Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สมเด็จเกี่ยวและหลวงตาบัวเป็นพระอรหันต์ทั้งคู่มีหลักฐานดังต่อ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
บูรณ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 01 ธ.ค.2005, 11:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ่านมาก......รู้มาก......คิดมาก......พักผ่อนให้มากๆด้วยนะ.....เป็นห่วง
 
อาจไม่มีสาระเท่าไหร่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 11:10 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หัวข้อกระทู้กับเนื้อหาความคิดเห็นดูหลากหลายดี ตัวเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องทันกับเขาเท่าไหร่ว่าผิดถูกเป็นอย่างไร แต่คิดอีกทีไม่เห็นจะเป็นไรที่จะอยู่เฉยโดยไม่ต้องไปสรุปพระท่านใดเป็นอรหันต์หรือไม่ หรือท่านผู้ใดจะบรรลุธรรมสูงเพียงใดด้วยการเอาใจใส่แต่การปฏิบัติของตัวเองมั่นคงในการปฏิบัติธรรมไม่คิดเบียดเบียนผู้ใดเท่านั้นเป็นพอ

ความคิดเห็นส่วนตัวต่อธรรมมะหรือคำสอนหรือความเห็นจากผู้ใด ล้วนแล้วเป็นโอกาสให้ตนได้ค้นหาข้อมูลธรรมที่ตนสามารถเลือกสรรค้นหาสิ่งที่แอบแฝงในสาระมาเป็นประโยชน์กับตนได้ทั้งนั้น ส่วนใดไม่เห็นด้วยหรือไม่รู้ผิดถูกอย่างไรแต่ที่แน่แน่ไม่ได้เสริมสร้างการปฏิบัติธรรมก็ปล่อยให้มันจมอยู่กับเหตผลทางโลกโดยข้อความตรงนั้นโดยไม่ต้องพยายามแสวงหาคำตอบสุดท้าย เพราะไม่คิดว่าเป็นสิ่งสำคัญเท่าไหร่ที่จะให้ความสนใจความน่าเชื่อถือของตัวบุคคลมากไปกว่าสาระที่อาจมีทั้งที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติและอาจไม่มีประโยชน์รวมอยู่ด้วยก็เป็นไปได้ตลอดเวลาจากบุคคลคนเดียวกัน

คนทั่วไปอาจมองว่าธรรมมะที่เป็นประโยชน์ต้องถูกเปล่งออกมาจากวาจาของผู้ที่ตนเลื่อมใสเท่านั้นแต่สำหรับผมแม้นสามัญชนทั่วไปหรือผู้ที่เราอาจจะไม่ชอบหากกล่าวธรรมมะเดียวกันนั้นโดยรู้จริงหรือไม่ก็ตามถ้าเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติของผมเองได้คิดว่าคุณค่าไม่ต่างกันครับเพราะสาระเนื้อหาย่อมคงคุณค่าในตัวของมันเองไม่สูญหายไปไหนเพียงผู้ได้รับฟังต้องรู้จักแยกแยะอะไรเป็นสาระอะไรไม่เป็นด้วยสติที่ไม่ปล่อยให้อารมณ์ใดมาครอบงำจิตใจจนหลงไหลสิ่งอื่นแทนสาระที่มันควรจะเป็น



 
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 11:38 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณความเห็นที่ 21 ตอบได้ถูกต้องแล้ว ต่อไปหากปฏิบัติจะมีโอกาสได้บรรลุธรรมได้โดยง่าย ที่คนไม่เข้าถึง ไม่เข้าใจธรรมมะ เพราะมัวแต่วิจารณ์คนอื่น จนลืมดูตนเอง นี่เป็นอุปสรรคที่สำคัญของปฏิบัติธรรม มีสาระมากทีเดียว
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
บัวเบลอ
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 18 ต.ค. 2005
ตอบ: 86

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 1:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



ตนเตือนตนของตนของตนให้พ้นผิด ....... ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน

ตนเตือนไม่ได้ใครจะเตือน ...................... ตนแชเชือนใครจะเตือนให้พ้นภัย





พระอรหันต์ท่านไม่มักโกรธ ไม่มักอาฆาตจ้ะ



เหน็บแนมเสียดสี ศีล ๕ ไม่บริสุทธิ์ เดี๋ยวอดเป็นพระอรหันต์เลยเอ้า



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวเบลอ
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 18 ต.ค. 2005
ตอบ: 86

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 1:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



แก้ไขพิมพ์ตกหล่น



ตนเตือนตน ...ไม่ได้...ใครจะเตือน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บูรณ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 9:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เชื่อแล้วว่า บรรลุแล้ว........เชื่อจริงๆ.....กลัวโดนยิง
 
บัวเบลอ
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 18 ต.ค. 2005
ตอบ: 86

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 10:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



ปืนไม่มีลูกหรอกไม่ต้องกลัวไป ... ชิลล ชิลล



เค้าบอกเค้าบรรลุแค่ทางทฤษฎี ยังไม่ยืนยันในทางปฏิบัติ



จริงๆคุณธนวัฒน์ช่วยทำสีสันคึกคักดีนะ ดูๆเหมือนเรตติ้งเว็บกะฉูด

ติดพันเว็บธรรมจักรเพราะคุณธนวัฒน์นี่แหละ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 11:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณความเห็นที่ 21 คุณกล้าปฏิบัติสมาธิตามวิธีการของผมหรือเปล่า ก่อนที่คุณจะพูดอะไร หรือสรุปว่าอะไรถูกหรือผิด มีจริงหรือไม่มีจริง คุณจะไปล่วงละเมิดความเป็นอยู่ของคนอื่น แต่ถ้าคุณปฏิบัติธรรมตามที่ผมบอกได้แล้ว แจกแจงว่าคุณปฏิบัติแล้วได้อะไรบ้างที่นอกจากทำให้จิตสงบกับได้ความรู้แล้ว คุฤณค่อยมาวิพากษ์วิจารณ์ผมนะครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2005, 11:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความเห็นที่ 27 ที่ผมพิมพ์ แก้จากความเห็นที่ 21 เป็นความคิด เห็นที่ 26 ของคุณบัวเบลอนะครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
ฆราวาส
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 ธ.ค.2005, 7:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อย่างน้อยก็จะยืนยันให้พอเชื่อได้ว่า คนที่เป็นฆราวาสเป็นอรหันต์นั้นมีจริง และพระอรหันต์ยังเล่นเน็ตก็มีจริง สิ่งที่พระอรหันต์ฆราวาสทำนั้นเป็นที่น่าสนใจ



คุณธนาวัฒน์น่าจะยืนยันให้ชัดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์หรือไม่ ถ้าเป็นพระอรหันต์จริงๆใครจะไม่ศรัทธาเล่า แต่ถ้าไม่เป็นจริงก็จะเป็นเท็จผิดศีล หรือถ้าสติวิปลาสก็ไม่ผิดศีล ก็ยืนยันไปเถอะ คุณพระอรหันต์เป็นอย่างไรก็จะได้พิสูจน์กันได้ ใช่หรือไม่คุณธนาวัฒน์
 
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 03 ธ.ค.2005, 10:41 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความเห็นที่ 29 พูดถึงเรื่องศีลก่อน เอาเป็นว่าผมไม่ได้ทำผิดศีลแน่นอน คนเราจะอธิบายสิ่งที่ตนเป็นได้ก็ต่อเมื่อตนปฏิบัติได้ตามนั้นจริง ผมไม่ต้องการให้ใครมาศรัธาหรือไม่ศรัทธาในตัวผม ผมต้องการเพียงให้คนรู้เท่านั้นว่าการบรรลุอรหัตผลฆารวาสก็ทำได้จริงเท่านั้น



ส่วนการเล่นอินเตอร์เน็ต ถ้าเราไม่มีเจตนาทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนโดยเจตนาก็ไม่ถือว่าเป็นความผิด ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่กำลังตนเป็นทาสของเทคโนโลยี เราไม่สามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของเราได้ แต่เทคโนโลยีต่างหากใช้เราให้บรรลุวัตถุประสงค์ของมันได้ เทคโนโลยีก็เป็นสัจธรรมอย่างหนึ่ง คือมีทั้งด้านดีและดก้านไม่ดีในเวลาเดียวกันเสมอ เช่นผมนำธรรมมะมาเผยแพร่ก็จะมีทั้งคนเชื่อกำบคนไม่เชื่อในเวลาเดียวกัน แต่ผมไม่ยอมให้เทคโนโลยีมาใช้ผม แต่ผมกำลังใช้เทคโนโลยีเพื่อให้เผยแพร่ธรรมมะของผมให้มากที่สุด อินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางหนึ่ง หรือกล้อง webcam ที่พวกเล่น MSN ใช้ chat กัน ผมก็เอามาทำ VCD ธรรมมะผ่านทาง Windows moviemaker แล้วใช้ nero write แผ่นออกมา แล้วส่งไปให้สหายธรรมที่มาปฏิบัติธรรมกับผมเอาไปเปิดที่วัด คนดูกันมากมาย หรือแม้แต่ msn คนที่ add เข้ามาก็คุยกับผมเรื่องธรรมมะ



การเล่นเน็ต อย่ามองประเด็นเดียว ต้องมองประโยชน์ของเทคโนโลยีอีกด้านด้วย ที่เครืองคอมมีทุกอย่าง เครื่อง write dvd webcam ADSL hi-speed internet จาก true แต่สิ่งเหล่านี้ผมหาประโยชน์จากมันได้หมด จากย่อหน้าที่แล้ว ไหน ๆ ก็ได้กรุณาถามผม ผมก็จะตอบให้ดังนี้



ส่วนเรื่องการพิสูจน์ คุณต้องมาเจอผม แล้วมาปฏิบัติสมาธิกับผมเท่านั้น ไม่มีทางพิสูจน์การบรรลุอรหัตผลด้วยทางตัวอักษรได้เลยไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น ผมก็พยายามอธิบายอย่างดีที่สุดแล้วครับ คุณอยากจะพิสูจน์มั้ยครับ หรือใครก็ได้อยากพิสูจน์มั้ยครับ มันก็เท่านั้นเอง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
คนเมืองกาญจน์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 ธ.ค.2005, 1:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อยากทราบว่าปัจจุบันในประเทศไทย มีพระภิกษุที่บรรลุอรหันต์ประมาณกี่รูป และที่เป็นฆราวาสกี่ท่าน ในนิกายมหายานมีบ้างไหม ในจังหวัดกาญจนบุรีมีบ้างไหมครับ
 
ฆราวาส
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 ธ.ค.2005, 4:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถามว่าถ้าไปนั่งสมาธิแล้วพิสูจน์อย่างไรจึงรู้ว่าคุณ ธนาวัฒน์เป็นพระอรหันต์ พิสูจน์อย่างไรครับ
 
ปุถุชน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 ธ.ค.2005, 6:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอยินดีด้วยกับความหลุดพ้นห่างไกลจากกิเลสของ คุณ ธนาวัฒน์

ผมเคยคิดว่าผู้คนในสมัยพระพุทธเจ้านั้นโชคดีมากที่ได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าและอรหันต์สาวกของท่านโดยตรงมาบัดนี้ได้มีผู้พ้นจากกิเลสเกิดขึ้นในเวลานี้ และที่นี่แล้ว จึงขอท่านได้โปรดกรุณาแสดงธรรมอันนำไปสู่ความหลุดพ้นจากความทุกข์จากกิเลสทั้งหลายให้กับเราทุกท่านในที่นี้ด้วยเถิด

ขอเจริญในธรรมมาล่วงหน้าด้วย
 
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 03 ธ.ค.2005, 6:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความเห็นที่ 31 คำตอบคือมีพระบรรลุอรหัตผลทั่วโลกประมาณ 1000 รูป ส่วนมากเป็นพระในนิกายมหายาน เพราะพระนิกายมหายาน ส่วนมากเน้นการปฏิบัติสมาธิเป็นหลัก ซึ่งหัวใจสำคัญของการบรรลุอรหัตผลคือการปฏิบัติสมาธิภาวนา ส่วนฆราวาสที่บรรลุอรหัตผลมีอยู่ 2 คน สำหรับประเทศไทย ตอนนี้มีหลวงตามหาบัว ที่ผมเห็นมีเท่านั้น วัดจากการลักษณะของการอธิบายธรรมของท่าน ส่วนถ้าจะมีพระป่าอีกที่ผมไม่รู้จัก



พุทธศาสนามี 2 นิกายหลัก ๆ มี 2 นิกาย คือในประเทศไทย ลาว พม่า นับถือนิกายเถรวาท นิกายเถรวาท คือคำพูดของพระเถระเป็นใหญ่ ส่วนนิกายมหายานที่นับถืออยู่ในประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นนิกายมหายาน คือการปฏิบัติสมาธิภาวนาเป็นหลัก ซึ่งนิกายของพุทธศาสนาที่ถูกต้อง คือนิกายมหายาน เพราะธรรมมะต้องปฏิบัติเท่านั้นจึงจะเข้าใจ



ความเห็นที่ 32 สิ่งที่ผมให้คุณพิสูจน์ ไม่ได้พิสูจน์ในตัวผม แต่พิสูจน์ในตัวคุณต่างหาก สำหรับตัวคุณแล้ว ผมจะบรรลุอรหัตผลหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ความสำคัญอยู่ที่ว่า คุณได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติสมาธิภาวนาแล้วหรือยัง นี่คือหลักธรรมคไสอนที่เน้นให้ทุกคนสำรวจตนเองเป็นหลัก



ส่วนความใหนที่ 33 ไปดู http://www.dhammajak.net/webboard/show.php?Category=dhammajak&No=3455 ต่อด้วยhttp://www.dhammajak.net/webboard/show.php?Category=dhammajak&No=3599 นำไปอ่านดูก่อน แล้วปฏิบัติตามนั้นให้ได้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
เขม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 ธ.ค.2005, 8:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ต่อผู้ที่ปฏิบัติสมาธิล้วนๆ เพราะจะทำให้จิตวิปลาส (เพี้ยน) ได้ง่ายเหลือเกิน

หลักคำสอนนั้นไม่เคยได้ยินว่า กิเลสจะหมดสิ้นได้ด้วยการใช้สมาธิเพียงอย่างเดียว ......... เมื่อมีสมาธิแล้วต้องใช้สมาธินั่นเป็นบาทแห่งวิปัสสนา จึงจะเกิดปัญญา แล้วตัวปัญญานั่นแหละ จะเป็นตัวทำลายกิเลส



สมาธิท่านเปรียบเหมือนหินทับหญ้า ยกหินขึ้น หญ้าก็งอกอีกได้

ท่านผู้ได้สมาธิ เมืออยู่ในสมาธิ ดูประหนึ่งว่าไม่มีกิเลสเครื่องเศร้าหมอง ต่อเมื่อออกจากสมาธิแล้ว กิเลสก็จะโผล่ออกมาอีก....



(.....ส่วนฆราวาสที่บรรลุอรหัตผลมีอยู่ 2 คน สำหรับประเทศไทย ตอนนี้มีหลวงตามหาบัว ที่ผมเห็นมีเท่านั้น วัดจากการลักษณะของการอธิบายธรรมของท่าน.................)



เท่าที่ศึกษามา พระอริยบุคคล ท่านไม่เที่ยวปริภาษใครต่อใครด้วยผรุวาจาเช่นนี้





 
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 03 ธ.ค.2005, 8:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คือผมผิดเองล่ะ ที่เว้นวรรคไม่ดี ขอภัยที่ทำให้ความเห็นที่ 35 เข้าใจว่าหลวงตามหาบัว หรือคนอื่นเห็นท่านเป็นฆราวาส บางทีพิมพ์ตอบคำถามมาก ๆ ก็มีผิดพลาดบ้าง



ดู่ก่อนคุณ เขม การปฏิบัติสมาธิภาวนาเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ทำให้เราบรรลุอรหัตผล แต่การปฏิบัติสมาธิคือ ต้องนำกำลังสมาธิมาล้างสันดานที่ไม่ดีให้ค่อย ๆ หมดสิ้นไปทีละเล็กทีละน้อย แล้วใช้จิตที่บริสุทธิ์ไปแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร หรือที่ผมบอกคือนำกุศลไปอุทิศให้กับสรรพจิตสรรพวิญญาณ



กระบวนการเกิดปัญญา จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อจิตของเราเข้าสู่สภาวะสงบนิ่ง หรือเป็นเครื่องหมายว่าจิตบริสุทธิ์แล้วเท่านั้น



ส่วนว่า จิตจะวิปลาสหรือไม่ ให้ดูว่าเราเข้าข้างตนเองแค่ไหน ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเองในการสำรวจข้อบกพร่องของตนเอง นั่นคือหนทางที่ทำให้สติวิปลาส เช่นคนโลภมาก แต่กลับบอกว่าไม่โลภ เมื่อไปปฏิบัติสมาธิภาวนา คิดแต่เรื่องรายได้ คิดแต่ผลประโยชน์ของตนเองจนสติวิปลาสไป แต่ถ้าเราไม่เข้าข้างตนเอง แล้วขจัดสันดานที่ไม่ดีให้หมดสิ้นไปในทุกครั้งก่อนการแผ่เมตตาไม่มีทางทำให้สติวิปลาสไปได้หรอกนะครับ



ส่วนย่อหน้าสุดท้าย พอจะตอบได้แล้วว่าไม่ได้ปฏิบัติสมาธิอย่างเดียว แต่ต้องทำบางอย่างในขณะที่ปฏิบัติสมาธิด้วย นี่คือคำตอบที่ชัดเจน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 03 ธ.ค.2005, 8:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

(.....ส่วนฆราวาสที่บรรลุอรหัตผลมีอยู่ 2 คน สำหรับประเทศไทย ตอนนี้มีหลวงตามหาบัว ที่เป็นพระ ที่ผมเห็นมีเท่านั้น วัดจากการลักษณะของการอธิบายธรรมของท่าน.................)



ส่วนฆราวาสมี 2 คน คือผมกับสหายธรรมที่ปฏิบัติสมาธิภาวนากับผม แล้วถ้าผมไม่เจตนาว่าหลวงตา ผมก็ไม่ผิด บางทีตอบมากมันก็มีหลงบ้างเท่านั้น มันตอบยาว ๆ อยู่ทุกโพสต์เท่านั้นเอง

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
ปุถุชน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 ธ.ค.2005, 8:29 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความเห็นที่34

ขออนุโมทนาและเจริญในธรรม

ถ้าแม้ผู้ใดได้ฟังธรรมนั้นแล้วเจริญในธรรมนั้น จิตและอารมณ์ย่อมเป็นมรรคเป็นกุศล เรานั้นขอยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะ และจะพยายามปฏิบัติตามพระธรรมให้ดีที่สุดตามสติกำลัง แม้ผลปฏิบัติของเราจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าเป็นพรหม เทวดา โสดาบันหรือพระอรหันต์ ก็จะไม่สำคัญว่านั่นเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวตนของเรา เพราะเหตุใด เพราะเรานั้นได้กำหนดรู้และไม่สำคัญอะไรอีกต่อไป ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นเพียงรูปนามล้วนเสมอกันด้วยเพียงรูปและนามเท่านั้น มีความเป็นทุกข์เหมือนกันเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งสิ้นเมื่อทำดีผลกรรมของความดีย่อมเกิดบุญเกิดกุศล กับผู้นั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ใดหรือสิ่งใดนอกจากพระรัตนตรัยนั่นแหละเป็นที่พึ่งของตนเอง

 
tanawat30
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2005
ตอบ: 256

ตอบตอบเมื่อ: 04 ธ.ค.2005, 9:54 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดูก่อน ความเห็นที่ 38 ผู้เจริญ



เราไม่ได้ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เรายึดเพียงพระธรรมเป็นที่พึ่ง ส่วนพระพุทธเจ้าเราก็ยึดเพียงแต่สิ่งที่ท่านบอกเป็นที่พึ่ง เราจะพึ่งท่านได้ต่อเมื่อเราไม่สามารถพึ่งตนเองได้แล้ว เราจึงไปขอให้ท่านช่วยเหลือ การปฏิบัติธรรมเริ่มจากตัวเราก่อน เริ่มจากพึ่งตน พึ่งพระธรรมคำสอน ที่จริงแล้ว คำวาพุทธังสรณังคัจฉามิ ตามความจริงมันเพี้ยนมาจาก พุทธังสรณังคัจฉติ อาจจะสะกดไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ แต่คำนี้แปลว่า เราจะเอา คัจฉติ หรือ คติ คือคำสอนของพระพุทธองค์เป็นที่พึ่ง เพื่อที่จะบอกว่า เราจะเอาพระธรรมคำสอนเป็นที่พึ่ง และสุดท้ายคือเอาคำสอนของพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง แต่การจะพึ่งคำสอนของพระสงฆ์ได้นั้น ก็ต้องพึ่งตนเองก่อน โดยการคิดอย่างมีเหตุผล เมื่อคิดอย่างมีเหตุผล เราจะประจักษ์ต่อตนเองได้ทันทีว่าพระท่านสอนถูกหรือไม่ ส่วนถูกหรือไม่ขึ้นอยู่กับผลที่ได้รับ



ขอขยายความอีกหน่อย เดี๋ยวเผื่อมีคนไม่เข้าใจ ตอนปฏิบัติเราพึงตนเอง แต่คำสอนเราไปพึ่งพระพุทธเจ้า แปลอีกนัยแปลว่าเราปฏิบัติตามที่พระพุทธองค์บอก ดังนั้นการปฏิบัติตามที่พระพุทธองค์ท่านบอกจึงเท่ากับพุทธังสรณังคัจฉติ นัยนี้พระธรรม หรือ พระสงฆ์ก็เช่นกัน



-----------------------------------------------------------------------------------------------------



ถ้าดูความเห็นที่ 36-37 ตามที่ผมโพสต์เอาไว้ ก็ได้มาจากหลักคำสอนแห่งพุทธศาสนาทั้งสิ้น คนเรามีโอกาสทำผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจได้ แต่เมื่อผิดพลาดแล้วก็ต้องรู้จักคำว่าขอโทษ การขอโทษเป็นความกล้าหาญอย่างหนึ่งเยี่ยงวิญญูชนควรทำ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง