ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
11 ส.ค. 2008, 8:34 am |
  |
ศีลข้อ 4 มุสาวาท มีองค์ 4 คือ
1.เรื่องไม่จริง
2. จิตคิดจะกล่าวให้คลาดเคลื่อน
3. มีความพยายามเกิดจากจิตที่คิดจะกล่าวให้คลาดเคลื่อนนั้น
4. ผู้อื่นเข้าใจความที่พูดนั้น |
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
  |
 |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
11 ส.ค. 2008, 8:34 am |
  |
ศีลข้อ 5 สุราเมรัย ฯ มีองค์ 4 คือ
1. สิ่งนั้นเป็นของเมา
2. จิตใคร่จะดื่ม
3. มีความพยายามเกิดจากจิตที่ใคร่จะดื่มนั้น
4. กลืนให้ล่วงลำคอลงไป |
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
11 ส.ค. 2008, 9:30 am |
  |
ชัดเจนดีคับคุณกรัชกาย
ผิดศีลถือเป็นอกุศล ย่อมนำไปสู่ความเสื่อม
ว่าแต่ เพื่อผมถือศีลข้อนึง ไม่รู้ว่าอยู่ในบรรพไหน
"สุราเป็นระยาระยา ช้าๆนา ...." |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
11 ส.ค. 2008, 10:15 am |
  |
ยุติธรรม พิมพ์ว่า: |
คุณพลศักดิ์ให้ตัวอย่างพระเวสสันดรที่ยกลูกเมียให้คนอื่นเป็นกุศลใหญ่ แต่ชาวบ้านไปยกลูกเมีย
ให้ผู้อื่นเป็นบาปมาก
ดิฉันจึงมาคิดดู จริงๆ บาปบุญขึ้นอยู่กับเจตนาในจิตของผู้กระทำ
จิตที่มีเจตนาเป็นกุศล = บุญ
จิตที่มีเจตนาเป็นอกุศล = บาป
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าเจตนาคือกรรม
ด้วยเหตุนี้ ดิฉันจึงคิดว่า คุณพลศักดิ์พูดถูกแล้วค่ะ การกระทำอย่างเดียวกัน แต่เจตนาต่างกัน ผลจึงต่างกัน
ในกรณีพระเวสสันดร
ท่านทำผิดศีลด้วยเจตนากุศลจึงไม่ได้เป็นบาป แต่เป็นมหากุศล(บุญใหญ่)
ในกรณีคนทั่วไป
ผู้ทำการยกลูกเมียให้ผู้อื่น เจตนาเขาคือความเห็นแก่ตัว ความโลภ ฯลฯ
เจตนาเขาเป็นอกุศล
การทำผิดศีล 5 จึงเป็นบาป เรื่องนี้ถ้ามีทิฏฐิมานะย่อมไม่มีทางเข้าใจ ถ้าถอนทิฏฐิมานะ จะเข้าใจชัดเจน
ทันที |
ทอดทิ้ง ---> บาป
ยกให้(ทุกคนเห็นชอบ)เป็นทาน ยกให้เพื่อทำประโยชน์ ---> บุญ
การยกลูกเมียให้ชูชกเป็นการให้ทาน พระเวสสสันดรพิจารณาแล้วว่ายกให้เพื่ออะไร ลูกเมียเห็นชอบด้วยแล้ว เหตุใดจึงจะเป็นบาปได้
ศีลห้าไม่มีเรื่องการยกลูกเมียให้ผู้อื่นครับ ไม่มีการทำบุญโดยการผิดศีลห้า จะสรุปว่าผิดศีลห้าโดยเจตนาเป็นกุศลแล้วไม่บาป ยังไม่ได้ครับ
รบกวนช่วยแสดงตัวอย่างอื่นด้วยครับ ตัวอย่างนี้ผมขอแย้งจริงๆ |
|
|
|
    |
 |
natdanai
บัวบาน

เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok
|
ตอบเมื่อ:
11 ส.ค. 2008, 10:48 am |
  |
ชัดเจนดีครับท่านกรัชกาย |
|
_________________ ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง |
|
    |
 |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
11 ส.ค. 2008, 8:26 pm |
  |
คุณยุติธรรมครับ
คุณเข้าใจถูกแล้วครับ
คุณเมธีครับ
คุณยังไม่เข้าใจเรื่องบุญ-บาป คุณยุติธรรมพูดถูกแล้ว
จิตที่มีเจตนาเป็นกุศล = บุญ
จิตที่มีเจตนาเป็นอกุศล = บาป
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าเจตนาคือกรรม
ในกรณีพระเวสสันดร
ท่านทำผิดศีลด้วยเจตนากุศลจึงไม่ได้เป็นบาป แต่เป็นมหากุศล(บุญใหญ่)
ในกรณีคนทั่วไป
ผู้ทำการยกลูกเมียให้ผู้อื่น เจตนาเขาคือความเห็นแก่ตัว ความโลภ ฯลฯ
เจตนาเขาเป็นอกุศล
การทำผิดศีล 5 จึงเป็นบาป เรื่องนี้ถ้ามีทิฏฐิมานะย่อมไม่มีทางเข้าใจ ถ้าถอนทิฏฐิมานะ จะเข้าใจชัดเจน
ทันที |
|
|
|
  |
 |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
11 ส.ค. 2008, 8:35 pm |
  |
natdanai พิมพ์ว่า: |
ชัดเจนดีครับท่านกรัชกาย |
สมัครเป็นหน้าม้าเมื่อไรครับ เข้าใจที่คุณกรัชกายพูดจริงหรือ ไหนทั้งคุณและคุณกรัชกายช่วยอธิบาย
หน่อยได้ไหมว่า ชาวบ้านเขาก็ยกลูกเมียให้คนอื่นทำไมเป็นบาปเล่า
ผมจะอธิบายให้ฟัง ชาวบ้านก็ยกให้เหมือนพระเวสสันดร แต่จิตตอนที่ยกให้ต้องการได้เงินจากคนอื่น
เป็นความเห็นแก่ตัว แต่จิตพระเวสสันดรไม่มีความเห็นแก่ตัวแบบนั้น ยอมทนทุกข์จากการสูญเสีย
ลูกเมีย แต่ชาวบ้านไปขายลูกกิน ขายเมียกิน เพื่อให้ตนเองได้เงิน
ที่คุณกรัชกายพูดนั้นไร้สาระสิ้นดี
ทอดทิ้ง ---> บาป
ยกให้(ทุกคนเห็นชอบ)เป็นทาน ยกให้เพื่อทำประโยชน์ ---> บุญ
เอาลูกเมียให้คนอื่น คนอื่นเอาไปต้องเอาไปทำประโยชน์อยู่แล้ว จึงเป็นบุญไม่ได้
ที่เป็นบุญ-บาป ก็คือจิตใจของผู้ยกให้ ถ้าเสียสละของที่รักให้คนอื่น = บุญใหญ่
ถ้าจิตใจของผู้ยกให้ไปเอาประโยชน์จากของที่รัก เป็นการขาย เป็นการเอาประโยชน์เข้าตัวเอง ไม่เห็น
แก่เพื่อนมนุษย์= บาป |
|
|
|
  |
 |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
11 ส.ค. 2008, 8:46 pm |
  |
ย้ำ!
เอาลูกเมียให้คนอื่น คนอื่นเอาไปต้องเอาไปทำประโยชน์อยู่แล้ว จึงเป็นบุญไม่ได้
ที่เป็นบุญ-บาป ก็คือจิตใจของผู้ยกให้
ถ้าเสียสละของที่รักให้คนอื่น = บุญใหญ่
ถ้าจิตใจของผู้ยกให้ไปเอาประโยชน์จากของที่รัก เป็นการขาย เป็นการเอาประโยชน์เข้าตัวเอง ไม่เห็น
แก่เพื่อนมนุษย์= บาป |
|
|
|
  |
 |
natdanai
บัวบาน

เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok
|
ตอบเมื่อ:
12 ส.ค. 2008, 11:46 am |
  |
ท่านพลศักดิ์ครับ
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า: |
natdanai พิมพ์ว่า: |
ชัดเจนดีครับท่านกรัชกาย |
สมัครเป็นหน้าม้าเมื่อไรครับ เข้าใจที่คุณกรัชกายพูดจริงหรือ ไหนทั้งคุณและคุณกรัชกายช่วยอธิบาย
หน่อยได้ไหมว่า ชาวบ้านเขาก็ยกลูกเมียให้คนอื่นทำไมเป็นบาปเล่า
ผมจะอธิบายให้ฟัง ชาวบ้านก็ยกให้เหมือนพระเวสสันดร แต่จิตตอนที่ยกให้ต้องการได้เงินจากคนอื่น
เป็นความเห็นแก่ตัว แต่จิตพระเวสสันดรไม่มีความเห็นแก่ตัวแบบนั้น ยอมทนทุกข์จากการสูญเสีย
ลูกเมีย แต่ชาวบ้านไปขายลูกกิน ขายเมียกิน เพื่อให้ตนเองได้เงิน
ที่คุณกรัชกายพูดนั้นไร้สาระสิ้นดี
ทอดทิ้ง ---> บาป
ยกให้(ทุกคนเห็นชอบ)เป็นทาน ยกให้เพื่อทำประโยชน์ ---> บุญ
เอาลูกเมียให้คนอื่น คนอื่นเอาไปต้องเอาไปทำประโยชน์อยู่แล้ว จึงเป็นบุญไม่ได้
ที่เป็นบุญ-บาป ก็คือจิตใจของผู้ยกให้ ถ้าเสียสละของที่รักให้คนอื่น = บุญใหญ่
ถ้าจิตใจของผู้ยกให้ไปเอาประโยชน์จากของที่รัก เป็นการขาย เป็นการเอาประโยชน์เข้าตัวเอง ไม่เห็น
แก่เพื่อนมนุษย์= บาป |
กระผมเองมิได้เป็นหน้าม้าให้ครัยหรอกครับ...กระผมเองเพียงพิจารณาข้อความของท่านกรัชกายว่า ผิดศีลแบบมีเจตนานั้นพิจารณายังไงจึงเรียกว่ามีเจตนา ซึ่งกระผมว่ามันก็สมเหตุผลดีครับ ความจริงแล้วผมว่ามันก็สอดคล้องกับสิ่งที่ท่านกล่าวนะครับ...หรือท่านเห็นแตกต่างอย่างไรในประเด็นนี้ก็ขอท่านให้ความรู้แก่กระผมด้วยครับ  |
|
_________________ ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง |
|
    |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
12 ส.ค. 2008, 12:27 pm |
  |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า: |
natdanai พิมพ์ว่า: |
ชัดเจนดีครับท่านกรัชกาย |
สมัครเป็นหน้าม้าเมื่อไรครับ เข้าใจที่คุณกรัชกายพูดจริงหรือ ไหนทั้งคุณและคุณกรัชกายช่วยอธิบาย
หน่อยได้ไหมว่า ชาวบ้านเขาก็ยกลูกเมียให้คนอื่นทำไมเป็นบาปเล่า
ผมจะอธิบายให้ฟัง ชาวบ้านก็ยกให้เหมือนพระเวสสันดร แต่จิตตอนที่ยกให้ต้องการได้เงินจากคนอื่น
เป็นความเห็นแก่ตัว แต่จิตพระเวสสันดรไม่มีความเห็นแก่ตัวแบบนั้น ยอมทนทุกข์จากการสูญเสีย
ลูกเมีย แต่ชาวบ้านไปขายลูกกิน ขายเมียกิน เพื่อให้ตนเองได้เงิน
ที่คุณกรัชกายพูดนั้นไร้สาระสิ้นดี
ทอดทิ้ง ---> บาป
ยกให้(ทุกคนเห็นชอบ)เป็นทาน ยกให้เพื่อทำประโยชน์ ---> บุญ
เอาลูกเมียให้คนอื่น คนอื่นเอาไปต้องเอาไปทำประโยชน์อยู่แล้ว จึงเป็นบุญไม่ได้
ที่เป็นบุญ-บาป ก็คือจิตใจของผู้ยกให้ ถ้าเสียสละของที่รักให้คนอื่น = บุญใหญ่
ถ้าจิตใจของผู้ยกให้ไปเอาประโยชน์จากของที่รัก เป็นการขาย เป็นการเอาประโยชน์เข้าตัวเอง ไม่เห็น
แก่เพื่อนมนุษย์= บาป |
เอ่อ ทอดทิ้ง ---> บาป (ทอดทิ้งก็คือไม่ปฏิบัติในหน้าที่ที่สมควรปฏิบัติต่อกัน) ก็ถูกต้องแล้วนี่ครับที่เป็นบาป
ยกให้(ทุกคนเห็นชอบ)เป็นทาน ยกให้เพื่อทำประโยชน์ ---> บุญ (ความหมายที่อ่านดูก็คือ ไม่ได้หวังผลตอบแทนอะไรนี่ครับ ไม่ได้เกิดจากกิเลส เป็นการเสียสละ) ก็ต้องเป็นบุญอยู่แล้ว
ผมอ่านดูกี่ทีๆ ก็ความหมายเดียวกับคุณพลศักดิ์นี่ครับ ความหมายเดียวกัน ยังไม่เห็นว่าจะต่างกันตรงไหน
ผมเห็นด้วยที่ว่าการกระทำใดๆ ที่มีเจตนาเป็นกุศล ย่อมมีส่วนของกุศลเกิดขึ้นด้วยเสมอ แต่ยังไม่ขอแสดงความเห็นใดๆเพิ่งเติม เกี่ยวกับการผิดศีลห้าแล้วไม่เป็นบาป (หมายถึงได้แต่ผลบุญส่วนเดียว) ขอดูตัวอย่างที่ท่านๆยกมา กรณีพระเวสสันดรไม่ได้เป็นการผิดศีลห้าด้วยนี่ครับ ถือว่าเป็นอีกกรณีนึง
สุดท้าย ผม เมธี เป็นคนพิมพ์เรื่องที่คุณพลศักดิ์ตอบครับ ไม่ใช่คุณกรัชกาย รบกวนลองย้อนไปอ่านอีกที
ผมย้อนไปดูอีกที กลัวพลาด แต่จำได้นะว่าเป็นผมอ่ะ
สาธุครับ
 |
|
|
|
    |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
12 ส.ค. 2008, 12:30 pm |
  |
อ่านไปอ่านมาอีกที จริงๆ เริ่มจากคุณ natdanai เข้าใจว่าเปนคุณกรัชกายน่ะครับ
ไม่เปนไรครับ ไม่ว่ากัน ผิดพลาดกันได้
ขำๆนะครับ ผมแซวเล่น  |
|
|
|
    |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
12 ส.ค. 2008, 1:00 pm |
  |
ผมสงสารคนป่วยคนหนึ่ง
เขาทรมานมากจากมะเร็ง กินน้ำสักจิบก็ไม่ได้ เจ็บปวดที่สุด
ผมสงสาร อยากเห็นเขาพ้นจากความทนมาน เจตนาผมบริสุทธิ์
ผมเลยฆ่าเขาเสีย
- ด้วยการฉีดยาสลบเข้าสายน้ำเกลือ 1 เข็มก่อน
- พอเขาเคลิ้มหลับ ผมก็ฉีดเข้าสายน้ำเกลืออีก คราวนี้ฉีด 10 เท่าของปกติ
ผู้ป่วยตาย โดยปราศจากความทรมาน
ถามว่า ผมได้บุญ หรือได้บาป
ในมุมคุณพลศักดิ์ ผมได้บุญใหญ่นะ เจตนาผมดี
แต่นั่นแหละ ผมไม่ใช่พระอรหันต์ คุณพลศักดิ์เลยวินิจฉัยให้ผมได้บาป
เฮ้อ |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
12 ส.ค. 2008, 8:58 pm |
  |
คุณ"คามินธรรม" ครับ
มโนธรรมของคุณจะบอกเองว่า ถูกหรือผิด เจตนาของคุณเป็นกุศลหรือเป็นอกุศลได้ถูกบันทึกในจิต
ไว้แล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงมันได้
ผมเคยเล่าเรื่องผู้หญิงที่นอกใจสามีไปขายตัว เพราะสามีพิการและลูกต้องจ่ายค่าเทอม พระยายมราช
ตัดสินให้ขึ้นสวรรค์ขั้นดาวดึง แม่ชีที่ถอดจิตลงไปดูในนรกเล่าให้ฟัง แม่ชีเขาก็งงเหมือนกันว่า ผิดศีล
ข้อ 3 ชัดเจน ทำไมตัดสินให้ไปสวรรค์ได้
คำตอบมีอยู่อย่างเดียว เจตนาของผู้หญิงไม่ได้ต้องการนอกใจสามี ต้องการหาเงินจ่ายค่าเทอมให้ลูก
และหาเงินเลี้ยงผัวที่พิการ
ถ้าผมตัดสินคุณ ผมจะตัดสินให้คุณไปเกิดใหม่ หัดทำกรรมฐานใหม่จนเห็นดวงตาธรรม รู้ซึ้งในสอน
ของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ไปจดจำแบบนกแก้วนกขุนทอง |
|
|
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
12 ส.ค. 2008, 9:07 pm |
  |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า: |
คุณ"คามินธรรม" ครับ
มโนธรรมของคุณจะบอกเองว่า ถูกหรือผิด เจตนาของคุณเป็นกุศลหรือเป็นอกุศลได้ถูกบันทึกในจิต
ไว้แล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงมันได้
ผมเคยเล่าเรื่องผู้หญิงที่นอกใจสามีไปขายตัว เพราะสามีพิการและลูกต้องจ่ายค่าเทอม พระยายมราช
ตัดสินให้ขึ้นสวรรค์ขั้นดาวดึง แม่ชีที่ถอดจิตลงไปดูในนรกเล่าให้ฟัง แม่ชีเขาก็งงเหมือนกันว่า ผิดศีล
ข้อ 3 ชัดเจน ทำไมตัดสินให้ไปสวรรค์ได้
คำตอบมีอยู่อย่างเดียว เจตนาของผู้หญิงไม่ได้ต้องการนอกใจสามี ต้องการหาเงินจ่ายค่าเทอมให้ลูก
และหาเงินเลี้ยงผัวที่พิการ
ถ้าผมตัดสินคุณ ผมจะตัดสินให้คุณไปเกิดใหม่ หัดทำกรรมฐานใหม่จนเห็นดวงตาธรรม รู้ซึ้งในสอน
ของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ไปจดจำแบบนกแก้วนกขุนทอง |
ดีจังเลยนะคับ
ผมฆ่าคนป่วย ผมได้บุญใหญ่ ขึ้นสวรรค์
แต่ก่อนขึ้นสวรรค์ต้อง่ติดคุกแน่นอน
เพราะผิดกฏหมาย ซึ่งคือผลกรรมจากการฆ่าเขา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด
แต่เรื่องตัดสินผมนี่
คุณพลศักดิ์ทำให้ผมไม่ได้แน่นอน
เพราะคุณพลศักดิ์เป็นพระพุทธเจ้าเสียเอง
จะมาเป็นพยายมทำไม |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
12 ส.ค. 2008, 9:25 pm |
  |
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16890&postdays=0&postorder=asc&start=0
เรื่องที่คุณพลศักดิ์เคยเล่าไว้ เกี่ยวกับผู้หญิงขายตัว เพราะสามีถูกรถชน ต้องหาเงินจ่ายค่าเทอม
ผมขอถามเพิ่มเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ
แล้วสมมุติว่าพระยายมราชมี แล้วท่านใช้อะไรตัดสินครับ ว่าพิการแค่ไหนถึงยอมรับได้ว่าหมดหนทางทำมาหากินแล้ว ลูกต้องเรียนระดับไหนครับ ค่าเทอมแพงมากน้อยมีผลไหมครับ แล้วคนที่เขาเลือกสู้ชีวิตไม่ขายตัวล่ะครับ ผลตอบแทนคืออะไรครับ แล้วถ้าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นๆฟังเยอะๆ เท่ากับเป็นการสนับสนุนให้ขายตัวเปล่าครับ
ผมว่า คนที่สู้ชีวิตไม่ยอมจำนนแก่ชะตากรรม ไม่ยอมขายศักดิ์ศรีตัวเองและครอบครัว น่ายกย่องมากกว่านะครับ ถึงแม้ว่าในกรณีนี้อาจมองได้ว่าหมดหนทาง(ผมสงสารนะครับ) ก็เถอะ
กระทู้นั้นคุยกันจนผมลืมเรื่องนี้ไป
สัญญาไม่เที่ยงจริงๆ
คุณคามินธรรม
เดี๋ยวผมช่วยตั้งกระทู้ใหม่ให้ นกแก้วนกขุนทอง กับ ตัดสินผู้อื่นด้วยความคิดตนเอง ดีไหมครับ |
|
|
|
    |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
12 ส.ค. 2008, 9:33 pm |
  |
คามินธรรม พิมพ์ว่า: |
ผมสงสารคนป่วยคนหนึ่ง
เขาทรมานมากจากมะเร็ง กินน้ำสักจิบก็ไม่ได้ เจ็บปวดที่สุด
ผมสงสาร อยากเห็นเขาพ้นจากความทนมาน เจตนาผมบริสุทธิ์
ผมเลยฆ่าเขาเสีย
- ด้วยการฉีดยาสลบเข้าสายน้ำเกลือ 1 เข็มก่อน
- พอเขาเคลิ้มหลับ ผมก็ฉีดเข้าสายน้ำเกลืออีก คราวนี้ฉีด 10 เท่าของปกติ
ผู้ป่วยตาย โดยปราศจากความทรมาน
ถามว่า ผมได้บุญ หรือได้บาป
ในมุมคุณพลศักดิ์ ผมได้บุญใหญ่นะ เจตนาผมดี
แต่นั่นแหละ ผมไม่ใช่พระอรหันต์ คุณพลศักดิ์เลยวินิจฉัยให้ผมได้บาป
เฮ้อ |
ผมขออนุญาต วินิจฉัยคุณ คามินธรรมนะครับ
คิดว่าคุณคามินธรรม คงมีคำตอบให้กับตัวเองอยู่แล้ว
แต่ผมขอแสดงความคิดเห็นของผม เพื่อให้ท่านๆได้พิจารณาแนะนำนะครับ
คุณคามินธรรม ได้บุญ แน่นอน ครับ แต่เป็นส่วนของความเมตตากรุณา
และก็ได้บาปด้วยแน่นอนครับ เพราะฆ่าคนตาย เราไม่รู้หรอกว่าจริงๆคนป่วยอาจไม่อยากตายก็ได้ หรือถ้าอยากตายก็อาจอยากเห็นหน้าคนรักก่อนก็ได้ ซึ่งคุณคามินธรรมชิงฏชฆ่าเขาก่อน ทำให้เขาเสียใจและโกรธแค้นได้ ถึงคุณรู้แน่ๆว่าเขาอยากตายเองแน่ๆ แล้วพี่น้องเขาก็ต้องไม่พอใจแน่นอนใช่ไหมครับ อย่างน้อยก็เป็นการสร้างความอาฆาตให้กับพี่น้องเขาได้(บางคนนะ)
ที่ถูกต้อง แน่นอนครับ ด้วยความเมตตา กรุณาที่มี ต้องช่วยบรรเทาทุกข์ให้เขา ถึงที่สุดแล้วก็ต้องวางอุเบกขา
จิตที่เป็นกุศลจำเป็นต้องมีปัญญาประกอบ และก็ไม่ต้องทำให้ตนเองประพฤติผิดธรรมด้วย
ผลบุญผลบาปมากน้อยขึ้นกับเจตนาและความพยายามนั้น ไปนรกสวรรค์นั้นว่ากันอีกทีตอนดับจิต
ผิดถูกโปรดชี้แนะครับ  |
|
|
|
    |
 |
guest
บัวบาน

เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254
|
ตอบเมื่อ:
12 ส.ค. 2008, 9:42 pm |
  |
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
12 ส.ค. 2008, 9:49 pm |
  |
ขอบคุณคุณเมธีนะครับ
ความจริงเหตุการณ์แบบนี้ ไม่เกิดหรอกครับ
คนปกติ เขาไม่อุตริทำแบบนี้
พูดภาษาปากว่า เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เกิดกับคนปกติ (ไม่บ้า)
แหม ... พระอรหันต์ที่ไหนจะมากินเหล้า ควักลูกตา ฆ่าตัวตาย
พระอรหันต์เขาไม่มีตันหาเดือดร้อนเลยต่างหาก
เขาจึงไม่มีทางวุ่นวายเรื่องพวกนี้
พระอรหันต์แบบพิศดาร ต่างหาก ถึงไปวุ่นวายเรื่องแบนั้น
แม่นบ่ |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
12 ส.ค. 2008, 10:01 pm |
  |
guest พิมพ์ว่า: |
เมธี แปลว่า นักปราชญ์ |
ชื่อความหมายดีน่ะครับ แม่ตั้งให้
แต่ผมมันโง๊โง่น่ะครับ  |
|
|
|
    |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
12 ส.ค. 2008, 10:05 pm |
  |
คามินธรรม พิมพ์ว่า: |
ขอบคุณคุณเมธีนะครับ
ความจริงเหตุการณ์แบบนี้ ไม่เกิดหรอกครับ
คนปกติ เขาไม่อุตริทำแบบนี้
พูดภาษาปากว่า เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เกิดกับคนปกติ (ไม่บ้า)
แหม ... พระอรหันต์ที่ไหนจะมากินเหล้า ควักลูกตา ฆ่าตัวตาย
พระอรหันต์เขาไม่มีตันหาเดือดร้อนเลยต่างหาก
เขาจึงไม่มีทางวุ่นวายเรื่องพวกนี้
พระอรหันต์แบบพิศดาร ต่างหาก ถึงไปวุ่นวายเรื่องแบนั้น
แม่นบ่ |
ผมก็ว่าแหละครับใครเขาจะทำ แต่รู้สึกว่าจะมีนะครับ แบบว่า สมองตายหรืออะไรสักอย่างเนี่ยแหละครับผมไม่ชัวร์ แล้วนานเกินระยะเวลานึง แต่แพทย์ต้องถามความสมัครใจของญาติก่อน
ส่วนเรื่องพระอรหันต์ ผมว่าก็พิศดารนะครับ เท่าที่อ่านดูประวัติสมัยพุทธการ พระอรหันต์ทั้งหลายก็ปกตินะครับ มากกว่านี้ผมไม่ค่อยทราบน่ะครับ |
|
|
|
    |
 |
|