Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
หลวงพ่อพระลับ วัดธาตุ จ.ขอนแก่น
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
webmaster
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769
ตอบเมื่อ: 18 ก.ค.2008, 10:46 am
ไหว้พระประธาน ๗๗ จังหวัด
หลวงพ่อพระลับ
พระประธานในพระอุโบสถ วัดธาตุ (พระอารามหลวง)
ถ.กลางเมือง (บ้านเมืองเก่า) ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น
วัดธาตุ ตั้งอยู่เลขที่ ๒๓๗ ถนนกลางเมือง (บ้านเมืองเก่า)
ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย
สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๓๒ โดยพระนครศรีบริรักษ์บรมราชภักดี (เพี้ยเมืองแพน)
เจ้าเมืองขอนแก่น เป็นผู้ก่อสร้างขึ้นพร้อมกับการตั้งเมืองขอนแก่น
และได้สร้างพระธาตุขึ้นเป็นปูชนียสถานที่เคารพสักการะของชาวเมืองขอนแก่น
จึงเรียกชื่อวัดนี้ว่า วัดธาตุ โดยได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น
พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑ วัดมีเนื้อที่ ๑๒ ไร่
ภายในวัดมี หลวงพ่อพระลับ ประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ
หลวงพ่อพระลับ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยสัมฤทธิ์
มีขนาดหน้าตักกว้าง ๑๑ นิ้ว และสูง ๒๙ นิ้ว ประทับนั่งขัดสมาธิราบ
พระพักตร์รูปไข่ พระนลาฏกว้าง พระขนงโก่ง
พระเนตรเรียว เหลือบตาลงต่ำ พระนาสิกสันปลายแหลม
พระโอษฐ์แย้ม ขนาดพระเกศาเล็กแหลม พระเกตุมาลาใหญ่
รัศมีเป็นเปลวตั้งอยู่บนฐานกลีบบัว ครองจีวรห่มเฉียง
เปิดพระอังสาขวา ชายจีวรยาวลงมาจรดพระนาภี
นิ้วพระหัตถ์ยาวเสมอกัน ฐานปัทม์ยกสูงทรงสี่เหลี่ยมบัวคว่ำหงาย
และแนวลูกแก้วอกไก่งอนขึ้นทางด้านบน
หลวงพ่อพระลับ จัดอยู่ในกลุ่มพระพุทธรูปศิลปะลาว
สกุลช่างเวียงจันทน์ คล้ายพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่ระเบียงหอพระแก้ว
เมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๒๒-๒๔
ประวัติเล่าสืบกันมาว่า พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ ๑ (พ.ศ.๒๐๗๗-๒๑๑๔)
เป็นกษัตริย์ครองเมืองหลวงพระบาง เมื่อพม่ายกทัพมาตีเมืองหลวงพระบาง
พ.ศ.๒๐๙๐ พระองค์อพยพไปตั้งเมืองหลวงใหม่ชื่อ เวียงจันทน์บุรีศรีสัตนาค
การอพยพครั้งนี้ได้นำพระแก้วมรกต พระบาง พระพุทธรูปองค์อื่นๆ ไปด้วย
ซึ่งพระพุทธรูปทั้งหมดสร้างขึ้นในสมัยเชียงแสน สมัยเชียงใหม่
และสมัยพระเจ้าโพธิสารมหาธรรมิกราชาธิราช
จากการศึกษาพระพุทธลักษณะจึงสันนิษฐานว่า หลวงพ่อพระลับ
สร้างขึ้นโดย พระเจ้าโพธิสาร พระมหาธรรมิกราชาธิราช
ประมาณปีพุทธศักราช ๒๐๖๘ ณ นครหลวงพระบาง
ครั้นเมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ ๑ สวรรคต เมื่อปีพุทธศักราช ๒๑๑๔
พระเจ้าศรีวรมงคล ผู้น้องขึ้นครองราชสืบมา พระนามว่า พระยาธรรมิกราช
(พ.ศ.๒๑๓๔-๒๑๖๕) มีโอรส ๑ พระองค์ ชื่อ
เจ้าศรีวิชัย
เมื่อพระยาธรรมิกราชสิ้นพระชนม์
กลุ่มของพระยาแสนสุรินทร์ขว้างฟ้า ยึดเมืองเวียงจันทน์ได้
เจ้าศรีวิชัยจึงหลบหนีพร้อมนำพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ไม่ทราบจำนวน
ซึ่งมี
หลวงพ่อพระลับ
รวมอยู่ด้วย
ไปอาศัยอยู่กับท่านพระครูหลวง (เจ้าอาวาสวัดโพนสะเม็ด)
เจ้าศรีวิชัย มีโอรสอยู่ ๒ คน คือ เจ้าแก้วมงคล และเจ้าจันทร์สุริยวงศ์
พ.ศ.๒๒๓๓ ท่านราชครูหลวงได้อพยพชาวเวียงจันทน์บางส่วน
ประมาณ ๓,๐๐๐ คน ไปบูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุพนม
แล้วพาครอบครัวเวียงจันทน์ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ดอนโขง
เนื่องจากท่านราชครูได้รับความเคารพจากประชาชนมาก
สองพี่น้องชื่อ นางเพา นางแพง ซึ่งปกครองดูแลเมืองจำปาศักดิ์
จึงได้อาราธนาท่านราชครูให้ไปอยู่ที่นครจำปาศักดิ์
เมื่อท่านไปปกครองได้ขยายอาณาเขตนครจำปาศักดิ์ให้กว้างขวางออกไป
และสร้างเมืองใหม่ ไม่ขึ้นต่อเมืองเวียงจันทน์และหลวงพระบาง
ได้อัญเชิญ เจ้าหน่อกษัตริย์ หรือ เจ้าหน่อคำ มาเสวยราชสมบัติ
เป็นกษัตริย์ปกครองนครจำปาศักดิ์ใหม่ ทรงพระนามว่า เจ้าสร้อยศรี สมุทรพุทธางกูร
(พ.ศ.๒๒๕๖-๒๒๘๐) และได้ให้เจ้าแก้วมงคล อพยพครอบครัว พร้อมประชาชนพลเมือง
นำเอาพระพุทธรูปเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์ที่นำมาจากเวียงจันทน์
ไปสร้างเมืองทง หรือ
เมืองสุวรรณภูมิ
(ปัจจุบันคือ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด)
เจ้าแก้วมงคล
ได้เป็นเจ้าเมืองสุวรรณภูมิคนแรก (พ.ศ.๒๒๕๖-๒๒๖๘)
จากนั้นก็มีเจ้าเมือง สืบต่อมาจนถึงปีพุทธศักราช ๒๓๒๖
ท้าวภู ได้เป็นเจ้าเมืองสุวรรณภูมิได้รับบรรดาศักดิ์เป็น พระรัตนวงษา
ได้แต่งตั้งให้ลูกชาย ท้าวศักดิ์ ไปดำรงตำแหน่ง เมืองแพน
มียศเป็น เพีย เทียบเท่าพระยาฝ่ายทหาร
ให้ไปตั้งรักษาการอยู่ริมแม่น้ำชี สถานที่นั้นเรียกว่า
ชีโหล่น
ต่อมาถึงปีพุทธศักราช ๒๓๓๒ ก็ได้รับคำสั่งให้ไปตั้งแห่งใหม่ชายแดนด้านเหนือ
เขตเมืองสุวรรณภูมิกับเขตเมืองร้อยเอ็ดในขณะนั้น
ท้าวศักดิ์ อพยพประชาชนพลเมืองประมาณ ๓๓๐ ครอบครัว
พร้อมนำเอาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ไปไว้เคารพสักการะเป็นมิ่งขวัญเมืองด้วย
ตั้งบ้านใหม่เรียกว่า บ้านบึงบอน และได้ก่อสร้างหลักเมืองฝั่งตะวันตกบึง
เมื่อสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยเรียบร้อยแล้ว จึงได้สร้างวัดขึ้น ๔ วัด
คือ
วัดเหนือ
ให้เจ้าเมืองพร้อมลูกหลานไปทำบุญอุปัฏฐาก
วัดกลาง ให้เสนาอำมาตย์พร้อมลูกหลานไปทำบุญอุปัฏฐาก
วัดใต้ ให้ประชาชนพลเมืองทั่วไปทำบุญอุปัฏฐาก
วัดท่าแขก อยู่ฝั่งบึงด้านทิศตะวันออก สำหรับพระภิกษุอาคันตุกะ
จากถิ่นอื่นๆ มาพำนักเพื่อประกอบพุทธศาสนพิธี
เมื่อสร้างวัดเหนือแล้วจึงสร้างพระธาตุมีอุโมงค์ภายใน นำเอาพระพุทธรูป
ไปเก็บซ่อนไว้อย่างลับที่สุด รู้แต่เจ้าอาวาสวัดเหนือเท่านั้น คนทั้งหลายจึงเรียกว่า
พระลับ
หรือ
หลวงพ่อพระลับ
สืบมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
กระทั่ง พ.ศ.๒๓๔๐ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
มีพระบรมราชโองการยกฐานะบ้านบึงบอนขึ้นเป็น เมืองขอนแก่น
ตั้งให้ ท้าวศักดิ์ เป็นเจ้าเมืองขอนแก่นคนแรก มีนามว่า พระนครศรีบริรักษ์
เมื่อกล่าวถึงพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในพระธาตุ
ก็จะเรียกว่า พระลับ เพราะไม่มีใครเคยเห็น
ปัจจุบันบ้านพระลับกลายเป็นเทศบาลเมืองขอนแก่น
ที่คงเหลือเป็นอนุสรณ์ คือ
ตำบลพระลับ
ส่วน วัดเหนือ เปลี่ยนชื่อเป็น วัดธาตุ (พระอารามหลวง)
สมัย
หลวงปู่พระเทพวิมลโมลี (เหล่ว สุมโน)
เป็นเจ้าอาวาส
(ปัจจุบันดำรงสมณศักดิ์ที่
พระธรรมวิสุทธาจารย์
)
เกรงว่าต่อไปจะไม่มีใครรู้จักหลวงพ่อพระลับ
จึงเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น มาเป็นสักขีพยานเปิดเผย
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ให้เป็นพระพุทธรูปคู่เมืองขอนแก่น
เมื่อวันออกพรรษาปีพุทธศักราช ๒๕๓๗ ซึ่งตรงกับวันอังคาร
ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีจอ (วันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๗)
หลวงพ่อพระลับจึงประจักษ์แก่สายตาเป็นพระคู่เมืองขอนแก่นนับแต่นั้น
พระอุโบสถ วัดธาตุ (พระอารามหลวง) จ.ขอนแก่น
หนังสือไหว้พระประธาน ๗๗ จังหวัด
กองบรรณาธิการข่าวสด สำนักพิมพ์มติชน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19120
_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
บัวหิมะ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
ตอบเมื่อ: 01 ก.ย. 2008, 11:38 pm
นมัสการหลวงพ่อพระลับ เจ้าค่ะ สาธุ
_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ฌาณ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
ตอบเมื่อ: 14 ก.ย. 2008, 6:15 pm
_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
suvitjak
บัวบาน
เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
ตอบเมื่อ: 19 ก.ย. 2008, 12:53 pm
แถวบ้านเรา เคยไปนมัสการ แต่ไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้านะ ยกเว้นวันสำคัญทางศาสนา ถึงจะเปิดให้เข้าไปนมัสการ
_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th