Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พุทธทำนายที่ถูกลืม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ย. 2008, 2:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต

สเจ อานนฺท นาลภิสฺส มาตุคาโม ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย
อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชํ จิรฏฺฐิติกํ อานนฺท พฺรหฺมจริยํ อภวิสฺส
วสฺสสหสฺสเมว สทฺธมฺโม ติฏฺเฐยฺย ยโต จ โข อานนฺท มาตุคาโม
ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต นทานิ
อานนฺท พฺรหฺมจริยํ จิรฏฐิติกํ ภวิสฺสติ ปญฺเจวทาน


ดูกรอานนท์ หากมาตุคาม(เพศหญิง)จักไม่ได้ออกบวชเป็นบรรพชิต(นักบวช)ใน
ธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว พรหมจรรย์ก็ยังจะตั้งอยู่ได้นาน สัทธรรมพึงดำรง
อยู่ได้ ๑,๐๐๐ ปี แต่เพราะ มาตุคามออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัย ที่ตถาคตประกาศแล้ว พรหมจรรย์จะไม่ตั้งอยู่นาน ทั้งสัทธรรมก็จักดำรงอยู่เพียง ๕๐๐ ปี


อนึ่ง พระอรหันต์ขีณาสพ 500 รูป รวมทั้งพระอานนท์ และพระมหากัสสป พวกท่านต่างยอมรับในคัมภีร์มหายาน(มหาสังฆกวาท)ในปฐมสังคายนา แต่สมมุติสงฆ์ไปเก่งกว่าพระอรหันต์ ให้พวกตนเข้าร่วมสังคายนาได้ และไม่ยอมรับคัมภีร์ต่างๆของมหายาน
(มหาสังฆกวาท)ในการสังคายนาครั้งที่ 2 ศาสนาพุทธเลยแตกแยกเป็น 2 นิกาย

พระสัทธรรมสูงสุดคือ พระพุทธเจ้าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ที่มหายานเรียกว่า
อาทิพุทธเจ้า พระไวโรจนพุทธเจ้า หรือพระสยัมภูพุทธเจ้า นั่นเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่
สมมุติสงฆ์ไม่มีทางเข้าใจ มีแต่พระอรหันต์ขีณาสพเท่านั้นท่านเข้าใจ นี่จึงทำให้
พระสัทธรรมสูงสุดถูกบิดเบือนไปเรื่อยๆโดยสมมุติสงฆ์ของเรา บิดเบือนมาแล้ว
2000 ปี ตรงตามพุทธทำนายว่า พระสัทธรรมจะคงอยู่เพียง 500 ปี
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ย. 2008, 2:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต






วรรคที่ไม่ได้สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์
สันธานวรรคที่ ๑
โคตมีสูตร
[๑๔๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ นิโครธาราม ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์
แคว้นสักกะ ครั้งนั้นแล พระนางมหาปชาบดีโคตมีเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ ทรงถวายบังคมแล้ว ................นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว
ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระนางมหาปชาบดีโคตมี
ทรงยอมรับครุธรรม ๘ ประการไม่ก้าวล่วงจนตลอดชีวิต ฯ


พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ หากมาตุคามจักไม่ได้
ออกบวชเป็นบรรพชิต ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว พรหมจรรย์ก็ยัง
จะตั้งอยู่ได้นาน๑-สัทธรรมพึงดำรงอยู่ได้ ๑,๐๐๐ ปี แต่เพราะมาตุคามออก
บวชเป็นบรรพชิต ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว พรหมจรรย์จะไม่ตั้ง
อยู่นาน ทั้งสัทธรรมก็จักดำรงอยู่เพียง ๕๐๐ ปี


ดูกรอานนท์ ตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ที่มีหญิงมาก ชาย-*น้อย ตระกูลนั้นถูก
พวกโจรกำจัดได้ง่าย แม้ฉันใด มาตุคามได้ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรม
วินัยใด พรหมจรรย์ในธรรมวินัยนั้นจักไม่ตั้งอยู่นาน ฉันนั้น-*เหมือนกัน อนึ่ง ขยอกลงในนาข้าวที่สมบูรณ์ นาข้าวนั้นก็ย่อมไม่ตั้งอยู่นานแม้ฉัน
ใด ... เพลี้ยลงในไร่อ้อยที่สมบูรณ์ ไร่อ้อยนั้นก็ย่อมไม่ตั้งอยู่นาน แม้ฉัน-
*ใด มาตุคามได้ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยใด พรหมจรรย์ในธรรม
วินัยนั้น ย่อมไม่ตั้งอยู่นาน ฉันนั้นเหมือนกัน อนึ่ง บุรุษกั้นคันสระใหญ่ไว้
ก่อนเพื่อไม่ให้น้ำไหลออก แม้ฉันใด เราบัญญัติ ครุธรรม ๘ ประการ ไม่ให้
ภิกษุณีก้าวล่วงตลอดชีวิตเสียก่อน ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ

จบสูตรที่ ๑


เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ บรรทัดที่ ๕๗๕๓ - ๕๘๘๗. หน้าที่ ๒๔๙ - ๒๕๔
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ย. 2008, 5:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆครับท่านพลศักดิ์... ตื่นเต้น ตื่นเต้น
สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ย. 2008, 5:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เขามมักจะค้นพบอะไรใหม่ๆเสมอ
สู้ สู้ สู้ สู้ สู้ สู้
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ย. 2008, 7:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระพุทธเจ้าเป็นผู้บอกผมครับ เนื่องจาก สุมมุติสงฆ์ทำสัทธรรมปฏิรูป(ของปลอม)
มาตั้งแต่การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 2 ทั้งๆที่ พระอรหันต์ขีณาสพ 500 รูป
รวมทั้งพระอานนท์ และพระมหากัสสป พวกท่านต่างยอมรับในคัมภีร์
มหายาน(มหาสังฆกวาท)ในปฐมสังคายนา แต่สมมุติสงฆ์ไปทำตัวเก่งกว่า
พระอรหันต์ ให้พวกตนเข้าร่วมสังคายนาได้ และไม่ยอมรับคัมภีร์ต่างๆ
ของมหายาน (มหาสังฆกวาท)ในการสังคายนาครั้งที่ 2 ศาสนาพุทธเลยแตกแยกเป็น 2 นิกาย

เรื่องที่สมมุติสงฆ์ไม่ยอมรับ คือเรื่องพระพุทธเจ้าเป็นอวตารของพระเจ้า ซึ่งเป็น
สัทธรรมสูงสุด มหายานเรียกพระพุทธเจ้าที่เป็นต้นธาตุว่า
อาทิพุทธเจ้า พระไวโรจนพุทธเจ้า หรือพระสยัมภูพุทธเจ้า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่
สมมุติสงฆ์ไม่มีทางเข้าใจ มีแต่พระอรหันต์ขีณาสพเท่านั้นท่านเข้าใจ นี่จึงทำให้
พระสัทธรรมสูงสุดถูกบิดเบือนไปเรื่อยๆโดยสมมุติสงฆ์ของเรา บิดเบือนมาแล้ว
2000 ปี ตรงตามพุทธทำนายว่า พระสัทธรรมจะคงอยู่เพียง 500 ปี
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
alpha349
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 20 ก.ย. 2008
ตอบ: 21

ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ย. 2008, 7:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คณพลศักดิ์ครับ
ถ้าพระพุทธเจ้าเป็นอวตารของพระเจ้าจริง ทำไมท่านต้องเวีนนว่ายตายเกิดในภพภูมิมนุษย์มานับแสนชาติเล่าครับ การอวตารน่าจะหมายถึงการลงมาช่วยมนุษย์เป็นครั้งคราวไม่ใช่หรอกหรือ แต่พระพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญเพียรบารมีสะสมกำลังบุญบารมีเพื่อตรัสรู้มานับแสนชาติ
ผมว่าไม่น่าจะถูกต้องตามที่ท่านอ้างนะครับว่าพระพุทธเจ้าเป็นอวตารของพระเจ้า
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ย. 2008, 8:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

alpha349 พิมพ์ว่า:
คณพลศักดิ์ครับ
ถ้าพระพุทธเจ้าเป็นอวตารของพระเจ้าจริง ทำไมท่านต้องเวีนนว่ายตายเกิดในภพภูมิมนุษย์มานับแสนชาติเล่าครับ การอวตารน่าจะหมายถึงการลงมาช่วยมนุษย์เป็นครั้งคราวไม่ใช่หรอกหรือ แต่พระพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญเพียรบารมีสะสมกำลังบุญบารมีเพื่อตรัสรู้มานับแสนชาติ
ผมว่าไม่น่าจะถูกต้องตามที่ท่านอ้างนะครับว่าพระพุทธเจ้าเป็นอวตารของพระเจ้า


พระเจ้าคือ พุทธะ เราทุกคน สัตว์ทุกตัว ล้วนมีพุทธะหรือพระเจ้าอยู่ในตัวเอง แต่
พุทธะหรือพระเจ้าจะมาเป็นตถาคตสอนทั้ง 3 โลกได้ มนุษย์คนนั้นต้องต้องบำเพ็ญเพียรสะสมบารมี ทำลายอวิชชาออกจากจิตให้หมดก่อน เช่น หลวงปู่ดู่ ท่านเกินระดับอรหันต์ไปแล้ว และตอนที่ท่านเกิดเป็นหลวงพ่อโต และหลวงปู่ทวดท่านก็บรรลุธรรมเกินกว่าอรหันต์เช่นกัน แต่กำลังบุญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าต้องมากกว่าพระอรหันต์ทั่วไปมากกมายนัก ท่านจึงต้องบำเพ็ญเพียรต่อไป
หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อโต หลวงปู่ทวด ท่านผู้นี้แหละคือ พระศรีอริยะเมตตัยพุทธเจ้า

หลวงปู่มั่นท่านยังยอมแพ้เลย ขอแค่สาวกภูมิ ดับทุกข์หมดแล้วเป็นแค่พระ
อรหันต์ก็พอ

อวตารที่คุณพูดถึงน่าจะเป็นอวตารของพระอวโลกิเตศวรมากกว่า พระอวโลกิเตศวร
ท่านก็เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อหลายแสนกัปก่อนนะครับ เพราะวัฏฐะนี้ยาวนานมากไม่
รู้จุดเริ่มต้น พราหมณ์เขารู้แต่พระศิวะ(นารายณ์) ซึ่งก็คือ พระอวโลกิเตศวร ตอนที่
อวตารเป็นคนนั้นคนนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าตอนที่พระอวโลกิเตศวรบำเพ็ญเพียรจนบรรลุ
อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ย. 2008, 8:43 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณพลศักดิ์

พระพุทธเจ้าพูดถึงนายขันธ์บ้างหรือเปล่า
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
alpha349
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 20 ก.ย. 2008
ตอบ: 21

ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ย. 2008, 9:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้เป็นอวตารของพระเจ้า
ท่านจึงต้องบำเพ็ญเพียรสะสมบารมีมาเพื่อสั่งสอนมนุษย์ เพราะถ้าหากเป็นอวตารของพระเจ้าจริงๆก็ไม่ต้องสั่งสมบารมีอะไรมากเพราะเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าอยู๋แล้ว ถูกต้องใหมครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
alpha349
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 20 ก.ย. 2008
ตอบ: 21

ตอบตอบเมื่อ: 30 ก.ย. 2008, 9:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
alpha349 พิมพ์ว่า:
คณพลศักดิ์ครับ
ถ้าพระพุทธเจ้าเป็นอวตารของพระเจ้าจริง ทำไมท่านต้องเวีนนว่ายตายเกิดในภพภูมิมนุษย์มานับแสนชาติเล่าครับ การอวตารน่าจะหมายถึงการลงมาช่วยมนุษย์เป็นครั้งคราวไม่ใช่หรอกหรือ แต่พระพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญเพียรบารมีสะสมกำลังบุญบารมีเพื่อตรัสรู้มานับแสนชาติ
ผมว่าไม่น่าจะถูกต้องตามที่ท่านอ้างนะครับว่าพระพุทธเจ้าเป็นอวตารของพระเจ้า


พระเจ้าคือ พุทธะ เราทุกคน สัตว์ทุกตัว ล้วนมีพุทธะหรือพระเจ้าอยู่ในตัวเอง แต่
พุทธะหรือพระเจ้าจะมาเป็นตถาคตสอนทั้ง 3 โลกได้ มนุษย์คนนั้นต้องต้องบำเพ็ญเพียรสะสมบารมี ทำลายอวิชชาออกจากจิตให้หมดก่อน เช่น หลวงปู่ดู่ ท่านเกินระดับอรหันต์ไปแล้ว และตอนที่ท่านเกิดเป็นหลวงพ่อโต และหลวงปู่ทวดท่านก็บรรลุธรรมเกินกว่าอรหันต์เช่นกัน แต่กำลังบุญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าต้องมากกว่าพระอรหันต์ทั่วไปมากกมายนัก ท่านจึงต้องบำเพ็ญเพียรต่อไป
หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อโต หลวงปู่ทวด ท่านผู้นี้แหละคือ พระศรีอริยะเมตตัยพุทธเจ้า

หลวงปู่มั่นท่านยังยอมแพ้เลย ขอแค่สาวกภูมิ ดับทุกข์หมดแล้วเป็นแค่พระ
อรหันต์ก็พอ

อวตารที่คุณพูดถึงน่าจะเป็นอวตารของพระอวโลกิเตศวรมากกว่า พระอวโลกิเตศวร
ท่านก็เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อหลายแสนกัปก่อนนะครับ เพราะวัฏฐะนี้ยาวนานมากไม่
รู้จุดเริ่มต้น พราหมณ์เขารู้แต่พระศิวะ(นารายณ์) ซึ่งก็คือ พระอวโลกิเตศวร ตอนที่
อวตารเป็นคนนั้นคนนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าตอนที่พระอวโลกิเตศวรบำเพ็ญเพียรจนบรรลุ
อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ


ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้เป็นอวตารของพระเจ้า
ท่านจึงต้องบำเพ็ญเพียรสะสมบารมีมาเพื่อสั่งสอนมนุษย์ เพราะถ้าหากเป็นอวตารของพระเจ้าจริงๆก็ไม่ต้องสั่งสมบารมีอะไรมากเพราะเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าอยู๋แล้ว ถูกต้องใหมครับ

อีกอย่างครับผมไม่ได้กล่าวถึงอวตารอะไรเลย ยกปัญหามาจากคำพูดของท่านน่ะครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 01 ต.ค.2008, 8:22 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

mes พิมพ์ว่า:
คุณพลศักดิ์

พระพุทธเจ้าพูดถึงนายขันธ์บ้างหรือเปล่า


..... ตื่นเต้น ตื่นเต้น ตื่นเต้น .....

นึกไม่ออกเลยนะครับว่าจะพูดถึงว่าอย่างไร.... ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ต.ค.2008, 9:40 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

[quote="alpha349"][quote="พลศักดิ์ วังวิวัฒน์"]
alpha349 พิมพ์ว่า:
คณพลศักดิ์ครับ

ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้เป็นอวตารของพระเจ้า
ท่านจึงต้องบำเพ็ญเพียรสะสมบารมีมาเพื่อสั่งสอนมนุษย์ เพราะถ้าหากเป็นอวตารของพระเจ้าจริงๆก็ไม่ต้องสั่งสมบารมีอะไรมากเพราะเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าอยู๋แล้ว ถูกต้องใหมครับ

อีกอย่างครับผมไม่ได้กล่าวถึงอวตารอะไรเลย ยกปัญหามาจากคำพูดของท่านน่ะครับ


มันเป็นกฎเกณฑ์ที่พวกเราพระเจ้าสร้างขึ้นครับ เพราะพวกเราทุกคนก็คืออณูของ
พระเจ้าทั้งสิ้น เพียงแต่อวิชชามาปิดบังความเป็นพระเจ้าของเราไว้ เหมือนเกมใน
คอมพิวเตอร์นั่นแหละ แต่ละตัวก็จะมีหน้าที่ต่างกัน ตัวที่มีหน้าที่สั่งสอนคนอื่น
และมีสัพพัญญู เป็นพระเจ้าสูงสุด ต้องบำเพ็ญบารมีสูงสุด

แต่ถ้าเป็นพระเจ้าแบบอื่น เข้าถึงแค่ความเป็นพระเจ้า ก็เป็นแค่สาวกภูมิ เป็นอรหันต์
ก็พอแล้ว

พระเจ้ามี 3

1. พระพุทธ = อาทิพุทธเจ้า หรือที่ศาสนาอื่นเรียกว่า พระบิดา พระยะโฮวา อัลเลาะห์

2. พระธรรม = อวตารของอาทิพุทธเจ้า ที่มาเป็นพระพุทธเจ้าทั้งหลาย มหายาน
เรียกว่า พระมานุสสพุทธะ หรือตถาคต เมื่อปรินิพพานไป ท่านก็จะเป็นพระธรรม
สอนอยู่ในจิตของเรา

"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต ผู้ใดเห็นเราตถาคต ผู้นั้นเห็นธรรม"

3. พระสงฆ์ = พระอรหันต์สาวก

พวกเรากำลังเล่นเกมค้นหาตัวเองอยู่ครับ ว่าแท้จริงพวกเราทุกคนเป็นพระเจ้า และ
เป็นหนึ่งเดียวกัน เพียงแต่แยกอายตนะกันอยู่เท่านั้น
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
alpha349
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 20 ก.ย. 2008
ตอบ: 21

ตอบตอบเมื่อ: 01 ต.ค.2008, 11:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตามความเห็นของผม
1. พระเจ้าตามความเชื่อศาสนาอื่นคือ ธรรมชาติ นั่นเอง และยังคงอยู่ในไตรลักษณ์ (สิ่งที่มีมาอยู่แต่เดิมและยังมีอยู๋ตลอดไปมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและไม่เที่ยง) เนื่องจากพระเจ้าตามความเชื่อศาสนาอื่นไนั้น ยังมีการโกรธกริ้วมนุษย์ ทำลายล้างมนุษย์อยู่ ผิดกับพระบรมศาสดาของเรา
2.พระพุทธเจ้าท่านไม่ใช่พระเจ้า ถึงแม้กำเนิดจากพระเจ้าตามความเชื่อของคุณพลศักดิ์ แต่ท่านอยูjเหนือกฎของไตรลักษณ์ไปแล้ว
ปล. ความคิดเห็นของท่านมันคล้ายกันกับ ความคิดเห็นในนิยายกำลังภายในเรื่อง ประกาศิตจอมราชันย์ ของนักเขียนรุ่นใหม่ชาวเกาหลีจังเลยครับ ที่มนุษย์ทุกคนเป็นอณูของพระเจ้าและเป็นหนึ่งเดียวกัน รอวันที่จะกลับมารวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง แต่นั่นมันเป็นนิยายนะครับ ผู้เขียนพยายามรวมความเชื่อทุกศาสนาเข้ามาปนกันมั่วไปหมดและพยายามจะแสดงให้เห็นอีกแง่มุมหนึ่งของความเชื่อ สุดท้ายก็เลยสรุปเอาง่ายๆว่า เราทุกคนเป็นอณูของพระเจ้า แต่ถูกอวิชาบดบังเลยมาเป็นมนุษย์ เหมือนความคิดคุณพลศักดิ์เหลือเกินครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ต.ค.2008, 4:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณalpha349ครับ


ความห็นของคุณ

1. พระเจ้าตามความเชื่อศาสนาอื่นคือ ธรรมชาติ นั่นเอง และยังคงอยู่ในไตรลักษณ์ (สิ่งที่มีมาอยู่แต่เดิมและยังมีอยู๋ตลอดไป มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
และไม่เที่ยง) เนื่องจากพระเจ้าตามความเชื่อศาสนาอื่นไนั้น ยังมีการโกรธกริ้ว
มนุษย์ ทำลายล้างมนุษย์อยู่ ผิดกับพระบรมศาสดาของเรา

....คุณเอาพระเจ้าบ้าๆบอๆที่มนุษย์สร้างมาบอกเป็นพระเจ้าซะแล้ว พระเจ้าแท้จริง
คุณลองไปดูในทุกศาสนาเลย ฮินดู คัมภีร์อุปนิษัทบอกว่า พระเจ้าว่า
"เรามีมา
ก่อนทุกสรรพสิ่ง และดำรงอยู่ ทั้งจะต้องดำรงอยู่ต่อไป ไม่มีใครทำให้ผันแปรได้
เราคืออมตะ สามารถเล็งเห็นทุกอย่าง แต่ผู้อื่นจะไม่สามารถเล็งเห็นเรา เราคือ
พรหม และเราไม่ใช่พรหม"


ลักษณะของพระเจ้าที่สมบูรณ์ในศาสนาคริสต์และอิสลาม

“ พระผู้เป็นเจ้าในความหมายที่สมบูรณ์ที่สุด ก็คือ 1.พระผู้ทรงเป็นเลิศในทุก ๆ
ด้าน พระผู้ทรงปรีชายิ่งในทุก ๆ ศาสตร์ 2.พระผู้ทรงเป็นเจ้าของทุก ๆ อณูสรรพสิ่ง
ในสากลจักรวาลในฐานะผู้ทรงสร้างและออกแบบสากลจักรวาลทั้งมวล และบันดาล
ให้มันดำรงไปภายใต้กฏธรรมชาติที่พระองค์ทรงกำหนด3.ผู้ที่ไม่มีจุดเริ่มต้น 4.ไม่มี
จุดสิ้นสุด 5.พระองค์ผู้ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากกาลเวลา 6.ไม่มีอายุขัย 7.และ
โดยเฉพาะพระองค์ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด "


ลักษณะดังกล่าวคือ สัพพัญญู นิพพาน และพรหมภูตที่พระ
พุทธเจ้าเป็น


2.พระพุทธเจ้าท่านไม่ใช่พระเจ้า ถึงแม้กำเนิดจากพระเจ้าตามความเชื่อของคุณพลศักดิ์ แต่ท่านอยู่เหนือกฎของไตรลักษณ์ไปแล้ว

ถ้าพระเจ้าอยู่ในไตรลักษณ์ พระเจ้าก็ไม่เที่ยง ไม่ใช่อมตะ อมตะจะเกิดได้ก็ต่อ
เมื่อละโลภ โกรธ หลง ออกหมดแล้ว
 


แก้ไขล่าสุดโดย พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เมื่อ 01 ต.ค.2008, 5:59 pm, ทั้งหมด 6 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ต.ค.2008, 5:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ"alpha349"ครับ



1. พระเจ้าตามความเชื่อศาสนาอื่นคือ ธรรมชาติ นั่นเอง และยังคงอยู่ในไตรลักษณ์ (สิ่งที่มีมาอยู่แต่เดิมและยังมีอยู๋ตลอดไปมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและไม่เที่ยง) เนื่องจากพระเจ้าตามความเชื่อศาสนาอื่นไนั้น ยังมีการโกรธกริ้วมนุษย์ ทำลายล้างมนุษย์อยู่ ผิดกับพระบรมศาสดาของเรา

....คุณเอาพระเจ้าบ้าๆบอๆที่มนุษย์สร้างมาบอกเป็นพระเจ้าซะแล้ว พระเจ้าแท้จริง
คุณลองไปดูในทุกศาสนาเลย ฮินดู คัมภีร์อุปนิษัทบอกว่า พระเจ้าว่า
"เรามีมา
ก่อนทุกสรรพสิ่ง และดำรงอยู่ ทั้งจะต้องดำรงอยู่ต่อไป ไม่มีใครทำให้ผันแปรได้
เราคืออมตะ สามารถเล็งเห็นทุกอย่าง แต่ผู้อื่นจะสามารถเล็งเห็นเรา เราคืพรหม และเราไม่ใช่พรหม"


ลักษณะของพระเจ้าที่สมบูรณ์ในศาสนาคริสต์และอิสลาม

“ พระผู้เป็นเจ้าในความหมายที่สมบูรณ์ที่สุด ก็คือ 1.พระผู้ทรงเป็นเลิศในทุก ๆ
ด้าน พระผู้ทรงปรีชายิ่งในทุก ๆ ศาสตร์ 2.พระผู้ทรงเป็นเจ้าของทุก ๆ อณูสรรพสิ่ง
ในสากลจักรวาลในฐานะผู้ทรงสร้างและออกแบบสากลจักรวาลทั้งมวล และบันดาล
ให้มันดำรงไปภายใต้กฏธรรมชาติที่พระองค์ทรงกำหนด3.ผู้ที่ไม่มีจุดเริ่มต้น 4.ไม่มี
จุดสิ้นสุด 5.พระองค์ผู้ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากกาลเวลา 6.ไม่มีอายุขัย 7.และ
โดยเฉพาะพระองค์ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด "

[color=darkred]ลักษณะดังกล่าวคือ สัพพัญญู นิพพาน และพรหมภูตที่พระพุทธเจ้าเป็น


2.พระพุทธเจ้าท่านไม่ใช่พระเจ้า ถึงแม้กำเนิดจากพระเจ้าตามความเชื่อของคุณพลศักดิ์ แต่ท่านอยู่เหนือกฎของไตรลักษณ์ไปแล้ว

ถ้าพระเจ้าอยู่ในไตรลักษณ์ พระเจ้าก็ไม่เที่ยง ไม่ใช่อมตะ อมตะจะเกิดได้ก็ต่อ
เมื่อละโลภ โกรธ หลง ออกหมดแล้ว
[/quote]
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง