ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
thanathorn
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 09 ก.ย. 2008
ตอบ: 7
ที่อยู่ (จังหวัด): เชียงใหม่
|
ตอบเมื่อ:
22 ก.ย. 2008, 10:26 pm |
  |
จบ |
|
_________________ ทำวันพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้
แก้ไขล่าสุดโดย thanathorn เมื่อ 23 ก.ย. 2008, 12:32 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
   |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 7:45 am |
  |
thanathorn พิมพ์ว่า: |
ในวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2551 ทางคณะผ้าป่าได้เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ได้นำพระพุทธรูปมาถวายให้กับทางวัด ทางวัดได้จัดการต้อนรับเป็นอย่างดีมีการประกอบพิธีกรรมของทางเหนือแบบโบราณ มีการบวงสรวงเทพเทวาและทางคณะศรัทธาชาวบ้านก็ดีใจพากันคุยสรรเสริญเจ้าภาพเป็นการใหญแต่เป็นที่น่าเสียใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
|
- "เทพเทวา สรนัง คัจฉามิ" ....... ไม่มีนะคับ
มีแต่ "พุทธธัง ธัมมัง สังฆัง สรนัง คัจฉามิ"
แปลว่า ฉันจะยึด พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง เป็นสรณะ
ถ้าสงฆ์เป็นเจ้าภาพ ผมคิดว่าไม่เหมาะอย่างยิ่งเลย
แต่ถ้าฆราวาสเขาไปทำอะไรของพวกเขาเองก็ว่าไปอีกเรื่องหนึ่ง
เรื่องจริตความเชื่อเดิมของชาวบ้าน พุทธสาวกเราไม่เข้าไปกวาดล้างทำลาย
แต่ไม่ใช่เข้าไปส่งเสริมเอออวยไปกับเขาอย่างนี้
แต่เขาอยากให้พระพุทธศาสนาช่วย เข้าวัดมาหาเราให้เราช่วย
เราก็ต้องช่วยตามที่พระพุทธเจ้าสอน
การฉลองศรัทธาชาวบ้านมีวิธีถมถืดไปในกรอบของพระพุทธศาสนา
thanathorn พิมพ์ว่า: |
และแล้วอยู่มาวันหนึ่งห่างกันเพียงหนึ่งวัน ก็มีโทรศัพท์มาหาเจ้าอาวาสแล้วบอกว่าท่าน วัดท่าน สกปรกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทั้ง วิหาร ห้องน้ำ สถานที่ภายในวัดแล้วต่อว่าว่าวัดนี้ไม่มีกฏระเบียบเลย ไม่น่ามาทำบุญเลย แล้วพูดอะไรกับทางวัดอีกเยอะแต่ไม่อยากพูด ขอเล่าต่อแม้แต่สามีเขาก็กล่าวคำบางคำก่อนขึ้นไปทำบุญบนวิหารว่า มีวิหารนี้สกปรกมากๆๆๆๆๆๆๆ แต่พอขึ้นไปกับพูดว่าสะอาดดีแต่ก็ไม่นั่งกลับลงไปหยิบผ้ามาเช็ดเก้าอี้มาจากรถยี่ห้อดังนำมาเช็ดก่อนนั่ง แต่ท่านเจ้าอาวาสไม่รู้จนกว่าทางท่านเจ้าอาวาสเริ่มทำพิธีจนก็ให้พรจนเสร็จพิธี
ดั้งนั้นท่านทั้งหลายที่ได้อ่านบทความนี้แล้วคิดอย่างไรบ้างนี้ยังไม่หมดรายละเอียดนะ มีอีกเยอะ ถามจริง แล้วเขาจะได้บุญหรือบาปเนี่ย |
- มันก็น่าคิดว่า ต้องมีอะไรสักอย่างที่สกปรกนะคับ
1. สถานที่สกปรก หรือ 2. ใจคนก็สกปรก
ถ้าสถานที่นั้นสงฆ์ได้เพียรทำความสะอาดดีแล้ว เหมาะสมแล้ว ควรแก่กิจแล้ว
ก็ไม่น่าจะต้องหวั่นไหวในคำครหา
เพราะความสะอาดในใจคนมันไม่เท่ากัน
เราว่าสะอาดแล้ว เขาว่ายังสกปรกอยู่... เป็นเรื่องปกติ
ถ้าจะมีใครสักคนมาวัดแล้วถึงกับต้องเช็ดแอลกอฮอลล์
ก็เป็นเรื่องปกติของฆราวาสที่มีหลากหลาย
"คน"เลือกวัดที่จะเข้า .... มันเป็นเรื่องปกติ
"คน"ที่เลือก"คนที่มาเข้าวัด" ..... มันไม่ปกติ
พระด่าคน ... คนไม่ถือ
คนด่าพระ ... พระกลับถือ ...
น่าคิดนะคับ
คนทำบุญเขาเป็นพุทธบริษัท 4 เหมือนกัน
ใครทักท้วง เราก้ต้องพิจารณา
ไม่ใช่ว่าในบรรดาพุทธบริษัท 4 .... ห้ามใครตำหนิพระ .... ไม่งั้นบาป ...
มันไม่ถูก
เพราะเรื่องนี้มันเป้นเรื่องของฆราวาส กับ สงฆ์
ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องภายในสงฆ์ แล้วฆราวาสเข้าไปยุ่ง |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
thanathorn
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 09 ก.ย. 2008
ตอบ: 7
ที่อยู่ (จังหวัด): เชียงใหม่
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 9:25 am |
  |
จบนะเดี๋ยวบาป |
|
_________________ ทำวันพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้
แก้ไขล่าสุดโดย thanathorn เมื่อ 23 ก.ย. 2008, 12:32 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
   |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 10:03 am |
  |
เก่า กับ สกปรก ไม่เหมือนกันนะครับ
เก่า คือ เก่า .. อย่างอุทธยานประวัติศาสตร์ คือเก่า
สกปรก คือ อุทธยานที่เก่านั้นมีแต่ขยะ คนทำมาค้าขายเรี่ยราด ไม่มีระเบียบ
แท่นบูชาก็ระเกะระกะ ข้าวของสุมทุมกันอย่างไร้ระเบียบ
ถ้าคนเหล่านั้น มองว่าความเก่า
คือความสกปรก ก็ช่างเขาเถอะครับ
เพราะที่สกปรกจริงๆ ไม่ใช่ที่วัด
แต่ผมติดใจข้อความที่คุณเล่ามานะครับ
อ้างอิงจาก: |
...มีโทรศัพท์มาหาเจ้าอาวาสแล้วบอกว่าท่าน วัดท่าน สกปรกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทั้ง วิหาร ห้องน้ำ สถานที่ภายในวัดแล้วต่อว่าว่าวัดนี้ไม่มีกฏระเบียบเลย ไม่น่ามาทำบุญเลย แล้วพูดอะไรกับทางวัดอีกเยอะแต่ไม่อยากพูด |
ผมอ่านแล้ว ผมคิดว่าโยมเขาคงพูดถึงความสกปรก ไม่ใช่เก่า
ถ้าเก่า เขาต้องบ่นเรื่องความเก่า
ถ้าวัดเก่าแล้วสะอาด สะอาดทั้งสถานที่ สะอาดทั้งใจคนในวัด
ผมรับประกันว่าไม่นาน วัดจะใหม่เอี่ยมครับ
ต่อให้มีสงคราม ข้าวก็ไม่ขาดไปจากบาตร
ที่วัดเก่ามาได้นานขนาดนี้ ถ้าไม่เพราะอยู่ในที่แร้นแค้นกันดารจริงๆ
ก็ต้องเป้นเพราะศรัทธาเสื่อมไปจากวัด ชุมชนไม่เอาวัด
สมัยหลวงปู่มั่น เดินจาริกไปถึงไหน แล้วค้างอยู่วัดร้าง
โดยเฉพาะช่วงนั้นได้รับผลจากสงครามภูมิภาค วัดร้างมีมาก
ท่านไปถึงที่ไหน ชาวบ้านก้จะพยามบำเรอพระสุดกำลัง
กลัวว่าท่านจะหนีไปจากวัด
วัดที่เก่าก็สะอาด วัดที่พังก็พากันสร้าง
ี่แม้แต่วัดที่เก่าสุดๆแบบหาความเป้นวัดไม่ได้แล้ว
คนก็สร้างวัดขึ้นตรงนั้น
พวกเขาศรัทธา ... วัดวาเคหาสน์คือผลของศรัทธา
ท่านพิจารณาดูเอาเถิด ครูบาอาจารย์เขาเผยแผ่ศาสนาแบบไหน |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
พลับ
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2008
ตอบ: 24
ที่อยู่ (จังหวัด): ยโสธร
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 8:11 pm |
  |
|
   |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
23 ก.ย. 2008, 8:28 pm |
  |
อ้าวทำไมลบซะเกลี้ยงเลย
แปลงสาส์นซะงั้น
ไม่ต้องกลัวบาปหรอกครับ
ทั้งหมดอยู่ที่ใจ
ใจตั้งใจทำบาป บาปก็เกิด รับรู้ความบาป
ใจตั้งเจตน์ทำบุญ บุญย่อมเกิด จิตรับรู้บุญ
ใจไม่ตั้งเจตนาจะทำบาปบุญ บาปบุญก็ไม่เกิด
อย่าตกเป็นทาสของสมมุติ
อ้างอิงจาก: |
ปัญหา มีบางคนกล่าวว่า ในบรรดาการกระทำทางกาย ทางวาจา และทางใจนั้น การกระทำทางกายสำคัญที่สุด เพราะก่อให้เกิดผลเห็นได้ชัด เช่น ฆ่าเขาตายด้วยกาย ย่อมมีผลเสียหายมากกว่ากล่าวอาฆาตด้วยวาจา และการคิดจะฆ่าด้วยใจ พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างไรในเรื่องนี้ ?
พุทธดำรัสตอบ
“..... ดูก่อนตัปสสี บรรดากรรมทั้ง ๓ ประการ ที่จำแนกออกแล้วเป็นส่วนละอย่างต่างกันเหล่านี้
เราบัญญัติมโนกรรมว่ามีโทษมากกว่า ในการทำบาปกรรม ในการเป็นไปแห่งบาปกรรม
เราจะบัญญัติกายกรรมวจีกรรมว่ามีโทษมากเหมือนมโนกรรมหามิได้”
...........
|
http://84000.org/true/034.html |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ย. 2008, 9:27 am |
  |
ว่างๆ คุณ thanathorn ศึกษาทำความเข้าใจ คำว่า บุญ-บาป - กุศล-อกุศล ที่ลิงค์นี้ดูครับ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15732
-บุญและบาป เป็นคำที่มีใช้แพร่หลายอยู่ก่อนแล้วในพุทธกาล
พระพุทธศาสนารับเข้ามาใช้ในความหมายเท่าที่ปรับเข้ากับหลักการ
ของตนได้
ส่วนกุศลและอกุศล เดิมใช้ในความหมายอย่างอื่น เช่น ฉลาด ชำนาญ คล่องแคล่ว สบายดี มีสุขภาพ เป็นต้น พระพุทธศาสนานำเอามาบัญญัติใช้สำหรับความหมายที่ต้องการของ พระพุทธศาสนาโดยเฉพาะ
-และโดยนัยนี้ กุศลและอกุศลจึงเป็นศัพท์วิชาการทางธรรมอย่างแท้จริง
ส่วนบุญและบาป ท่านมักใช้ในวงแห่งคำสอนสำหรับชาวบ้านหรือชีวิตของชาวโลก |
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
  |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
24 ก.ย. 2008, 2:15 pm |
  |
|
   |
 |
|