ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
โมทนาสาธุ
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 19 มิ.ย. 2008
ตอบ: 8
|
ตอบเมื่อ:
05 ก.ค.2008, 7:41 am |
  |
เคยมีความคิดว่าจะไปซื้อปลาที่ตลาด(ปลาที่กำลังจะถูกฆ่า)
เอามาปล่อย พอบอกใครต่อใครว่าอยากจะทำ คนรอบข้างส่วนใหญ่มักจะค้านไม่ให้ทำ
เค้าบอกว่าหากเราทำอย่างนั้น ต้องห้ามกินปลาโดยเด็ดขาดตลอดไป
เพราะเราอาจจะเผลอไปกินปลาตัวที่เราปล่อยไปจะยิ่งเป็นบาปหนักเข้าไปอีก
คนส่วนใหญ(รอบตัวเรา)่ไม่สนับสนุนให้เราทำ
แต่ตัวเองอยากทำเพราะถือว่าได้ช่วยชีวิตปลาซักตัวให้รอดจากการถูกฆ่า
น่าจะมีผลดีกว่า เลยลังเลค่ะ
กลัวก็กลัว อยากทำก็อยากทำ....
ช่วยบอกหน่อยค่ะว่าในทางที่ถูกต้องแล้ว ควรทำอย่างไร..... |
|
|
|
  |
 |
RARM
บัวบาน

เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417
|
ตอบเมื่อ:
05 ก.ค.2008, 7:58 am |
  |
สนับสนุนนะครับ
ปล่อยปลาเหมือนให้ชีวิตใหม่กับเค้า
เราได้บุญครับ
ทำให้มีอายุยืน
 |
|
|
|
  |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
05 ก.ค.2008, 9:42 pm |
  |
สนับสนุนอีกหนึ่งเสียงครับ
ช่วยชีวิตสัตว์ก็คือทำบุญครับ แต่ดูสถานที่ที่เอาไปปล่อยด้วยนะครับ
เพื่อที่จะให้เค้าไม่ต้องอยู่อย่างลำบาก
ฟังๆคนรอบข้างพูด แล้วนำมาพิจารณาดู
รู้สึกไม่สมเหตุสมผลน่ะครับ ตามหลักพุทธศาสนา
เกี่ยวไรกับห้ามกินปลาตลอดชีวิต
อีกอย่างพุทธศาสนาไม่เคยบอกว่า ช่วยชีวิตสัตว์ แล้ววันนึงทานเนื้อสัตว์นั้นแล้วจะบาป เว้นแต่การฆ่านะครับ
เชื่อพระพุทธเจ้าครับ คนรอบข้างใช่ว่าจะรู้จริง ใช่ว่าจะรู้ผิดถูกทุกเรื่อง
ปล ขออนุโมทนาส่วนบุญด้วยนะครับ ขอยกย่องคนทำดี |
|
|
|
    |
 |
โมทนาสาธุ
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 19 มิ.ย. 2008
ตอบ: 8
|
ตอบเมื่อ:
06 ก.ค.2008, 6:50 am |
  |
ขอบคุณมากค่ะ
สาธุ....  |
|
|
|
  |
 |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
06 ก.ค.2008, 3:28 pm |
  |
โมทนาสาธุ พิมพ์ว่า: |
เคยมีความคิดว่าจะไปซื้อปลาที่ตลาด(ปลาที่กำลังจะถูกฆ่า)
เอามาปล่อย พอบอกใครต่อใครว่าอยากจะทำ คนรอบข้างส่วนใหญ่มักจะค้านไม่ให้ทำ
เค้าบอกว่าหากเราทำอย่างนั้น ต้องห้ามกินปลาโดยเด็ดขาดตลอดไป
เพราะเราอาจจะเผลอไปกินปลาตัวที่เราปล่อยไปจะยิ่งเป็นบาปหนักเข้าไปอีก
คนส่วนใหญ(รอบตัวเรา)่ไม่สนับสนุนให้เราทำ
แต่ตัวเองอยากทำเพราะถือว่าได้ช่วยชีวิตปลาซักตัวให้รอดจากการถูกฆ่า
น่าจะมีผลดีกว่า เลยลังเลค่ะ
กลัวก็กลัว อยากทำก็อยากทำ....
ช่วยบอกหน่อยค่ะว่าในทางที่ถูกต้องแล้ว ควรทำอย่างไร..... |
ถ้าจิตคิดว่าเป็นกุศล ปล่อยปลาออกไปก็ได้บุญ
ถ้าจิตคิดเป็นอกุศล ปล่อยบลาก็ไม่ได้บุญ อาจได้บาปแทนด้วย
เคยมีหนังเรื่องหนึ่งชื่อconstantin พระเอกเคยฆ่าตัวตาย เลยตกนรก แต่เขาโดนแพทย์ช่วยเอาไว้
เลยไม่ตาย เขารีบทำบุญโดยการช่วยผู้คนขับไล่ผีปีศาจ เขาหวังจะได้ขึ้นสวรรค์ แต่พระเจ้าก็ไม่รับเขา
ขึ้นสวรรค์ ตอนหลังเขาสู้กับลูกซาตาน และเทพที่ชัวร้าย ที่พยายามเอาวิญญาณหญิงคนหนึ่งไป
เขาสู้ไม่ได้ เลยเชือดข้อมือตาย หวังเรียกซาตานออกมา เพื่อเขาจะได้บอกความจริงว่า อาณาจักร
ของซาตานจะถูกแย่งแล้ว ซาตานก็ออกมาจริงๆ เพื่อเอาวิญญาณเขาลงนรก และกำจัดลูกซาตาน
กับเทพที่ขั่วร้าย การกระทำเชือดข้อมือตายของเขา แทนที่จะเป็นบาป กลับกลายเป็นบุญไป
ซาตานเอาเขาลงนรกไม่ได้ แต่ซาตานก็ไม่ยอมให้เขาขึ้นสวรรค์ ซาตานเลยคืนวิญญาณให้เขากลับร่างเดิมไป
บาปบุญไม่ใช่อยู่ที่การกระทำ อยู่ที่จิตมีเจตนาอะไรตอนที่กระทำ ถ้าเจตนาคือการเสียสละ
ย่อมมีสวรรค์เป็นที่ไป ถ้าเจตนาอกุศล ก็เป็นบาป
วิญญาณผู้หญิงคนหนึ่ง เคยขายตัวเพื่อจะได้เงินไปจ่ายค่าเทอมลูก และเอาไปจ่ายค่ายาและค่าอาหาร
ในบ้าน เพราะสามีพิการ การขายตัว ถือเป็นการผิดศีลข้อกาเม แต่พระยายมราชกลับให้ผู้หญิง
คนนี้ขึ้นสวรรค์ เรื่องนี้แม่ชีคนหนึ่งที่ถอดจิตได้ ท่านได้เล่าให้ฟัง |
|
|
|
  |
 |
ช้างชูธง
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 18 พ.ค. 2007
ตอบ: 50
|
ตอบเมื่อ:
07 ก.ค.2008, 9:36 am |
  |
"เหตุใดจึงไม่โปรดเสวยปลานิล" มีใจความว่า..
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่โปรดเสวยปลานิล
ทุกครั้งที่มีผู้นำปลานิลไปตั้งเครื่องเสวย
จะโบกพระหัตถ์ให้ย้ายไปไว้ที่อื่น โดยไม่รับสั่งอะไรเลย
จนวันหนึ่งมีผู้กล้าหาญชาญชัยกราบบังคมทูลถามว่า
เพราะเหตุใดจึงไม่โปรดเสวยปลานิล มีรับสั่งว่า
ก็เลี้ยงเขามาเหมือนลูก แล้วจะกินเขาได้อย่างไร
เรื่องนี้มีตำนาน เชิญอ่าน
20 ปีก่อน ราวพุทธศักราช 2524 แรกครั้ง
พระจักรพรรดิอากิฮิโต แห่งญี่ปุ่น ยังทรงฐานันดรศักดิ์เป็นมกุฎราชกุมาร
ได้ส่งปลานิลทางเครื่องบินจำนวน 100 ตัวมาทูลเกล้าฯ ถวายในหลวง ปรากฏว่า เมื่อเดินทางมาถึงเมืองไทย ปลาตายเกือบหมด เหลือรอดแบบใกล้ตายเพียง 10 ตัว
ในหลวงทรงเป็นห่วงเป็นใยปลานิลเหล่านี้ จึงมีพระราชกระแสรับสั่งให้นำ ไปไว้ในพระที่นั่ง ทรงเลี้ยงอย่างประคบประหงม ให้อาหารด้วยพระองค์เอง จนปลานิลทั้ง 10 ตัวรอดชีวิต
แล้วปลานิลทั้ง 10 ตัว ได้สนองพระเดชพระคุณแพร่พันธุ์ไปอีกมากมาย
ตามพระราชประสงค์เป็นอาหารคนไทย 62 ล้านคน มาจนถึงทุกวันนี้
**********************
อันนี้ขึ้นอยู่กับสภาพระดับจิตสำนึกของแต่ละท่านไม่เหมือนกัน
เสนอไว้พิจารณา |
|
|
|
  |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
08 ก.ค.2008, 9:01 am |
  |
ในหลวงท่านทรงมีพระเมตตาต่อ ปลานิล
เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชนครับ
ว่าถ้ารักเขาเหมือนลูก ก็ควรมีเมตตาต่อเขา
ส่วน คุณ จขกท ถ้าคุณปล่อยปลาแล้วคิดว่า ไม่ควรทานเนื้อเขา
ก็ไม่ควรทานครับ เพื่อความสบายใจ
แต่ถ้าไม่คิดอะไรก็ทานไปเถอะครับ (สำหรับเนื้อปลาที่ตายแล้ว
ไม่ได้เจาะจงฆ่าให้เรา)
ทานอะไรไม่สำคัญเท่ากับทานอย่างไรให้กิเลสน้อยลงครับ |
|
|
|
    |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
11 ก.ค.2008, 2:57 am |
  |
โมทนาสาธุ พิมพ์ว่า: |
เคยมีความคิดว่าจะไปซื้อปลาที่ตลาด(ปลาที่กำลังจะถูกฆ่า)
เอามาปล่อย พอบอกใครต่อใครว่าอยากจะทำ คนรอบข้างส่วนใหญ่มักจะค้านไม่ให้ทำ
เค้าบอกว่าหากเราทำอย่างนั้น ต้องห้ามกินปลาโดยเด็ดขาดตลอดไป
เพราะเราอาจจะเผลอไปกินปลาตัวที่เราปล่อยไปจะยิ่งเป็นบาปหนักเข้าไปอีก
คนส่วนใหญ(รอบตัวเรา)่ไม่สนับสนุนให้เราทำ
แต่ตัวเองอยากทำเพราะถือว่าได้ช่วยชีวิตปลาซักตัวให้รอดจากการถูกฆ่า
น่าจะมีผลดีกว่า เลยลังเลค่ะ
กลัวก็กลัว อยากทำก็อยากทำ....
ช่วยบอกหน่อยค่ะว่าในทางที่ถูกต้องแล้ว ควรทำอย่างไร..... |
มันก็ล่อแปลมนะ ผมฟันธงไม่ถูก
แต่ถ้าจะเทียบเคียงความตาม ชีวกสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=13&A=950&Z=1043
แต่ถ้าเรามีส่วน เป็นเหตุ ให้เกิดการฆาตกรรมขึ้น เราก็บาป
เช่น เรารู้ทั้งรู้ว่า เขาจับปลามาขาย ให้เราปล่อย
แปลว่า เราเป็นเหตุ ... เขาจึงจับปลามา ....
เมื่อทราบดังนั้น ไม่ควรทำให้วงจรนี้มันสมบูรณ์
หากเราเป็นเหตุ เราต้องหยุด
ถ้าปลามันเผลอหลุดมาในน้ำท่วม หรือมีเหตุปกติธรรมดา
ทำให้เราต้องช่วยเหลือ อันนี้ไม่บาป เป็นบุญ
แต่ซื้อเพราะเขากำลังจะฆ่าปลา
เราเลยไปซื้อปลามา เป็นเหตุให้ปลาตัวต่อไปถึงฆาตร
ทั้งๆที่มันอาจจะรอดก็ได้ อาจจะตายด้วยวิธีอื่นก็ได้
แต่เราดันเข้าไปเป็นเหตุเสียแล้ว
ทางที่ดีที่สุด คืออย่าไปอยู่ในวงจรนั้น โดยเฉพาะเมื่อเราเป็นเหตุ
ส่วนการกินปลา
ก็ลองอ่านชีวกสูตรที่แนะให้น่ะคับ มันละเอียดมากทีเดียว |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
บัวหิมะ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
|
ตอบเมื่อ:
13 ส.ค. 2008, 9:52 pm |
  |
ช้างชูธง พิมพ์ว่า: |
"เหตุใดจึงไม่โปรดเสวยปลานิล" มีใจความว่า..
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่โปรดเสวยปลานิล
ทุกครั้งที่มีผู้นำปลานิลไปตั้งเครื่องเสวย
จะโบกพระหัตถ์ให้ย้ายไปไว้ที่อื่น โดยไม่รับสั่งอะไรเลย
จนวันหนึ่งมีผู้กล้าหาญชาญชัยกราบบังคมทูลถามว่า
เพราะเหตุใดจึงไม่โปรดเสวยปลานิล มีรับสั่งว่า
ก็เลี้ยงเขามาเหมือนลูก แล้วจะกินเขาได้อย่างไร
เรื่องนี้มีตำนาน เชิญอ่าน
20 ปีก่อน ราวพุทธศักราช 2524 แรกครั้ง
พระจักรพรรดิอากิฮิโต แห่งญี่ปุ่น ยังทรงฐานันดรศักดิ์เป็นมกุฎราชกุมาร
ได้ส่งปลานิลทางเครื่องบินจำนวน 100 ตัวมาทูลเกล้าฯ ถวายในหลวง ปรากฏว่า เมื่อเดินทางมาถึงเมืองไทย ปลาตายเกือบหมด เหลือรอดแบบใกล้ตายเพียง 10 ตัว
ในหลวงทรงเป็นห่วงเป็นใยปลานิลเหล่านี้ จึงมีพระราชกระแสรับสั่งให้นำ ไปไว้ในพระที่นั่ง ทรงเลี้ยงอย่างประคบประหงม ให้อาหารด้วยพระองค์เอง จนปลานิลทั้ง 10 ตัวรอดชีวิต
แล้วปลานิลทั้ง 10 ตัว ได้สนองพระเดชพระคุณแพร่พันธุ์ไปอีกมากมาย
ตามพระราชประสงค์เป็นอาหารคนไทย 62 ล้านคน มาจนถึงทุกวันนี้
**********************
อันนี้ขึ้นอยู่กับสภาพระดับจิตสำนึกของแต่ละท่านไม่เหมือนกัน
เสนอไว้พิจารณา |
- ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน เทอญ
อนุโมทนาบุญ กับ คุณช้างชูธง ที่นำเรื่องดี ๆ มาเล่าสู่กันฟัง
บัวหิมะ จะเก็บไว้เล่าสู่กันฟัง ต่อ ๆ ไป จ้า  |
|
_________________ ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ |
|
  |
 |
บัวหิมะ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
|
ตอบเมื่อ:
13 ส.ค. 2008, 10:12 pm |
  |
คุณ โมทนาสาธุ
อยากแนะนำว่า ถ้าเลือกได้ ก็เลือกปลาชนิดที่เราไม่รับประทาน ไปปล่อย จะได้ไม่ห่วงว่าจะไปงาบเขาอีก แต่ถ้าเลือกไม่ได้ เจออะไรก็ซื้อไปปล่อยเถอะ ในเมื่อคิดจะทำบุญแล้วนี่นา บัวหิมะเคย ไปตลาดกะจะซื้อเต่าไปปล่อยแค่ 3 ตัว พอเห็นตัวที่เหลือในกะละมังแล้ว อดสงสารไม่ได้ เค้าส่งสายตายืดคอยาว มาหาเรา สรุป ว่าต้องเหมาหมด 9 ตัว เกือบหมดกระเป๋าแน่ะ อ้อ ที่แนะให้เลือกบ่อยสัตว์ที่เราไม่รับประทาน เพราะ คิดเอาตัวเองเป็นตัวอย่าง เนื่องจากสมัยเด็ก ๆ ชอบรับประทานปลาดุก ม๊าก..มาก แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณแม่พาไปปล่อยสัตว์ ด้วย มันอยู่ในกล่องไม้ รวมกัน 2-3 ชนิด ความที่เราเป็นเด็ก ให้ปล่อยก็ปล่อยเทลงน้ำไปเลย (อ้อไม่ถึง"เลย"แค่น้ำพอง) แล้วคุณแม่มาบอกทีหลังว่า ห้ามทานปลาไหล, ปลาดุก นะ เพราะเราปล่อยเค้าแล้ว เสร็จเลย อดของอร่อย ๆ ไปอีก 1 อย่าง ปัจจุบัน ก็ไม่ได้เข้าไปเฉียดคุณปลาดุก อีกเลย จ้า ส่วน คุณปลาไหล นั้น ข้าพเจ้าไม่เคยนำเข้าปากมาก่อนอยู่แล้ว จบ
แค่อยากเล่าให้ฟังบ้าง อมิตพุทธ  |
|
_________________ ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ |
|
  |
 |
dd
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2008
ตอบ: 179
ที่อยู่ (จังหวัด): overseas
|
ตอบเมื่อ:
14 ส.ค. 2008, 2:23 pm |
  |
น้องมีเจตนาช่วยชีวิตปลาเป็นมหากุศลจิตเพราะประกอบด้วยเมตตากรุณา มีอานิสงค์ทีดีคือมีชีวิตยืนยาว ไม่ตายโหง
ความเชื่อเรื่องห้ามกิน เนื้อปลาที่ปล่อยเป็นเรื่องของ "สีลัพตปรามาส" (= ความยึดถือว่าบุคคลจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้ด้วยศีลและวัตร) ที่ ลัทธินอกพุทธศาสนากำหนดขึ้นเพื่อความเด่นในข้อปฏิบัตรของตน ในเรื่องการบริโภคเนื้อสัตว์ พระพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้เป็นแนวทางแล้ว ขอให้น้องสบายใจได้ว่า การปล่อยปลาและกินปลานั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด
เพื่อความเข้าใจเรื่องกินเนื้อสัตว์ ลองดูที่นี่ครับ
http://larndham.net/index.php?showtopic=27639&st=0
อนุโมทนาครับ
 |
|
_________________ ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ |
|
  |
 |
natdanai
บัวบาน

เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok
|
ตอบเมื่อ:
14 ส.ค. 2008, 4:21 pm |
  |
ดูเจตนาเถอะครับ...  |
|
_________________ ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง |
|
    |
 |
ZERO
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 01 ต.ค. 2008
ตอบ: 18
ที่อยู่ (จังหวัด): เชียงราย
|
ตอบเมื่อ:
05 ต.ค.2008, 7:24 am |
  |
จิตยังไมั่นคงนี่นะ ยึดพระรัตนไตรไปเลยตลอดชีวิตนี้น่ะ ไม่มีอะไรเสมอเหมือนแล้ว พระพุทธเจ้าตั้งไว้ว่า เนื้อที่เราสั่งเราเห็นเรารู้กินเข้าไปจึงมีผลเป็นบาป อีกประการหนึ่งนะใครไปห้ามคนทำบุญน่ะเขาเรียกพวกขัดผล ต่อไปตนเองจะได้ในสิ่งที่สมควรได้ก็จะมีอันพลาดไปหมดเรื่องนี้มีตัวอย่างในพุทธกาล |
|
_________________ เราเป็นทรัพย์ของโลก |
|
   |
 |
|