ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
บูรณ์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
01 ธ.ค.2005, 11:59 pm |
  |
อ่านมาก......รู้มาก......คิดมาก......พักผ่อนให้มากๆด้วยนะ.....เป็นห่วง |
|
|
|
|
 |
อาจไม่มีสาระเท่าไหร่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
02 ธ.ค.2005, 11:10 am |
  |
หัวข้อกระทู้กับเนื้อหาความคิดเห็นดูหลากหลายดี ตัวเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องทันกับเขาเท่าไหร่ว่าผิดถูกเป็นอย่างไร แต่คิดอีกทีไม่เห็นจะเป็นไรที่จะอยู่เฉยโดยไม่ต้องไปสรุปพระท่านใดเป็นอรหันต์หรือไม่ หรือท่านผู้ใดจะบรรลุธรรมสูงเพียงใดด้วยการเอาใจใส่แต่การปฏิบัติของตัวเองมั่นคงในการปฏิบัติธรรมไม่คิดเบียดเบียนผู้ใดเท่านั้นเป็นพอ
ความคิดเห็นส่วนตัวต่อธรรมมะหรือคำสอนหรือความเห็นจากผู้ใด ล้วนแล้วเป็นโอกาสให้ตนได้ค้นหาข้อมูลธรรมที่ตนสามารถเลือกสรรค้นหาสิ่งที่แอบแฝงในสาระมาเป็นประโยชน์กับตนได้ทั้งนั้น ส่วนใดไม่เห็นด้วยหรือไม่รู้ผิดถูกอย่างไรแต่ที่แน่แน่ไม่ได้เสริมสร้างการปฏิบัติธรรมก็ปล่อยให้มันจมอยู่กับเหตผลทางโลกโดยข้อความตรงนั้นโดยไม่ต้องพยายามแสวงหาคำตอบสุดท้าย เพราะไม่คิดว่าเป็นสิ่งสำคัญเท่าไหร่ที่จะให้ความสนใจความน่าเชื่อถือของตัวบุคคลมากไปกว่าสาระที่อาจมีทั้งที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติและอาจไม่มีประโยชน์รวมอยู่ด้วยก็เป็นไปได้ตลอดเวลาจากบุคคลคนเดียวกัน
คนทั่วไปอาจมองว่าธรรมมะที่เป็นประโยชน์ต้องถูกเปล่งออกมาจากวาจาของผู้ที่ตนเลื่อมใสเท่านั้นแต่สำหรับผมแม้นสามัญชนทั่วไปหรือผู้ที่เราอาจจะไม่ชอบหากกล่าวธรรมมะเดียวกันนั้นโดยรู้จริงหรือไม่ก็ตามถ้าเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติของผมเองได้คิดว่าคุณค่าไม่ต่างกันครับเพราะสาระเนื้อหาย่อมคงคุณค่าในตัวของมันเองไม่สูญหายไปไหนเพียงผู้ได้รับฟังต้องรู้จักแยกแยะอะไรเป็นสาระอะไรไม่เป็นด้วยสติที่ไม่ปล่อยให้อารมณ์ใดมาครอบงำจิตใจจนหลงไหลสิ่งอื่นแทนสาระที่มันควรจะเป็น
|
|
|
|
|
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
02 ธ.ค.2005, 11:38 am |
  |
คุณความเห็นที่ 21 ตอบได้ถูกต้องแล้ว ต่อไปหากปฏิบัติจะมีโอกาสได้บรรลุธรรมได้โดยง่าย ที่คนไม่เข้าถึง ไม่เข้าใจธรรมมะ เพราะมัวแต่วิจารณ์คนอื่น จนลืมดูตนเอง นี่เป็นอุปสรรคที่สำคัญของปฏิบัติธรรม มีสาระมากทีเดียว |
|
|
|
    |
 |
บัวเบลอ
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 18 ต.ค. 2005
ตอบ: 86
|
ตอบเมื่อ:
02 ธ.ค.2005, 1:19 pm |
  |
ตนเตือนตนของตนของตนให้พ้นผิด ....... ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน
ตนเตือนไม่ได้ใครจะเตือน ...................... ตนแชเชือนใครจะเตือนให้พ้นภัย
พระอรหันต์ท่านไม่มักโกรธ ไม่มักอาฆาตจ้ะ
เหน็บแนมเสียดสี ศีล ๕ ไม่บริสุทธิ์ เดี๋ยวอดเป็นพระอรหันต์เลยเอ้า
|
|
|
|
  |
 |
บัวเบลอ
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 18 ต.ค. 2005
ตอบ: 86
|
ตอบเมื่อ:
02 ธ.ค.2005, 1:25 pm |
  |
แก้ไขพิมพ์ตกหล่น
ตนเตือนตน ...ไม่ได้...ใครจะเตือน |
|
|
|
  |
 |
บูรณ์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
02 ธ.ค.2005, 9:21 pm |
  |
เชื่อแล้วว่า บรรลุแล้ว........เชื่อจริงๆ.....กลัวโดนยิง |
|
|
|
|
 |
บัวเบลอ
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 18 ต.ค. 2005
ตอบ: 86
|
ตอบเมื่อ:
02 ธ.ค.2005, 10:58 pm |
  |
ปืนไม่มีลูกหรอกไม่ต้องกลัวไป ... ชิลล ชิลล
เค้าบอกเค้าบรรลุแค่ทางทฤษฎี ยังไม่ยืนยันในทางปฏิบัติ
จริงๆคุณธนวัฒน์ช่วยทำสีสันคึกคักดีนะ ดูๆเหมือนเรตติ้งเว็บกะฉูด
ติดพันเว็บธรรมจักรเพราะคุณธนวัฒน์นี่แหละ |
|
|
|
  |
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
02 ธ.ค.2005, 11:48 pm |
  |
คุณความเห็นที่ 21 คุณกล้าปฏิบัติสมาธิตามวิธีการของผมหรือเปล่า ก่อนที่คุณจะพูดอะไร หรือสรุปว่าอะไรถูกหรือผิด มีจริงหรือไม่มีจริง คุณจะไปล่วงละเมิดความเป็นอยู่ของคนอื่น แต่ถ้าคุณปฏิบัติธรรมตามที่ผมบอกได้แล้ว แจกแจงว่าคุณปฏิบัติแล้วได้อะไรบ้างที่นอกจากทำให้จิตสงบกับได้ความรู้แล้ว คุฤณค่อยมาวิพากษ์วิจารณ์ผมนะครับ |
|
|
|
    |
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
02 ธ.ค.2005, 11:50 pm |
  |
ความเห็นที่ 27 ที่ผมพิมพ์ แก้จากความเห็นที่ 21 เป็นความคิด เห็นที่ 26 ของคุณบัวเบลอนะครับ |
|
|
|
    |
 |
ฆราวาส
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 ธ.ค.2005, 7:36 am |
  |
อย่างน้อยก็จะยืนยันให้พอเชื่อได้ว่า คนที่เป็นฆราวาสเป็นอรหันต์นั้นมีจริง และพระอรหันต์ยังเล่นเน็ตก็มีจริง สิ่งที่พระอรหันต์ฆราวาสทำนั้นเป็นที่น่าสนใจ
คุณธนาวัฒน์น่าจะยืนยันให้ชัดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์หรือไม่ ถ้าเป็นพระอรหันต์จริงๆใครจะไม่ศรัทธาเล่า แต่ถ้าไม่เป็นจริงก็จะเป็นเท็จผิดศีล หรือถ้าสติวิปลาสก็ไม่ผิดศีล ก็ยืนยันไปเถอะ คุณพระอรหันต์เป็นอย่างไรก็จะได้พิสูจน์กันได้ ใช่หรือไม่คุณธนาวัฒน์ |
|
|
|
|
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
03 ธ.ค.2005, 10:41 am |
  |
ความเห็นที่ 29 พูดถึงเรื่องศีลก่อน เอาเป็นว่าผมไม่ได้ทำผิดศีลแน่นอน คนเราจะอธิบายสิ่งที่ตนเป็นได้ก็ต่อเมื่อตนปฏิบัติได้ตามนั้นจริง ผมไม่ต้องการให้ใครมาศรัธาหรือไม่ศรัทธาในตัวผม ผมต้องการเพียงให้คนรู้เท่านั้นว่าการบรรลุอรหัตผลฆารวาสก็ทำได้จริงเท่านั้น
ส่วนการเล่นอินเตอร์เน็ต ถ้าเราไม่มีเจตนาทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนโดยเจตนาก็ไม่ถือว่าเป็นความผิด ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่กำลังตนเป็นทาสของเทคโนโลยี เราไม่สามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของเราได้ แต่เทคโนโลยีต่างหากใช้เราให้บรรลุวัตถุประสงค์ของมันได้ เทคโนโลยีก็เป็นสัจธรรมอย่างหนึ่ง คือมีทั้งด้านดีและดก้านไม่ดีในเวลาเดียวกันเสมอ เช่นผมนำธรรมมะมาเผยแพร่ก็จะมีทั้งคนเชื่อกำบคนไม่เชื่อในเวลาเดียวกัน แต่ผมไม่ยอมให้เทคโนโลยีมาใช้ผม แต่ผมกำลังใช้เทคโนโลยีเพื่อให้เผยแพร่ธรรมมะของผมให้มากที่สุด อินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางหนึ่ง หรือกล้อง webcam ที่พวกเล่น MSN ใช้ chat กัน ผมก็เอามาทำ VCD ธรรมมะผ่านทาง Windows moviemaker แล้วใช้ nero write แผ่นออกมา แล้วส่งไปให้สหายธรรมที่มาปฏิบัติธรรมกับผมเอาไปเปิดที่วัด คนดูกันมากมาย หรือแม้แต่ msn คนที่ add เข้ามาก็คุยกับผมเรื่องธรรมมะ
การเล่นเน็ต อย่ามองประเด็นเดียว ต้องมองประโยชน์ของเทคโนโลยีอีกด้านด้วย ที่เครืองคอมมีทุกอย่าง เครื่อง write dvd webcam ADSL hi-speed internet จาก true แต่สิ่งเหล่านี้ผมหาประโยชน์จากมันได้หมด จากย่อหน้าที่แล้ว ไหน ๆ ก็ได้กรุณาถามผม ผมก็จะตอบให้ดังนี้
ส่วนเรื่องการพิสูจน์ คุณต้องมาเจอผม แล้วมาปฏิบัติสมาธิกับผมเท่านั้น ไม่มีทางพิสูจน์การบรรลุอรหัตผลด้วยทางตัวอักษรได้เลยไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น ผมก็พยายามอธิบายอย่างดีที่สุดแล้วครับ คุณอยากจะพิสูจน์มั้ยครับ หรือใครก็ได้อยากพิสูจน์มั้ยครับ มันก็เท่านั้นเอง |
|
|
|
    |
 |
คนเมืองกาญจน์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 ธ.ค.2005, 1:46 pm |
  |
อยากทราบว่าปัจจุบันในประเทศไทย มีพระภิกษุที่บรรลุอรหันต์ประมาณกี่รูป และที่เป็นฆราวาสกี่ท่าน ในนิกายมหายานมีบ้างไหม ในจังหวัดกาญจนบุรีมีบ้างไหมครับ |
|
|
|
|
 |
ฆราวาส
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 ธ.ค.2005, 4:46 pm |
  |
ถามว่าถ้าไปนั่งสมาธิแล้วพิสูจน์อย่างไรจึงรู้ว่าคุณ ธนาวัฒน์เป็นพระอรหันต์ พิสูจน์อย่างไรครับ |
|
|
|
|
 |
ปุถุชน
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 ธ.ค.2005, 6:29 pm |
  |
ขอยินดีด้วยกับความหลุดพ้นห่างไกลจากกิเลสของ คุณ ธนาวัฒน์
ผมเคยคิดว่าผู้คนในสมัยพระพุทธเจ้านั้นโชคดีมากที่ได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าและอรหันต์สาวกของท่านโดยตรงมาบัดนี้ได้มีผู้พ้นจากกิเลสเกิดขึ้นในเวลานี้ และที่นี่แล้ว จึงขอท่านได้โปรดกรุณาแสดงธรรมอันนำไปสู่ความหลุดพ้นจากความทุกข์จากกิเลสทั้งหลายให้กับเราทุกท่านในที่นี้ด้วยเถิด
ขอเจริญในธรรมมาล่วงหน้าด้วย |
|
|
|
|
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
03 ธ.ค.2005, 6:48 pm |
  |
ความเห็นที่ 31 คำตอบคือมีพระบรรลุอรหัตผลทั่วโลกประมาณ 1000 รูป ส่วนมากเป็นพระในนิกายมหายาน เพราะพระนิกายมหายาน ส่วนมากเน้นการปฏิบัติสมาธิเป็นหลัก ซึ่งหัวใจสำคัญของการบรรลุอรหัตผลคือการปฏิบัติสมาธิภาวนา ส่วนฆราวาสที่บรรลุอรหัตผลมีอยู่ 2 คน สำหรับประเทศไทย ตอนนี้มีหลวงตามหาบัว ที่ผมเห็นมีเท่านั้น วัดจากการลักษณะของการอธิบายธรรมของท่าน ส่วนถ้าจะมีพระป่าอีกที่ผมไม่รู้จัก
พุทธศาสนามี 2 นิกายหลัก ๆ มี 2 นิกาย คือในประเทศไทย ลาว พม่า นับถือนิกายเถรวาท นิกายเถรวาท คือคำพูดของพระเถระเป็นใหญ่ ส่วนนิกายมหายานที่นับถืออยู่ในประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นนิกายมหายาน คือการปฏิบัติสมาธิภาวนาเป็นหลัก ซึ่งนิกายของพุทธศาสนาที่ถูกต้อง คือนิกายมหายาน เพราะธรรมมะต้องปฏิบัติเท่านั้นจึงจะเข้าใจ
ความเห็นที่ 32 สิ่งที่ผมให้คุณพิสูจน์ ไม่ได้พิสูจน์ในตัวผม แต่พิสูจน์ในตัวคุณต่างหาก สำหรับตัวคุณแล้ว ผมจะบรรลุอรหัตผลหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ความสำคัญอยู่ที่ว่า คุณได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติสมาธิภาวนาแล้วหรือยัง นี่คือหลักธรรมคไสอนที่เน้นให้ทุกคนสำรวจตนเองเป็นหลัก
ส่วนความใหนที่ 33 ไปดู http://www.dhammajak.net/webboard/show.php?Category=dhammajak&No=3455 ต่อด้วยhttp://www.dhammajak.net/webboard/show.php?Category=dhammajak&No=3599 นำไปอ่านดูก่อน แล้วปฏิบัติตามนั้นให้ได้ |
|
|
|
    |
 |
เขม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 ธ.ค.2005, 8:36 pm |
  |
ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ต่อผู้ที่ปฏิบัติสมาธิล้วนๆ เพราะจะทำให้จิตวิปลาส (เพี้ยน) ได้ง่ายเหลือเกิน
หลักคำสอนนั้นไม่เคยได้ยินว่า กิเลสจะหมดสิ้นได้ด้วยการใช้สมาธิเพียงอย่างเดียว ......... เมื่อมีสมาธิแล้วต้องใช้สมาธินั่นเป็นบาทแห่งวิปัสสนา จึงจะเกิดปัญญา แล้วตัวปัญญานั่นแหละ จะเป็นตัวทำลายกิเลส
สมาธิท่านเปรียบเหมือนหินทับหญ้า ยกหินขึ้น หญ้าก็งอกอีกได้
ท่านผู้ได้สมาธิ เมืออยู่ในสมาธิ ดูประหนึ่งว่าไม่มีกิเลสเครื่องเศร้าหมอง ต่อเมื่อออกจากสมาธิแล้ว กิเลสก็จะโผล่ออกมาอีก....
(.....ส่วนฆราวาสที่บรรลุอรหัตผลมีอยู่ 2 คน สำหรับประเทศไทย ตอนนี้มีหลวงตามหาบัว ที่ผมเห็นมีเท่านั้น วัดจากการลักษณะของการอธิบายธรรมของท่าน.................)
เท่าที่ศึกษามา พระอริยบุคคล ท่านไม่เที่ยวปริภาษใครต่อใครด้วยผรุวาจาเช่นนี้
|
|
|
|
|
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
03 ธ.ค.2005, 8:51 pm |
  |
คือผมผิดเองล่ะ ที่เว้นวรรคไม่ดี ขอภัยที่ทำให้ความเห็นที่ 35 เข้าใจว่าหลวงตามหาบัว หรือคนอื่นเห็นท่านเป็นฆราวาส บางทีพิมพ์ตอบคำถามมาก ๆ ก็มีผิดพลาดบ้าง
ดู่ก่อนคุณ เขม การปฏิบัติสมาธิภาวนาเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ทำให้เราบรรลุอรหัตผล แต่การปฏิบัติสมาธิคือ ต้องนำกำลังสมาธิมาล้างสันดานที่ไม่ดีให้ค่อย ๆ หมดสิ้นไปทีละเล็กทีละน้อย แล้วใช้จิตที่บริสุทธิ์ไปแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร หรือที่ผมบอกคือนำกุศลไปอุทิศให้กับสรรพจิตสรรพวิญญาณ
กระบวนการเกิดปัญญา จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อจิตของเราเข้าสู่สภาวะสงบนิ่ง หรือเป็นเครื่องหมายว่าจิตบริสุทธิ์แล้วเท่านั้น
ส่วนว่า จิตจะวิปลาสหรือไม่ ให้ดูว่าเราเข้าข้างตนเองแค่ไหน ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเองในการสำรวจข้อบกพร่องของตนเอง นั่นคือหนทางที่ทำให้สติวิปลาส เช่นคนโลภมาก แต่กลับบอกว่าไม่โลภ เมื่อไปปฏิบัติสมาธิภาวนา คิดแต่เรื่องรายได้ คิดแต่ผลประโยชน์ของตนเองจนสติวิปลาสไป แต่ถ้าเราไม่เข้าข้างตนเอง แล้วขจัดสันดานที่ไม่ดีให้หมดสิ้นไปในทุกครั้งก่อนการแผ่เมตตาไม่มีทางทำให้สติวิปลาสไปได้หรอกนะครับ
ส่วนย่อหน้าสุดท้าย พอจะตอบได้แล้วว่าไม่ได้ปฏิบัติสมาธิอย่างเดียว แต่ต้องทำบางอย่างในขณะที่ปฏิบัติสมาธิด้วย นี่คือคำตอบที่ชัดเจน |
|
|
|
    |
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
03 ธ.ค.2005, 8:59 pm |
  |
(.....ส่วนฆราวาสที่บรรลุอรหัตผลมีอยู่ 2 คน สำหรับประเทศไทย ตอนนี้มีหลวงตามหาบัว ที่เป็นพระ ที่ผมเห็นมีเท่านั้น วัดจากการลักษณะของการอธิบายธรรมของท่าน.................)
ส่วนฆราวาสมี 2 คน คือผมกับสหายธรรมที่ปฏิบัติสมาธิภาวนากับผม แล้วถ้าผมไม่เจตนาว่าหลวงตา ผมก็ไม่ผิด บางทีตอบมากมันก็มีหลงบ้างเท่านั้น มันตอบยาว ๆ อยู่ทุกโพสต์เท่านั้นเอง
|
|
|
|
    |
 |
ปุถุชน
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
04 ธ.ค.2005, 8:29 am |
  |
ความเห็นที่34
ขออนุโมทนาและเจริญในธรรม
ถ้าแม้ผู้ใดได้ฟังธรรมนั้นแล้วเจริญในธรรมนั้น จิตและอารมณ์ย่อมเป็นมรรคเป็นกุศล เรานั้นขอยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะ และจะพยายามปฏิบัติตามพระธรรมให้ดีที่สุดตามสติกำลัง แม้ผลปฏิบัติของเราจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าเป็นพรหม เทวดา โสดาบันหรือพระอรหันต์ ก็จะไม่สำคัญว่านั่นเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวตนของเรา เพราะเหตุใด เพราะเรานั้นได้กำหนดรู้และไม่สำคัญอะไรอีกต่อไป ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นเพียงรูปนามล้วนเสมอกันด้วยเพียงรูปและนามเท่านั้น มีความเป็นทุกข์เหมือนกันเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งสิ้นเมื่อทำดีผลกรรมของความดีย่อมเกิดบุญเกิดกุศล กับผู้นั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ใดหรือสิ่งใดนอกจากพระรัตนตรัยนั่นแหละเป็นที่พึ่งของตนเอง
|
|
|
|
|
 |
tanawat30
บัวบาน

เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256
|
ตอบเมื่อ:
04 ธ.ค.2005, 9:54 am |
  |
ดูก่อน ความเห็นที่ 38 ผู้เจริญ
เราไม่ได้ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เรายึดเพียงพระธรรมเป็นที่พึ่ง ส่วนพระพุทธเจ้าเราก็ยึดเพียงแต่สิ่งที่ท่านบอกเป็นที่พึ่ง เราจะพึ่งท่านได้ต่อเมื่อเราไม่สามารถพึ่งตนเองได้แล้ว เราจึงไปขอให้ท่านช่วยเหลือ การปฏิบัติธรรมเริ่มจากตัวเราก่อน เริ่มจากพึ่งตน พึ่งพระธรรมคำสอน ที่จริงแล้ว คำวาพุทธังสรณังคัจฉามิ ตามความจริงมันเพี้ยนมาจาก พุทธังสรณังคัจฉติ อาจจะสะกดไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ แต่คำนี้แปลว่า เราจะเอา คัจฉติ หรือ คติ คือคำสอนของพระพุทธองค์เป็นที่พึ่ง เพื่อที่จะบอกว่า เราจะเอาพระธรรมคำสอนเป็นที่พึ่ง และสุดท้ายคือเอาคำสอนของพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง แต่การจะพึ่งคำสอนของพระสงฆ์ได้นั้น ก็ต้องพึ่งตนเองก่อน โดยการคิดอย่างมีเหตุผล เมื่อคิดอย่างมีเหตุผล เราจะประจักษ์ต่อตนเองได้ทันทีว่าพระท่านสอนถูกหรือไม่ ส่วนถูกหรือไม่ขึ้นอยู่กับผลที่ได้รับ
ขอขยายความอีกหน่อย เดี๋ยวเผื่อมีคนไม่เข้าใจ ตอนปฏิบัติเราพึงตนเอง แต่คำสอนเราไปพึ่งพระพุทธเจ้า แปลอีกนัยแปลว่าเราปฏิบัติตามที่พระพุทธองค์บอก ดังนั้นการปฏิบัติตามที่พระพุทธองค์ท่านบอกจึงเท่ากับพุทธังสรณังคัจฉติ นัยนี้พระธรรม หรือ พระสงฆ์ก็เช่นกัน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้าดูความเห็นที่ 36-37 ตามที่ผมโพสต์เอาไว้ ก็ได้มาจากหลักคำสอนแห่งพุทธศาสนาทั้งสิ้น คนเรามีโอกาสทำผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจได้ แต่เมื่อผิดพลาดแล้วก็ต้องรู้จักคำว่าขอโทษ การขอโทษเป็นความกล้าหาญอย่างหนึ่งเยี่ยงวิญญูชนควรทำ |
|
|
|
    |
 |
|