Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เห็นแสง.....เห็นนิมิต....เป็นกิเลส หรือไม่ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
visanu_te
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 พ.ย.2004, 3:20 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มีคนเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า มีผู้กล่าวว่าการทำสมาธิแล้วบังเกิดความสว่างหรือเห็นแสงสว่างนั้นไม่ดี เพราะเป็นกิเลส มืดๆ จึงจะดี หลวงพ่อท่านกล่าวว่า "ที่ว่าเป็นกิเลสก็ถูกแต่เบื้องแรกต้องอาศัยกิเลสไปละกิเลส (อาศัยกิเลสส่วนละเอียดไปละกิเลสส่วนหยาบ) แต่ไม่ได้ให้ติดในแสงสว่างหรือหลงแสงสว่าง แต่ให้ใช้แสงสว่างให้ถูก ให้เป็นประโยชน์ เหมือนอย่างกับเราเดินผ่านไปในที่มืดต้องใช้แสงไฟหรือจะข้ามแม่น้ำ มหาสมุทรก็ต้องอาศัยเรือ อาศัยแพ แต่เมื่อถึงฝั่งแล้วก็ไม่ได้แบกเรือแบกแพขึ้นฝั่งไป" แสงสว่างอันเป็นผลจากการเจริญสมาธิก็เช่นกัน ผู้มีสติปัญญา สามารถใช้เพื่อให้เกิดปัญญาอันเป็นแสงสว่างภายใน ที่ไม่มีแสงใดเสมอเหมือนดังธรรมที่ว่า "นัตถิ ปัญญา สมา อาภา แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี"
 
visanu_te
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 พ.ย.2004, 3:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ธรรมะของหลวงปู่ดู่
 
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 13 พ.ย.2004, 5:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 13 พ.ย.2004, 7:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระพุทธรูปภาพแรก งดงามมากค่ะ



ธรรมะจากหลวงปู่ดู่ เป็นธรรมะที่กล่าวถึงสภาวะธรรมที่เข้าไปเห็นการทำงานของจิต การเกิดดับของจิตอย่างแท้จริง เป็นไปตามความจริงดังที่ท่านกล่าวค่ะ



สาธุค่ะ...สำหรับคุณวิษณุที่ได้หาธรรมะปฏิบัติมาโพสให้ผู้ปฏิบัติได้ศึกษากัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
sa-ard
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 03 มิ.ย. 2004
ตอบ: 32

ตอบตอบเมื่อ: 14 พ.ย.2004, 8:01 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุครับ

ผู้มีปัญญาเห็นประโยชน์ เห็นทาง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
TU
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 1589

ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2004, 9:20 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวYahoo Messenger
สำเร็จ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2004, 3:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การเห็นแสงสว่างในการปฏิบัติ ท่านเรียกว่า อุปกิเลส

อุปกิเลสมีจริงๆ 10 อย่าง....มักถามกันบ่อยๆ...ถามทีละอย่าง

เป็นเครื่องชี้ว่า...เดินมาถูกทาง..ทุกคนจะต้องพบ



แต่ขึ้นชื่อว่ากิเลส..ไม่ใช่สิ่งดี..

การปฏิบัติต่อไปเรื่อยๆ..จะละอุปกิเลสได้





อันนี้เป็นแนวทางปฏิบัติ...

ถ้าไม่เข้าใจ..ก็จะนึกว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษไปแล้ว..

ก็พออกพอใจ....ไม่ก้าวหน้าต่อไปได้



สุดท้ายของการปฏิบัติ...ต้องเห็นไตรลักษณ์...(เอาไว้ว่ากันอีกที)

 
โอ่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2004, 3:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อุปกิเลสทำให้หลง ทำให้ชะงัก เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเป็นอย่างนั้น นิมิตไม่ได้เป็นอุปกิเลสทั้งหมด แต่นิมิตเป็นการรู้เห็นในภพภูมิอื่นก็มี ซึ่งมิใช่ทางหลุดพ้น แต่ได้เห็นได้รู้ก็ดี เพราะรู้เห็นแล้วคนปฏิบัติมาถึงขั้นนี้แล้วไม่หลงก้บหูทิพย์ตาทิพย์หรอก เป็นวาสนาของเขาเขาก็ย่อมเห็น คนไม่มีวาสนาก็ไม่เห็น เพราะไม่สร้างบารมีมาแต่อดีต
 
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 01 ต.ค.2008, 9:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

น่าสนใจดีครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 03 ต.ค.2008, 7:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เห็นแสงสว่าง แล้วเราเสียสมาธิ หรือทำสมาธิได้นิ่งขึ้นล่ะ ผมก็เห็นแสงสว่าง
ประจำ แต่ไม่ได้ไปสนใจมัน ทำจิตนิ่งอยุ่ในแสงนั้น
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
walaiporn
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 04 ต.ค.2008, 10:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เป็นทั้งกิเลสและไม่เป็นกิเลส

เป็นกิเลสเพราะ เมื่อเกิดโอภาสแล้ว อยากให้เกิดอีก อยากเห็นอีก นี่เรียกว่ากิเลส เพราะมีความอยาก

แต่ถ้าหากเกิดโอภาส เห็นแล้วเฉยๆ ไม่สนใจ ไม่ให้ความหมายต่อสิ่งที่เห็น เมื่อนำมาพิจรณาก็เห็นถึงความไม่เที่ยงของโอภาสนั้นๆหรือสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นๆ เพียงแค่ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น อันนี้ก็จะไม่เป็นกิเลส เพราะไม่ได้มีความอยากให้เกิดขึ้น หรืออยากเห็น
 

_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง