สายมโนมยิทธิและสายธรรมกายพบพระพุทธเจ้าเร็วกว่าสายอื่น

ตอบเมื่อ: 09 ก.ย. 2008, 12:53 pm

จากที.ปา. ๑๑/๕๕/๙๒/พ.ศ. ๒๕๒๕มีข้อความตอนหนึ่งว่า

“ตถาคตสฺสเหตํ วาเสฏฺฐาอธิวจนํธมฺมกาโยอิติปิ
พฺรหฺมกาโยอิติปิธมฺมภูโตอิติปิพฺรหฺมภูโตอิติปิฯ”

“ดูกรวาเสฏฐะ และภารทวาชะเพราะคำว่า ธรรมกายก็ดี ว่า พรหมกายก็ดี
ว่าธรรมภูตก็ดี ว่าพรหมภูตก็ดีเป็นชื่อของตถาคตฯ ”

คือ พระพุทธเจ้าตรัสว่า เพราะคำว่า "ธรรมกาย"ก็ดี พรหมกายก็ดี ธรรมภูตก็ดี
พรหมภูตก็ดี คำที่เป็นชื่อต่าง ๆ เหล่านี้เป็นชื่อของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น"

จากพระสูตรดังกล่าว คำว่าธรรมกาย, พรหมกาย, ธรรมภูต หรือพรหมภูต อันเป็น
ชื่อของพระพุทธเจ้า หรือ ตถาคต หรือ "เรา" ล้วนแล้วแต่หมายถึงสิ่งเดียวกัน คือ ธรรม

(1) ผู้ใดแล เห็นธรรมผู้นั้นชื่อว่า ย่อมเห็นเรา (ตถาคต)= พรหมกาย
ผู้ใดเห็นพรหมกายผู้นั้นชื่อว่า ย่อมเห็นธรรม. วักกลิเป็นความจริง บุคคลเห็นธรรม ก็
ย่อมเห็นพรหมกาย (พระพุทธเจ้า) บุคคลเห็นพรหมกายก็ย่อมเห็นธรรม.

(2) ผู้ใดแล เห็นธรรมผู้นั้นชื่อว่า ย่อมเห็นธรรมกาย ผู้ใดเห็นธรรมกาย ผู้นั้นชื่อว่า
ย่อมเห็นธรรม.วักกลิเป็นความจริง บุคคลเห็นธรรม ก็ย่อมเห็น
ธรรมกาย (พระพุทธเจ้า) บุคคลเห็นธรรมกายก็ย่อมเห็นธรรม..

ข้อความที่ว่า “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา” ไม่ได้หมายถึง การเห็นด้วยตา
เนื้อ แต่หมายถึง การเห็นด้วยตาในซึ่งเกิดจากการปฏิบัติสมถ/วิปัสสนา
กรรมฐานจนกระทั่งเกิดทิพยจักษุหรือปัญญาจักษุ เขาจะเห็นดวงธรรมที่สว่าง
ใส และสามารถเห็นธรรมกาย/พรหมกายได้

เมื่อพิจารณาดูสายปฏิบัติธรรมของพุทธเถรวาทในประเทศไทย จำนวน 4 สาย
ใหญ่ๆ คือ สายพุทโธ สายยุบหนอพองหนอ สายนะมะพะทะ(มโนมยิทธิ) และ
สายวิชชาธรรมกาย จะพบว่ามี 2 สายเท่านั้น ที่รับรองการ "เห็น" ในการปฏิบัติธรรม
คือ สายนะมะพะทะ(มโนมยิทธิ)กับสายวิชชาธรรมกาย

สำหรับสายพุทโธกับสายยุบหนอพองหนอ มีแนวคิดที่ว่าการเห็นในสมาธิเป็น
นิมิตลวง จึงปฏิเสธการเห็นในการปฏิบัติธรรม แต่ถ้าใจเขาเปิดกว้าง เขาย่อมรู้
ทางจิตด้วยว่า สิ่งที่มาสอนธรรมทางใจนั้นคือ พรหมภูต และธรรมภูต ซึ่งก็คือ
พระพุทธเจ้า(ตถาคต)นั่นเอง แม้ว่าพระพุทธองค์จะไม่มาเป็นภาพให้เห็นในนิมิตเป็นธรรมกายและพรหมกาย แต่พระพุทธองค์ก็มาปรากฏเป็นธรรมภูตและ
พรหมภูต ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยเช่นกัน เพียงแต่เขาต้องเปิดใจกว้างจึงจะรับพระ
พุทธองค์ได้

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผู้ปฏิบัติท่านนั้นจะไม่ยอมรับในขั้นต้น แต่เมื่อเขาปฏิบัติจน
ถึงขั้นอริยะบุคคล โดยเฉพาะพระอรหันต์ เขาก็ต้องได้พบพระพุทธเจ้า ที่เป็น
ธรรมกาย พรหมกาย ธรรมภูต พรหมภูต อยู่ดี และเขาจะรู้ด้วยตัวเองว่า นั่นคือ
พระพุทธเจ้า

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติสายพุทโธ ท่านก็ยืนยันว่าเมื่อท่านสำเร็จขั้น
อรหันต์ ท่านได้พบพระพุทธเจ้า แสดงว่า สายพุทโธอาจจะต้องปฏิบัติจนถึงขั้น
อรหันต์จึงจะได้พบพระพุทธเจ้า ส่วนสายอื่นไม่ว่า สายมโนมยิทธิ และสาย
ธรรมกาย ต่างกำหนดรูปนิมิตไว้ก่อนแล้ว จึงเป็นสื่อให้ได้เห็นพระพุทธเจ้าก่อนสาย
พุทโธ และยุบหนอพอหนอ ซึ่งไม่ได้สร้างนิมิตมารองรับและยังปฏิเสทสิ่งที่รู้เห็นในจิต

ลืมบอกไป! หลักการฝึกจิตแบบธรรมะเปิดโลก ยุบหนอ พองหนอของหลวงพ่อ
คง จตฺตมโล ในขั้นสุดท้าย เมื่อถึงขั้นอริยะบุคคลแล้ว หลวงพ่อคงท่านก็ยืนยันว่าพบพระพุทธเจ้า

สรุป

สายปฏิบัติธรรม สายนะมะพะทะ(มโนมยิทธิ)กับสายวิชชาธรรมกาย
จะพบพระพุทธเจ้าที่เป็นธรรมกายหรือพรหมกายได้เร็ว เนื่องจาก 2 สายนี้ได้สร้าง
นิมิตไว้รองรับพระพุทธเจ้า และใจของเขาเปิดใจรับพระองค์

ส่วนสายพุทโธและสายยุบหนอพองหนอ ถ้าเขาปิดจิตไม่ยอมรับสิ่งที่
เห็นหรือไม่ยิน เขาจะปฏิเสทพระพุทธเจ้าได้ในระดับต้น แต่
เมื่อเข้าสู่ความเป็นอริยะบุคคล ยังไงเขาก็ต้องเจอพระพุทธเจ้าที่เป็นธรรมกาย
พรหมกาย ธรรมภูต พรหมภูต อยู่ดี

ตอบเมื่อ: 09 ก.ย. 2008, 2:13 pm

ประเด็นคือการละกิเลส หากละได้จริงก็จบกิจพระพุทธศาสนา ส่วนเรื่องที่ว่าจะได้พบพระพุทธองค์หรือไม่นั้น หากบรรลุถึงธรรมที่สะอาดบริสุทธิ์ย่อมมีความเป็นไปได้ ขอให้ทุกท่านทุกสายตั้งใจละกิเลสเป็นสำคัญ ส่วนเรื่องนิมิตอย่าให้ความสำคัญมากจะขาดสติได้ สู้ๆครับ สาธุ

ตอบเมื่อ: 09 ก.ย. 2008, 2:53 pm

ขอบคุณครับ สาธุ

4 สายที่ว่า ถ้าจะทดสอบว่าสายไหนที่เหมาะกับตัวเองต้องทำอย่างไรครับ
แล้วจะปฏิบัติด้วยตัวเองได้ไหม
ขอความกรุณาด้วยน่ะครับ อยากทราบรายละเอียด
บางครั้งผมสวด อิติปิโส เท่าอายุแล้วเกิดปิติ คือ ตัวเอียง ตัวสั่น ขนลุก ตัวเบาเหมือนจะลอยได้ หมายถึงอะไรครับ แต่ผมทำได้แค่ 2-3 ครั้งหลังจากนั้นก็ทำไม่ได้อีกเลย เศร้า

ตอบเมื่อ: 09 ก.ย. 2008, 3:18 pm

อิชิคาว่า พิมพ์ว่า:

ขอบคุณครับ สาธุ

4 สายที่ว่า ถ้าจะทดสอบว่าสายไหนที่เหมาะกับตัวเองต้องทำอย่างไรครับ
แล้วจะปฏิบัติด้วยตัวเองได้ไหม
ขอความกรุณาด้วยน่ะครับ อยากทราบรายละเอียด
บางครั้งผมสวด อิติปิโส เท่าอายุแล้วเกิดปิติ คือ ตัวเอียง ตัวสั่น ขนลุก ตัวเบาเหมือนจะลอยได้ หมายถึงอะไรครับ แต่ผมทำได้แค่ 2-3 ครั้งหลังจากนั้นก็ทำไม่ได้อีกเลย เศร้า

ผมไม่ได้ฝึกใน 4 สายนี้ ผมฝึกแบบวิธีของผมที่ทำได้คนเดียว ผมแนะนำเบื้อง
ต้น คุณต้องทำลายอุปทานเก่าหรือความคิดเดิมของคนก่อน เช่น คุณเป็นคนโกรธ
ง่าย ก็ท่องในจิตว่า เราจะไม่โกรธใคร เราจะให้อภัยเขา เราจะรักและเมตตาเขา
เป้นต้น ท่องให้มันซึมลงไปในจิตคุณเลย

ผมไม่เคยสวดมนต์ บทอะไรผมก็สวดไม่ได้ จึงแนะนำไม่ได้ อาการตัวเอียง ตัว
สั่น ขนลุก ตัวเบาเหมือนจะลอยได้ ผมไม่เคยเป็น ผมเคยแต่ตอนนอนทำสมาธิ
พอเข้าสู่ภวังค์ แล้วตัวออกนอกร่าง ผมทดสอบจนมันใจว่า ในภาวะภวังค์นั้น จิต
วิญญาณของเราออกจากร่างกายเนื้อของเรา เราจึงลอยได้

อาการของคุณอาจจะเป็นจิตวิญญาณคุณพยายามออกนอกร่าง แต่คุณไม่เข้าสู่
ภวังค์เต็มที่จึงเกิดอาการแบบนั้นก็ได้ ผมไม่แน่ใจนะครับ

ตอบเมื่อ: 10 ก.ย. 2008, 1:53 pm

อาการที่คุณว่า ไม่ใช่จิตกำลังจะออกจากร่างหรอกกครับ ผมก็เป็นคล้ายกันอย่างนี้ เป็นอาการของปีติจากการสวดมนต์เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมาก

ตอบเมื่อ: 10 ก.ย. 2008, 3:14 pm

ท่านทั้งหลาย ศิษย์ ตถาคต ทั้งหลายเอ๋ย

ผู้ใดเห็นธรรม รู้ธรรม และเข้าใจในธรรม

ผู้นั้น เห็นเรา

ตอบเมื่อ: 10 ก.ย. 2008, 9:25 pm

ตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2008, 12:41 pm

kokorado พิมพ์ว่า:

อาการที่คุณว่า ไม่ใช่จิตกำลังจะออกจากร่างหรอกกครับ ผมก็เป็นคล้ายกันอย่างนี้ เป็นอาการของปีติจากการสวดมนต์เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมาก

อย่างนี้นั่นเอง ยิ้ม

ผมจะตั้งใจสวดต่อไป ตอนนี้เริ่มสวดชินบัญชร
ต่อไปยอดพระไตรปิฎก

ตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2008, 9:10 pm

อ้างอิงจาก:

ผมเคยแต่ตอนนอนทำสมาธิ
พอเข้าสู่ภวังค์ แล้วตัวออกนอกร่าง ผมทดสอบจนมันใจว่า ในภาวะภวังค์นั้น จิต
วิญญาณของเราออกจากร่างกายเนื้อของเรา เราจึงลอยได้

ถามคุณพลศักดิ์ประดับความรู้หน่อยครับ วิญญาณแบบคุณว่าออกจากร่างกาย คุณกะว่าจะให้มันออกไปไหน ออกไปทำไมครับน่า ยิ้ม

ช่วยเล่าให้ฟังยาวๆแบบครั้งเดียวจบเลยได้ไหมครับ ว่าจะออกไปไหน ออกไปทำไม

ตอบเมื่อ: 12 ก.ย. 2008, 11:38 pm

ผมถอดวิญญาณไปหลายครั้งด้วยจุดประสงค์แตกต่างกัน ครั้งแรกๆจำได้ว่า
เมื่อ 10 ปีก่อน ต้องการถอดเพื่อพิสูจน์ว่า เวลาทำสมาธิในขณะที่ถูกผีอำ(ผีอยู่
ใกล้ร่าง) ตัวเราลอยได้จริงไหม หรือเป็นการลอยออกจากร่างของวิญญาณเรา
กันแน่ ผมก็พบว่าที่ลอยคือวิญญาณของเรา ไม่ใช่ร่างกายท่นอนหลับอยู่ บางครั้งก็ถอด
วิญญาณออกไปเพื่อไปดูว่า ในนรกมีการทารุณโหดร้ายกับ
วิญญาณที่ทำบาปตอนอยู่ในโลกจริงไหม ก็พบว่ามันเป็นความจริง

มันแล้วแต่วัตถุประสงค์ครับ ผมถอดวิญญาณออกไปเกือบ 10 ครั้งแล้ว หลังๆไม่กล้าถอด
เพราะเวลาในโลกวิญญาณมันไม่เท่ากับบนโลก เดี๋ยวเที่ยวเพลิน ออกไปแค่ 2ชั่วโมง
พอกลับมากลายเป็น 2 วันแล้ว ที่บ้านนึกว่าผมตายแล้ว

ตอบเมื่อ: 13 ก.ย. 2008, 7:40 am

อ้างอิงจาก:

เวลาทำสมาธิในขณะที่ถูกผีอำ(ผีอยู่
ใกล้ร่าง)

คุณพลศักดิ์ครับ คำว่า สมาธิ และวิญญาณ ได้แก่อะไรหรอครับ ช่วยบอกพอๆเข้าใจได้ไหมครับ

ตอบเมื่อ: 13 ก.ย. 2008, 9:38 pm

กรัชกาย พิมพ์ว่า:

อ้างอิงจาก:

เวลาทำสมาธิในขณะที่ถูกผีอำ(ผีอยู่
ใกล้ร่าง)

คุณพลศักดิ์ครับ คำว่า สมาธิ และวิญญาณ ได้แก่อะไรหรอครับ ช่วยบอกพอๆเข้าใจได้ไหมครับ

วิญญาณคือ วิญญาณธาตุ หรือ เจตุภูต หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "ผี" วิญญาณธาตุ
เป็นคนละตัวกับวิญญาณขันธ์ ปถุชนและสมมุติสงฆ์ส่วนใหญ่จะไม่รู้เรื่องนี้ ไปหลงผิด
คิดว่าเป็นตัวเดียวกัน วิญญาณขันธ์ตายได้ตามร่างกายหรือกายเนื้อของเรา แต่วิญญาณ
ธาตุไม่เคยตาย มีแต่นิพพานหรือเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ

สมาธิ คือ ร่างกาย+วิญญาณขันธ์+วิญญาณธาตุ ซึ่งรวมกันอยู่ในร่างของคน ทำจิต
ให้หยุดนิ่ง แต่จะนิ่งได้เท่าไร ขึ้นอยู่กับการเพียรฝึก

เมื่อเราทำสมาธิในขณะที่วิญญาณอื่นอยู่ใกล้ร่างของเรา หรือในภาวะภวังค์ จิตของ
ร่างกาย+วิญญาณขันธ์ ตอนนั้นจะหลับ สิ่งที่ตื่นอยู่คือวิญญาณธาตุหรือเจตภูตของเรา
การนิ่งอยู่ในสมาธิขณะนั้น จะทำให้วิญญาณธาตุของเราแยกออกจากร่างกาย+วิญญาณขันธ์

ดังนั้น การโดนผีอำจึงเป็นประตูลับที่นำเราไปสู่โลกวิญญาณ โดยไม่ต้องเข้าสู่
ภวังค์ในฌานใดๆเลย

ตอบเมื่อ: 13 ก.ย. 2008, 9:54 pm

อ้างอิงจาก:

สมาธิ คือ ร่างกาย+วิญญาณขันธ์+วิญญาณธาตุ ซึ่งรวมกันอยู่ในร่างของคน

สมาธิที่คุณว่า...นั่น ใช่สมาธิในไตรสิกขา คือ ศีล

สมาธิ ปัญญา ที่พระพุทธเจ้าสอนไหมครับ

วิญญาณขันธ์ กับ วิญญาณธาตุ คนละตัวคนละความหมายกันหรอครับ

การอธิบายธรรมทั้งหมดทั้งสิ้นคุณพลศักดิ์อธิบายตามสำนักเรียนไหนครับ ยิ้ม

ตอบเมื่อ: 17 ก.ย. 2008, 1:25 pm

อ้างอิงจาก:

สมาธิที่คุณว่า...นั่น ใช่สมาธิในไตรสิกขา คือ ศีล

สมาธิ ปัญญา ที่พระพุทธเจ้าสอนไหมครับ

วิญญาณขันธ์ กับ วิญญาณธาตุ คนละตัวคนละความหมายกันหรอครับ

การอธิบายธรรมทั้งหมดทั้งสิ้นคุณพลศักดิ์อธิบายตามสำนักเรียนไหนครับ

อ้างอิงจาก:

ผมฝึกแบบวิธีของผมที่ทำได้คนเดียว

.....

ตอบเมื่อ: 17 ก.ย. 2008, 3:38 pm

กรัชกาย พิมพ์ว่า:

อ้างอิงจาก:

สมาธิ คือ ร่างกาย+วิญญาณขันธ์+วิญญาณธาตุ ซึ่งรวมกันอยู่ในร่างของคน

สมาธิที่คุณว่า...นั่น ใช่สมาธิในไตรสิกขา คือ ศีล

สมาธิ ปัญญา ที่พระพุทธเจ้าสอนไหมครับ

วิญญาณขันธ์ กับ วิญญาณธาตุ คนละตัวคนละความหมายกันหรอครับ

การอธิบายธรรมทั้งหมดทั้งสิ้นคุณพลศักดิ์อธิบายตามสำนักเรียนไหนครับ ยิ้ม

เรื่องสมาธิแยกเป็น 2 ส่วนคือมิจฉาสมาธิ กับสัมมาสมาธิ
แต่ละสมาธิก็มีวิธีการ และการนำมาใช้งานที่แตกต่างกัน
มิจฉาสมาธินั้น หลักสำคัญคือการเพ่งเพื่อให้จิตหยุดอยู่ในอารมณ์อันเดียว
โดยเอาความสงบเป็นเป้าหมาย
เมื่อจิตสงบตามต้องการแล้ว ก็เข้าถึงฌาน 1-8

ส่วนสัมมาสมาธินั้น หลักสำคัญคือการมีสติระลึกรู้อารมณ์เฉพาะหน้าอย่างต่อเนื่อง
เอาความแน่วแน่ที่จิตจะมีสติสัมปชัญญะ รู้อารมณ์ที่กำลังปรากฏเป็นเป้าหมาย
เพื่อน้อมเอาจิตชนิดนั้นไปเจริญสติปัฏฐานได้อย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ที่เข้าสู่ฌาน 1-8
สามารถเข้าสู่สัมมาสมาธิได้ทั้งสิ้น

สมมาสมาธิไปได้แคฌาน 1 และเข้าถึงวิปัสสนา เป็นพระอรหันต์วิปัสสโกเท่านั้น ไม่มี
อภิญญา และความรู้ใดนอกจากตัดกิเลสได้สมบูรณ์ แต่ผู้ที่เข้าสู่ฌาน 4 ขึ้นไปและ
เข้าสู่วิปัสสนา เขาจะมีความรู้ที่สามารถสอนโลกได้ แต่ไม่รู้เท่ากับพระพุทธเจ้า

ดังนั้นการที่คุณกล่าวถึงสมาธิในไตรสิกขา น่าจะหมายถึง สัมมาสมาธิที่ประกอบ
ด้วยศีล และปัญญา อย่างเดียว ท่านเหล่านี้ไม่มีความรู้ที่เกินจากจิตตั้งมั่น มีสติ
ระลึกรู้อารมณ์นั้น และมีศีล คือความเป็นปกติของจิต เป็นตัวของตัวเองไม่ถูกกิเลส
ครอบงำ และมีปัญญารอบรู้การเกิดดับของรูปนามอย่างเป็นปัจจุบัน

ท่านไม่รู้อย่างอื่นหรอก นอกจากท่านต้องเข้าถึงฌาน 2 ขึ้นไป โดยเฉพาะฌาน 4

ตอบเมื่อ: 17 ก.ย. 2008, 3:42 pm

กรัชกาย พิมพ์ว่า:

การอธิบายธรรมทั้งหมดทั้งสิ้นคุณพลศักดิ์อธิบายตามสำนักเรียนไหนครับ ยิ้ม

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้สอนธรรมกับผมโดยตรง ดังเช่นที่สอนวิชา
ธรรมกายให้หลวงพ่อสด วิชาธรรมะเปิดโลกให้หลวงพ่อคง และวิชามโมมยิทธิให้
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

วิชาของผมดังที่คุณnatdanaiบอกแล้วว่า ผมทำได้คนเดียว วิชานี้ผมเรียกว่า วิชา
ใบไม้นอกกำมือ วิชาของเถรวาทและวิชาของมหายานทุกวิชา ล้วนเป็นวิชา
ใบไม้ในกำมือ

ถ้าคุณอยากรู้ว่า ทำไมวิชาใบไม้นอกกำมือของผม ผมทำได้คนเดียว คุณลองท่อง
บริกรรมเบื้องต้นดูซิครับ รับรองความคิดของคุณจะขัดแย้งกันหมด บริกรรมของผมคือ

"นโม(โคตม)พระพุทธเจ้า โอม พระอมิตา พระยะโฮวา พระอัลเลาะห์ พระศิวะ
ข้าพระองค์รู้ว่าพระองค์เป็นองค์เดียวกัน ฯลฯ"

เมื่อจิตของคุณไม่แยกศาสนา คุณจะพบสัจธรรมสูงสุด

ตอบเมื่อ: 17 ก.ย. 2008, 5:25 pm

คุณพลศักดิ์มีบุญนะครับ ขนาดพระพุทธเจ้ามาสอนธรรมเองเลย ช่วยบอกหน่อยครับว่า พระพุทธเจ้ามีรูปร่างสูงต่ำดำขาวประมาณไหนครับ ยิ้ม

ตอบเมื่อ: 17 ก.ย. 2008, 7:34 pm

กรัชกาย พิมพ์ว่า:

คุณพลศักดิ์มีบุญนะครับ ขนาดพระพุทธเจ้ามาสอนธรรมเองเลย ช่วยบอกหน่อยครับว่า พระพุทธเจ้ามีรูปร่างสูงต่ำดำขาวประมาณไหนครับ ยิ้ม

พระพุทธเจ้าเป็นพระธรรมกายหรือธรรมขันธ์ สามารถมีหน้าตาอย่างไรก็ได้ เพราะ
มันเป็นแค่สมมุติ หรือจะไม่มีรูปร่างก็ได้ มาสอนในจิตของเรา

ครั้งที่มีรูปร่างหน้าตาสมมุติ - ครึ่งหนึ่งมีหน้าตารูปร่างเหมือนเจ้าเก่าของผม อันนี้
เราจะรู้เอง อีกครั้งเป็นคนแจวเรือ อีกครั้งเป็นแสงที่พูดได้ชัดเจน
เหมือนกับฟังซาวอะเบ๊า

พวกที่เขาทำมโนมยิทธิ และธรรมกาย เขาจำภาพนิมิตของพระพุทธรูป เช่น พระ
พุทธชินราช และพระพุทธรูปปางอื่นๆ พระพุทธเจ้าก็จะมาหาเขาเป็นรูปนั้น

ครั้งที่ไม่มีรูปร่างหน้าตา ก็ความรู้ทั้งหมดของผมนี่
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ประทาน ผมเพียงเป้นผู้เขียนเท่านั้น เนื่องจากพระพุทธเจ้าไม่มี
ขันธ์แล้ว จึงต้องใช้ขันธ์ผู้อื่นเขียน

คุณนึกว่า ผมจะมีความรู้ที่ลึกซึ้งขนาดนี้โดยไม่มีผู้สอนผมหรือ พระพุทธเจ้ากำลัง
สอนคนในเว็บนี้อยู่ ส่วนใหญ่ไม่เปิดใจรับ เขาก็รับไม่ได้

ตอบเมื่อ: 17 ก.ย. 2008, 8:09 pm

อ้างอิงจาก:

ความรู้ทั้งหมดของผมนี่
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ประทาน ผมเพียงเป้นผู้เขียนเท่านั้น เนื่องจากพระพุทธเจ้าไม่มี ขันธ์แล้ว จึงต้องใช้ขันธ์ผู้อื่นเขียน

คุณนึกว่า ผมจะมีความรู้ที่ลึกซึ้งขนาดนี้โดยไม่มีผู้สอนผมหรือ พระพุทธเจ้า
กำลังสอนคนในเว็บนี้อยู่ ส่วนใหญ่ไม่เปิดใจรับ เขาก็รับไม่ได้

คุณพลศักดิ์พูดเหมือนกับว่าตนเองเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าให้มาสอนธรรมอันลึก

ซึ้งแก่คนในเว็บนี้ ยิ้ม

ถึงว่าดูๆแล้วสุขุมลุ่มลึกผิดปกติ

นิมนต์ทำหน้าที่ต่อไปครับ สาธุ

ตอบเมื่อ: 17 ก.ย. 2008, 8:39 pm

กรัชกาย พิมพ์ว่า:

ถึงว่าดูๆแล้วสุขุมลุ่มลึกผิดปกติ

[/color]

นิมนต์ทำหน้าที่ต่อไปครับ สาธุ

เว็บอื่นเขาไล่ผมออกมาทุกเว็บนะครับ

เว็บพันทิพย์ไล่ผมออกมา 6 ครั้ง

เว็บพลังจิตแบนผม 4 คน สุดท้ายก็ไล่ผมออกตลอดชีพ

เว็บเมเนเจอร์เขาไม่ไล่ผมออก แต่ผมเสนอกระทู้ไป 1 กระทู้ เขาจะเเสนอกระทู้ด่า
ผม 15 กระทู้ หน้าหนึ่งมี 100 กระทู้ เป็นกระทู้ด่าผม 80 กระทู้ กระทู้ของผม 5 กระทู้

เว็บธรรมะไทยเขาก็ไม่เต็มใจต้อนรับผม

แต่คุณรู้หรือเปล่า ผมเสนอกระทู้มา 150 กว่าเรื่อง ทุกเรื่องเป็นความลับของฟ้าทั้งนั้น
มูลค่าบทความของผม ผมคิด 10,000 ล้านดอลล่าร์ แต่คนที่ไม่เห็นคุณค่า สลึงเดียว
เขาก็ไม่เอา