ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
chanpapha
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 05 เม.ย. 2005
ตอบ: 16
|
ตอบเมื่อ:
07 เม.ย.2005, 10:03 pm |
  |
|
   |
 |
thamma02
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 25 มี.ค. 2005
ตอบ: 77
|
ตอบเมื่อ:
08 เม.ย.2005, 9:51 am |
  |
ตอบคุณ chanpapha
หลังจากได้กล่าวคำอาราธนาพระกรรมฐานแล้ว คุณก็ตั้งกายให้ตรง ดำรงสิตให้มั่น ก่อนจะหลับตาทำสมาธิ ให้แพ่งมองไปที่ภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ใดก็ได้ที่คุณเห็นว่าคุณชอบ จำภาพให้แม่นยำเพื่อเป็นนิมิตในการทำสมาธิ แล้วค่อย ๆ หลับตาลง ทำสมาธิกำหนดลมหายใจ เข้า - ออก พยายามอย่าให้จิตฟุ้งซ่านไปในเรื่องอื่น หากว่าภาพนั้นเลือนไปก็ให้ลืมตาเพ่งไปที่ภาพนั้นใหม่ แล้วก็หลับตาลง กำหนดจิตต่อไป ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจิตจะเป็นสมาธิ แต่ก่อนผมก็เป็นแบบคุณ แต่พอได้มาอ่านหนังสือวิธีปฏิบัติพระกรรมฐานของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ก็ปฏิบัติตามนั้น ก็รู้สึกดีขึ้นเป็นลำดับครับ เรื่องของจิต เราไม่สามารถควบคุมได้ ในระยะการปฏิบัติต้น ๆ เป็นธรรมดาที่จิตจะสอดส่ายออกไปจากสมาธิ เมื่อเรารู้ตัวก็รวมรวมใหม่ เริ่มต้นใหม่ พอไม่นานจิตมันก็จะวิ่งออกไปนอกลู่นอกทางอีก เราก็จับมันมาอีก ทำอย่างนี้วันละเล็ก วันละน้อย อีกหน่อยก็จะรู้วิธีเอาชนะมันได้ครับ
ผมได้รับฟังมาจากหลวงพ่อนะครับ หากคุณปฏิบัติได้แล้วก็ถือว่าเป็นคำสอนของหลวงพ่อนะครับไม่ใช่ของผม
หากในระยะต้นจิตกระหวัดไปนอกลู่นอกทางหลายครั้งแนะนำว่าให้หยุดการเจริญพระกรรมฐาน (ทำสมาธิ ) ไว้ก่อน เพราะว่าจิตมันฟุ้งซ่านมากเกินไป ควรหยุด ไปทำธุระ หรือเรื่องส่วนตัวก่อน แล้วค่อยมาทำใหม่ในวันหลัง
ส่วนที่คุณบอกว่าทำอย่างไรจะให้เห็นรูปพระพุทธเจ้าอย่างชัดเจนนั้น ก็ตามที่ผมแนะนำไว้ในเบื้องต้นนั่นแหละครับ หากว่าภาพนั้นเลือนหายไป ก็ลืมตามาดูใหม่ เป็นธรรมดาของการเริ่มต้นครับ หากต้องการหนังสือวิธีปฏิบัติพระกรรมฐานก็ส่งที่อยู่มาให้ผมนะครับ ผมจะส่งหนังสือไปให้ครับ
ขออนุโมทนาบุญในความเพียรของคุณด้วยนะครับ |
|
|
|
    |
 |
อ้ายเอ๋อ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
08 เม.ย.2005, 1:19 pm |
  |
อย่าอยาก
ยิ่งอยากยิ่งไม่เห็น
เห็นหรือไม่เห้นไม่มีความสำคัญ |
|
|
|
|
 |
chanpapha
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 05 เม.ย. 2005
ตอบ: 16
|
ตอบเมื่อ:
08 เม.ย.2005, 9:22 pm |
  |
อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณTHAMMA 02 และคุณอ้ายเอ๋อ ที่กรุณาแนะนำ โดนเฉพาะคุณthamma02 ที่ทั้งแนะนำวิธีปฏิบัติและมีน้ำใจจาส่งหนังสือให้ค่ะ ชื่อที่อยู่นะค่ะ
จันปภา กมลสัลย์ 115 หมู่ 7 แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพ 10170 ค่ะ
 |
|
|
|
   |
 |
สายลม
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245
|
ตอบเมื่อ:
08 เม.ย.2005, 10:31 pm |
  |
|
    |
 |
จันทโชต
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 9:09 am |
  |
ไม่ยากถ้าตั้งใจ และศรัทธา
นำพระพุทธรูปมาตั้งไว้ ในระยะที่พอดีกับสายตา ไม่สุงไม่ต่ำเกินไป ไม่ไกลไมใกล้เกินไป
ลืมตา พอดีๆ แล้วบริกรรมอารมณ์ว่า พุทธรูปัง กสิณังๆ ภาวนาไปงี้ ทำบ่อยๆ
แล้วลองหลับตาดูสิ เห็นไหม
ถ้าไม่ติดตา ลืมตาบริกรรมอีก พุทธรูปัง กสิณังๆ ทำไปแบบนี้
หากหลับตามเห็นพระพุทธรูปแล้ว ท่านให้หลับตามดูพุทธรูปในนิมัตนั้น บริกรรมไปเหมือนเดิม พุทธรูปัง กสิณัง ๆ ๆ |
|
|
|
|
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 10:43 am |
  |
เยี่ยมเลยครับ นึกว่า คุณจันทโชต จะเน้นให้ฝึกสติอย่างเดียวเสียอีก |
|
|
|
|
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 10:50 am |
  |
ขอโทษ เขียนย่อไปหน่อย คำว่า ฝึกสติ ผมหมายถึง จิตเฝ้าดูอารมณ์ที่กระทบ หรือปรุงแต่งน่ะครับ นึกว่าคุณจันทโชต จะเน้นแบบนี้อย่างเดียวซะอีก |
|
|
|
|
 |
แจม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 11:21 am |
  |
เห็นด้วยกับคุณอ้ายเอ๋อ พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวกไม่เคยสอนให้ใครทำสมาธิเพื่อให้เห็นนิมิต แม้แต่เห็นนิมิตเป็นรูปพระพุทธเจ้าก็เถอะ เพราะว่าเป็นเรื่องของสังขารการปรุงแต่งให้เกิดภาพขึ้นในใจแล้วใจก็ไปหลงภาพที่ตัวเองปรุงไว้เอง... ความจรืงเมื่อ2500 กว่าปีมาแล้ว ยังไม่มีกล้องถ่ายภาพ และไม่มีกระดาษหรือผืนผ้าใบหรือสีน้ำมันหรือสีอะไรทั้งสิ้น ที่จะวาดภาพพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันตสาวกเก็บไว้ที่ไหนเลย มีแต่ปั้นรูปเอาตามจินตนาการของผู้บันทึกบรรยายพุทธลักษณะเอาไว้ พระพุทธเจ้าท่านทรงเป็นบรมครู ทรงเห็นการณ์ไกล จึงเตือนไว้เมื่อ สองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้วว่า "ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต" ท่านเน้นให้หมั่นพิจารณาธรรมะจนกระทั่งเกิดดวงตาเห็นธรรม ให้ได้ก่อน แล้วท่านจะรู้เห็น ตถาคต ด้วยตัวท่านเองใน อิริยาบท ทั้งสี่ โดยไม่ต้องเค้นนั่งหลับตานึก...ขอทุกท่านจงมีดวงตาเห็นธรรม โดยทั่วกันทุกท่าน เทอญ |
|
|
|
|
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 11:37 am |
  |
ตอบคุณแจม
สมาธิ 40 วิธีที่พระพุทธโกศาจารย์ (อาจสะกดชื่อท่านไม่ตรงครับ) ท่านแต่งไว้ จะมีหัวข้อ พุทธานุสติ ด้วยครับ คือนึกถึง พระสัมสัมพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ดังนั้น ใครถนัดแบบไหนก็ทำไปเถิดครับ ดีทั้งนั้น แต่ไม่ได้บอกว่า ทำแค่นี้แล้วจะสำเร็จนะครับ เพียงแค่จะทำให้ใจตั้งมั่นเป็นสมถะ แล้วก็ไปวิปัสสนาในขั้นต่อไป
ในการจะเดินทางไปให้ถึงฝั่งนั้น จะต้องใช้เรือซึ่งก็มีหลากหลายรูปแบบ (บางคนอาจใช้เรือเร็วซึ่งก็มีจุดอ่อนคือ ล่มง่าย บางคนอาจใช้เรือใหญ่มั่นคง ซึ่งก็มีจุดอ่อนคือ ช้า) และเมื่อถึงฝั่งแล้ว ก็ต้องทิ้งเรือนั้นไปตามระเบียบ แต่ถ้ายังอยู่ในทะเล ก็ต้องใช้เรือกันทุกคนครับ ส่วนการแนะนำใครว่า เรือแบบของคุณไม่เหมาะ ต้องแบบของผมถึงจะเหมาะ คงต้องดูอะไรหลายๆ อย่างประกอบกันน่ะครับ เช่น เขาชอบแบบไหน อย่างไร เป็นต้นครับ)
|
|
|
|
|
 |
จัททโชต
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 3:29 pm |
  |
ก่อนฝึกจิต ถามตนเองก่อนว่า จะเอาแบบไหน เมือตกลงใจเลือกอย่างใดแล้วก็ ทำให้ถูกวิธี จึงจะบังเกิดผล เอาสมถกัมมัฏฐานล้วนๆ ตามนี้
>โดยมีกัมมัฏฐาน 40 อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นอารมณ์ พร้อมด้วยคำบริกรรมตามชื่อกสิณนั้น ๆ นี่เค้าต้องการเพ่งพระพุทธรูป ก็เป็น พุทธรูปัง กสิณัง ๆ เป็น อาโป กสิณ (อาโปน้ำ) บริกรรมว่า อาโป กสิณัง ๆ ๆ
ถ้ามีนามรูปเป็นอารมณ์ ก็เป็นอานาปานสติ มีคำบริกรรมเช่นกัน (ทำให้ถูกวิธี)
|
|
|
|
|
 |
chanpapha
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 05 เม.ย. 2005
ตอบ: 16
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 9:00 pm |
  |
ทุกๆท่านที่แนะนำ ก่อนหน้านี้เคยเริ่มฝึกวิปัสนากรรมฐานแบบสติปัฏฐาน 4 มา3ครั้ง ค่ะ 2 ครั้งแรกใช้เวลาครั้งละ 3 วัน และครั้งที่3 ปฏิบัติเป็นเวลา 15 วัน โดยเคร่งครัดซึ่งได้สภาวะธรรมต่างๆตามกำลังธรรมที่ยังน้อยนิดอยู่ โดยการปฏิบัติทั้ง 3 ครั้งมีพระอาจารย์ท่านนึงแนะนำอย่างใกล้ชิด แต่ปัจจุบันยังไม่มีโอกาสได้ไปเข้ากรรมฐานกับพระอาจารย์อีก ก้อเลยห่างไปช่วงนึง แต่ก้อนึกอยากปฏิบัติอยู่โดยตลอดค่ะ ในระหว่างนี้ก้ออ่านหนังสือธรรมะและนั่งสมาธิก่อนนอนเป็นเวลาประมาณ 30 นาที ขณะนั่งสมาธิเห็นรูปพระพุทธเจ้าแต่ทรงอยู่เพียงชั่วครู่ก้อบิดเบี้ยวแปรเปลี่ยนไปค่ะ ทีนี้เกิดความรู้สึกอยากประทับภาพพระพุทธเจ้าอย่างชัดเจนในจิต ( ตอนนี้ยังมิได้นึกถึงความก้าวหน้าหรือขั้นในการปฏิบัติใดๆทั้งสิ้น เนื่องจากเพิ่งเริ่มปฏิบัติได้ไม่นานนัก และช่วงนี้ก้อไม่มีโอกาสได้เรียนถามพระอาจารย์ เนื่องจากท่านเดินทางไปพม่า ) ตอนนี้ดิฉันต้องการจะปฏิบัติสมถะกรรมฐานเพื่อเห็นรูปพระพุทธเจ้าอย่างชัดเจนในจิต โดยจะปฏิบัติตามที่คุณจันทโชคและคุณเกียรติแนะนำค่ะ อนุโมทนาสาธุกับธรรมทานของทุกท่านด้วยค่ะ  |
|
|
|
   |
 |
จันทโชต
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2005, 10:24 pm |
  |
คุณ chanpapha มีศรัทธาดีนี่
..พูดตรงๆน่ะ ภาพที่คุณเห็นน่ะ เป็นนิมิต ทีเกิดจากจิตสงบมัน ทำให้เห็นไปต่างๆ นานา แต่เผอิญคุณเห็นพุทธรูป ก็เลยอยากเห็นอีกเพราะมีความเลือมใส
...นี่ถ้าไปเห็นสิ่งอื่นๆ คงไม่อยากเห็นอีกหรอก
แล้วที่ภาพพุทธรูปบิดเบี้ยวน่ะ จิตคุณบิดเบี้ยว เพราสมาธิไม่ดีพอคือไม่ละเอียดประณีตพอ จึงทำให้นิมิตบิดเบี้ยวแปรไป ไม่ใช่พระพุทธรูปบิดเบียว
...หากคุณต้องการเอาพระพุทธรูปมาไว้ในใจนานๆ ก็ต้องทำตามที่บอกมาได้ผลประการใดเล่าสู่กันฟังบ้าง
สาธุ
|
|
|
|
|
 |
แจม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
10 เม.ย.2005, 4:29 am |
  |
พุทธานุสติรวมถึงการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระมหาปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยีนก็นีกได้ นั่งก็นีกได้ นอนก็ระลึกถึงได้ นั่งหลับตาอยู่ก็ระลึกถึงได้ ถ้าพุทธบริษัทจำกัดจำเขี่ยตัวเองเพียงนั่งหลับตานึกถึงรูปเปรียบปูนปั้นพระพุทธเจ้า หรือรูปหล่อทองเหลืองเปรียบสมมุติถึงพระพุทธเจ้า เป็นพุทธานุสสติ แล้วไซ้ เมื่อท่านปฏิบัติธรรมานุสติ ท่านก็นั่งหลับตานึกถึง แผ่นซีดี แผ่นเอ็มพีสาม บรรจุเรื่องพระไตรปิฏก และพระพุทธรรมคำสอน ลอยว่อนในนิมิต เป็นธรรมานุสติ กระนั้น |
|
|
|
|
 |
จันทโชต
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
10 เม.ย.2005, 7:18 am |
  |
|
|
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
10 เม.ย.2005, 6:57 pm |
  |
แสดงว่า คุณแจม เวลาไปร่วมงานพิธีกรรมต่างๆ หรือไปที่วัดต่างๆ ไม่เคยกราบพระพุทธรูปสินะครับ เพราะคุณแจม คิดว่า นั่นเป็นเพียงอิฐ หรือ ปูนปั้น แต่ผมกราบทุกครั้งครับ เพราะผมคิดว่า นี่คือ ตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ
ส่วนแผ่น CD ที่บรรจุธรรมะ ผมไม่ได้กราบ และยอมรับว่าไม่มีใครนำมานึกเป็นนิมิต แต่ผมก็วางแผ่น CD นั้นไว้ในที่สมควรครับ ไม่นำไปวางทั่วๆไป ที่คนอาจจะเดินเหยียบไปมา คุณธรรมความเคารพ เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ คุณธรรมจากผู้อื่นหลั่งไหลเข้าหาตัวได้ง่ายครับ เพราะผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ใหญ่ย่อมเอ็นดูในการถ่ายทอดธรรมะให้ แต่ถ้าไม่เคารพ ก็เปรียบเสมือนน้ำล้นถ้วย ใส่น้ำใหม่ลงไปไม่ได้น่ะครับ
|
|
|
|
|
 |
chanpapha
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 05 เม.ย. 2005
ตอบ: 16
|
ตอบเมื่อ:
13 เม.ย.2005, 3:34 pm |
  |
เรียนคุณจันทโชต ดิฉันลองปฏิบัติตามนั้นครั้งแรกๆจืตจะเห็นเพียงครู่เดียวแล้วก็แปรเปลี่ยนไป แต่พอหลายวันเข้าเริ่มคงอยู่ได้นานขึ้น แต่ก็ยังแปรเปลียนไปอีก บางครั้งเปลี่ยนรูปไปเลยแต่แทบจะทุกครั้งจาเปลี่ยนไป แต่ยังคงเป็นภาพพระพุทธเจ้านะค่ะ แต่เปลี่ยนจากรูปทองในครั้งแรกเป็นรูปพระปูนขาว หรือ เทาจนกระทั่งเป็นดำก็มี แล้วจาบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูปไปเลย ในขณะนั้นดิฉันก็เอาจิตจับอยู่กับทุกขณะที่เปลียนไป ก็มีบางครั้งที่เปลี่ยนกลับมาเป็นรูปทององค์เดิมค่ะ แต่บางครั้งก็ไม่ คุณจันทโชตมีคำแนะนำ แนะนำได้เลยนะค่ะ เพราะปัญญธรรมยังน้อยเหลือเกิน ในที่สุดของการนั่งสมาธิเพื่อเห็นภาพพระพุทธเจ้าทุกครั้งจาจบสงบลงที่การจับจิตอยู่ที่สภาวะปัจจุบันเสมอค่ะ ขออนุโมทนาที่ให้ธรรมเป็นทานค่ะ  |
|
|
|
   |
 |
chanpapha
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 05 เม.ย. 2005
ตอบ: 16
|
ตอบเมื่อ:
13 เม.ย.2005, 3:39 pm |
  |
อ้อ...ในตอนแรกที่เห็นรูปทองเป็นเพราะนึกรูปพระพุทธชินราชซึ่งเป็นรูปทองเหลืองอร่ามสวยงามมากค่ะ ตอนเริ่มหลับตาก็ยังสุกจ้าเหลืองร่ามอยู่ชั่วครู่ค่ะ  |
|
|
|
   |
 |
|