I am
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
|
ตอบเมื่อ:
11 ม.ค. 2007, 8:29 am |
  |
ธรรมอยู่ที่รู้จักทำ
ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับศาสนาว่า ประสงค์จะได้ศาสนาที่แสดงธรรมเป็นสัจจะ คือจริงแท้หรือไม่ ทุกๆ คนก็น่าจะตอบตรงกันหมดว่า ต้องการศาสนาที่แสดงสัจธรรม คำถามคำตอบนี้ควรถือเป็นหลักมูลฐานข้อแรก
แต่น่าจะมีคำถามแย้งว่า นอกจากต้องการจะได้อย่างนั้นแล้ว ยังควรจะขยายความออกไปอีกว่า ต้องการให้สัจจะธรรมที่พึงปฏิบัติให้เป็นประโยชน์ขึ้นมาได้ด้วย และก็น่าจะมีคำถามเพิ่มเติมอย่างนั้นอย่างนี้อีก
ฉะนั้น จะยุติเอาเพียงหลักการข้อแรกนั้น ก่อนอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ตามประเด็นของเรื่องที่เกี่ยวไปถึง เพราะประการแรกคนคงต้องการของแท้ ไม่ต้องการของปลอมของเทียม และเหตุที่ต้องการก็ต้องเพราะเชื่อ หรือเห็นว่าเป็นประโยชน์ จึงได้เกิดความต้องการขึ้น
การที่จะมีความเห็นหรือเชื่อดังนั้น ก็ต้องเพราะมีการชักนำให้เห็น หรือเชื่อจากองค์กรของศาสนานั้นๆ และทุกศาสนาก็ย่อมแสดงว่า ศาสนาของตนเป็นจริงมีประโยชน์ช่วยคนได้ต่างๆ ไม่มีศาสนาไหนที่จะบอกว่าศาสนาของตนเป็นของเทียม ของปลอม และไร้ประโยชน์
ก็เมื่อทุกคนต้องการของจริงแท้ดังนิ้โดยไม่ใช่หลอกตัวเอง ก็ควรพิจารณาคำสอนของศาสนาในแง่ของความจริงก่อน เช่นเรื่องบุญบาปหรือความดีความชั่ว ว่าบุญจริงเป็นอย่างไร บาปจริงเป็นอย่างไร นอกจากนี้บุญบาปก็ยังมีหยาบละเอียดเป็นชั้นๆ ขึ้นไป
ตัวอย่างเช่น พระพุทธศาสนาสอนไม่ให้ทำบาปทั้งปวง สอนให้ทำกุศลให้ถึงพร้อม ท่านสอนว่า ประพฤติผิดศีลห้าเป็นบาปเป็นต้น แต่คนเรามีหน้าที่จะต้องทำอยู่ต่างๆ กัน บางหน้าจะรักษาศีลข้อใดข้อหนึ่งไม่สะดวก
บางทีเมื่อปฏิบัติหน้าที่ด้วยใจที่รู้สึกว่าทำบาปก็เลยไม่สบายใจ ถึงกับทิ้งหน้าที่ไปเสียก็มี หรืออาจถึงกับทิ้งศาสนาที่สอนว่าเป็นบาปนั้น ไปถือศาสนาที่สอนว่าไม่เป็นบาป ถ้าเป็นดังนี้ ก็แปลว่าไม่ต้องการความจริง เพราะถ้าต้องการความจริง ก็ต้องพิจารณาว่า ความจริงเป็นอย่างไรและความจริงเป็นบาป
แม้จะเปลี่ยนศาสนาแล้วไปทำเข้าก็ไม่พ้นบาป หากจะมีศาสนาแสดงสิ่งที่เป็นบาปว่าไม่เป็นบาป ศาสนาเช่นนั้นก็จะเป็นศาสนาปลอมหรือเทียม ส่วนที่จะละทิ้งหน้าที่นั้น อาจทำถูกบัญญัติของศาสนา แต่ก็อาจผิดบัญญัติของบ้านเมืองหรือผิดอย่างอื่น
ฉะนั้น ก็ควรต้องพิจารณาว่าตนยืนอยู่ที่ไหน คือให้รู้จักฐานะภาวะของตนที่เป็นอยู่และพิจารณาว่าเมื่ออยู่ในฐานะเช่นนั้นจะพึงปฏิบัติศาสนาได้เพียงไร
พระพุทธศาสนาแสดงธรรมที่เป็นสัจธรรม บุญก็ว่าบุญ บาปก็ว่าบาป เมื่อแสดงให้ทราบแล้ว ผู้ฟังได้ศรัทธาปัญญาในธรรมเพียงไรและจะปฏิบัติได้เพียงไรก็แล้วแต่ผู้ฟัง พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบังคับ หรือชักชวนใครให้มาเป็น ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
ผู้ที่ได้สดับธรรม มาขอเป็นหรือมาแสดงตนเอง คือแสดงความประสงค์ของตนเอง แม้เช่นนั้นก็มิใช่ว่าพระพุทธเจ้าจะทรงอนุมัติตามประสงค์ทุกอย่าง เช่นการขอบรรพชาอุปสมบทต้องไม่มีข้อขัดข้องต่างๆ ตามที่มีวินัยระบุไว้จึงจะบวชได้
พระพุทฦธศาสนาจึงไม่ขัดขวางต่อบ้านเมืองและมีสัจธรรมอยู่ครบถ้วน สำหรับสนองความประสงค์ประโยชน์ของคนทุกภาวะฐานะ
: ส่องโลกส่องธรรม
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
 |
|
|
|