Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 .....น่ากลัวที่สุด อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เขม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 มี.ค.2005, 1:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

1 หลอกตนเอง

2 หลอกผู้อื่น

3 โดนคนอื่นหลอก

คุณว่า ข้อไหน น่ากลัวที่สุด

เพราะเหตุใด
 
ผ่านมา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 มี.ค.2005, 4:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โดนคนอื่นหลอก..นี่ไม่น่ากลัว...เราไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดอะไร

หลอกผู้อื่น..ให้เข้าใจผิด..ถ้าเขาเสียหายเดือดร้อน..ผู้หลอกก็น่าจะผิด

หลอกตนเอง...ไม่ค่อยเข้าใจ..ยังตอบไม่ถูก
 
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 25 มี.ค.2005, 4:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตามความคิดเห็นของผมนะครับ

1. หลอกตนเอง ผมถือว่ายังไม่ผิดศีล ซึ่งมี 2 กรณี คือ กรณีแง่บวก กับกรณีแง่ลบ

กรณีแง่บวก ก็คือว่า คิดว่าตนเองทำได้ ในสิ่งที่ปรกติเป็นไปไม่ได้ เพื่อให้เกิดกำลังใจทำสิ่งๆ นั้น เช่น คิดว่า "งาน Project ที่เราจะนำเสนอวันพรุ่งนี้ จะต้องเป็นอันดับหนึ่ง จะต้องไม่มีใครสู้ได้ เราก็มือหนึ่งเหมือนกัน"

ผลเสียที่แย่ที่สุด ที่อาจเกิดขึ้นได้คือ หากความจริงไม่เป็นอย่างนั้น ก็จะเสียกำลังใจ หรือ ถ้าความจริงเกิดชนะจริงๆ เราก็อาจหลงระเริงว่าตัวเองเก่งได้



กรณีแง่ลบ ก็คือว่า ตัวเองไร้ความสามารถ แย่ที่สุด มักจะเกิดกับคนทั่วไปเวลาผิดหวัง ไม่ประสบความสำเร็จดังที่หวังไว้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

ผลเสียที่แย่ที่สุด คือ หxxxำลังใจ แต่อารมณ์ในใจมนุษย์ก็อยู่ในไตรลักษณ์ คือ ไม่เที่ยง อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น เมื่อความหxxxำลังใจ หมดอารมณ์อยู่ในใจเรา ความมีกำลังใจก็จะกลับคืนมาเอง โดยไม่จำเป็นต้องกระตุ้นใดๆ แต่ถ้าใช้สิ่งกระตุ้นสร้างกำลังใจ กำลังใจก็จะกลับคืนมาได้เร็วขึ้น



2. หลอกคนอื่น ในความเห็นผมถือว่า น่ากลัวที่สุด เพราะถือเป็นการผิดศีลข้อ 4 โดยตรง แม้จะหลอกคนอื่นให้เขาสบายใจ ก็ถือว่าผิดศีลอยู่ดี แต่ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับตั้งใจหลอกผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง และเรื่องที่หลอกนั้น มีผลเสียที่ร้ายแรง ตัวอย่างในอดีตก็เช่น มีพระรูปหนึ่งตั้งใจปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง เมื่อท่านอยู่รูปเดียวก็ไม่มีปัญหา แต่อยู่มาวันหนึ่ง มีพระอีกรูปหนึ่ง มาขอพำนักอยู่ด้วยชั่วคราว ตัวท่านกลับคิดว่า วัดเรามีเราอยู่รูปเดียว ถ้าเจ้านี่มาอยู่ ต้องติดใจในอาหารของโยมอุปฐากเรา แล้วขออยู่ถาวรแน่ ท่านจึงคิดแผนการในใจ โดยตอนเช้า เคาะระฆังด้วยหลังเล็บเบาๆ แล้ว ออกไปรับอาหารของโยมคนเดียว ฝ่ายโยมจำได้ว่า เมื่อวานมีพระมาเพิ่มรูปหนึ่ง จึงถามว่า พระรูปนั้นไปไหน ท่านจึงหลอกโยมไปว่า "เคาะระฆังตั้งนาน ก็ไม่ยอมตื่น พระรูปนั้นขี้เกียจมากเลย" โยมได้ฟัง ก็เข้าใจไปเองว่า พระรูปนั้นคงจะเดินทางมาเหนื่อย จึงฝากอาหารไปให้

ระหว่างที่ท่านเดินทางกลับ ท่านก็คิดต่อว่า ถ้าเจ้านั้นได้ฉันอาหารนี้สงสัยจะติดใจ จนลืมไม่ลงแน่ ว่าแล้วก็แอบเทอาหารนั้นทิ้งข้างทาง พอท่านกลับถึงวัด กลับไม่เจอพระรูปนั้นเสียแล้วทั้งทีพูดอย่างจริงจังว่าจะมาอยู่ด้วย สงสัยพระรูปนั้นเป็นพระอรหันต์ รู้จิตใจท่านแน่เลย ท่านเสียใจมาก หลังจากนั้นก็ตรอมใจไม่เป็นอันปฏิบัติธรรมจนเสียชีวิต

นับจากชาตินั้นมา ท่านก็ต้องรับผลกรรมคือ อดอาหารแบบอดหลายๆ มื้อ ได้กินมื้อ (ไม่ใช่อดมื้อกินมื้อ) ไปทุกชาติ จนชาติสุดท้ายมาเกิดในสมัยพุทธกาล ก็อดตลอด บวชเป็นพระก็ยังอด เพราะกรรมบันดาลให้คนลืมใส่บาตร แต่ท่านก็ยังตั้งใจปฏิบัติธรรม รวมกับที่ท่านเคยปฏิบัติธรรมอย่างดีในชาติก่อนๆ (ก่อนที่ท่านจะหลอกโยมคนนั้น) ท่านก็สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วก็นิพพานในที่สุด เพราะร่างกายอ่อนแอมาก



3. โดนคนอื่นหลอก เป็นผลกรรมเก่าของเรา แต่เป็นกรรมใหม่ของผู้ที่หลอกเราครับ และเมื่อถูกหลอก ประสบการณ์ของเราก็จะเพิ่มพูนมากขึ้น ผมถือว่า กลับเป็นผลดีครับ



 
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 25 มี.ค.2005, 10:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



1 หลอกตนเอง

2 หลอกผู้อื่น

3 โดนคนอื่นหลอก



คุณว่า ข้อไหน น่ากลัวที่สุด

เพราะเหตุใด



น่ากลัวทั้งสามข้อแหละค่ะ

ขึ้นชื่อว่า หลอก ไม่น่าใช้กับคน



มีแต่ผีเท่านั้นค่ะ ที่จะหลอก ถ้าเป็นคนก็เป็น คนใจผี



ถามว่าข้อไหนน่ากลัวที่สุด ความประมาทค่ะ น่ากลัวที่สุด

เพราะถ้าไม่ประมาท จะรู้เท่าทันจิตค่ะ

ทั้ง จิตในตัวเรา และ จิตคนอื่น



ยังไงไม่ต้องกลัว สามหลอก หรอกค่ะ



เอาเวลาไปปฏิบัติธรรมดีกว่าค่ะ



แต่เป็นคำถามที่ดีค่ะ อนุโมทนาสาธุ ค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
ธัมมิกา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 มี.ค.2005, 9:52 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

>ความเห็นของหนูนะค่ะ เห็นว่า การหลอกตนเองน่าจะแรงกว่า ข้ออื่นๆ

เพราะสังเกตุดู ความคิดแล้ว มันชวนเราทำนั่นทำนี่ คิดนั้นคิดนี่ ตลอด ชวนให้ไปทำดีก็ดีไป เพราะเป็นทางแห่งกุศล



แต่จะให้เราคิดทำดี นำเราไปทางดี ยากเหลือเกิน มัน จะมีข้ออ้างเสมอ ว่าเดี๋ยวก่อนเถอะเอาไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยทำ ยังมีเวลา ประมาณนี้ค่ะ อาจารย์ให้การบ้านมา มันก็บอกว่า รอให้ค่ำๆค่อยทำ ดูละครก่อนน่ะค่ะ มันก็ไม่ไปทำการบ้าน ฯลฯ นอนดูละครตาใสค่ะ



>แต่เรื่องที่ถูกอารมณ์มันนะค่ะ มันจะผลุดลุกเลยค่ะ เฮ้ยไปเที่ยวกัน มันรีบลุกเลย

ตาสว่างเลยค่ะ ฯลฯ งี้โดนหลอกป่าวค่ะ

หนูเคยนั่งกัมมัฏฐาน นั่งได้ไม่ถึง 10 นาที มันหงุดหงิดน่ะค่ะ ตัวร้อน ฯลฯ นั่งทำไม เมื้อยขาออกขึ้นเดี๋ยวนี้ ลุกสิเดี๋ยวก็เป็นเหน็บชาหรอก

กลัวสิค่ะมันหลอกว่าเดี่ยวเป็นเหน็บชาก็กลัวสิ มันยังหลอกอีกหลายอย่างน่ะ

หนูเห็นว่า หลอกตนเองน่ากลัว



ดังที่พุทธเจ้ากล่าวไว้น่ะค่ะตอนหนูเรียนธรรมศึกษาจำได้ว่า...

ทิโส ทิสัง ยันตัง กะยิรา เวรี วา ปะนะ เวรินัง

มิจฉาปะณิหิตัง จิตตัง ปาปิโย นัง ตะโต กเร.

จิต(ใจ) ซึ่งตั้งไว้ผิดแล้ว พึ่งทำเขา (ตนเอง) นั้นให้เลวทรามยิ่งกว่า

ความพินาศวอดวายที่โจรเห็นโจร หรือ คนจองเวร เห็นคนจองกัน ทำให้แก่กันและกัน.



....คนที่เป็นศัตรูกัน คนอาฆาตพยาบาทจองเวรกันพบกันที่ใดๆ ยกพวกเข้าถล่มกัน

ทำความวอดวายเสียหาย ให้แก่กันและกัน ฯลฯ ฉันใด

>ผู้ที่ตั้งใจไว้ผิดก็ฉันนั้น หรือ ยิ่งกว่านั้น

>ได้แก่ผู้ที่ตั้งไว้ในอกุศลกรรมบถ 10 ย่อมยังผู้นั้นให้ถึงความพินาศในปัจจุบันชาติบ้าง (ทิฏฐธรรม)

ซัดไปในอบาย 4 ย่อมไม่ให้ยกศีรษะขึ้นได้ในพันอัตภาพบ้าง.

อบาย 4 คือ

1 นรก

2 เปรต

3 อสุรกาย

4 สัตว์เดรัจฉาน

อกุศลกรรมบถ 10 (ทางแห่งการทำบาป)

ทางกาย 3

1 ทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป ได้แก่ฆ่าสัตว์ (ปาณาติบาต)

2 ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ ด้วยอาการแห่งขโมย (อทินนาทาน)

3 ประพฤติผิดในสามีภรรยาของผู้อื่น หรือ ชาย หญิงที่มีคุ้มครอง (กาเมสุ มิจฉาจาร)

ทางคำพูด 4 (วาจา)

1 พูดเท็จ (มุสาวาท)

2 พูดส่อเสียด (ปิสุณาวาจา)

3 พูดคำหยาบ (ผรุสวาจา)

4 พูดเพ้อเจ้อ (สัมผัปปลาปะ)



กรรมทางใจ 3

1 โลภอยากได้ของผู้อื่น (อภิชฌา)

2 ปองร้ายผู้อื่น (พยาบาท)

3 เห็นผิดจากทำนองคลองธรรม (มิจฉาทิฏฐิ)



10 อย่างนี้เป็นทางบาปไม่ควรดำเนิน

ในชีวิตประจำวันเราโดนความคิดหลอกอยุ่ตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก

ถ้าไม่แรงพอ ก็ค่อยๆ สะสมเอาไว้ในใจที่ละน้อย ๆ เหมือนฝุ่นละอองในห้อง สะสมทีละน้อยๆ นานวันก็มากขึ้น

รอเวลาระเบิดออกทางกายทางวาจาโอกาสหน้า เมื่อมันหลอกตนเองได้ มันก็หลอกผู้อื่นได้

เมื่อหลอกผู้อื่นได้ มันก็โดนผู้อื่นหลอกได้ (เพราะอวิชชาปิดบังวิชชาไว้)

เพราะตนตั้งใจไว้ในโลภะบ้าง โทสะบ้าง โมหะ



หนูดูข่าวว่า มีคนโดนหลอกตกทอง ทั้งๆที่ตนเองมีทองแท้ แขวนคออยู่

ยังโดนเขาหลอกเอาเอาของแท้ไป เอาของปลอมมา เพราะเห็นของเค้าเส้นใหญ่กว่า เพราะโลภะมันหลอกตนก่อนใช่ไหมค่ะ



ตนหลอกตนอย่างไร ลองสังเกตุดูสัก 10-15 นาทีก่อนนอน แล้วจะรู้มันลอกเรายิ่งกว่าผี น่ากลัวกว่าผี เรานอนอยู่กับผีทุกวันนะคะ



ไม่รู้หนูเข้าใจถูกหรอป่าวค่ะ..............



....................................



 
รักธรรม
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 มี.ค.2005, 9:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เห็นด้วยกับคุณธัมมิกาทุกประการค่ะ ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ ซาบซึ้งใจจริงๆค่ะ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง