่อเอาไว้แล้ว รับรองว่าสะดุดตามาก สวยงามน่าดูชม นายเห็นน่าจะถูกใจ แต่”



“อย่าแต่มากนัก ฉันเซ็งว่ะ เอาเป็นว่าให้นายดำเนินงานตามแผนที่กำหนดก็เป็นอันว่าใช้ได้ อย่าให้ผิดหวังหรือถึงเวลาแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงล้มเหลวไม่ได้”



“เงินถึงแล้ว ฉันว่านายไม่น่าวิตกหรอก”

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 11:54 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“เปี๊ยก กิจการของนายเป็นยังไงตอนนี้ เรื่องไร่ยาสูบกับโรงบ่มใบยา”



“เรื่อยๆ พอมีกำไรบ้าง ไม่ฟู่ฟ่าอย่างเมื่อก่อนบางทีเกือบกลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็เคย ถามทำไมเพื่อน”



เชิด เกรียงไกร มองหน้าเกลอเก่าของตนเองพยักหน้าช้าๆ

“หากจะให้ฉันช่วยนายก็บอกมาได้เลย อย่างเกรงใจฉัน เพราะเราเป็นเพื่อนกันเข้าใจมั้ย”



“ ขอบใจเพื่อนจริงๆ เชิด ถ้าฉันเดือดร้อนบางทีอาจจะขอร้องนาย ให้ช่วย”



“เออ มันต้องยังงั้น เอาละ ตอนนี้ว่าถึงเรื่องของฉัน พรุ่งนี้ใช่มั้ยที่เราจะเจอกันที่แม่สาย”



“เออ น่า นายนี่ใจร้อนมาก พรุ่งนี้แน่นอน พรรคพวกของฉันจะมาคอยอยู่ที่จุดนัดหมาย แล้วต่อจากนั้นนายก็บรรเลงไปได้ตามที่ต้องการ มีอะไรก็บอกได้หากติดขัด”



“เรื่องเงินขาดเหลือบอกมานะ ฉันก็พร้อมที่จะจ่ายให้อีกเสมอ เปี๊ยก นายบอกพรรคพวกนายอย่างเดียวว่าจะต้องทำให้ดีที่สุดเท่านั้น”



“เออน่า ที่นายให้มาก็เพียงพออยู่แล้ว แต่ว่า เฮ้อนายไม่น่าหาเรื่องดิ้นรนสนุกสนานอะไรกับเรื่องพรรค์นี้เลย พูดก็พูดเถอะ”



แล้วเชิด เกรียงไกร ก็เดินทางโดยรถเก๋งส่วนตัวของสหายของตนไปยังอำเภอแม่สาย อำเภอเดียวที่ตั้งอยู่ตอนเหนือสุดของประเทศไทย



เชิด เกรียงไกร ถูกพาไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีกระท่อมเรียงรายอยู่ที่เชิงเขาลูกเตี้ยๆ ที่ลานกว้างติดกับป่าละเมาะแห่งนั้น เขาก็ได้พบเห็นสิ่งที่เขาต้องการ



เขาเพ่งมองเรือนร่างของหล่อนที่ค่อนข้างเตี้ย แต่มองดูทรวดทรงองค์เอวก็น่าเอ็นดูยิ่งนัก แม่สาวที่มีอะไรแปลกหูแปลกตาผู้นี้



เสียงกรุ๋งกริ๋งของเหรียญเงินบริสุทธิ์จากพม่ากระทบแว่วมา ลูกปัดแดงระย้ารวมกับขนหางกระรอกห้อยประดับอยู่อย่างเหมาะสม



หมวกผ้าทรงสูงของแม่สาวคนนี้ทาบลงที่ทรงผมแสกกลางมองเห็นตรงด้านหน้าเล็กน้อย



กระโปรงของหล่อนสั้นเหนือเข่าสีแดง ดำ เหลืองแสด



มองดูนัยน์ตาซื่อของหล่อนแล้วก็รู้สึกไปต่างๆ

หล่อนเป็นผู้หญิงที่น่าจะซื่อไร้เดียงสา เป็นผู้หญิงที่มีความงามไปแบบหนึ่ง แม้คราบของความเย็นชาจะปรากฏอยู่บ้าง หล่อนก็ยังแฝงไปด้วยอารมณ์สัมผัสล้ำลึกเกินจะเอ่ยถึง



เชิด เกรียงไกร จับตามองผู้หญิงคนนี้ไม่วางตาหล่อนนั่งนิ่งยังไม่มีถ้อยคำใดๆ เอ่ยออกมาจากริมฝีปาก



เชิด เกรียงไกร ย่างก้าวเข้ามาหาหล่อน สายตาจ้องจับใบหน้านั้น หล่อนยังอยู่ในวัยกำดัด กระตุ้นให้ราคะจริตของคนอย่างเขาร้อนฉ่าไปทั่วสรรพางค์



ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก หยุดยืนมองดูผู้หญิง ชาวเขาผู้นี้ด้วยความสนใจ

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 11:55 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“ฉันไม่นึกว่าจะพบเธอที่นี่ แล้วก็คิดไม่ถึงว่าเธอจะสวยขนาดนี้ด้วย ฉันมีความรู้สึกว่าเราจะมีความรู้สึกตรงกันอยู่แล้ว ใช่มั้ย ฉันเคยฝันถึงเธอมาก่อนหน้าที่จะพบกันด้วย รู้รึเปล่า”



สายตาของสาวน้อยเหลือบมองเขาแล้วก้มลงต่ำอีกเช่นเดิม แล้วหล่อนก็ลุกขึ้นยืนเดินมาอีกทางหนึ่ง



เชิด เกรียงไกร ย่างก้าวตามทันที



“ ความจริงฉันรักธรรมชาติแบบนี้มาก จึงอยากจะมาที่นี่แล้วก็สมใจตัวเอง รู้มั้ย ฉันรักที่นี่ รักแม่น้ำแม่สาย รักภูเขาที่นี่ รักทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่ แล้วก็รักเธอด้วยนะวอซาเมียะ ”



“รัก รักวอซาเมียะ”



“จ้ะ ใช่แล้ว ฉันวอซาเมียะ ก็คือตัวเธอนี่เอง รักแบบอยากเอามาเป็นคู่รัก รักเพื่อเอามาเป็นคู่ครองของฉัน เข้าใจมั้ย”



“คู่ครอง อะไรกันคะนาย เอ้อ นายเชิด”



“หมายถึงการเป็นสามีภรรยากันยังไง ผัวเมียนั่นแหละจ้ะ เธอเข้าใจรึเปล่าการอยู่กินร่วมกัน แล้วมีอะไรกันอย่างนั้น เธอรู้อยู่”



คราวนี้เด็กสาวปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่กระดากอาย

“ลูก ก็เด็กตัวน้อยๆ หรือคะ นายเชิด”



“ใช่ซี่ แต่อย่าเรียกฉันว่านายดีกว่า เรียกเชิดเฉยๆ ก็ได้”



“เชิด”



“นั่นละ เชิด เชิด ถูกต้องแล้ว”



“เชิด…เชิด”



“ใช่ การอยู่กินร่วมกันระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง จะต้องเกิดลูกหลานขึ้นทั้งนั้น นี่รู้มั้ย ฉันรักเธอจริงๆ นะ รักตั้งแต่มองเห็นรูปร่างหน้าตาของเธอครั้งแรกแล้ว รักเธอ วอซาเมียะ”



เชิด เกรียงไกร เดินย่างก้าวเข้ามาอีกจนชิดร่างของวอซาเมียะ เด็กสาวถอดถอยหนีเล็กน้อย แต่เชิดก็จับแขนหล่อนเอาไว้



“ มองดูหน้าของฉันซี วอซาเมียะ มองดูว่าฉันรักเธอหรือเปล่า มองดูให้เต็มตาก็ได้ แล้วเธอก็จะรู้เองว่าฉันพูดจริงมั้ย”



สาวชาวเขาเอ่ยออกมาเหมือนละเมอ มองดูหน้าเขาแล้วมองออกไปอีกทางที่ขุนเขาข้างหน้า



“คงจะยากนักค่ะ นาย เอ๊ย เชิดคะ คงจะยากเสียแล้วชาตินี้”



“ทำไม หมายถึงอะไร ยาก ทำไมจะต้องยาก มันอยู่ที่ใจเธอเอง เธอก็โสดอยู่แล้ว ยากตรงไหน ยากอะไร ไม่ยากเลย”



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 11:57 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“แต่ว่าเชิดเป็นคนไทย แม้จะอยู่ที่นี่ก็ตาม เป็นคนละเผ่าพันธุ์กับวอซาเมียะ เราห่างกันมาก เชิด วอซาเมียะเป็นชาวเขาเผ่าอีก้อ ตระxxxลมายอ เราจะรักกันได้ยังไงคะเชิด เป็นไปไม่ได้จริง ๆ”



“เธอพูดภาษาไทยได้ดีมาก วอซาเมียะ ชัดเจนดีและไม่น่าเชื่อ ใครเป็นคนสอนเธอ”



“ลองทายซีคะว่าใครสอนวอซาเมียะให้พูดภาษาไทยได้ชัดเจนเหมือนผู้หญิงคนไทยทั้งหลาย”



เด็กสาวหัวเราะออกมาอีก รู้สึกว่าคุ้นเคยกับเชิดมากขึ้นเป็นพิเศษ



เชิด เกรียงไกร สั่นศีรษะแสดงว่าไม่รู้เรื่อง เดาไม่ออก แต่สายตาจับจ้องที่เรือนร่างและใบหน้าของเด็กสาวไม่วางตา

แล้วเขาก็รู้เรื่องจากความเป็นจริงที่มีอยู่



“ต.ช.ด. ยังไงคะ พวกตำรวจ ต.ช.ด. สอนให้พูดภาษาไทยภาคกลางชัดๆ วอซาเมียะก็จดจำเอามาทุกวันนี้พบเจอคนไทยภาคกลางเราก็พูดจากันได้เสมอ จนบางทีบางคนก็พูดว่าวอซาเมียะเก่งมาก”



เชิด เกรียงไกร ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จนสาวน้อยวอซาเมียะสังเกตเห็นได้ชัดว่าน่าจะมีอะไรอยู่ในใจของผู้ชายคนนี้แน่



“เชิ ดคะ”



“หือม์…”



“ คุณเชิดมีอะไรหนักอก ทำไมจะต้องถอนหายใจใหญ่ด้วย ”



เชิด เกรียงไกร มองหน้าเด็กสาวเผ่าอีก้อผู้สดสวยด้วยความรู้สึกพึงพอใจมาก ไม่น่าเชื่อว่าสาวชาวเขาผู้นี้จะมีความสวยงาม แก้ม ปาก คิ้ว คาง ดวงตา มองดูน่ารักไปหมด



“วอซาเมียะยังไม่เข้าใจ รู้รึเปล่า ว่าฉันเบื่อหน่ายตัวเอง มีความรู้สึกยังไงชอบกล ตั้งแต่ที่ฉันเห็นเธอแล้ว”



“นั่นซีคะ ทำไม”



“ฉันรักเธอ รักเธอ รักวอซาเมียะ ได้ยินรึเปล่า”



เด็กสาวแหงนหน้ามองดูเขา แม้ว่าร่างของหล่อนจะสูงเพียงราวนมของเขาก็ตาม แต่มีความรู้สึกว่าเชิดก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงในความรู้สึกของตนเอง ให้เป็นไปตามวิถีทางที่เขากำหนดและต้องการ



“ เชิด ควรจะรู้ วอซาเมียะอยากพูดตรงๆ ว่าไม่เคยรังเกียจคุณเลยค่ะ ”



“จริงเหรอ”

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 11:58 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“ค่ะ จริงๆ วอซาเมียะเองก็รัก …เอ้อ รักเชิด”



“แต่ทำไมเธอชอบหวงตัว หวงตัวเองเหลือเกินแตะต้องก็ไม่ค่อยได้ จับแขนก็ดึงแขนออกไป จับมือก็มักจะดึงมือเอาออกไปอีก เราทำเหมือนกับว่าฉันเองเป็นคนอื่น ทั้งๆ ที่เราเองก็รู้จักกันมาแล้วนี่นา”



สายลมพัดมาหวีดหวิว ปุยเมฆสีขาวสะอาดบนท้องฟ้าผ่านยอดดอยไปลิบๆ



วอซาเมียะมองดูหน้าชายหนุ่มผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าของตัวเอง น่าแปลกที่ใบหน้าของหล่อนเกลี้ยงเกลา ไม่มีริ้วรอยจุดด่างดำของไฝฝ้าแม้แต่น้อย



“เชิดเป็นคนไทยพื้นราบ วอซาเมียะเป็นอีก้อ มันพูดยากนะคะ อีก้อไม่เคยมายืนพูดจาเกี้ยวพาราสีกันโจ่งแจ้งอย่างนี้เลย”



“ไม่มีอย่างนี้ ทำไมเล่า”



“เรามีข้อห้ามนะคะ เชิด”



“ข้อห้ามอะไรกันไม่เข้าใจ เธอพูดเอาตัวรอดหรือรังเกียจฉันมากกว่าใช่มั้ย วอซาเมียะ เธอพูดออกมาได้เลย”



เด็กสาวถอนหายใจอีก อึดอัดในการตอบโต้กับชายหนุ่ม

“เรามีข้อห้ามจริงๆ การลงมาจากดอยเพื่อหาซื้อข้าวของหรือเอาของมาขายแบบนี้ ไม่ใช่มาพูดคุยกันเรื่องความรักความใคร่แบบต้องการเป็นของกันและกันค่ะเชิด คุณจะต้องเข้าใจด้วย นี่วอซาเมียะพูดความจริง”



“ความรักต้องการให้พูดจากันเป็นที่เป็นทางด้วยหรือ ต้องการที่ทางจะพูดจาด้วยหรือยังไง ฉันมองเธอครั้งแรกก็นึกเรื่องความรักแล้ว เพียงแต่เอามาพูดวันนี้เท่านั้นเอง ฉันไม่เคยคิดเรื่องจะต้องมาพูดกันที่ตรงนั้นที่ตรงนี้ เธอห้ามหัวใจของฉันไม่ได้หรอก สาวน้อย”



เชิด เกรียงไกร เอ่ยออกมาชนิดตรงไปตรงมา มองดูเด็กสาวด้วยดวงตาละห้อย ขอความเห็นอกเห็นใจ



ให้เห็นว่ากำลังน้อยเนื้อต่ำใจอยู่



มีความเศร้า ผิดหวัง เหมือนสมน้ำหน้าตัวเองที่สาวไม่เออออด้วย



ความรู้สึกเตลิดไกล วอซาเมียะมองดูดวงตาของชายหนุ่มด้วยความรู้สึกที่เห็นใจอยู่ไม่น้อย เชิดมีความเศร้าสร้อยไปทันทีนั้น หล่อนก็สังเกตเห็นได้ชัด



ชายหนุ่มเดินออกไปอีกทางหนึ่งที่โคนต้นหางนกยูง ดอกสีแดงสีแสดของพืชชนิดนั้นมองดูสวยงามยิ่งนักเพราะมันมีดอกเต็มต้นนั่นเอง หาใบได้ยากนัก



สาวอีก้อคนงามเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม แว่วเสียงของหล่อนเพียงพอได้ยิน เป็นน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าหล่อนก็เห็นใจเขายิ่งนัก เชิดจึงต้องสนใจสดับตั้งอกตั้งใจเป็นพิเศษ



“ เชิด…วอซาเมียะสงสารคุณค่ะ ”



“ขอบใจที่สงสาร ปล่อยฉันไว้ที่นี่เถอะ ไม่เป็นไร ชาตินี้เราคงจะไม่มีทางพบกันอีกแล้ว…”



“ไม่ค่ะ เชิดคะ วอซาเมียะขอบอกว่าเต่ข้อ ที่เต่ข้อนะคะ เชิด…”



ชายหนุ่มหันขวับมามองเด็กสาวทันที เพราะไม่เข้าใจความหมาย “หมายถึงอะไรกัน เต่ข้อ”



“เต่ข้อ คือลานสาวกอด”



“แล้วลานสาวกอดมันคืออะไรกันเล่า”

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 11:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“ลานสาวกอด หมายถึงลานกว้างในหมู่บ้านของเราค่ะ สถานที่แห่งนี้แหละค่ะ เชิด มันเป็นดินแดนอิสระเสรีของพวกเรา เผ่าพันธุ์ของเรา เป็นสถานที่ๆ เราจะรักใคร่กันยังไงก็ได้ และก็ที่นี่แหละค่ะ คือที่ๆ เชิดจะรับเอาความรักจากวอซาเมียะขนาดไหนก็ได้ ไม่มีใครมาขัดขวางเรา ไม่มีใครขวางทางที่เราจะรักกัน ได้ยินมั้ยคะ เชิด”



ชายหนุ่มเงียบไปนานเท่านาน หูยังแว่วอยู่และในใจนั้นนึกไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้



“จริงๆ หรือวอซาเมียะ”

เสียงของเขากระซิบแว่วมา ใบหน้าเกือบจะก้มลงมาชิดกับดวงหน้าของแม่สาวน้อยชาวเขาคนนั้น



หล่อนพยักหน้าช้าๆ ดวงตาวาวแววทีเดียว ดูเหมือนในส่วนลึกของดวงตานั้นยินดีอย่างที่สุด



“แต่เธออย่าลืมนะ ฉันคือเชิด เกรียงไกร ไม่ใช่ตระxxxลมายอ แล้วก็ไม่ใช่อีก้ออีกด้วย อย่างที่เธอพูด”



“เรื่องนั้นไม่ยากเลย วอซาเมียะมีวิธีการ”



“วิธีการยังไง ฉันยังงง เธอจะทำยังไง”



“ฟังนะ สถานที่นั้นคือเต่ข้อ เป็นสถานที่ๆ จะให้ความสุขแก่เชิดไปตั้งแต่หัวค่ำจนสว่างคาตา ไม่มีใครมายุ่งเกี่ยวด้วยเลย เรารักกันที่นั่นได้ แต่เรารักกันที่นี่หรือที่ไหนไม่ได้หรอก เราจะต้องไปแสดงบทรักกันที่เต่ข้อเท่านั้น โน่น บนดอย ดอยที่เห็นมีปุยเมฆลอยโน่น”



เชิดมองดูยอดดอยที่ว่านั้นทันที แล้วจึงหันมาที่วอซาเมียะอีกด้วยความอยากรู้



“แล้วยังไง ต่อไปอีกซิ วอซาเมียะ พูดเร็วเข้า”



“เราต้องไปรักกันที่เต่ข้อ กฎของเราห้ามหนุ่มสาวแรกเจอรักกัน ที่อื่นค่ะ เชิด อีกอย่างหนึ่ง หากคุณต้องการขึ้นดอยไปวันนั้น คุณก็คือ กาโย่ว…”



“กาโย่ว…”



“ใช่ค่ะ คุณชื่อกาโย่ว ชื่อใหม่ของเชิดที่จะต้องอยู่ในชุดเครื่องแต่งตัวของผู้ชายอีก้อเท่านั้น เชิดก็ขึ้นไปบนนั้นได้อย่างไม่มีใครรู้จัก หรือสนใจในความมืดสลัว แต่ว่าเชิดขา…เชิดรักในตัวของวอซาเมียะแน่หรือเปล่า”



เด็กสาวมองดูชายหนุ่มด้วยสายตาวิงวอน

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 12:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก่อนที่จะพูดอะไรออกมา เชิด เกรียงไกร ชายหนุ่มผู้ที่มาในมาดใหม่ หวังจะเผด็จศึกสาวชาวเขาด้วยวิธีพิสดาร เอื้อมมือมาเกาะกุมอุ้งมือของเด็กสาวสวยเอาไว้ก่อน บีบเบาๆ มองซึ้งเข้าไปในดวงตาทั้งคู่ของหล่อน



เขากระซิบกับวอซาเมียะแผ่วเบา



“รักวอซาเมียะที่สุดในโลกนี้ เชิดรักวอซาเมียะคนเดียวเท่านั้น ในชีวิตนี้ยังไม่เคยรักใครมาก่อน ยังไม่เคยมีคู่รักมาแม้แต่คนเดียว วอซาเมียะจ๋า…หนูน้อยของฉัน…แม่หนูคนงาม…”



เด็กสาววาบหวิวในถ้อยคำของชายหนุ่มยิ่งนักรอยยิ้มของหล่อนเกิดขึ้นอย่างบูชา บีบมือของเขาเอาไว้เช่นเดียวกัน แต่มองซ้ายมองขวาเกรงจะมีใครมาพบเห็นเข้า



“วันมะรืนนี้นะคะ เชิด…”



เด็กสาวป้องปากมาที่ชายหนุ่ม

“มะรืนนี้ ทำไม จะลงมาหาที่นี่อีกใช่มั้ย”



“ไม่ค่ะ วันมะรืนนี้ค่ำ วอซาเมียะจะมารอรับเชิดขึ้นดอยไปด้วยกัน เราไปที่เต่ข้อที่ว่านั้น นะคะ เข้าใจมั้ย”



“จ้ะ ที่รัก”

เด็กสาววาดความหวังเอาไว้อย่างสดสวย น่าเป็นสุข เป็นความสุขที่จะได้รับอย่างเหลือล้น หวังในตัวชายหนุ่มเช่นเดียวกัน



เชิด เกรียงไกร ก็มุ่งหวังในเรือนร่างของเด็กสาวผู้นี้นักหนา



ความแปลกประหลาด ใหม่ สดสาว และพิสดารคงพิลึกพิลั่น มันคงพิเศษเหนือความพิเศษยิ่งนัก



ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า เชิด เกรียงไกร จะเกิดความคิดพิสดารขึ้นมาเยี่ยงนี้ หญิงสาวมากมาย ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเขาผ่านมาโดยตลอด ไม่ว่าที่ไหนต่อที่ไหน ไม่ว่าในเมืองไทยหรือต่างแดนใกล้ไกลก็ตาม



ทำไมเขาจึงต้องการอะไรแปลกๆ แบบนี้อีกโดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน



อะไรนักหนา สำหรับชายหนุ่มที่มั่งคั่งและมากไปด้วยกามารมณ์และกิเลสราคะที่มีอยู่



ไม่พอเอาเสียเลย



ชายหนุ่มยังมีความงุนงงในที กระซิบกับเด็กสาวอีกว่า แน่ใจหรือที่จะไม่มีอะไรเดือดร้อนและเกิดเรื่องเกิดราวไม่ดีไม่งามขึ้นในวันมะรืนนี้



คืนแห่งความรักบนลานสาวกอด หรือเต่ข้อนั้น



“ วอซาเมียะ ไม่ผิดกฎอะไรหรือ มาที่เต่ข้อได้อย่างอิสระจริงหรือ พ่อกับแม่ไม่ว่าอะไรเลยหรือยังไงกัน ”



เด็กสาวนิ่งมองเชิดนิดหนึ่ง จึงเอ่ยออกมา

“ค่ะ วอซาเมียะได้รับสิทธิ์เต็มที่แล้ว ไม่มีอะไรผิดผีหรือผิดกฎของเราเลย อย่าลืมนะเชิด วอซาเมียะได้ผ่านการแนะนำมาจากคะจีราดะมาแล้วด้วยล่ะ”



“ใครกัน คะจีราดะ ที่ว่านี้”



รอยยิ้มของเด็กสาวเกิดขึ้นด้วยความลิงโลดหัวใจทันทีเมื่อเชิดเอ่ยถามด้วยคำพูดประโยคนี้



“คะจีราดะ เป็นผู้ที่สั่งสอนให้วอซาเมียะมีเหย้ามีเรือนเป็นยังไงเล่า การปรนนิบัติพัดวีผู้ชายที่จะมาเป็นสามีของเราน่ะจะต้องทำยังไงบ้าง จะต้องเรียนรู้และเข้าใจหมด ไม่มีขาดตกบกพร่อง วอซาเมียะจึงมีสิทธิ์มาที่เต่ข้อได้แล้ว ไม่มีใครมาห้ามได้หรอก วอซาเมียะไม่ใช่เด็กแล้ว”

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 12:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“คะจีราดะ เสี้ยมสอนวิธีการมีคู่ครอง มี…”



“ ใช่ มีสามีหรือมีผัว จะต้องทำยังไง ทำอะไรให้สามีหรือผัวรักใคร่ชอบใจก็จะต้องเรียนรู้ มีความเข้าใจทั้งนั้น ” เด็กสาวย้ำมาอีก



คราวนี้ เชิด เกรียงไกร กลืนน้ำลายลงคอด้วยความลำบากยากเย็น



“คะจีราดะนี่เหรอ”



“ใช่ค่ะ เขาเป็นคนโตประจำเผ่า เด็กผู้หญิงอายุถึงก่อนไปมีเรือน จะต้องไปอยู่กับคะจีราดะก่อนจนรู้จักการมีเรือน รู้จักการปรนนิบัติสามีอย่างดี ไม่ดีก็…เอ้อ…คะจีราดะ จะเสี้ยมสอนให้เอง”



ในใจนั้นนึกเคียดแค้นคะจีราดะยิ่งนัก ในใจนึกอยากเป็นคะจีราดะบ้าง



แต่จะเป็นได้ยังไงเล่า เพราะไม่ได้เป็นอีก้อนั่นเอง



“เชิด วอซาเมียะลาก่อนละนะ อย่าลืมวันมะรืนนี้จะมารับ เอาตัวกาโย่วไปที่เต่ข้อ จำเอาไว้ให้ดีนะ กาโย่ว”



“โชคดี วอซาเมียะ กาโย่วจะรอคอยวันคืนสำคัญ วันนั้นด้วยหัวใจร่ำร้องทีเดียว แล้วเรื่องเครื่องแต่งตัวล่ะ”



“จะให้คนเอามาฝากไว้ที่นี่ คนที่เขาพาวอซาเมียะมาพบเชิดนั่นแหละ รู้จักกันดีอยู่แล้ว เอาไปแต่งรอคอยคืนสำคัญของเรา”



เด็กสาวไปแล้ว เชิด เกรียงไกร มองตามร่างเด็กสาวผู้ที่มีความงามประหลาดด้วยความรู้สึกปั่นป่วนไปทั่วสรรพางค์



เขาหันกลับมาด้วยความคิดสับสน



คนของเขายืนยิ้มเผล่อยู่พอดีทางด้านหลัง มาเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ พอเขาจะเอ่ยถามอะไรออกมาก็ได้ยินเสียงชายกลางคนชาวบ้านผู้นี้เอ่ยขึ้น



“เรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวแบบอีก้อผู้ชายเรามีอยู่แล้วครับนายท่าน คุณเปี๊ยกเพิ่นบอกเอาไว้ผมก็จัดแจงเสร็จ ไม่ยากอะไรเลยครับ”



“รู้ได้ยังไงนี่” เชิดเอ่ยถามด้วยความงงงัน ทำไมรู้



“คุณเปี๊ยกเพิ่นบอกผมก็ว่ามีแล้ว สำหรับนายท่านรูปร่างแบบนี้กำลังพอเหมาะทีเดียว ที่ร้านหลานสาวผมมันขายชุดเครื่องแต่งกายชาวเขาเผ่าต่างๆ อยู่ ซำบายครับนาย”



แล้วเชิดก็เหลือบไปมองเห็นรถเก๋งของเพื่อนรักของตนแล่นเข้ามาพอดี ครู่เดียวเปี๊ยกก็เดินเข้ามาหาด้วยความรีบร้อน



“เป็นไงเชิด นายสานเรื่องของนายไปถึงไหนแล้ว”



“ รวดเร็วเกินคาด เดินทางไปไกลเกิดคิดเพื่อน นายไปไหนมาเปี๊ยก”



“เข้าเมืองเชียงราย แล้วรีบกลับมาที่นี่ รู้ว่าจะต้องทำอะไร ฉันก็จะต้องเทคแคร์นายให้สาแก่ใจนายอยู่แล้ว ปัญหาเกิดมั้ย”



“เปล่าไม่เกิด มีแต่ความก้าวหน้ามากกว่า ฉันขอชุดเครื่องแต่งกายหนุ่มอีก้อหนึ่งชุด เอาที่หล่อๆ สมกับฉันหน่อยก็แล้วกัน”



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 12:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“คนของฉันจัดการแล้ว อย่าห่วง แต่ว่าการขึ้นไปบนดอยนายเห็นจะต้องไปคนเดียว เพราะนายไปเต่ข้อหรือลานสาวกอด ฉันไม่ได้ไปกอดสาวอะไรกับนายด้วยก็ไม่สมควรต้องไป”



“เออ ใครให้ไปเล่า ฉันไปของฉันคนเดียว อีหนูมันจะมารอรับที่เชิงเขา แล้วพาไปเอง เช้ามือฉันก็ลงจากดอยเข่าคงอ่อนพอแรงเชียวงานนี้”



เปี๊ยกพรรคพวกของเชิด เกรียงไกร มองดูเพื่อนรักของตนแล้วส่ายหน้าไปมา



“ทีแรกฉันนึกว่าธุรกิจอะไร ถึงรีบร้อนนักหนา นึกว่าเรื่องสำคัญมาก นึกว่าเรื่องการค้าการขาย โธ่เอ๊ย เวรกรรมจริงๆ เรื่องบ้าบอคอแตกพรรค์นี้อีกแล้ว”



เชิด เกรียงไกร เองก็อดหัวเราะไม่ได้

“ เกิดมา ฉันชอบของฉันยังงี้ ทำยังไงได้ ก็จะต้องสนองความต้องการของตัวเองต่อไปอีก”



“เรื่องโลกีย์ทุกที ผ่าวะ เงินทองที่นายมีอยู่คงวอดวายไปกับอีหนูไม่ใช่เล็กน้อย น่าเสียดายจริงๆ เอาไปทำประโยชน์อะไรก็น่าจะได้อีกมาก”



“อย่าไปคิดมากเจ้าเปี๊ยก ตอนนี้ไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า ไปฉันอยากกินแหนม กินหมูยอ กินแคปหมูน้ำพริกหนุ่ม แล้วก็แกงฮังเล ไปหาที่อร่อยๆ กินกันเถอะไป”



“กินเท่านี้เองเหรอ แล้วอย่างอื่นเอามั้ย”



“ไม่ต้อง ตอนนี้จะต้องกินอย่างเดียว เพื่อสุขภาพอนามัยของตัวเอง พร้อมที่จะเผชิญกับเหตุการณ์คืนวันมะรืนนี้ยังไง”



“เออ กินก็กิน ไป…แล้วก็ลองสวมเสื้อผ้าชุดอีก้อด้วย”



เชิด เกรียงไกร หนุ่มเจ้าสำราญผู้มีอัฐมาก แล้วก็รักสนุกในเรื่องเที่ยวเตร่ มั่วไปกับเพศตรงข้าม นอนรอคอยวันเวลาที่ตนเองคิดว่าสำคัญอยู่ที่โรงแรมแม่สาย



เกลอเปี๊ยกของเขาก็อยู่ด้วย ไม่ห่างกันเท่าไรนัก



กินนอนด้วยกันและเที่ยวไปด้วยกัน ข้ามไปทางฝั่งพม่าเพื่อหาซื้อข้าวของที่น่าสนใจบางอย่าง แล้วก็มองดูสภาพบ้านเมืองของเขา ซึ่งอยู่ในสภาพที่ยังไม่มีอะไรที่น่าสนใจ นอกจากสินค้าพื้นเมืองแปลกๆ และของป่า



เชิด เกรียงไกร พบสิ่งที่เขาสนใจเข้าอย่างหนึ่ง



“อะไรนั่น” เปี๊ยกสหายของเขาเอ่ยถามเมื่อเห็นเชิดกำลังหยิบอะไรอย่างหนึ่งยกขึ้นมาดู



“ดีเสือ”



“อะไรนะ”



“ดีเสือ เอาไปดองเหล้าละก็เพิ่มพลังงานเพียบเชียว น่าสนใจ”



“เท่าไหร่จ๊ะ” เสียงเชิด เกรียงไกร เอ่ยถามแม่ค้าสาวสวยไทยใหญ่เจ้าของร้าน



“500 ค่ะ” สาวไทยใหญ่พูดภาษาไทยได้อย่างชัดเจนทีเดียว

สายตาของหนุ่มมองดูแม่ค้าสาวด้วยแววตาสนใจเพราะแม่ค้าผู้นี้หุ่นดี ผิวขาว รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น มองดูแล้วน่าสนใจมากในความมีเสน่ห์



“รู้มั้ยว่าแม่ค้าสวยมาก เวลายิ้มนะสวยจริงๆ”



“เหรอคะ ถ้าสวยก็เชิญอุดหนุนดีเสือหน่อยซีคะ มีอยู่ดีเดียวเท่านั้นเอง หายากมากนะ 500 ไม่แพง”



“โถ มากกว่านี้ก็ยังไม่ต่อ 500 ก็ไม่ว่า เอาเลยเอาไปฝากพรรคพวก”



“อ้าว ไม่เอาไปดองเหล้าหรือคะคุณ”

เชิด เกรียงไกร สั่นศีรษะ



“ดื่มเหล้าไม่เป็น เอาไปให้คนที่เขาดื่มเป็นดีกว่าเปี๊ยก นายไม่เอาเหรอ”



“ไม่ ฉันก็ไม่ดื่ม”



“เอ้อ แม่ค้าจ๋า ไปเที่ยวกรุงเทพฯ กันมั้ย”



เชิดเอ่ยปากชวนเอาดื้อๆ



“ไม่ค่ะคุณ เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนไกลๆ ไม่ได้หรอก ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว เลิกเที่ยวเตร่แล้วละค่ะ”



“ทำไมเล่า โธ่”



“ เป็นห่วงลูกชายค่ะ เพิ่งมีลูกชายคนแรก ไปไหนมาไหนก็เป็นห่วงเขา ”

เสียงเชิด เกรียงไกร เงียบไปทันที พลางร้องเรียกเกลอเปี๊ยกออกจากร้านค้าแห่งนี้เมื่อชำระเงินค่าดีเสือเรียบร้อยแล้ว



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 12:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“เป็นไงเพื่อน แสบมั้ยคราวนี้”



“เออ ฉันคิดว่ายังไม่มีผัว หนอย ดันพูดออกมาได้ว่าเป็นห่วงลูกชาย เลยเซ็งชีวิตไป เฮ้อ สาวสวยนี่อยู่ไม่ทนเลยนะ รีบมีคู่กันเหลือเกิน”



ไม่นานนักสองสหายก็ข้ามมาฝั่งไทยที่แม่สาย



ในที่สุด วันแห่งการรอคอยก็มาถึงจนได้



วันแห่งการพบปะสังสรรค์ของหนุ่มสาวเผ่าอีก้อบนยอดดอย

แต่ข้อ ลานสาวกอดอันลือลั่นแห่งขนบประเพณีนิยมแปลกประหลาดยิ่ง



วอซาเมียะรอคอยกาโย่วหรือเชิด เกรียงไกร อยู่ ณ ที่หมายแล้วตามนัด เวลานั้นพลบค่ำพอดี แสงอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว ทำให้บรรยากาศโดยทั่วไปสลัวรางลง



“ วอซาเมียะที่รัก มารอนานรึเปล่า ”



“ประเดี๋ยวเดียวค่ะ กาโย่ว รีบขึ้นดอยกันเถอะ ไป”



“วอซาเมียะ”

“อะไรคะ กาโย่ว”



“ ไปไกลมากมั้ยนี่ ”



“ตามมาเถอะค่ะ ไม่ไกลนัก พอถึงก็มืดพอดี ไปเถอะ”



ในที่สุดเชิด เกรียงไกร ก็ได้พบเห็นบรรยากาศของเต่ข้อ หรือลานสาวกอด บนดอย ซึ่งวอซาเมียะพาเข้ามาจนถึง



เต่ข้อ…ลานสาวกอด บรรยากาศมืดครึ้มอึมครึม มีหนุ่มสาวนั่งคลอเคลียกันเป็นคู่ๆ



แว่วเสียงลาเก ดนตรีชนิดหนึ่งรูปร่างคล้ายแคนทางภาคอีสาน ลาเกนับเป็นดนตรีที่สำคัญของพวกชายเขาทั้งหลาย โดยเฉพาะอีก้อ เสียงก็คล้ายเสียงแคน



เสียงของมันเป็นบรรยากาศแห่งความรักแบบหนึ่งบนพื้นโลกแคบอันสับสนอลหม่านมากแบบ ผู้คนมากจำพวกสร้างสรรค์อาณาจักรของมันเพื่อพิธีการ เพื่อความมุ่งหมายอะไรสักอย่างหนึ่ง



เมื่อมองดูแล้วมันอาจจะนำพาไปสู่ตัณหาราคะด้วยกันทั้งสิ้น



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 12:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เต่ข้อ …ลานสาวกอดแห่งนี้เป็นลานกว้างโล่ง มีสุมทุมพุ่มไม้รายรอบ มีขอนไม้วางเพื่อเป็นที่นั่งสนทนาปราศรัยกันระหว่างหนุ่มสาวใกล้ต้นไม้ ซุ้มไม้ป่าเป็นจุดๆ ห่างไกลกันพอสมควร ไม่เห็นกันอย่างโจ่งครึ่ม เหมาะสมที่จะฉอเลาะออดอ้อน บอกกล่าวเรื่องของหัวใจซึ่งกันและกัน กระซิบกระซาบต่อกัน



แสงริบหรี่ของดวงดาวระยับบนท้องฟ้าไร้เดือน พอมองเห็นหน้ากันบ้าง คบไฟวอมแวมอยู่ห่างๆ โน้นสร้างบรรยากาศโรแมนติคยิ่งนัก



มีหนุ่มสาวอีก้อหลายคู่โอบประคองกันอยู่แล้ว ที่ใดว่างคนที่นั่นก็ถูกจับจองต่อกันไป เป็นสิทธิ์ที่แต่ละบุคคลทำได้เมื่อหัวใจตรงกัน หากไม่ตรงกันก็อย่าหวังว่าจะจับคู่กันได้



บางคู่อิงแอบไออุ่นกันเพื่อคลายความหนาวเย็นก็มี



“วอซาเมียะ” เสียงชายหนุ่มกระซิบแผ่วเบา มือข้างหนึ่งโอบกอดสาวเจ้ากระชับแน่น จมูกซุกซนของเขาซอนไซ้ไปที่พวงแก้มอีก้อสาวงามผู้ที่มอบหัวใจให้อย่างไม่มีการขัดขืน



“กาโย่ว”

เสียงของสาวเจ้าเครือครางออกมาแผ่วเบา



เชิด เกรียงไกร หรือกาโย่ว ใช้ความเจ้าชู้ของเขามากขึ้นอีก จนวอซาเมียะละเมอออกมาอย่างอดใจไว้ไม่ไหว



“กาโย่ว เอ้อ อย่าค่ะ เชิด…กาโย่…อย่าเพิ่งค่ะ โธ่…”



“ฉันรักเธอ วอซาเมี ยะ…ฉัน…ฉัน”



“กาโย่ว รู้มั้ยว่าวอซาเมียะเกิดที่นี่ อยู่ที่นี่มาสิบหกปีแล้ว ยัง…ยังไม่เคยมีความสุขถึงเพียงนี้มาก่อน เชื่อมั้ยคะ”



“เหรอ…วอซาเมียะ…อายุสิบหกปี”



“ค่ะ ถามทำไม วอซาเมียะอายุแก่มากเกินไปแล้วหรือ”



“ใครบอกแก่ เธอยังสาวเหลือเกิน เด็กมากด้วยซ้ำไป น่ารัก และไร้เดียงสาจนฉันพูดอะไรไม่ถูกที่พบกับความซื่อ รู้รึเปล่า เธอเป็นคนสวยที่สุดในที่นี้ เท่าที่เห็นสาวอีก้อมาแล้วมากมาย ไม่มีใครงามเท่าวอซาเมียะ วอซาเมียะสวยที่สุด”



เด็กสาวเอียงแก้มเข้ามาที่หน้าอกของเชิด เกรียงไกร หรือ กาโย่ว ชายหนุ่มหอมแก้มปลั่งอีกทั้งสองข้าง เด็กสาวจูบตอบด้วยความพึงพอใจ



“พวกเราออกเรือนกันตั้งแต่อายุน้อยๆ ทั้งนั้นนะ หากอายุมากก็เป็นเรื่องที่ผิดผี กาโย่ว รู้รึเปล่าผู้หญิงที่นี่บางคนอายุเพียงสิบสี่ มีเรือนแล้วก็มีนะ ส่วนพวกคนไทยพื้นราบหรือคนในเมืองยังไม่มีเลย” เสียงเด็กสาวแว่วมาไม่ได้หยุด



“วอซาเมียะ …เธอ…”



“อะไรกันคะนี่ เชิด เอ้อ…กาโย่ว”



นั่นก็เพราะเชิด เกรียงไกร จูบริมฝีปากของวอซาเมียะประกบนิ่งไปชั่วขณะนั่นเอง พอถอนริมฝีปากออกมา หล่อนก็สงสัยและงุนงงไปหมด



“ อะไรกันคะนี่ ”

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 23 ธ.ค.2004, 12:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“เขาเรียกว่าจูบ ถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งแห่งความรัก เมื่อรักกันก็จะต้องแสดงออกอย่างนี้ต่อกัน เป็นเรื่องอย่างนี้จริงๆ สำหรับคนทั่วไปทั้งโลกนี้”



แววตาของเด็กสาวมองดูเขาเป็นประกายวาวอยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก

“กาโย่วคะ อยากถามอะไรหน่อย”



“ มีอะไรก็ถามเลย ฉันยินดีตอบเสมอ แต่เดี๋ยวนะ…”

ชายหนุ่มจุมพิตวอซาเมียะอีกไม่รู้เบื่อหน่าย สาวน้อยเนื้อตัวสั่นสะท้าน

หนำใจดีแล้ว กาโย่วหรือเชิด เกรียงไกร ก็เปิดโอกาสให้สาวอีก้อถามความในใจ



“เราจะรักกันไปอีกนานมากมั้ย กาโย่ว วอซาเมียะหวาดวิตกเหลือเกิน”



“เธอเกรงกลัวอะไรกัน”



“ความรักค่ะ ความรักที่มีอยู่อาจจะผิดหวังได้ วอซาเมียะมองเห็นลางไม่ดีบางอย่าง บางทีก็นอนฝันเห็นสิ่งที่เลวร้าย ไม่ดีไม่งามอยู่ในความรักของตัวเอง เสียใจทุกครั้ง”



“ ถึงยังไงฉันก็รักเธอเสมอ รักแล้วก็จะอยู่กับเธอที่นี่ด้วย ที่แม่สายนี้แหละ”



“ที่นี่ เป็นไปได้หรือ”



“ต้องได้ เพราะฉันหวังเอาไว้มาก ฉันจะอยู่กับเธอที่นี่ไม่ไปไหนเลย นี่พูดความจริง เธอต้องรู้เอาไว้”



เชิด เกรียงไกร กอดรัดร่างของวอซาเมียะเอาไว้ไม่มีการปล่อย สาวสวยชาวเขาผู้มีหัวใจรักหนุ่มต่างเผ่าพันธุ์เอนกายเข้ามาหาอย่างอบอุ่น ซบอ้อน กาโย่วหรือเชิด เกรียงไกร ในคราบของหนุ่มอีก้อแอบแฝงเข้ามาได้อย่างไม่น่าเชื่อ



ความสุขกำลังเกิดขึ้นกับบุคคลทั้งสอง แต่ใครจะรู้บ้างเล่าว่าความทุกข์ก็กำลังติดตามมาหาอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่มีใครคาดคิดเช่นเดียวกัน



ผู้ชายอีก้อรวมห้าคนเดินสวบๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว มีผู้ชายอีก้อรูปร่างสูงใหญ่นำหน้ามาอย่างเร่งรีบ ท่าทางเอาจริงเอาจังมาก



“ มันอยู่ไหนวะ ”



“โน่นไง โน่นละ”



วอซาเมียะเพ่งสายตาออกไปทันที เพราะได้ยินเสียงแว่วๆ มา และเมื่อบุคคลทั้งหมดตรงรี่เข้ามาเผชิญหน้ากันในระยะใกล้ แล้วก็ทำให้อีก้อสาวถึงกับตะลึงไปในบัดดล



“คะจีราดะ!” วอซาเมียะเปล่งอุทานออกมาด้วยความตกใจเป็นล้นพ้น



“อะไรเหรอ” เป็นเสียงของเชิด เขาทำหน้าเหรอหราไม่เข้าใจ



“คะจีราดะ”



“ใช่…ข้าเอง ข้าคือคะจีราดะ ถูกต้อง”

ผู้ชายร่างสูงใหญ่แต่งชุดอีก้อใบหน้าบึ้งตึง แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก



“ความจำยังดีอยู่ วอซาเมียะ”



ผู้ชายอีก้ออีกสี่คนก็แสดงอาการฮึดฮัดมาก ไม่พอใจต่อพฤติกรรมบางอย่างที่เกิดขึ้น



เชิด เกรียงไกร หน้าซีด เพราะรู้ตัวดีในความผิดบางอย่างของตนเอง



เสียงคะจีราดะ บุคคลสำคัญคนหนึ่งของหมู่บ้านอีก้อดังกังวาน เสียงนั้นทรงอำนาจเหลือ



“อย่าได้หนีไปไหน หรือขัดขืนข้ากับคนของข้า ไอ้หน้าโง่คนนี้ผู้มาจากอื่น แล้วก็วอซาเมียะอีนางตัวดีคนสำคัญ ผู้เอาใจออกห่างและแหกคอกนอกจารีต เสียแรงข้าอุตส่าห์สั่งสอน ฝึกปรือให้รู้เรื่องราวการมีคู่ครองไปหยกๆ นี้เอง เจ้ากลับเอาความรู้นั้นไปแบ่งปันเผื่อแผ่ปรนนิบัติกับไอ้คนต่างเผ่าพันธุ์จนได้ ผิดผี ผิดธรรมเนียมประเพณีของข้า…”



“คะจีราดะ …ฉัน…เอ้อ…ฉัน”



เสียงเยาะเย้ยของบุรุษร่างสูงใหญ่ผิดธรรมดาอีก้อทั่วไปดังขึ้นในลำคอ



“อย่าอ้อนวอนเลย วอซาเมียะเอ๋ย ถึงยังไงเจ้าก็ผิดเต็มประตู ไม่มีคำว่าถูกแม้แต่นิดเดียว ผิดทั้งหมด”



“ แต่ว่า เอ้อ…ฉัน… ”



“อย่าแต่ดีกว่า วอซาเมียะ โทษทัณฑ์ของเจ้ามันชัดอยู่แล้ว มันฟ้องอยู่แล้วโดยไม่มีทางดิ้นหลุดไปไหนได้ เจ้าผิด ได้ยินมั้ย”

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง