ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
คนเห็นนิมิต
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
11 ม.ค. 2005, 10:30 pm |
  |
ปกติผมนั่งจะมีนิมิตเป็นดวง ๆ สี ๆ ซึ่งบอกไว้ให้เห็นความแตกต่างนะครับ
ซึ่งนั่งทุกครั้งก็จะมีอย่างนี้
แต่มีครั้งหนึ่งประมาณ สองสามวันก่อน นั่งแล้วเห็นเป็นภาพ ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว
คือ
เห็นภาพค่อย ๆ ชัดขึ้น เป็น
อ่างน้ำ ขนาดเท่าอ่างบัวที่ตั้งไว้หน้าบ้าน
เป็นอ่างหิน มีรูปแกะสลักราชสีห์รอบ ๆ ลวดลายเป็นลักษณะขอมหรืออินเดียโบราณ
ในอ่างเหมือนมีน้ำเต็มขอบพอดี ๆ ไม่แน่ใจ
สักอึดใจก็ผิวก็กระเพื่อมเหมือนมีคนเอาอะไรไปจุ่มเบา ๆ
แต่ผมไม่แน่ใจนะครับว่า จะเป็นน้ำในอ่าง หรือทั้งภาพกระเพื่อม น่าจะเป็นภาพมากกว่า
แล้วก็หายไป
ปกตินิมิตมันเป็นที่ใจปรุงแต่งขึ้นมาอันนี้เข้าใจ
แต่แปลกตรงที่ ผมไม่เคยนึกอยากเห็นลักษณะนี้ และไม่มีสัญญาเกี่ยวกับอันนี้เลย
และไม่เคยมีนิมิตเป็นภาพมาก่อน
เป็นไปได้ไหมว่า เป็นนิมิตบอกลาง? อยากให้ผ้รู้ช่วยแปลนะครับ
น่าจะเป็นนิมิตที่ดี
|
|
|
|
|
 |
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
12 ม.ค. 2005, 5:16 am |
  |
ภาพนิมิตแบบนี้อาจปรุงแต่งขึ้นมาได้ แต่ผมมีความเห็นว่าเป็นภาพนิมิตที่สิ่งอื่นทำให้เกิดขึ้นและเราเห็น อย่าได้ไปสนใจมากนักว่าทำไมจึงเกิดขึ้น
ภาพนิมิตที่ชัดเจนจะเกิดขึ้นในลักษณะนี้ ไม่จำเป็นต้องไปแก้อะไร เพราะจะไม่เกิดซ้ำแบบเดิม แต่ถ้าเกิดซ้ำอยู่เสมอเป็นประจำ อันนั้นเป็นเรื่องบอกเหตุที่สำคัญของชีวิตไว้ให้เป็นเช่นนั้นก่อนจึงจะมีปัญหาที่จำต้องแก้ไข
แต่เท่าที่ฟังมายังไม่มีปัญหาอะไรเลย ปัญหาก็คือการเห็นแสงสีต่างๆมากบ้างน้อยบ้าง สาเหตุเพราะคุณไปเงมัน การภาวนาเมื่อจิตสงบเล็กน้อย การไปเพ่งย่อมเห็นทั้งนั้น เมื่อเห็นแล้วจิตไม่สงบ เพราะภาพแบบนี้รบกวนใจ การภาวนาก็ไม่ไปข้างหน้า เพราะเมื่อเห็นนิมิตแทนที่คุณจะมีสติว่ากำลังเห็นนั้นทำไม่ได้ใช่ไหม? คุณไม่ได้ระลึกเสียด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังเห็นอยู่ คุณไปนึกอยากรู้ภาพนั้น เพราะจิตสังขารมีธรรมชาติมักจะปรุงแต่งไปเช่นนั้น
ดังนั้นจึงไม่ควรใส่ใจในนิมิต เพราะเป็นโทษดังที่กล่าวมา แต่สนใจความรู้ตัวของสติ ถ้ากำหนดลมหายใจระลึกที่ลมหายใจ ความเพ่งมองภาพก็ลดลงไปในที่สุดสติมาอยู่ที่ลมหายใจทั้งหมด นิมิตก็หายไป แต่การกำหนดสติที่ลมหายใจนั้นอาจยาก ถ้ามีความอยากเห็นนิมิตยังเกิดขึ้น
เมื่อจิตสงบได้ที่จริงๆตั้งมั่นแล้ว การกำหนดเห็นก็เป็นอำนาจของเราเอง ไม่ใฃ่อำนาจของนิมิตที่เราควบคุมอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ตามนิมิตอื่นๆก็ยังมียู่เป็นบางครั้ง นิมิตเป็นเรื่องปกติ อย่าไปใส่ใจมากเท่านั้น มันก็หายไปเอง และไม่อยู่ได้นาน แต่ถ้าเป็นเรื่องปรากฏซ้ำๆ จะเกี่ยวข้องกับวิบากอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะมีขึ้นในอนาคต มาเตือนให้เราอย่าประมาทในธรรมที่ปฏิบัติ
ภาพอ่างน้ำและน้ำใสใช่หรือไม่ ถ้าคุณมีสติดีมีสัมปชัญญะรู้ตัวในขณะนั้น น้ำในอ่างที่คุณเห็นจะไม่กระเพื่อม คุณอธิษฐานจิตด้วยการมีสติ น้ำนั้นจะใสยิ่งขึ้น ความเป็นน้ำนั้นจะหายไป และภาพที่คุณต้องการเห็น จะปรากฏด้วยทิพยจักษุ ถ้าคุณไม่ทำสติสัมปชัญญะให้ชำนาญ และไม่สนใจในทิพย์จักษุ เมื่อคุณมีจิตสงบก็รู้เรื่องต่างๆเป็นครั้งคราวในอุปจารสมาธิ แต่ไม่มากไม่นาน และปล่อยวางมันไป
เมื่อได้ตติยฌานก็เห็นความเกิดดับของสัตว์ในภูมิต่างๆได้ และโอกาสเช่นนั้นมีอยู่ แต่ชีวิตในโลกไม่สงบด้วยกาม ลองฝึกอสุภดูว่าจะทำสมาธิดีขึ้นหรือไม่ |
|
|
|
|
 |
จขกท
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 ม.ค. 2005, 12:00 am |
  |
เป็นคำแนะนำที่มีประโยชน์มากครับ
ผมเป็นราคะจริต ก็กะฝึกเหมือนกัน
ที่ผมเห็นแสงสี มีปัญหาอยู่ตรงว่าผมตีความไม่ออกว่า ประคองสมาธิเป็นอย่างไร
เมื่อวาน ผมลองยืน ๆ ดู สักพักสมาธิเกิด เห็นแสงสี
ผมก็ลองประคองเดินพร้อมกับแสงสีดูด้วยการหลับตา
มีผลเสียอย่างไรไหมครับ
นิมิตที่เล่าเป็ฯภาพ เกิดหนเดียวครับ ถึงแปลกใจ |
|
|
|
|
 |
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 ม.ค. 2005, 4:47 pm |
  |
ผมก็ไม่ได้มีความรู้ที่จะแนะนำนะครับ แต่ก็ควรทดลองดังนี้ดู
1 ก่อนภาวนาลองหัดสวดมนต์แบบทำวัตรเช้า เย็นลองดู
2 ลองแผ่กุศล หรือสวดอุทิศส่วนกุศล หลังการภาวนา และอาจสวดแผ่เมตตาดูหลังการภาวนา หรือขณะที่นั่งภาวนาแล้วเห็นอะไรลองดูว่าจะเป็นยังไง สวดในใจปากขมุบขมิบก็ได้
3 ผมไม่ทราบวิธีการภาวนาว่าคุณปฏิบัติอย่างไร และสภาวจิตใจขณะภาวนาเป็นอย่างไร
4 คุณลองภาวนาเจริญกายคตาสติดูก่อน และช่วยเล่าให้ผมฟัง ทั้งผลและวิธีการที่คุณเจริญภาวนาด้วย
5 ถ้าคุณดูลมหายใจ ก่อนภาวนาตั้งใจให้แน่วแน่ว่าจะไม่วอกแวกและอยู่กับลมหายใจให้ได้ (นี่เป็นวิธีการอธิษฐานจิตคือตั้งใจเอาเอง ใจก็จะเข้มแข็งเอง อาจจะแปลกแต่เป็นอย่างนั้นแหละ) ก้อาจจะตั้งใจดูลมหายใจ แม้นิมิตจะเกิดแวบไปแวบมาก็ช่างเขา
6 เมื่อคุณสนใจนิมิตอยู่ นั่นแสดงว่าคุณมีวิจิกิจฉา เพราะคุณสงสัยจึงอยากรู้ว่านิมิตเป็นอะไร และอาจคาดหมายว่าจะมีคุณวิเศษ แม้คนบอกไม่ให้สนใจคุณก็จะไม่เชื่อ เพราะนิมิตปรากฏให้คุณเห็น คุณภาวนาให้มากก็ได้ ในที่สุดแล้วนิมิตนั้นก็ไม่มีประโยชน์ คุณก็จะเบื่อและเลิกสนใจ แต่คุณก็เสียเวลากับนิมิตนั้น เวลาของเราในโลกมีค่าใช่หรือไม่ ถ้าคุณสนใจสิ่งไร้สาระในองค์ภาวนา คุณก็จะเสียเวลาของคุณเอง คุณต้องเตือนตัวเอง เพราะจะไม่มีใครมาดูแลเอาใจใส่คุณได้ คุณต้องฝึกตนเองในการไม่ตกไปในสิ่งที่จะทำให้เกิดความลุ่มหลงมากเกินไป เพราะจะเป็นทางที่ไม่สำเร็จในกิจที่ทำ หรือเนิ่นช้ามากได้ ผมก็แนะนำได้ไม่มาก ก็ได้แค่นี้แหละครับ |
|
|
|
|
 |
จขกท
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 ม.ค. 2005, 11:31 pm |
  |
๑. ก่อนนั่งผมจะสวดมนต์ก่อนนะครับ แล้วก็แผ่เมตตาด้วย
๒. ภาวนาผมก็บางทีก็พุทธโธ บางทีก็นับเลข ตอนหลังจะนับเลขแบบนับขึ้นไปเรื่อย ๆ
จนหลายร้อย เพราะ ก่อนนี้ประสบปัญหาคือ ถึงขั้นหนึ่งแล้วจะไม่รู้ตัว ขนาดนับยังไม่ถึงสิบเลยครับแต่ก่อน เลยฝึกสติไปด้วย
๔. ทำไงครับ
ข้อสุดท้าย นิมิตที่ผมสังเกตได้นะครับ ความต่างคือ ถ้าเป็นนิมิตที่ใจสังขาร มันจะเลือน ๆ ก่อน เช่นอาจเห็นคล้ายๆ หน้าคน ก็เพ่งจะดูว่าหน้าคนอะไร
แต่ข้อนิมิตที่ผมบอกต่างกันมากเลยครับ
เพราะหน้าคนที่ผมยกตัวอย่าง สมาธิผมยังไม่ถึง เลยเห็นลางสุดขีดเรียกว่าจะเป็นหน้าก็ได้หรือไม่ก็ได้ แล้วก็เลือนหายทั้งที่ยังไม่เป็นภาพเลย
นิมิตที่ผมยกมาถาม ต่างกันเพราะเป็นภาพชั่วขณะ คมชัด
ผมเลยสงสัยมาก ขอบคุณครับ |
|
|
|
|
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
01 ต.ค.2008, 9:13 pm |
  |
|
   |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
02 ต.ค.2008, 1:46 am |
  |
นิมิต มีไว้ให้รู้อย่างเดียว
ไม่ได้มีไว้ให้เชื่อ
เชื่อไปแล้วมันบ้ากันทุกคน
(จำๆมาว่าอย่างนั้นนะ) |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
|