ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
อิชิคาว่า
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 24 ส.ค. 2008
ตอบ: 94
ที่อยู่ (จังหวัด): กำแพงเพชร
|
ตอบเมื่อ:
21 ก.ย. 2008, 12:33 pm |
  |
เขาเล่าว่า นักฟ้อนรำผู้หนึ่งจับ ลูกนกแขกเต้า ได้ตัวหนึ่ง ฝึกสอนมันพูดภาษาคน (ตัวเองเที่ยวไปแสดงการฟ้อนรำในที่อื่นๆ) นักฟ้อนรำ ผู้นั้นอาศัยสำนักของนางภิกษุณีอยู่ เวลาไปในที่อื่นๆ ลืมนกแขกเต้าเสียสนิทแล้วไป
เหล่าสามเณรีก็จับมันมาเลี้ยงตั้งชื่อมันว่า พุทธรักขิต วันหนึ่ง พระมหาเถรี เห็นมันจับอยู่ตรงหน้า จึงเรียกมันว่า พุทธรักขิต ลูกนกแขกเต้าจึงขานถามว่า อะไรจ๊ะ แม่เจ้า พระมหาเถรีจึงถามว่า การใส่ใจภาวนาอะไรๆ ของเจ้ามีบ้างไหม
มันตอบว่า ไม่มีจ๊ะแม่เจ้า
พระมหาเถรีจึงสอนว่า ขึ้นชื่อว่าผู้อยู่ในสำนักของนักบวช จะปล่อยตัวอยู่ไม่สมควร ควรปรารถนาการใส่ใจบางอย่าง แต่เจ้าไม่ต้องสำเหนียกอย่างอื่นดอก จงท่องว่า อัฏฐิ อัฏฐิ ก็พอ
ลูกนกแขกเต้านั้น ก็อยู่ในโอวาทของพระเถรี ท่องว่า อัฏฐิ อัฏฐิ อย่างเดียวแล้วเที่ยวไป วันหนึ่ง ตอนเช้ามันจับอยู่ที่ยอดประตู ผึ่งแดดอ่อนอยู่ แม่เหยี่ยวตัวหนึ่งก็เฉี่ยวมันไปด้วยกรงเล็บ มันส่งเสียงร้อง กิริๆ เหล่าสามเณรี ก็ร้องว่า แม่เจ้า พุทธิรักขิตถูกเหยี่ยวเฉี่ยวไป เราจะช่วยมัน ต่างคว้าก้อนหินเป็นต้น ไล่ตามจนเหยี่ยวปล่อย
เหล่าสามเณรีนำมันมาวางไว้ตรงหน้าพระมหาเถรีๆ ถามว่า พุทธรักขิตขณะถูกเหยี่ยวจับไปเจ้าคิดอย่างไร ลูกนกแขกเต้าตอบว่า แม่เจ้า ไม่คิดอะไรๆ ดอก คิดแต่เรื่องกองกระดูกเท่านั้นจ๊ะแม่เจ้า ว่ากองกระดูกพากองกระดูก จักเรี่ยราดอยู่
ในที่ไหนหนอ
พระมหาเถรี จึงให้สาธุการว่า สาธุ สาธุ พุทธรักขิตนั้นจักเป็นปัจจัยแห่งความสิ้นภพของเจ้า ในกาลภายภาคหน้าแล แม้สัตว์ดิรัจฉานในแคว้นกุรุนั้น ก็ประกอบเนืองๆ ซึ่งสติปัฏฐาน ด้วยประการฉะนี้
เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบถึงความเจริญแพร่หลายแห่งสติปัฏฐานของชาวกุรุเหล่านั้น จึงได้ตรัสพระสูตรนี้
จาก...พระไตรปิฎก และอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เล่มที่ 14 ทีฆนิกาย มหาวรรค ข้อ 273 หน้า 209-210 มหาสติปัฏฐานสูตร |
|
_________________ สังขารไม่เที่ยงหนอ |
|
   |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
22 ก.ย. 2008, 9:37 pm |
  |
 |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
|