Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
วันออกพรรษา และ ประเพณีที่เกี่ยวข้องกับวันออกพรรษา
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
webmaster
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769
ตอบเมื่อ: 25 ต.ค.2018, 8:14 am
หลังจากวันออกพรรษาแล้ว ๑ วัน ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑
พระพุทธองค์ทรงเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาสู่ยังโลกมนุษย์
ณ ประตูเมืองสังกัสสะ แคว้นปัญจาละ (แคว้นปัญจาบ) ชมพูทวีป
หลังจากเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อโปรดพระพุทธมารดา
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จประทับพระบาทยังพื้นดินเท่านั้น
ก็ทรงแสดงปาฏิหาริย์เปิดโลก โลกรวิวรรณ โดยแสดงกิริยาพระหัตถ์เปิดโลก
เนรมิตให้เทวดา มนุษย์ และสัตว์นรก ได้มองเห็นกันและกันตลอดทั้ง ๓ โลก
เพื่อให้ชนเหล่านั้นตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท ศรัทธาในพระรัตนตรัย
ชาวพุทธจึงเรียกวันนี้กันว่า วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก หรือ วันพระเจ้าเปิดโลก
ภาพวาด...ผลงานการสร้างสรรค์ของ อ.กฤษณะ สุริยกานต์
----------------
วันออกพรรษา
วันออกพรรษา หมายถึง วันสิ้นสุดการอยู่จำพรรษาของพระภิกษุสงฆ์ครบถ้วนไตรมาส ตลอด ๓ เดือนในฤดูฝนตามพระพุทธบัญญัติ
(นับตั้งแต่วันเข้าพรรษา วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘)
วันออกพรรษานับเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ หรือเพ็ญเดือน ๑๑ ของทุกปี
หลังจากวันออกพรรษาแล้วพระภิกษุสงฆ์ก็สามารถจาริกไปค้างแรมที่อื่นได้ อนึ่ง มีชื่อเรียก
วันออกพรรษา
อีกอย่างหนึ่งว่า
วันปวารณา
(อ่านว่า ปะ-วา-ระ-นา)
หรือ
วันมหาปวารณา
คือ วันที่เปิดโอกาสให้เพื่อนพระภิกษุสงฆ์กล่าวปวารณาต่อกัน ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ด้วยเมตตาจิต เมื่อได้เห็น ได้ฟัง หรือสงสัยในพฤติกรรมของกันและกัน
พิธีดังกล่าวถือเป็นสังฆกรรมที่พิเศษอย่างหนึ่งที่ทำเฉพาะในวันออกพรรษา อันเป็นวันสุดท้ายแห่งการจำพรรษา คือ
ในวันนั้นพระภิกษุสงฆ์จะ
งดสวดสาธยาย
พระปาติโมกข์
(คือการสวดสาธยายพระวินัย ๒๒๗ ข้อ และสวดสาธยายปาติโมกข์ในที่นี้
มิใช่
โอวาทปาติโมกข์)
ที่ได้กระทำกันทุกๆ ๑๕ วันในที่ประชุมสงฆ์ช่วงเข้าพรรษา
เรียกอีกอย่างว่า
ลงอุโบสถกรรม
แต่จะประกอบพิธีทำสังฆกรรมที่พิเศษอย่างอื่นแทน เรียกว่า
พิธีปวารณา
พิธีปวารณา
คือ การยอมให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนในหมู่สงฆ์ เพราะในระหว่างเข้าพรรษาพระภิกษุสงฆ์บางรูปอาจมีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข ผู้ว่ากล่าวตักเตือนจะต้องกระทำด้วยความเมตตาจิต ปรารถนาดีต่อผู้ถูกตักเตือน ทั้งกาย วาจา และใจ ส่วนผู้ถูกว่ากล่าวตักเตือนก็ต้องมีจิตใจกว้างขวาง มองเห็นความปรารถนาดีของผู้ตักเตือน ถ้าเป็นจริงตามคำกล่าวก็ปรับปรุงตัวใหม่ หากไม่จริงก็สามารถชี้แจงแสดงเหตุผลให้กระจ่าง
ทั้งสองฝ่ายต้องคิดว่าทักท้วงเพื่อก่อสุข ฟังเพื่อแก้ไข จึงจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย และตรงกับความมุ่งหมายของการปวารณา ที่มุ่งเพื่อจะสร้างความสมัครสมานสามัคคี และดำรงความบริสุทธิ์หมดจดไว้ในสังคมหมู่สงฆ์
อ่านต่อจากที่นี่นะคะ...
ประวัติ วันออกพรรษา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=83&t=45497
มาปวารณากันเถิด (พระไพศาล วิสาโล)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=83&t=54503
ประเพณีที่เกี่ยวข้องกับวันออกพรรษา
(๑) ประเพณีตักบาตรเทโวฯ
ประเพณีตักบาตรเทโวฯ
ซึ่งย่อมาจาก
เทโวโรหณะ
หมายถึง
การเสด็จลงมาจากดาวดึงส์เทวโลกมาสู่ยังมนุษย์โลกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณและเสด็จไปประกาศพระศาสนาในแคว้นต่างๆ ทั่วชมพูทวีปแล้ว ในพรรษาที่ ๗ ทรงรำลึกถึง พระนางสิริมหามายา ซึ่งได้สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่พระองค์ประสูติได้ ๗ วัน จึงทรงดำริที่จะสนองคุณของพระพุทธมารดา ดังนั้น จึงได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษา ณ บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงแสดงพระธรรมเทศนาอภิธรรม ๗ คัมภีร์
(พระสัตตปกรณาภิธรรม)
โปรด สันดุสิตเทพบุตร เทพบุตรพระพุทธมารดา
(ซึ่งประทับอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต แต่ลงมาฟังพระธรรมเทศนาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์)
และหมู่ทวยเทพเทวดาทั้งหลายอยู่ ๑ พรรษา ครั้นถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ หรือหลังจากวันออกพรรษาแล้ว ๑ วัน พระมหาโมคคัลลานะ
แสดงปาฏิหาริย์เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ณ บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ทูลถามว่าพระองค์จะเสด็จมาสู่มนุษย์โลก ณ ที่ใด พระพุทธองค์ตรัสถามว่า พระสารีบุตรและเธอจำพรรษาที่ใด เมื่อทราบคำกราบทูลว่า ท่านทั้งสองจำพรรษาอยู่ที่เมืองสังกัสสะ
แคว้นปัญจาละ
(แคว้นปัญจาบ)
ชมพูทวีป
พระพุทธองค์จึงทรงตกลงพระทัยเสด็จลงสู่มนุษย์โลกตรงประตูเมืองสังกัสสะ
ท่ามกลางหมู่ทวยเทพเทวดาซึ่งแวดล้อมเป็นบริวาร พระบาทแรกที่ทรงเหยียบพื้นมนุษย์โลกนั้นต่อมาได้กลายเป็นสถานที่ระลึกเรียกว่า
อจลเจดีย์
เรียกอย่างไทยเราก็ว่า
รอยพระพุทธบาท
ตามตำนานว่าที่นี่เป็นที่แห่งหนึ่งซึ่งมีรอยพระพุทธบาทปรากฏอยู่
ประชาชนต่างพากันไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อทำบุญตักบาตรกันอย่างเนืองแน่น ด้วยเหตุนี้ชาวพุทธจึงถือเอาวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์เทวโลกมาสู่มนุษย์โลก จึงนิยมตักบาตรกันเป็นพิเศษ และทำสืบต่อกันมาเป็นประเพณีที่เรียกว่า
พิธีตักบาตรเทโวฯ
ตราบเท่าจนทุกวันนี้
วันตักบาตรเทโวฯ
หรือ
วันตักบาตรเทโวโรหณะ
เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก ด้วยว่าเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาสู่ยังโลกมนุษย์ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ หรือหลังจากวันออกพรรษาแล้ว ๑ วันนั้น เล่ากันว่า ท้าวสักกเทวราช พร้อมด้วยเหล่าทวยเทพเทวดาบริวารจำนวนมากได้ตามส่งเสด็จทางบันไดสวรรค์จนถึงขั้นพิภพอย่างสมพระเกียรติ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จประทับพระบาทยังพื้นดินเท่านั้น ก็ทรงแสดงปาฏิหาริย์เปิดโลก โลกรวิวรรณ โดยแสดงกิริยาพระหัตถ์เปิดโลก เนรมิตให้เทวดา มนุษย์ และสัตว์นรก ได้มองเห็นกันและกันตลอดทั้ง ๓ โลก คือ เทวโลก มนุษย์โลก และยมโลก เสมือนนั่งอยู่พร้อมหน้ากันเป็นที่อัศจรรย์
เพื่อให้ชนเหล่านั้นตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท ศรัทธาในพระรัตนตรัย ทำให้ผู้ที่ไม่เลื่อมใสได้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ผู้ที่เลื่อมใสอยู่แล้วยิ่งเลื่อมใสยิ่งขึ้น กล่าวคือ ญาติที่เสียชีวิตถ้าอยู่บนสวรรค์ก็สามารถเห็นญาติในเมืองมนุษย์ได้ ญาติที่ตกนรกอยู่ก็สามารถเห็นญาติในเมืองมนุษย์ได้ ส่วนมนุษย์ก็สามารถเห็นญาติของตนทั้งในนรกและบนสวรรค์ได้เช่นกัน อีกทั้ง
ในวันนี้การลงโทษในเมืองนรกได้ยุติลงชั่วคราว ชาวพุทธจึงเรียกวันนี้กันว่า วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก หรือ วันพระเจ้าเปิดโลก
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หมายถึง สวรรค์ชั้นที่ ๒ แห่งสวรรค์ทั้งหมด ๖ ชั้น ซึ่งมีท้าวสักกะหรือพระอินทร์เป็นจอมเทพผู้ปกครอง
สวรรค์ทั้งหมด ๖ ชั้นดังกล่าว เรียกว่า กามภพ หมายถึง ภพที่ท่องเที่ยวไปในกาม แบ่งออกเป็น
ชั้นจาตุมหาราช
เป็นที่อยู่ของท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔,
ชั้นดาวดึงส์
เป็นเมืองของท้าวสักกะหรือพระอินทร์,
ชั้นยามา
เป็นเมืองของพระสยามเทวาธิราช,
ชั้นดุสิต
(ดุสิต แปลว่า บันเทิง)
มีท้าวสันดุสิตเทวราชเป็นใหญ่,
ชั้นนิมมานนรดี
(อ่านว่า นิม-มาน-นอ-ระ-ดี)
หมายถึง ผู้ยินดีในการเนรมิต มีท้าวสุนิมมิตเทวราชเป็นใหญ่ และ
ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี
(อ่านว่า ปอ-ระ-นิม-มิด-ตะ-วะ-สะ-วัด-ดี)
มีพระยามาราธิราชเป็นใหญ่
ของทำบุญที่นิยมกันเป็นพิเศษในประเพณีตักบาตรเทโวฯ คือ
ข้าวต้มลูกโยน
โดยจะเอาข้าวเหนียวมาห่อด้วยใบมะพร้าวไว้หางยาว กล่าวกันว่าที่นิยมทำข้าวต้มลูกโยนคงเป็นเพราะเมื่อพระพุทธองค์เสด็จลงมาจากดาวดึงส์เทวโลก พระบรมศาสดาถูกห้อมล้อมด้วยมนุษย์และเทวดาเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ที่เข้าไม่ถึง คิดวิธีใส่บาตรโดยโยนเข้าไป และที่ไว้หางยาวก็เพื่อให้โยนได้แม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งการโยนลักษณะนี้คงเกิดขึ้นภายหลังมิใช่สมัยพระพุทธองค์จริงๆ และทำให้เป็นนัยยะมากกว่า เพราะปัจจุบันจะใช้การแห่พระพุทธรูปแทนองค์พระพุทธเจ้า
อ่านต่อจากที่นี่นะคะ...
พิธีตักบาตรเทโว (วันพระเจ้าเปิดโลก)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=35189
เมืองสังกัสสะ สถานที่ทรงเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=44853
บันไดขึ้นสู่ยอดเขาสะแกกรัง (เขาแก้ว) ๔๔๙ ขั้น ณ วัดสังกัสรัตนคีรี
สถานที่จัดงานประเพณีตักบาตรเทโวฯ ที่เลื่องชื่อที่สุดแห่งหนึ่งในไทย
ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ หรือหลังจากวันออกพรรษาแล้ว ๑ วัน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19278
(๒) พิธีทอดกฐิน
การทอดกฐินเป็นบุญพิเศษที่ทำได้ยากยิ่ง จัดเป็นการถวายสังฆทานชนิดหนึ่ง คือถวายแก่คณะสงฆ์โดยมิได้เฉพาะเจาะจงแก่พระภิกษุสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง โดยเป็นการถวายทานตามกาล เรียกว่า กาลทาน ตามพระธรรมวินัยกำหนดกาลไว้ คือ มีกำหนดเวลาถวายที่จำกัดเพียง ๑ เดือนหลังจากออกพรรษาแล้ว กล่าวคือ ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ โดยแต่ละวัดสามารถรับกฐินได้เพียงปีละครั้งเดียวเท่านั้น และจะต้องมีพระภิกษุสงฆ์อยู่จำพรรษาครบ ๕ รูปเป็นอย่างน้อย เพื่อให้ครบองค์สงฆ์ตามพระวินัยบัญญัติ
อ่านต่อจากที่นี่นะคะ...
พิธีการทอดกฐิน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=19697
ความหมายของธงกฐิน (อ.ชำนาญ นิศารัตน์)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=26063
ความหมายกฐิน (ท.เลียงพิบูลย์)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=43804
พระอยู่จำพรรษาองค์เดียว...ไม่ครบ ๕ องค์จะรับกฐินได้ไหม ?
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=83&t=61113
(๓) พิธีทอดผ้าป่า
การทอดผ้าป่า เป็นประเพณีการทำบุญอีกอย่างหนึ่งของพุทธศาสนิกชน คล้ายกับการทอดกฐิน แต่ไม่มีกำหนดระยะเวลาจํากัด คือสามารถทำได้ทุกฤดูกาล ไม่จำกัดเวลา คือทำได้ตลอดทั้งปี และวัดหนึ่งๆ ในแต่ละปีจะจัดให้มีการทอดผ้าป่ากี่ครั้งก็ได้เช่นกัน
อ่านต่อจากที่นี่นะคะ...
พิธีการทอดผ้าป่า
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=19683
(๔) ประเพณีเทศน์มหาชาติ
การเทศน์มหาชาติ เป็นบุญพิธีที่นิยมจัดให้มีกันมาแต่โบราณ นิยมทำกันหลังออกพรรษาพ้นหน้ากฐินแล้ว ในภาคอีสานนั้นนิยมทำกันในเดือน ๔ เรียกว่า งานบุญผะเหวด
ซึ่งเป็นช่วงที่เสร็จจากการทำบุญลานเอาข้าวเข้ายุ้ง ในภาคกลางบางท้องถิ่นทำกันในเดือน ๕ ต่อเดือน ๖ ก็มี บางแห่งนิยมทำกันในเดือน ๑๐ ส่วนทางดินแดนล้านนาทางภาคเหนือจะเรียกการเทศน์มหาชาติว่า
การตั้งธรรมหลวง
ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนยี่เพง
(ยี่เป็ง)
คือ วันเพ็ญเดือน ๑๒ เรื่องที่นำมาใช้ในการเทศน์มหาชาตินั้น เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเวสสันดร อันเป็นพระชาติสุดท้ายของพระบรมโพธิสัตว์ ก่อนที่จะมาประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และออกบวชจนตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อ่านต่อจากที่นี่นะคะ...
เวสสันดรชาดก และเทศน์มหาชาติ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=25632
อานิสงส์ในฟังเทศน์มหาชาติ (พระมหา ดร.ไสว เทวปุญฺโญ)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=44683
(๕) งานบั้งไฟพญานาค
หนึ่งในประเพณีอันลือลั่นที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและเป็นที่สนใจของคนไทยทั้งประเทศ ก็คือ งานบั้งไฟพญานาค บั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นใน วันออกพรรษา ของทุกๆ ปี ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ มีลักษณะเป็นดวงไฟพวยพุ่งขึ้นจากน้ำสู่อากาศ พุ่งสูงประมาณ ๒๐-๓๐ เมตร แล้วหายไปโดยไม่มีการโค้งตกลงมายังพื้นเช่นบั้งไฟทั่วๆ ไป ขนาดของบั้งไฟพญานาคนั้นมีตั้งแต่ขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือ ไปจนถึงขนาดเท่าไข่ห่านหรือผลส้ม
มีสีแดงอมชมพูออกสีบานเย็นหรือสีแดงทับทิม ไม่มีควัน ไม่มีเขม่า ไม่มีเปลว ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น จำนวนดวงไฟมีระหว่างหลายสิบถึงหลายพันลูกต่อคืน
บั้งไฟพญานาคจะเกิดขึ้นในเวลากลางคืน
โดยบั้งไฟจะเอนเข้าหาฝั่งหากขึ้นกลางแม่น้ำโขง แต่หากขึ้นริมฝั่งบั้งไฟจะเอนออกไปกลางแม่น้ำโขง คลื่นมนุษย์หลายแสนคนแห่กันไปชมบั้งไฟพญานาคที่สองริมฝั่งแม่น้ำโขง ทั้งฝั่งไทย จ.หนองคาย, จ.บึงกาฬ และฝั่งลาว
งานบั้งไฟพญานาคถือเป็นงานเทศกาลประเพณีที่ได้รับการยกย่องจากนิตยสารของอังกฤษว่า เป็น ๑ ใน ๕ กิจกรรมในประเทศไทยที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกไม่ควรพลาด
บั้งไฟพญานาคยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้แน่ชัด แต่มีคำอธิบายเป็น ๓ แนวทาง คือ ๑. เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติตามตำนาน...จริงหรือไม่ที่พญานาคกลั่นดวงประทีปเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ?? ๒. เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ๓. เป็นการกระทำของมนุษย์
อ่านต่อจากที่นี่นะคะ...
พญานาค กับ พระพุทธศาสนา (มมร.)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=26019
พระอริยสงฆ์ กับ พญานาค
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=35186
_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th