Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พระครูพุฒิวราคม (หลวงปู่พุฒ ยโส) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 14 ม.ค. 2007, 2:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
ในงานประชุมเพลิงสรีระสังขารท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ณ วัดป่าสุทธาวาส
แถวหน้าสุด องค์กลาง : พระครูพุฒิวราคม (หลวงปู่พุฒ ยโส)



ประวัติและปฏิปทา
พระครูพุฒิวราคม (หลวงปู่พุฒ ยโส)


วัดคามวาสี
ต.ตาลโกน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร



๏ ชาติภูมิ

“พระครูพุฒิวราคม” หรือ “หลวงปู่พุฒ ยโส” อดีตเจ้าอาวาสวัดคามวาสี บ้านหนองดินดำ ต.ตาลโกน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เป็นพระเถระที่มีเมตตาธรรมสูง มักน้อยถือสันโดษ แม้ท่านจะมรณภาพไปนานกว่า ๓๐ ปี แต่ด้วยวัตรปฏิบัติที่เสมอต้นเสมอปลาย หลวงปู่พุฒจึงยังอยู่ในศรัทธาของพุทธศาสนิกชนตราบจนปัจจุบัน

หลวงปู่พุฒ มีนามเดิมว่า พุฒ สิงห์อร เกิดเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๕๗ ณ บ้านเหล่าค้อ ต.ไผ่ใหญ่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายโต้ และนางทอน สิงห์อร มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๖ คน เป็นหญิง ๓ คน ชาย ๓ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๒ มีชื่อตามลำดับดังนี้

๑. นางโส เกษมราช
๒. หลวงปู่พุฒ ยโส
๓. นายบุตร สิงห์อร
๔. นางแจ่มจันทร์ ลาภยิ่ง
๕. นายบุญธรรม สิงห์อร
๖. นางทองบาง สิงห์อร

ตระกูลของท่านเป็นชาวนา ครั้นต่อมาได้พิจารณาเห็นว่าภูมิลำเนาที่อาศัยอยู่เกิดฝืดเคืองในการทำมาหาเลี้ยงชีพ ประกอบกับได้ยินกิตติศัพท์ว่า ทางอำเภอบ้านหัน (อ.สว่างแดนดิน ในปัจจุบัน) จ.สกลนคร เป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ด้วยข้าวปลาอาหาร ฟ้าฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล บิดามารดาจึงได้พาครอบครัวอพยพขึ้นมาอยู่ที่หมู่บ้านตาลโกน ต.ตาลเนิ้ง อ.บ้านหัน ระหว่างที่โยมบิดา-โยมมารดาอพยพขึ้นมาอยู่ที่นั้นท่านมีอายุได้ประมาณ ๗ ขวบ


๏ การศึกษาเบื้องต้น

เมื่อท่านเติบโตพอที่จะศึกษาอักษรไทยได้แล้ว โยมบิดาจึงส่งเข้ามาเรียน ณ โรงเรียนประชาบาลวัดโพธิ์ไชยเจริญ บ้านตาลโกน เรียนจนจบชั้นประถมศึกษาที่ ๔ เมื่อท่านเรียนจบชั้นของโรงเรียนประชาบาลในสมัยนั้นแล้ว ท่านก็ไปเรียนต่อที่โรงเรียนกินนอนอำเภอบ้านหัน เมื่อออกจากโรงเรียนกินนอนแล้ว ก็ไม่ได้ศึกษาต่อ ท่านจึงได้กลับบ้านเพื่อช่วยเหลือกิจการงานของโยมบิดา-โยมมารดาตามวิสัยของบุตรที่ดี

เมื่อเจริญวัยเป็นหนุ่มแล้ว ท่านก็คิดหาทางที่จะให้เกิดโภคทรัพย์เพื่อต่อสู้กับชีวิตดังที่ชาวโลกเขาเป็นอยู่ ท่านได้ออกจากบ้านกับเพื่อนรวมเป็นสามคน ไปแสวงหางานทำทาง จ.อุดรธานี เมื่อไปถึงเมืองอุดรธานีแล้วท่านก็ได้ทำงาน พยายามเก็บเล็กผสมน้อยเสมอมา เมื่อถึงฤดูฝนท่านก็กลับบ้านเพื่อช่วยเหลือพ่อแม่ทำนาตามเคย

Image
พระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล

Image
พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร

Image
พระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พนฺธุโล)

Image
พระเทพสิทธาจารย์ (หลวงปู่จันทร์ เขมิโย)


๏ การบรรพชาอุปสมบท

ก่อนที่ท่านจะอุปสมบทประมาณหนึ่งสองปี โยมบิดาของท่านได้ถึงแก่กรรม ครั้นถึงต้นปี พ.ศ. ๒๔๗๙ ท่านได้เกิดศรัทธาใคร่จะบวชในพระบวรพุทธศาสนา เหมือนกับคนชนบททั่วไป โดยการชักชวนของนายพรหม ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของท่านคนหนึ่ง นายพรหมมีพี่ชายบวชเป็นพระอยู่ในสำนักของ ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล วัดป่าสุทธาวาส บ้านคำสะอาด ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร และมีพ่อบวชเป็นพระหลวงตาอยู่ในสำนัก พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร วัดอรัญญิกาวาส บ้านม่วงไข่ ต.พรรณา อ.พรรณนานิคม จ.สกลนคร

นายพรหมได้รับการอบรมจากพ่อผู้บวชเป็นพระหลวงตาแนะนำให้บวช จึงได้ไปชักชวนให้ท่านไปบวชเป็นคู่นาคกัน ท่านก็เกิดศรัทธาเลื่อมใสอยากจะบวชด้วย จึงได้ขออนุญาตจากโยมมารดา ฝ่ายโยมมารดาก็ยินดีให้บวชได้ตามประสงค์ เมื่อได้รับอนุญาตจากโยมมารดาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมกันออกเดินทางมุ่งหน้าไปสู่วัดอรัญญิกาวาส บ้านม่วงไข่ โดยอาศัยพระหลวงตาผู้เป็นพ่อของนายพรหม หลังจากฝึกขานนาคได้คล่องถูกต้องตามมคธภาษาแล้ว จึงเตรียมบริขารเพื่อออกบวชต่อไป แต่การบวชนาคทั้งสองนั้นไม่ได้พร้อมกัน เพราะเกี่ยวกับบริขาร นาคพรหม มีบริขารอยู่ที่วัดอรัญญิกาวาส ซึ่งหลวงตาผู้เป็นพ่อจัดหาให้ ส่วนบริขารของ นาคพุฒ นั้นอยู่ทางวัดป่าสุทธาวาส พระอาจารย์อุ่ย สุขกาโม เป็นผู้จัดการหาให้ ส่วนจตุปัจจัยที่ซื้อบริขารนั้นเป็นของส่วนตัวท่านเอง ซึ่งท่านได้เก็บหอมรอมริบไว้แต่ครั้งไปทำงานที่จังหวัดอุดรธานี

ฉะนั้น การบวชนาคทั้งสองนี้จึงได้แยกย้ายกันบวชคนละครั้งคนละทาง นาคพรหม ไปบวชที่พัทธสีมา วัดสีบุญเรือง บ้านงิ้ว ต.พันนา อ.บ้านหัน (อ.สว่างแดนดิน ในปัจจุบัน) จ.สกลนคร โดยมี ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พนฺธุโล) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระเทพกวี วัดโพธิสมภรณ์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ ส่วน นาคพุฒ ไปบวชทาง จ.นครพนม ซึ่งพระอาจารย์อุ่ย สุขกาโม เป็นผู้นำไปบวช โดยมี ท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธาจารย์ (หลวงปู่จันทร์ เขมิโย) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูสารภาณมุนี วัดศรีเทพประดิษฐาราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม เป็นพระอุปัชฌาย์ และท่านเจ้าคุณพระราชสุทธาจารย์ (หลวงปู่พรหมา โชติโก) เมื่อครั้งยังเป็น พระมหาพรหมา โชติโก วัดศรีเทพประดิษฐาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอุปัชฌาย์ได้ขนานนามมคธให้ว่า “ยโส” ซึ่งแปลว่า ผู้มียศ, ผู้เจริญด้วยยศ เสร็จการอุปสมบทด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาอุปสัมปทา (การบวชโดยการอนุญาตของหมู่สงฆ์ในที่ประชุม) เมื่อเวลา ๑๕.๐๐ น. ของวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ณ พัทธสีมา วัดศรีเทพประดิษฐาราม


(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 14 ม.ค. 2007, 2:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
พระอาจารย์มหาเส็ง ปุสฺโส (อดีตพระอริยคุณาธาร)


๏ การศึกษาพระปริยัติธรรม

เมื่อทำการอุปสมบทเป็นพระภิกษุเรียบร้อยแล้ว พระอาจารย์อุ่ยพาท่านกลับวัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร เพื่อศึกษาอบรมพระธรรมวินัย และฝึกหัดข้อวัตรปฏิบัติในสำนักของพระอาจารย์เสาร์ต่อไป ในวัดป่าสุทธาวาสนี้มี พระมหาปาน เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมอยู่ก่อนแล้ว ท่านจึงตั้งใจเรียนพระปริยัติธรรมต่อ ปรากฏว่าท่านสอบความรู้นักธรรมในสนามหลวงวัดพระธาตุเชิงชุมได้ทุกปี กล่าวคือ พ.ศ. ๒๔๘๑ สอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี, พ.ศ. ๒๔๘๒ สอบไล่ได้นักธรรมชั้นโท และ พ.ศ. ๒๔๘๓ สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก ตามลำดับ

เมื่อเรียนจบนักธรรมชั้นเถรภูมิแล้ว ในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ท่านตั้งใจจะเรียนบาลีไวยกรณ์ต่ออีก โดยมี พระอาจารย์มหาเส็ง ปุสฺโส (อดีตพระอริยคุณาธาร) เป็นครูสอน ระหว่างกลางพรรษาในปีนั้น ท่านเริ่มอาพาธเป็นไข้หนัก ทำให้การเรียนไม่สะดวก ผลแห่งการเรียนบาลีไวยกรณ์ของท่านเลยไปไม่ตลอด ครั้นออกพรรษาแล้วอาการอาพาธก็ยังไม่หายเป็นปกติดี ท่านจึงกลับมารักษาตัวอยู่ที่วัดคามวาสี บ้านหนองดินดำ จ.สกลนคร อันเป็นมาตุภูมิของท่าน เมื่อรักษาตัวให้หายเป็นปกติแล้ว ท่านก็กลับไปอยู่ที่วัดป่าสุทธาวาส ตามเดิม

Image

Image
เสนาสนะภายในวัดคามวาสี จ.สกลนคร (ในปัจจุบัน)


๏ สร้างวัดคามวาสี

พ.ศ. ๒๔๘๘ ทางบ้านคำตานาซึ่งเป็นบ้านญาติพี่น้องของท่าน วัดได้ว่างจากพระภิกษุสามเณรที่อยู่จำพรรษาลง พวกทายกทายิกา ผู้เฒ่าผู้แก่ และศรัทธาญาติโยมในหมู่บ้านคำตานา ซึ่งมีผู้ใหญ่สุวรรณเป็นประธาน ปรารภอยากจะให้มีวัดในฝ่ายธรรมยุติกนิกายประจำหมู่บ้านขึ้น จึงได้ประชุมปรึกษาหารือกัน แล้วตกลงกันไปนิมนต์ท่านจากวัดป่าสุทธาวาส ขอให้ท่านไปอยู่จำพรรษาโปรด และเป็นประธานสร้างวัดต่อไป ท่านตอบเห็นดีและรับนิมนต์ด้วย ในปี พ.ศ. ๒๔๘๘ นั้นท่านได้พักอยู่จำพรรษาที่วัดบ้าน ซึ่งเดิมเป็นวัดในฝ่ายมหานิกาย

เมื่อออกพรรษาปวารณาแล้ว ในหน้าแล้งของปี พ.ศ. ๒๔๘๙ นั้น หลวงปู่พุฒ ยโส พร้อมทั้งผู้เฒ่าผู้แก่ ศรัทธาญาติโยม และผู้ใหญ่บ้านทั้งสามหมู่บ้าน คือ บ้านคำตานา, บ้านหนองหอยคัน และบ้านหนองไผ่ยาว ได้พากันออกแสวงทำเลที่เหมาะสม เพื่อจะสร้างวัดในเครือธรรมยุตให้เป็นวัดป่าขึ้นต่อไป เมื่อเห็นทำเลที่เหมาะสมแล้ว ท่านจึงออกไปอยู่รุกขมูลก่อน ต่อมาพวกทายกทายิกาและศรัทธาญาติโยมทั้งสามหมู่บ้านนั้นจึงได้ทำเสนาสนะให้อยู่จำพรรษาเรื่อยมา กระทั่งได้เกิดเป็นวัดที่ถาวร คือ วัดคามวาสี ขึ้นจนกระทั่งถึงในปัจจุบันนี้

ครั้นถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ทางวัดคามวาสีซึ่งเป็นวัดดั้งเดิม และเป็นวัดสำคัญในถิ่นนั้นขาดพระเถระผู้เป็นหัวหน้าบริหารหมู่คณะลง พวกทายกทายิกาและศรัทธาญาติโยมชาวบ้านตาลโกน, บ้านหนองดินดำ และบ้านหนองแสง จึงได้ไปนิมนต์ท่านจากวัดพุฒาราม ให้กลับมาอยู่วัดคามวาสี ท่านก็ตกลงรับนิมนต์ ส่วนทางวัดพุฒาราม บ้านคำตานานั้น ท่านก็ได้ให้สัทธิวิหาริก (ผู้ที่ได้รับการอุปสมบทจากท่าน) อยู่รักษาต่อไป นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ เป็นต้นมา ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดคามวาสีและวัดศรีสว่างแดนดิน จนถึงกาลอวสานแห่งชีวิตของท่าน


๏ ลำดับการจำพรรษา

พ.ศ. ๒๔๗๙-๒๔๘๕ วัดป่าสุทธาวาส บ้านคำสะอาด ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร

พ.ศ. ๒๔๘๖ วัดคามวาสี บ้านหนองดินดำ ต.ตาลโกน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

พ.ศ. ๒๔๘๗ วัดป่าสุทธาวาส บ้านคำสะอาด ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร

พ.ศ. ๒๔๘๘-๒๔๙๖ วัดพุฒาราม บ้านคำตานา ต.วัฒนา อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

พ.ศ. ๒๔๙๗-๒๕๑๐ วัดคามวาสี บ้านหนองดินดำ ต.ตาลโกน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

พ.ศ. ๒๕๑๑ วัดศรีสว่างแดนดิน ต.สว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

พ.ศ. ๒๕๑๒-๒๕๑๕ วัดคามวาสี บ้านหนองดินดำ ต.ตาลโกน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

Image
พระครูพุฒิวราคม (หลวงปู่พุฒ ยโส)


๏ ลำดับงานปกครองและสมณศักดิ์

พ.ศ. ๒๔๘๘-๒๔๙๖ เป็นเจ้าอาวาสวัดพุฒาราม บ้านคำตานา ต.วัฒนา อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

พ.ศ. ๒๔๙๒ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ (ธ) ตามตราตั้งที่ ๕/๒๔๙๒

พ.ศ. ๒๔๙๗-๒๕๑๐ เป็นเจ้าอาวาสวัดคามวาสี บ้านหนองดินดำ ต.ตาลโกน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นเจ้าคณะอำเภอผู้ช่วย (ธ) อำเภอสว่างแดนดิน ตามตราตั้ง ๖/๒๔๙๘

พ.ศ. ๒๕๐๑ เป็นเจ้าคณะอำเภอสว่างแดนดิน (ธ) ตามตราตั้ง ๑/๒๕๐๑

พ.ศ. ๒๕๐๕ เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูพุฒิวราคม” เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๕

พ.ศ. ๒๕๑๑ ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสว่างแดนดิน ต.สว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

พ.ศ. ๒๕๑๒ ลาออกจากเจ้าอาวาสวัดศรีสว่างแดนดิน กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดคามวาสีตามเดิม จวบจนกระทั่งถึงกาลอวสานแห่งชีวิตของท่าน (วันมรณภาพ)

ในระหว่างที่หลวงปู่พุฒ ยโส ยังมีชีวิตอยู่ ท่านรับหน้าที่เป็นพระอุปัชฌาย์ให้การบรรพชาอุปสมบทแก่กุลบุตรทั้งหลาย ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็นต้นมา จนกระทั่งถึงวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๖ ท่านมีสัทธิวิหาริกปรากฏตามบัญชีดังนี้ คือ พระภิกษุ ๓,๐๖๑ รูป และสามเณร ๒,๘๔๐ รูป รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น ๕,๙๐๑ รูป


๏ ปัจฉิมสมัยและการมรณภาพ

ในกาลอวสานแห่งชีวิตของท่าน ท่านได้ไปทำหน้าที่พระอุปัชฌาย์ให้การบรรพชาอุปสมบทนาค ณ วิสุงคามสีมา วัดท่าวารีวราราม บ้านนาทม ต.ค้อใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โดยพักแรมคืนที่วัดประสิทธิ์สามัคคี บ้านต้าย ท่านได้มรณภาพลงอย่างสงบด้วยโรคหัวใจวาย ณ ตำหนักรับเสด็จพระสังฆราช วัดประสิทธิ์สามัคคี เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๖ เวลา ๐๕.๐๐ น. การสูญเสียหลวงปู่พุฒ ยโส ไปในคราวนี้ ได้นำความอาลัยเศร้าโศกเสียใจมาสู่บรรดาคณะสงฆ์ คณะศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไปเป็นอย่างยิ่ง

คณะสงฆ์ คณะศิษยานุศิษย์ ทายกทายิกา และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ได้ประกอบพิธีสรงน้ำศพของหลวงปู่พุฒ ยโส ณ ศาลาการเปรียญ วัดประสิทธิ์สามัคคี บ้านต้าย ในตอนบ่ายวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๖ รุ่งขึ้นวันที่ ๑ พฤษภาคม ได้นำศพของท่านมาบำเพ็ญกุศลสวดพระอธิธรรม ณ ศาลาการเปรียญ วัดคามวาสี ซึ่งศาลาการเปรียญหลังดังกล่าวนี้ท่านเป็นผู้ออกแบบ และดำเนินการก่อสร้างจนเกือบจะเสร็จลงแล้ว

เวลากลางคืนมีการสวดพระพุทธมนต์อุทิศถวาย โดยมี ท่านเจ้าคุณพระเทพสุเมธี (ไพบูลย์ อภิวณฺโณ) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระราชคุณาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสกลนคร (ธรรมยุต) และเจ้าอาวาสวัดศรีโพนเมือง ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร เป็นประธาน ในระหว่างที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศลสวดพระอธิธรรมอยู่นั้น ได้มีบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ ญาติมิตร ผู้เคารพนับถือจากทั่วทิศานุทิศ มาถวายสักการะและบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายมิได้ขาด

อนึ่ง ในการบำเพ็ญกุศล สัตตมวาร ปัญญาสมวาร และสตมวาร ได้มีพระเถรานุเถระจากสถานที่ต่างๆ ทั่วทิศานุทิศ มาร่วมบำเพ็ญกุศลและแสดงพระธรรมเทศนาโปรด นับเป็นเมตตาอย่างสูงสุดที่คณะศิษยานุศิษย์ยากที่จะลืมได้ จนกระทั่ง คณะสงฆ์ คณะศิษยานุศิษย์ ญาติมิตร และผู้เคารพนับถือ โดยมี พระอาจารย์วัน อุตฺตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม (วัดถ้ำพวง) ต.ปทุมวาปี อ.ส่องดาว จ.สกลนคร เป็นประธาน ได้ประชุมตกลงกันขอพระราชทานเพลิงศพของท่าน ระหว่างวันที่ ๒๒ ถึงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๗

หลวงปู่พุฒ ยโส เป็นพระที่มีปฏิปทา ข้อวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ โดยมีคำสั่งสอนตลอดมาว่า

“ทุกสิ่งอย่างในโลกเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของเขา เป็นสิ่งสมมติทั้งนั้น”

“ขอให้ทำความดี ชีวิตก็จะดี”

Image
พระอาจารย์วัน อุตฺตโม



.............................................................

♥ คัดลอกเนื้อหาประวัติมาจาก ::
เว็บไซต์ http://www.sakoldham.com/
พระอาจารย์ปั่น ญาณวโร ผู้เขียนประวัติ
♥ ขอขอบพระคุณที่มาของรูปภาพ ::
โดยเฉพาะจากเว็บไซต์ http://www.watpa.com/
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ย. 2009, 8:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กระทู้ในบอร์ดใหม่

ประวัติและปฏิปทาหลวงปู่พุฒ ยโส

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=25852
 

_________________
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง