บัณฑิต คือ !!!?

ตอบเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 12:38 am

คุณน้องคามิน... สาธุ

รู้ได้อย่างไรว่าคุณ Admin
ไม่ได้ทำอะไรคุณขันธ์
เค้าอาจมีวิธีเตือนกัน และเตรียมจัดการที่เราไม่รู้ก็ได้...นะ

ถึงที่สุดแล้วทุกคนก็ต้องรับกรรมกันไปตามเหตุปัจจัยที่สร้างมา

ส่วนเรื่องหยุมหยิมสำหรับเรานั้น
อาจลุกลามและส่งผลกระทบต่อส่วนรวม
จึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้ดูแลที่ต้องตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม?

ในทางกลับกัน
ที่มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรา
เพราะ "อัตตา" ของเรามันใหญ่จนกระทบไม่ได้รึไม่ ?

ลองมองกลับกันดูดีมั้ย?
ที่เราทำอยู่กับเขาตอนนี้
ทำไมเขาไม่ "ร้อน" เท่าเรา
ไม่คิดจะ "นิ่ง" ให้ได้อย่างเขาบ้างหรือ?

ก่อเวรกันไปเพื่ออะไร
รู้ไม่ใช่หรือว่า
เวรย่อมระงับได้ด้วยการไม่จองเวร

ความจริงที่คุณ admin เขายังไม่ลบกระทู้นี้น่ะดีแล้ว

ก็เพราะเค้าหวังใจว่าสักวัน
เมื่อแต่ละท่านสติกลับมา และปัญญาเกิด
อาจรู้สึกละอายตัวเองกันบ้าง
ว่าฉันทำไปได้ยังไง..

เก็บไว้เตือนตนและลูกหลานไงคะ
ว่าพ่อๆ ปู่ๆ ตาๆ ที่ได้ชื่อเป็นผู้ใฝ่ธรรม
ยังเคยไร้สติกันได้ขนาดนี้นะลูก...

คุณน้องควรดีใจที่ยังมีผู้ปรารถนาดีมีเมตตาคอยชี้แนะตักเตือน
นั่นเพราะเค้าล้วนพิจารณาแล้วว่ายัง
"เป็นคนที่เตือนได้"

เชื่อนะคะจิตและภูมิธรรมของคุณน้องยังสามารถพัฒนาไปได้...
หากไม่ปล่อยให้โทสะและทิฏฐิมานะมาปิดบังปัญญา

หวังว่าคุณน้องกำลังใช้ "สัมมาวายามะ"
เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง

ถ้าวางแล้วจริง...ก็ต้องไม่มีหลายรอบ
เพราะวางแล้ว...ต้องวางเลย

ด้วยความปรารถนาดีจากใจ สาธุ

ตอบเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 8:22 am

ธรรม ใดที่ประพฤติปฏิบัติแล้ว เกิดความร้อน ความวุ่นวาย แตกความสามัคคี ธรรมนั้นเป็นของเทียม ของปลอม

ธรรม ใดที่ประพฤติปฎิบัติแล้ว เกิดความเย็น ความสงบ เกิดความสามัคคี ธรรมนั้นคือธรรมของแท้ ของจริง

ท่านผู้มีปัญญามักแสวงหา หัวข้อธรรม หรือบทเรียนธรรมมาสอนใจตัวเองเสมอ ยิ่งกว่าการแสวงหาความยุติธรรม ยิ่งยาก ยิ่งทำให้เกิดปัญญา เมื่อได้บทเรียนที่ยากที่กระทบกระเทือนใจ ยิ่งขอบคุณท่านเจ้าของบทเรียนนั้น

เพราะนี่คือบททดสอบว่า ธรรมที่เราสอนผู้อื่นแนะนำผู้อื่นเสมอนั้น เมื่อประสบกับตนเองแล้ว เราจัดการอย่างไร เพื่อยกจิต ยกใจ ตัวเองให้พ้นโลก พ้นสงสาร การฝึกใจก็ยากตรงนี้

ในพุทธประวัติ ไม่เคยมีที่พระพุทธองค์แสดงธรรม เมื่อมีคนโต้แย้งไม่เห็นด้วยแล้วพระองค์แสดงความขุ่นเคือง และเสียดสีผู้อื่น แล้วเราผู้เป็นพุทธบุตรหรือสาวกจะกระทำต่างจากพระองค์หรือไม่ ความเมตตา กรุณาของพระองค์นั้นอัปมัญญาไม่มีประมาณ ธรรมของพระองค์จึงบริสุทธิ์เสมอมาตราบทุกวันนี้

"พวก" กับ "มิตร" นั้น ต่างกันไม่เหมือนกัน
พวกนั้น เอาไหนเอาด้วยถูกผิดไม่ว่า
มิตรนั้น ถูกก็ชม ผิดก็ว่า ก็เตือน

ปถุชนคนเราจึงชอบ "พวก" มากกว่า "มิตร"
ยิ่ง "กัลยาณมิตร" ยิ่งไม่ต้องการ เพราะคำเตือนของ "กัลยาณมิตร" แสลงหู แสลงใจ

สาธุ

ตอบเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 8:37 am

คามินธรรม พิมพ์ว่า:

ขอบพระคุณคุณ TU นะคับ
ชื่นใจ

แต่ผมขอใช้สิทธิเด็กเกเรก็แล้วกันนะคับ
เห็นคุณขันธ์ใช้ แล้วเขาใช้ได้สบายๆ
เลยอยากใช้มั่ง

ตอบเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 9:28 am

ตอบเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 9:49 am

ขอชวนท่านทั้งหลายพิจารณา

1. ไม่ว่าใครจะตอบอะไร
นายขันธ์มันด่าเขาไปหมดว่าโง่อย่างนั้น โง่อย่างนี้

2. โดยเฉพาะใครที่เคยแย้งมัน มันจะคอยเฝ้าเจาะจงเป็นพิเศษด้วยการ
"กระแทกกิเลส" ....

ไม่รู้ใครสอนมัน เอาความบ้ากระแทกคนปกติเนียะ
เขาไม่สอนมันด้วยหรือไงว่า "ใช้สมองคิดด้วยว่า เมื่อไหร่ควรกระแทก เมื่อไหร่ธุระไม่ใช่"

มันเห็นใครผ่านไปผ่านมา ... มันกระแทกหมด ... ไม่มีเลือก

--- อะไรไม่เห็นด้วย ..... มันก็ด่าว่าโง่
---- พอเขาอยากรู้ว่าทำไมว่าอย่างนั้น ใครถามมัน ซักมันหน่อย ..... มันก็ด่าเขาอีกว่าไม่มีสมองคิดธรรมะของมัน

--- ปากมันบอกว่าชอบกระแทกกิเลส จะได้สอนเราให้ดูกิเลส
แต่พอคุณกรัชกาย ทำวางอุเบกขา ไม่ตอบโต้อะไร
แต่นายขันธ์เปลี่ยนจากกระแทกกิเลส มาเป้นด่าเขาเสียๆหายๆว่า
"เพี้ยนจนไม่สนใจอะไร"

--- พอเห็นพี่ๆ น้องๆ เขาเตือนกัน มันไม่มีมุทิตาจิต
มันสบโอกาส ก็ด่าเขาว่า "กัดกันเอง" "เป็นพระเอกเอาหน้า"

--- ธรรมะอะไรที่ออกจากปากมัน มันถือเป้นธรรมะ
ออกจากปากคนอื่น มันด่าหมด

นี่ไม่รู้ว่าเวลามันขี้ออกมา มันกินกลับเขาไปด้วยไหม
เพราะดูเหมือนมันไม่รู้จักคำว่า "ของเสีย" โดยเฉพาะที่ออกจากปาก

มันดูเหมือนคนปกติ แต่นายขันธ์มันวิปลาสนะท่าน

เอาล่ะ คนบ้า อย่าถือ วางเฉยก็จบใช่ไหม? เปล่า....

3. ถ้าลำพังแค่ข้างบน มันไม่ยากหรอกที่จะวางเฉยกับสมมุติต่างๆ
แต่"ถ้ามันกล่าวตู่ท่านว่า... ท่านกล่าวร้ายพระอริยะ .. ท่านจะอยู่เฉยหรือไม่"

ไม่ว่าเราจะอธิบายกี่รอบๆ มันก้จะคอยหยิบขึ้นมากล่าวหาอยู่ร่ำไป
ไม่เคยคิดจะทำความเข้าใจ แล้วยอมเข้าใจใดๆทั้งสิ้น

- ขอโทษ ..สักคำ.... ผมไม่เคยได้ยิน
- เห็นด้วย ..สักคำ.... ผมไม่เคยได้ยิน
- ขอบใจ ..สักคำ.... ผมไม่เคยได้ยิน
- ขออนุญาต..สักคำ.... ผมไม่เคยได้ยิน

มันไม่มีวิสัยของวิญญูชนนะท่าน

ใครด่ามัน มันยังอวดอีกว่า คนที่ด่ามัน จะต้องสติแตกทุกคน .. !!

โอย.... เจ้าทุ่ง เจ้าท่า เจ้าป่า เจ้าเขา ...

4. ถ้าเขายังหาเรื่องอยู่ร่ำไป ใครอยากจะแสดงความเห็นครับ
ใครอยากจะ แอ่น-อก ให้มันด่าเล่นๆ

ลำพังแค่คนด่ากัน ....ท่านทั้งหลายยังไม่สบายใจ
ถ้าท่านโดนเอง .... โดนกล่าวร้ายเสียๆหายๆ.... จะอยู่เฉยหรือไม่

ตอบเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 9:54 am

ธรรมะทั้งหลายที่ท่านยกมา

เปรียบเสมือนท่านเป็นพ่อแม่ ผู้หวังดี
ที่มาคอยดูแลลูกทำการบ้าน (เจริญธรรมปฏิบัติ)

ท่านสอนเรื่องการละวาง ละวาง และละวาง
ซึ่งเป็นวิชาชั้นสูง ที่แม้แต่โสดาบัน ผู้แจ้งในรูปนาม
ตลอดจนเห็นแท้ว่าไตรลักษณ์ในรูปนามเป็นอย่างไร
โสดาบัน ... ยังมี ราคะ โทสะ โมหะ

ท่านก็คอยพร่ำสอนว่า เธอต้องทำได้ ! เธอต้องทำได้ !
แต่ท่านกำลังเคี่ยวเข็นผมให้ทำคณิดศาสตร์โอลิมปิกอยู่หรือเปล่า

..... ผมก็ได้แค่ตะโกนบอกว่า ... พ่อ ! แม่ !
......ผมเพิ่งจะตั้งไข่นะ !!!!

..........................

ท่านควรจะจัดสภาพการเรียนการสอน ให้เหมาะสมต่างหาก
มีคนบ้ามาตะโกนด่าในบ้านอยู่ทุกวี่ทุกวัน ท่านต้องจัดการอย่างใดอย่างหนึ่ง
นั่นคือการใช้ศีล การใช้กฏ การใช้การบังคับ

คนบ้ามันก้ตะโกนของเสีย...ใส่หูผมข้างหนึ่ง
ตัวท่านสวดมนต์ใส่หูผมอีกข้างหนึ่ง ธรรมะต่างๆ นาๆ
แข่งขันกับคนบ้า

ลูกท่านเป็นคนโดน .... ลูกท่านตายแน่ๆ คับ
เป็นลูกคนไหน ก็ต้องหนีออกจากบ้านทั้งนั้น

ตอบเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 1:29 pm

ตั้งสติหน่อยสิคะคุณน้อง สาธุ

ที่ว่ามีคนบ้ามาตะโกนอยู่ในบ้านน่ะ
เรารู้แน่แล้วหรือว่าเขาบ้าจริง
เขาอาจแกล้งบ้า เพื่อทดสอบดูว่า
เราจะเป็นบ้าก่อนเค้ารึเปล่า

แล้วถ้าคิดว่าเค้าบ้าจริง....

เคยได้ยินมั้ยว่า

อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา

บ้านนี้เป็นบ้านสาธารณะ
ไม่มีใครเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง
ผู้ปรารถนาธรรมทุกคนจึงมีสิทธิอันชอบธรรม
ในการเข้า-ออกได้ตลอดเวลา
เพราะประตูนี้ไม่เคยปิด

ฉะนั้นจึงไม่มีใครสามารถไล่ใครได้
ถ้าคนนั้นๆ ไม่ปรารถนาจะอัปเปหิตัวเอง
เพราะพิจารณาตัวเองไม่เป็น

อยู่ที่ตัวเราว่าจะปรับตัว
ให้อยู่ในบ้านที่มีทั้งเสียงด่า
และเสียงสวดมนต์กรอกสองหูพร้อมๆ กันได้หรือไม่
(บ้านนี้ก็ยังมีหลายห้อง หลายชั้นมิใช่หรือคะ)

ถูกต้อง...

การจะถูกคัดให้ไปแข่งคณิตศาสตร์โอลิมปิค
อย่างน้อยก็ต้องผ่านการบวก ลบ คูณ หาร สมการ ฯลฯ ให้คล่องเสียก่อน

ถ้าคุณน้องบอกตัวเองว่ากำลัง "ตั้งไข่"
แล้วยังออกอาการอยู่เช่นนี้
ต่อไปอย่าว่าแต่วิ่งเลย
แม้แต่ยืนให้มั่นคงจะทำอย่างไร
หากไม่สามารถผ่านตรงนี้ไปให้ได้

แต่...อย่าลืมว่า

ไม่ใครจูงเด็กคนหนึ่งให้เดิน และวิ่งได้ตลอดชีวิต
ถ้าเด็กคนนั้นไม่เรียนรู้ที่จะยืน เดิน และวิ่งด้วยตนเอง
ซึ่งแน่นอนต้องผ่านการล้มลุกคลุกคลาน
หกลัม ถลอกปอกเปิกเป็นธรรมดา

คนเรานั้นเรียนรู้ได้จากทุกสิ่ง จากทุกสถานการณ์
ไม่ว่าในห้องเรียนที่ติดแอร์
หรือแม้แต่ในห้องส้วมส่งกลิ่นเหม็น
ถ้าคิดจะเรียนรู้

มดตะนอยตัวน้อยต่อยเจ็บสักตัว
แม้โดยธรรมชาติมันอาจจะกัดเจ็บ พิษเยอะ
แต่ถ้าเราก็เรียนรู้ ดูอยู่ห่างๆ
ก็จะเห็นความขยัน วิริยะอุตสาหะจากมันได้เสมอ
โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเอาตัวไปให้มันกัด

ทุกสิ่งถือเป็นครูได้เสมอ
โดยเฉพาะคนที่คิดว่าเป็น "ศัตรู"
ย่อมเป็นครูที่เยี่ยมยอด
ให้เราเก็บไว้สอนใจเป็นบทเรียน สู้ สู้

บทเรียนในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น
มันรุนแรงและเลวร้ายกว่าในโลกไซเบอร์หลายเท่านัก สาธุ

ขอให้พิจารณาดู และเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ ยิ้ม

ตอบเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 1:47 pm

มีครูบาอาจารย์ ท่านเคยเล่าให้ฟัง

มีอุบาสิกาท่านหนึ่ง ท่านเป็น ชาว กทม. แต่ไปฏิบัติธรรม กับท่าน อาจารย์รูปหนึ่ง ที่อีสาน

ที่สำนักนั้น จะมีแม่ชีท่านหนึ่ง ชอบแสดงตนเป็นเจ้าแม่ คอยกำกับดูแลผู้อื่น... ใครไม่ถูกใจท่าน ท่านก็จะ บ่น ดุ ด่า ว่า ต่างๆ นาๆ. อุบาสิกา ท่านนี้ก็โดนแม่ชีสวดประจำ ทั้งๆ ที่อุบาสิกาท่านก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ...โดนสวดเสียจนลมออกหู พยายามอดทน ทนแล้วทนอีก ...ทนแล้วทนอีก....

มีอยู่วันหนึ่ง อุบาสิกาท่านนี้ ก็โดนหาเรื่องเข้าอีก
อุบาสิกาท่านนี้ ก็คิดในใจว่า เอาล่ะว่ะ วันนี้ ต้องให้รู้ดำรู้แดง กันไปข้างหนึ่ง

ที่พักของอุบาสิกาท่านนี้ อยู่ห่างจากกุฏิเจ้าแม่ชี พอสมควร
ต้องเดินไปช่วงหนึ่ง...อุบาสิกาท่าน ก็ตรงรี่จากที่พักหมายมั่นจะไปคุยให้รู้ดี-รู้ชั่ว กับเจ้าแม่ชี

ระหว่างเดินมานั้น ก็ปรากฏว่าท่านเจ้าอาวาสท่านมายืนคอยอยู่ระหว่างทาง และท่านกล่าวลอยๆ ขึ้นมาว่า

ถ้าหมากัดคนนั้น เป็นเรื่องปกติ.... แต่ ถ้าคนไปกัดหมา นี้จะเป็นเรื่องที่แปลกมาก

อุบาสิกาท่านนั้น ได้สติด้วยคำเตือนสั้นๆ

และเรื่องราวต่างๆ ก็ค่อยๆ คลี่คลายไปเอง

ตอบเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 2:23 pm

ก็อยากจะบอกว่า ไม่จำเป็นที่ผมต้องแก้ต่างอะไรมาก
เพราะว่า การกระแทกธรรม นั้น เกิดจาก

คนทั้ง 3 ตั้งกระทู้เพื่อด่าผม และ จะทดสอบผม

ก็ทั้งสามคนยินดีเอง มาถึงตอนนี้ กลับลำมาด่าผม

จริงหรือไม่ที่มีกระทู้ ถึง 3 กระทู้ที่เอ่ยชื่อนายขันธ์

และ ผมก็เข้ามาตอบ เพื่อแก้ต่าง อีกทั้ง กรัชกรายเป็นคนบอกเองว่า

มีวิธีจะขุดกิเลสอย่างไร ผมก็พูดให้ฟัง ตามวิธีคือ ธรรมที่จริงแต่ฟังแล้วเหมือนรุนแรง หากว่าผู้นั้นใช้กิเลสในการอ่าน
มันจะจับเข้าหัวใจของตนเองจนสะเทือนทนไม่ได้ นั้นแหละ

ข้อนี้ก็ทนไม่ได้จึงหากว่า ผมชั่วร้าย เลวทราม

สุดท้าย เรื่องที่ผมบอกว่า กรัชกรายทำตัวเป็นพระเอก ข้อนี้กรัชกรายเป็นคนบอกเองว่า ตัวเองนิ่งแล้ว อย่าทะเลาะกันให้มาด่าที่ตัวเอง ผมก็บอกว่า แบบนี้แหละ ทำตัวไม่ถูกต้อง เพราะทำตัวเหมือนกับผู้มีธรรมที่สงบ แต่ทำไมไม่สงบตั้งแต่แรก มาทำตัวเป็นพระเอกทำไมตอนนี้

ขอบคุณ เว็บมาสเตอร์ ที่ไม่เคยแบนผม และ ผมยินดีที่จะเข้ามาให้ธรรมที่ถูกต้อง เมื่อเรื่องราวสงบแล้ว และ อยากจะบอกกับคุณ คามินว่า เว็บมาสเตอร์ เขากระทำถูกต้องทุกอย่างแล้ว ดีแล้วที่เขาไม่แบนคุณ ที่คุณ ด่าด้วยถ้อยคำอันหยาบคาย

ทั้งหมดลองทบทวนอันปราศจากอคติ แล้วจะเห็นเอง

ตอบเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 2:31 pm

ขันธ์ พิมพ์ว่า:

ก็อยากจะบอกว่า ไม่จำเป็นที่ผมต้องแก้ต่างอะไรมาก
เพราะว่า การกระแทกธรรม นั้น เกิดจาก

คนทั้ง 3 ตั้งกระทู้เพื่อด่าผม และ จะทดสอบผม

ก็ทั้งสามคนยินดีเอง มาถึงตอนนี้ กลับลำมาด่าผม

จริงหรือไม่ที่มีกระทู้ ถึง 3 กระทู้ที่เอ่ยชื่อนายขันธ์

และ ผมก็เข้ามาตอบ เพื่อแก้ต่าง อีกทั้ง กรัชกรายเป็นคนบอกเองว่า

มีวิธีจะขุดกิเลสอย่างไร ผมก็พูดให้ฟัง ตามวิธีคือ ธรรมที่จริงแต่ฟังแล้วเหมือนรุนแรง หากว่าผุ้นั้นใช้กิเลสในการอ่าน
มันจะจับเข้าหัวใจของตนเองจนสะเทือนทนไม่ได้ นั้นแหละ

ข้อนี้ก็ทนไม่ได้จึงหากว่า ผมชั่วร้าย เลวทราม

สุดท้าย เรื่องที่ผมบอกว่า กรัชกรายทำตัวเป็นพระเอก ข้อนี้กรัชกรายเป็นคนบอกเองว่า ตัวเองนิ่งแล้ว อย่าทะเลาะกันให้มาด่าที่ตัวเอง ผมก็บอกว่า แบบนี้แหละ ทำตัวไม่ถูกต้อง เพราะทำตัวเหมือนกับผุ้มีธรรมที่สงบ แต่ทำไมไม่สงบตั้งแต่แรก มาทำตัวเป็นพระเอกทำไมตอนนี้

ขอบคุณ เว็บมาสเตอร์ ที่ไม่เคยแบนผม และ ผมยินดีที่จะ เข้ามาให้ธรรม ที่ถูกต้อง เมื่อเรื่องราวสงบแล้ว และ อยากจะบอกกับคุณ คามินว่า เว็บมาสเตอร์ เขากระทำถูกต้องทุกอย่างแล้ว ดีแล้วที่เขาไม่แบนคุณ ที่คุณ ด่าด้วยถ้อยคำ อันหยาบคาย

ทั้งหมดลองทบทวนอันปราศจากอคติ แล้วจะเห็นเอง

เอาเถอะนะ ผมอยากจะค้านเหลือเกิน แต่จะไม่ต่อความยาวอีก
ไหนๆ ก็ช่างเถอะ

สาธุ

ตอบเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 3:52 pm

กุหลาบสีชา พิมพ์ว่า:

บ้านนี้เป็นบ้านสาธารณะ
ไม่มีใครเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง
ผู้ปรารถนาธรรมทุกคนจึงมีสิทธิอันชอบธรรม
ในการเข้า-ออกได้ตลอดเวลา
เพราะประตูนี้ไม่เคยปิด

ฉะนั้นจึงไม่มีใครสามารถไล่ใครได้
ถ้าคนนั้นๆ ไม่ปรารถนาจะอัปเปหิตัวเอง
เพราะพิจารณาตัวเองไม่เป็น

ที่พี่ว่ามาทั้งหมดนั้น ชอบแล้ว ถูกแล้ว
ที่พี่ว่ามาเรื่องสิทธินั้น ถูกต้อง
ผมเห็นชอบด้วยทุกอย่าง

แต่พี่กุหลาบเข้าใจผมผิดไปนิดเดียว

การไล่นายขันธ์ ว่า ออกไปๆ ไม่ใช่เจตนาของผม

----- ขอ censor ข้อความออกนะคับ ... เดี๋ยวเรื่องมันจะยาว --------

ธรรมะ คือ หน้าที่ ..... คนที่ไม่เข้าใจคำคำนี้
ย่อมไม่รู้จักใช้ธรรมะให้เหมาะกับหน้าที่ของธรรม
เขาย่อมไม่รู้จักใช้ธรรมะ ให้เกิด ธรรม ขึ้นมา

หลวงพ่อชา ถีบ-อก ลูกศิษย์ หัวกระแทกพื้นอีก
กระแทกทั้งกิเลส กระแทกทั้งหัวคน แล้วก็สอน
ลูกศิษย์น้ำตาไหล ซาบซึ้งใจ
เพราะเข้าใจว่าท่านสอนอะไร

หลวงพ่อชา มีฤทธิอ่านใจลูกศิษย์ได้ แล้วถึงจะเลือกวิธีสอน ....
ไม่ใช่เลือกวิธีสอนก่อน ...แล้วสอนไปหมดทุกคนแบบเดียวกัน
ท่านไม่ได้ถีบหน้าอกใครอีก ท่านสอนเฉพาะคนคนนั้น แบบนั้น

กระแทกกิเลส มันใช้สอนคนที่กิเลสละเอียดมากๆ
บำเพ็ญมามากๆ ตบะสูงๆ หากันแทบไม่เจอ

สอนหมาสอนแมวอย่างผม ต้องใช้เมตตาให้มาก ปากหวานให้เยอะ

หลวงพ่อชาคือตัวอย่างของครูที่ดี รู้จักสอน
รู้จักธรรมชาติของคน และเลือกธรรมะ มาสอนให้เหมาะสม
รู้จักธรรมชาติชองลูกศิษย์ แล้วสอนด้วยธรรมะที่เขาจะเข้าใจได้

ท่านไม่ได้เดินไปเจอหน้าใครก็สอน... ด้วยการถีบ-หน้า-อก-ทุกๆ คน

ตอบเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 4:20 pm

การจะสร้าง “ความสงบเย็น” ให้กับจิตใจของตัวเอง

ควรเริ่มที่คำว่า คนอื่น ไม่สำคัญ

สำคัญที่ “ใจ” ของเราเองต่างหาก ที่มันเร่าร้อน

น้องคามินธรรม กำลังได้เรียนรู้ ชั้นเชิง และศิลปะ

ในการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมโลก เพื่อนร่วมทุกข์ อยู่เน้อ พิจารณาให้ดี

อีกทั้ง อายุ ก็ไม่ใช่อุปสรรคของปัญญา ไม่ใช่อุปสรรคของการเข้าถึงธรรม

หลวงพ่อชา ท่านสอนว่า ไฟไหม้บ้าน ให้ดับไฟก่อนเป็นอันดับแรก
ไม่ต้องไปตามหาสาเหตุ ตามหาเรื่องตามหาราว เพราะจะดับไฟไม่ทันกาล

แก้ที่ตนเอง แก้ที่ “ใจ” ของตนเอง
สงบที่ตนเอง สงบที่ “ใจ” ของตนเองก่อน ดีมั้ย!!! พุทโธ

ทุกข์เพราะคิดผิด
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=574

ตอบเมื่อ: 19 ส.ค. 2008, 4:31 pm

ขออนุโมทนาครับคุณ TU พี่กุหลาบ
และพี่ๆ ทุกท่านนะคับ

ตอบเมื่อ: 20 ส.ค. 2008, 7:31 am

ขันธ์ พิมพ์ว่า:

ก็อยากจะบอกว่า ไม่จำเป็นที่ผมต้องแก้ต่างอะไรมาก
เพราะว่า การกระแทกธรรม นั้น เกิดจาก

คนทั้ง 3 ตั้งกระทู้เพื่อด่าผม และ จะทดสอบผม

ก็ทั้งสามคนยินดีเอง มาถึงตอนนี้ กลับลำมาด่าผม

จริงหรือไม่ที่มีกระทู้ ถึง 3 กระทู้ที่เอ่ยชื่อนายขันธ์

และ ผมก็เข้ามาตอบ เพื่อแก้ต่าง อีกทั้ง กรัชกรายเป็นคนบอกเองว่า

มีวิธีจะขุดกิเลสอย่างไร ผมก็พูดให้ฟัง ตามวิธีคือ ธรรมที่จริงแต่ฟังแล้วเหมือนรุนแรง หากว่าผู้นั้นใช้กิเลสในการอ่าน
มันจะจับเข้าหัวใจของตนเองจนสะเทือนทนไม่ได้ นั้นแหละ

ข้อนี้ก็ทนไม่ได้จึงหากว่า ผมชั่วร้าย เลวทราม

สุดท้าย เรื่องที่ผมบอกว่า กรัชกรายทำตัวเป็นพระเอก ข้อนี้กรัชกรายเป็นคนบอกเองว่า ตัวเองนิ่งแล้ว อย่าทะเลาะกันให้มาด่าที่ตัวเอง ผมก็บอกว่า แบบนี้แหละ ทำตัวไม่ถูกต้อง เพราะทำตัวเหมือนกับผู้มีธรรมที่สงบ แต่ทำไมไม่สงบตั้งแต่แรก มาทำตัวเป็นพระเอกทำไมตอนนี้

ขอบคุณ เว็บมาสเตอร์ ที่ไม่เคยแบนผม และ ผมยินดีที่จะเข้ามาให้ธรรมที่ถูกต้อง เมื่อเรื่องราวสงบแล้ว และ อยากจะบอกกับคุณ คามินว่า เว็บมาสเตอร์ เขากระทำถูกต้องทุกอย่างแล้ว ดีแล้วที่เขาไม่แบนคุณ ที่คุณ ด่าด้วยถ้อยคำอันหยาบคาย ทั้งหมดลองทบทวนอันปราศจากอคติ แล้วจะเห็นเอง

-- คุณขันธ์เอ๊ยคุณขันธ์ ยังจะมาโพสแบบนี้อีก เอ้า ... อ่านซะ ยกมาให้อ่านแค่หัวข้อเดียว ที่เหลือทั้งหมดคุณก็ทะยอยอ่านไปนะ เวลาอ่านตัวหนังสือ อย่าอ่านแค่ผ่านๆ จงตั้งใจอ่าน แล้วคุณจะตาสว่างขึ้น ว่าทำไมเขาไม่เลือกที่จะเตือนคุณ ทำไมถึงเลือกที่จะบอกเด็ก ว่าเด็กควรทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วที่เว็บมาสเตอร์เขาไม่แบนคุณเพราะอะไร ส่วนดิฉันอ่านแล้ว อายแทนคุณ อ้อ .. ไปหาอ่านนะหนังสือ " เสขิยวัตร " น่ะ รู้จักป่ะ สมบัติผู้ดีน่ะ นี่ล่ะการพูดแบบผู้ดี

ตอบเมื่อ: 20 ส.ค. 2008, 7:33 am

กุหลาบสีชา พิมพ์ว่า:

คุณน้องคามิน... สาธุ

รู้ได้อย่างไรว่าคุณ Admin
ไม่ได้ทำอะไรคุณขันธ์
เค้าอาจมีวิธีเตือนกัน และเตรียมจัดการที่เราไม่รู้ก็ได้...นะ

ถึงที่สุดแล้วทุกคนก็ต้องรับกรรมกันไปตามเหตุปัจจัยที่สร้างมา

ส่วนเรื่องหยุมหยิมสำหรับเรานั้น
อาจลุกลามและส่งผลกระทบต่อส่วนรวม
จึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้ดูแลที่ต้องตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม?

ในทางกลับกัน
ที่มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรา
เพราะ "อัตตา" ของเรามันใหญ่จนกระทบไม่ได้รึไม่ ?

ลองมองกลับกันดูดีมั้ย?
ที่เราทำอยู่กับเขาตอนนี้
ทำไมเขาไม่ "ร้อน" เท่าเรา
ไม่คิดจะ "นิ่ง" ให้ได้อย่างเขาบ้างหรือ?

ก่อเวรกันไปเพื่ออะไร
รู้ไม่ใช่หรือว่า
เวรย่อมระงับได้ด้วยการไม่จองเวร

ความจริงที่คุณ admin เขายังไม่ลบกระทู้นี้น่ะดีแล้ว

ก็เพราะเค้าหวังใจว่าสักวัน
เมื่อแต่ละท่านสติกลับมา และปัญญาเกิด
อาจรู้สึกละอายตัวเองกันบ้าง
ว่าฉันทำไปได้ยังไง..

เก็บไว้เตือนตนและลูกหลานไงคะ
ว่าพ่อๆ ปู่ๆ ตาๆ ที่ได้ชื่อเป็นผู้ใฝ่ธรรม
ยังเคยไร้สติกันได้ขนาดนี้นะลูก...

คุณน้องควรดีใจที่ยังมีผู้ปรารถนาดีมีเมตตาคอยชี้แนะตักเตือน
นั่นเพราะเค้าล้วนพิจารณาแล้วว่ายัง
"เป็นคนที่เตือนได้"

เชื่อนะคะจิตและภูมิธรรมของคุณน้องยังสามารถพัฒนาไปได้...
หากไม่ปล่อยให้โทสะและทิฏฐิมานะมาปิดบังปัญญา

หวังว่าคุณน้องกำลังใช้ "สัมมาวายามะ"
เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง

ถ้าวางแล้วจริง...ก็ต้องไม่มีหลายรอบ
เพราะวางแล้ว...ต้องวางเลย

ด้วยความปรารถนาดีจากใจ สาธุ

-- อ่านซะคุณขันธ์ เผื่อตาจะสว่างขึ้น อ้อ ... ถ้ายังไม่สว่าง มีให้อ่านอีกว่า เหตุที่เขาไม่แบนคุณเพราะอะไร แล้วไม่แบนใครๆ เพราะอะไร แต่เหตุที่เขาลบกระทู้ของน้องเขา เพราะเขาเห็นว่าคุยกับเด็กย่อมง่ายกว่าคนแก่

ตอบเมื่อ: 20 ส.ค. 2008, 7:54 am

กุหลาบสีชา พิมพ์ว่า:

ตั้งสติหน่อยสิคะคุณน้อง สาธุ

ที่ว่ามีคนบ้ามาตะโกนอยู่ในบ้านน่ะ
เรารู้แน่แล้วหรือว่าเขาบ้าจริง
เขาอาจแกล้งบ้า เพื่อทดสอบดูว่า
เราจะเป็นบ้าก่อนเค้ารึเปล่า

แล้วถ้าคิดว่าเค้าบ้าจริง....

เคยได้ยินมั้ยว่า

อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา

บ้านนี้เป็นบ้านสาธารณะ
ไม่มีใครเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง
ผู้ปรารถนาธรรมทุกคนจึงมีสิทธิอันชอบธรรม
ในการเข้า-ออกได้ตลอดเวลา
เพราะประตูนี้ไม่เคยปิด

ฉะนั้นจึงไม่มีใครสามารถไล่ใครได้
ถ้าคนนั้นๆ ไม่ปรารถนาจะอัปเปหิตัวเอง
เพราะพิจารณาตัวเองไม่เป็น

อยู่ที่ตัวเราว่าจะปรับตัว
ให้อยู่ในบ้านที่มีทั้งเสียงด่า
และเสียงสวดมนต์กรอกสองหูพร้อมๆ กันได้หรือไม่
(บ้านนี้ก็ยังมีหลายห้อง หลายชั้นมิใช่หรือคะ)

ถูกต้อง...

การจะถูกคัดให้ไปแข่งคณิตศาสตร์โอลิมปิค
อย่างน้อยก็ต้องผ่านการบวก ลบ คูณ หาร สมการ ฯลฯ ให้คล่องเสียก่อน

ถ้าคุณน้องบอกตัวเองว่ากำลัง "ตั้งไข่"
แล้วยังออกอาการอยู่เช่นนี้
ต่อไปอย่าว่าแต่วิ่งเลย
แม้แต่ยืนให้มั่นคงจะทำอย่างไร
หากไม่สามารถผ่านตรงนี้ไปให้ได้

แต่...อย่าลืมว่า

ไม่ใครจูงเด็กคนหนึ่งให้เดิน และวิ่งได้ตลอดชีวิต
ถ้าเด็กคนนั้นไม่เรียนรู้ที่จะยืน เดิน และวิ่งด้วยตนเอง
ซึ่งแน่นอนต้องผ่านการล้มลุกคลุกคลาน
หกลัม ถลอกปอกเปิกเป็นธรรมดา

คนเรานั้นเรียนรู้ได้จากทุกสิ่ง จากทุกสถานการณ์
ไม่ว่าในห้องเรียนที่ติดแอร์
หรือแม้แต่ในห้องส้วมส่งกลิ่นเหม็น
ถ้าคิดจะเรียนรู้

มดตะนอยตัวน้อยต่อยเจ็บสักตัว
แม้โดยธรรมชาติมันอาจจะกัดเจ็บ พิษเยอะ
แต่ถ้าเราก็เรียนรู้ ดูอยู่ห่างๆ
ก็จะเห็นความขยัน วิริยะอุตสาหะจากมันได้เสมอ
โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเอาตัวไปให้มันกัด

ทุกสิ่งถือเป็นครูได้เสมอ
โดยเฉพาะคนที่คิดว่าเป็น "ศัตรู"
ย่อมเป็นครูที่เยี่ยมยอด
ให้เราเก็บไว้สอนใจเป็นบทเรียน สู้ สู้

บทเรียนในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น
มันรุนแรงและเลวร้ายกว่าในโลกไซเบอร์หลายเท่านัก สาธุ

ขอให้พิจารณาดู และเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ ยิ้ม

-- นี่อีกอ่านซะ แล้วอย่าตีความผิดๆ อีก

-- อ้อ ... เท่าที่จำได้คิดว่าจำไม่ผิด คุณเคยพูดไว้ว่า ใครที่คิดร้ายหรือว่าร้ายคุณอะไรทำนองนี้ ต้องมีอันเป็นไป ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คุณคงไม่มาตอบโต้กับเด็กให้ได้อายเขา แบบขาดสติอย่างนี้หรอก ดิฉันเองก็ขอเตือนคุณ ใครคิดร้ายต่อดิฉัน พูดจาให้ร้ายต่อดิฉัน คนนั้นก็ต้องมีอันเป็นไป โดยที่ดิฉันไม่ต้องตอบโต้อะไรเลย ปล่อยให้กรรมมันจัดสรรไปเอง เพราะเหตุอย่างนี้ๆ ผลจึงเป็นเช่นนี้ๆ

-- ข้อแนะนำสำหรับคุณที่ดิฉันจะบอกก็คือ ขอย้ำๆ หลายครั้งเผื่อคุณจะลืม คุณจงปฏิบัติอย่างน้อยวันละ 10 ช.ม. เดินจงกรม 1 ช.ม. นั่ง 1 ช.ม. ทำอย่างนี้ให้ได้ทุกวัน อะไรที่เกิดขึ้น ให้ดูตามความเป็นจริง ไม่ต้องไปให้ค่าความหมายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น อย่าไปทำเพิกเฉยต่อสภาวะที่เกิดขึ้น เห็นรูป นาม เกิดดับน่ะ จิ๊บๆ อย่าไปหลงดีใจกับมัน กิเลสมันน่ะหลอกล่อเราได้สารพัดรูปแบบ สุดแต่ว่าสติเราจะทันไหม

-- กลัวคุณจะลืมจงคิดทบทวนให้ดีก่อนที่จะทำอะไรก็แล้วแต่ ว่าเป็นกุศลหรืออกุศล สติคุณต้องทันจิตมัน แล้วคุณจะเห็น เมื่อคุณเห็นแล้วคุณจะหยุดที่จะสร้างอกุศลกรรมใหม่ให้เกิดขึ้น เพราะไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็แล้วแต่ล้วนมีผลต่อการปฏิบัติของคุณทั้งสิ้น

-- ขออโหสิกรรมค่ะ ถ้าคำพูดใดๆ ที่พูดไปแล้วทำให้คุณเกิดความขุ่นเคืองใจไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม เพียงแค่อยากจะบอกคุณเท่านั้นเอง เดินผ่านมาแล้ว ไอ้ทางที่คุณกำลังย่ำๆ อยู่ตอนนี้น่ะ ที่ไม่บอกคนอื่นๆ เพราะเห็นว่าเขายังรู้จักหยุดตัวเอง แต่คุณยังไม่รู้จักหยุดเลยต้องพูด อย่าลืมนะไปหาอ่าซะ กิเลส 10 กับอุปกิเลส 10 น่ะ เพื่อจะกระแทกใจคุณได้บ้าง เพราะดิฉันให้พูดแบบกระแทกใจใครพูดไม่เป็นค่ะ

เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะคุณขันธ์
สาธุ

ตอบเมื่อ: 20 ส.ค. 2008, 9:09 am

คามินธรรม พิมพ์ว่า:

นายขันธ์คือคนแรกและคนเดียว ที่ไล่ตะเพิดคนอื่นๆ ไม่ให้ตอบกระทู้

จริงๆ ด้วยครับ เรื่องนี้ผมขอรับรองอีกคน ยิ้มเห็นฟัน

ตอบเมื่อ: 20 ส.ค. 2008, 9:17 am

ไฟดับแล้ว ปิดปั้มน้ำมันด้วย

ตอบเมื่อ: 20 ส.ค. 2008, 9:23 am

อนุโมทนากับคุณกรัชกราย

เพราะว่า มีมือที่ 5 กำลังจะเข้ามาเพิ่มเติมสถานะการณ์ตอนจบ

เขาผู้นั้นคือ ดา ตอร์ปิโด หรือชื่อเต็มๆ ว่า วลัยพร ตอร์ปิโด

ขอโทษนะครับที่ผมคิดว่า จะไม่พูดมาก แต่บังเอิญว่ามีคนมาตามจองล้างจองผลาญ
ทั้งๆ ที่ไม่ได้กระทบอะไรตนเลย

ในอีกกระทู้หนึ่ง บอกว่า อย่ามาตอบโต้ดิฉัน เพราะดิฉันจะไม่ตอบโต้คุณ
มากระทู้นี้ก็มาเป็นชุดอีก

ผมจึงต้องออกมา ชี้แจงว่า ขอให้ คุณ วลัยพร ตอร์ปิโด อยู่ด้วยความสงบ
เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเอง

ตอบเมื่อ: 20 ส.ค. 2008, 9:24 am

อ้างอิงจาก:

นายขันธ์คือคนแรกและคนเดียว ที่ไล่ตะเพิดคนอื่นๆ ไม่ให้ตอบกระทู้

อ้างอิงจาก:

จริงๆ ด้วยครับ เรื่องนี้ผมขอรับรองอีกคน

คุณ natdanai ครับ ยกคำพูดดังกล่าวมา ที่ว่า ไล่ตะเพิด

ถ้าหาไม่เจอ กรุณา ถอนคำพูด และอย่าใส่ไฟอีก