ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 12:02 pm |
  |
ป่ารักษาน้ำ น้ำรักษาป่า ฉันใด
ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ฉันนั้น |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 12:07 pm |
  |
ดีแล้ว คามิน คิดได้แบบนั้นก็ดี แต่มันควรคิดก่อนจะทำอะไรลงไป
และ ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม นั้น ต้องมีใจที่ครองธรรมก่อน ไม่ใช่ ด่าไปแล้วเสียสติไปแล้ว มาทำเงียบ แบบนี้ ไม่ได้เรียกว่า ธรรมรักษา
แต่เรียกว่า กิเลสรักษา เพราะว่าอะไร เปรียบเหมือน คนมีเงินร่ำรวยก็ใช้เงินจนหมด พอเงินหมดแล้ว ก็ต้องอยู่เฉย ไปเที่ยวไปซื้อของไม่ได้
แล้วคนหมดเงินนั้นจะมาบอกว่า ธรรมรักษา ตัวเองหรือ จะบอกว่ามีคุณธรรมข้อความประหยัดทำให้เราไม่ออกไปซื้อของ แบบนี้ไม่ได้ มันตลก เพราะว่า ตัวเองเงินหมดแล้วจะไปซื้อของที่ไหนได้ นอกจาก สงบเสงี่ยมเจียมตัว ให้อยู่เฉยๆ และการอยู่เฉยในครั้งนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า มีเงิน |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 12:11 pm |
  |
ผมกล่าวเพราะ ผมหวังดีกับคุณ ขันธ์น่ะครับ
จริงๆแล้วถ้าคุณ ขันธ์กลับไปอ่านข้อความคุณคามินธรรมอีกครั้ง ช้าๆชัดๆ
คุณจะพบว่าจริงๆแล้วคุณ คามินธรรม มิได้กล่าวอะไรผิดไปเลย
คุณเองก็ไม่ได้กล่าวอะไรผิด
ผมแค่อ่านเฉพาะกระทู้นี้ ซึ่งคุณคามินธรรมก็ไม่ไดพาดพิงอะไรถึงคุณเลยด้วยซ้ำ ผมแค่รู้สึกว่า การจะบอกว่าคุณคามินธรรมมองอะไรแคบๆ โดยสรุปเอาจากเฉพาะกระทู้นี้นั้น ยังไม่ถูกต้องนัก ซึ่งอาจจะกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันไปได้
เราไม่สามารถบังคับให้คนทุกคนคิดตรึกตรองเอาเฉพาะเนื้อธรรมได้จริงไหมครับ เพราะฉะนั้นเพื่อมิให้ธรรมที่ท่านกล่าวไปนั้นสูญเปล่า จึงน่าจะร่วมกับปิยวาจา เพื่อประโยชน์ แก่ผู้รับ ถูกไหมครับ
ผมไม่ได้ว่าว่าคุณขันธ์ผิด เพียงแค่อยากให้พิจารณาข้อความคุณคามินธรรมใหม่อีกครั้ง ว่าจริงๆแล้ว ข้อความนั้นแฝงอะไรไว้
ส่วนเรื่องการทะเลาะกันนั้น แอดมินท่านก็ได้ออกข้อห้ามสำหรับทั้งสองท่านไว้แล้ว ซึ่งกระผมก็ว่าแอดมินท่านทำไปเพื่อความสงบเรียบร้อย
หวังว่าท่านทั้งสองจะเห็นแก่แอดมิน และเพื่อนชาวเวปธรรมจักรนะครับ
กระผมมิอาจกล้าไปเตือนท่านทั้งสองหรอกครับ ลำพังเตือน "ตนเอง" ก็ลำบากแล้ว
ด้วยความเคารพ
 |
|
|
|
    |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 12:13 pm |
  |
ผมจะบอกวิธีแก้ไขให้ คามิน ให้เงินกลับคืนมา คือ
นั่งเฉยๆ ทำงานไป อย่าไปซื้อของมาก ทำงานนี้ก็คือ เอาธรรมะมาเผื่อแผ่ให้ชาวบ้านเขามากๆ ตัวเองก็ต้องขยัน ระงับจิตระงับใจ ไม่ให้ไปซื้อของสุรุ่ยสุร่าย แล้วเดี๋ยวเงินมันจะกลับมาเอง
เมื่อถึงวันนั้นจะใช้จ่ายอะไรก็ต้องระวังก่อน คิดก่อน นั้นแหละคือหนทาง
แต่ถ้าวันนี้เงินไม่มี แล้วยังไปบอกคนอื่นว่า แกต้องประหยัดนะ ดูฉันนี่ ฉันประหยัด ไม่ออกไปเที่ยว ไม่ออกไปซื้อของเลย แบบนี้มันตลก
คุณ ตั้งหน้าตั้งตา เอาธรรมมาเผื่อแผ่ให้ชาวบ้าน เหมือนเดิม ก็จะทำให้เงินเยอะขึ้นเอง สิ่งที่หมดไปแล้วก็ให้มันหมดไป มันเรียกคืนไม่ได้ แต่สร้างใหม่ได้
จำเอาไว้ จะได้ไม่ |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 1:06 pm |
  |
พูดไปสามคำ
หมามันก็คุ้งคลั่งเป็นวรรคเป็นเวร
พูดไปคำ ก้กระโดดงับเข้าไปแล้วเป็นบ้าเป้นหลัง
ลำพังมันบ้าอยู่ ก็น่าสงสารพอแล้ว
ถ้าเราไม่พูด หมามันก้ไม่บ้า เราก็ไม่บาป
แต่พอพูดคำนึง หมาก็บ้าก็คลั่ง
เฮ้อ กระทู้ตัวเองแท้ๆ
จะพูดสักคำก็ไม่อยากจะพูด
ใครเลยจะคุยอะไรกันก็ไม่สะดวก
เพราะกลัวจะโดนหมามันกัดเอา
หาความสัปปายะลำบาก
น่าเบื่อหน่าย |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 2:13 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
ผมแค่อ่านเฉพาะกระทู้นี้ ซึ่งคุณคามินธรรมก็ไม่ไดพาดพิงอะไรถึงคุณเลยด้วยซ้ำ ผมแค่รู้สึกว่า การจะบอกว่าคุณคามินธรรมมองอะไรแคบๆ โดยสรุปเอาจากเฉพาะกระทู้นี้นั้น ยังไม่ถูกต้องนัก ซึ่งอาจจะกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันไปได้
|
คุณ เมธี ผมก็ถามคุณไงหละครับ ว่า ทำไมคุณไม่ไปเตือน ตอนที่ คามินด่าผม มาเตือนผมทำไม แค่ผมใช้คำว่า มองอะไรแคบๆ
ก็ผมก็ยกตัวอย่างให้ดูไงหละครับว่า มองแคบอย่างไร คุณอย่ามามีอคติแถวนี้เลย ทำอวดดีมามีความรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง คุณควรจะรู้สึกเมื่อครั้งคามินออกมาด่าแล้ว
นี่ผมจะยกตัวอย่างอะไรให้ดู
อ้างอิงจาก: |
หมามันก็คุ้งคลั่งเป็นวรรคเป็นเวร
พูดไปคำ ก้กระโดดงับเข้าไปแล้วเป็นบ้าเป้นหลัง
ลำพังมันบ้าอยู่ ก็น่าสงสารพอแล้ว
ถ้าเราไม่พูด หมามันก้ไม่บ้า เราก็ไม่บาป
แต่พอพูดคำนึง หมาก็บ้าก็คลั่ง
|
นี่ ถึงเวลาที่คุณควรออกมาเตือนแล้ว เมธี แค่คำว่า มองอะไรแคบๆ ของผมมันน้อยนิดนัก ถ้าคุณไม่ออกมาเตือนคามิน ผมจะถือว่า คุณมีอคติ
และ ผมจะถือว่า คุณ ไม่ใช่คนจริง ที่ตั้งอยู่บนความถูกต้อง
ส่วน คามิน คำว่า คลุ้มคลั่งของผม ช่วยยกมาด้วยว่า คุ้มคลั่งอย่างไร
แล้วไอ้ที่ คุณด่ากราดอยู่นี่ ไหนว่า พระธรรมรักษาไง ทำไมออกฤทธิ์ออกเดชกลายเป็นด่า ไปแล้วหละ |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 2:18 pm |
  |
ผมจะบอกอะไรให้ฟังนะ คามิน อีกไม่นานคุณจะต้องคุ้มคลั่งมากกว่านี้ แล้วไม่เชื่อคอยดู เพราะโทสะจริตคุณมันมาก
คำว่า หมา คุณเองเป็นคนอยากเป็นตั้งแต่แรกหรือเปล่า ที่ว่า จะคอยเยี่ยวรดไม่ให้ พวกต่างถิ่นต่างธาตุ เข้ามา
คุณเป็นคนพูดเองหรือเปล่า คามิน ว่าคุณจะเห่าไล่ คนต่างถิ่นต่างธาตุเอง
คุณเป็นคนพูดเองหรือเปล่าคามิน ว่า พระธรรมจะรักษาผู้ปฏิบัติธรรม
แต่แล้วฉไน ตอนนี้ กลับกลายมาด่าผมเป็นหมาไปเสียหละ คามิน
คุณเห็นความ สับปลับและความวุ่นวายในตัวคุณไหม
ส่วนคนอื่น หากยังมีใจเป็นธรรม ไม่เห็นแก่พวกพ้อง คุณพินิจดูให้ดี ดูใจคุณด้วย ที่ว่า ขัดใจไม่ได้ มันเป็นอย่างไร |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 2:24 pm |
  |
สำหรับ คุณ เมธี ผมจะรอดูว่า คุณจะเตือน คามิน ออกทางหน้าจอไหม
ผมรอดูอยู่ หากคุณไม่ออกมาเตือน ในการพูดคำว่า หมา ที่คามินด่าผม
ผมก็จะไม่ว่าอะไร แต่คนที่ชื่อเมธี จะกลายเป็นคนที่ ดีแต่พูด ว่าเห็นความถูกต้องมาก่อน ก็วันนี้ รวมถึงคนอื่นด้วย ที่คิดว่า ตัวเองมีความยุติธรรมมากพอ
ผมจะดูซิว่า ระหว่างคำว่า หมา กัด หมาบ้า นั้น เพียงพอที่พวกคุณจะตักเตือนคามินไหม
ก็มาดูซิว่า คนที่รักความยุติธรรมทั้งหลาย จะว่าอย่างไรกับเรื่องนี้
และหากวันนี้ไม่มีใครออกมาเตือนก็กรุณา เก็บคำพูดที่จะเตือนผมคราวหน้าเอาไว้และทิ้งมันไปเลย เพราะท่านไม่มีความชอบธรรมที่จะเตือนผม |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 2:35 pm |
  |
เอางั้นเลยรึครับ ถ้าเกิดผมไม่ได้เข้ามาอ่านอีกผมก็แย่เลยสิครับ
เอาเป็นว่า ที่คุณคามิน เปรียบ นั้น ไม่สมควรแน่นอนครับ
คุณคามินคงรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าถ้าแสดงความเห็นลักษณะนี้ต้องมีผู้ทักท้วงแน่นอน
กระผมขอให้คุณ คามิน ทบทวนตรงนี้ด้วยครับ
การทะเลาะกันต้องมี สองคนสองฝ่ายขึ้นไป หากฝ่ายนึงว่าอีกฝ่ายนึงเงียบ ตบมือข้างเดียวยังไงก็ไม่ดัง
"คนที่โกรธว่าแย่แล้ว คนโกรธตอบสิแย่กว่า"
ผมว่าทั้งสองท่านต่างพิจารณาทั้งสองคนนะครับ
ท่านไหนคิดได้ดั่งที่ admin กล่าวไว้ ท่านนั้นเกิดปัญญาแล้ว(ปัญญาหักโทสะ)
แล้วก็ ผมเองก็ไม่ได้ทรงธรรมอะไรนะครับ เพียงแค่รู้สึกว่ามันมีจุดเริ่มต้น จริงๆแล้วถ้ามีใครหยุด ทุกอย่างก็จบแล้วครับ คนที่เสียสละ เท่านั้น จึงจะให้อภัยทานนี้ได้
สาธุครับ |
|
|
|
    |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 2:52 pm |
  |
คุณ คามินธรรม ครับ
คุณมาได้ถูกทางแล้ว ปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของ admin ต่อไป (ผมหมายถึงก่อนที่คุณจะเปรียบว่าตอบนะครับ)
ถ้าจะให้ดีที่สุด เพิ่มอภัยทานนะครับ
หรือถ้ายังทำไม่ได้ อย่างน้อยก็อย่าไปสนใจกับอะไรๆที่คุณไม่ชอบๆมัน ที่มันเข้ามากระทบ ปล่อยให้มันผ่านไป ให้เหมือนกับภูเขาซึ่งไม่หวั่นไหวเพราะสายลม
ใครเป็นอะไรอย่างไร อย่าไปสนใจครับ ดูเฉพาะตนพอ ไม่อย่างนั้นต้องทำด้วยความเมตตา เมตตาแล้วไม่ได้ผลต้องอุเบกขาอย่างเดียว
ใครเกิดโทสะ ก็ปล่อยไป ตนเองอย่าให้เกิดโทสะเป็นพอ การไปตอบโทสะด้วยโทสะนั้น ยิ่งแย่กว่า
ผมกล่าวเพราะเห็นว่าคุณรับฟังนะครับ
ฝากไว้พิจารณานะครับ
 |
|
|
|
    |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 2:55 pm |
  |
ผมเห็นด้วยกับคุณขันธ์ กรณีที่ว่าต้องเตือนคุณคามิน (เตือนแล้วด้วย)
แล้วที่คุณขันธ์กล่าวก่อนหน้านี้ทีว่า มุมมองแคบ กระผมต้องเตือนคุณด้วยไหมครับ(หรือว่าไม่ต้อง)
หวังว่าคุณคงพิจารณาเองได้ ผมคงไม่มีความสามารถไปเตือนคุณน่ะครับ
 |
|
แก้ไขล่าสุดโดย เมธี เมื่อ 09 ก.ย. 2008, 2:57 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
    |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 2:57 pm |
  |
สาธุ คุณ เมธี ที่ออกมาแสดงความเป็นกลาง
ผมไม่ได้ต้องการให้ใครเข้าข้าง แต่ เราต้องรู้จักพิจารณา
และ ต้นเหตุของเรื่อง ก็คือ การโกรธเคือง การไม่ยอมรับความเห็นของสังคม และ การเอาแต่พวกพ้องและ การมีอคติ
การแสดงออกของ คามิน ผิดพลาดอย่างมากมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ และ คำพูด คำพูดที่บอกว่า มองอะไรแคบๆ นั้นสมควรแล้วเพราะว่า
แม้ผมพูดดี ท่านเห็นกันหรือไม่ว่า ไม่ได้มีการทำให้คามินได้เห็นกิเลส
และ การบอกว่า มองแคบๆ นั้นไม่ได้เกินเลยไปกว่าความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อย
คามิน ผิดพลาดแล้ว ผิดพลาดอีก มีอาการหวั่นไหว และ ทนไม่ได้กับคำติ แม้เพียงนิดก็ สามารถประทุได้ ตรงกันข้าม ผมโดนด่า โดนไล่ โดนรุม ผมเคยแสดงอาการ ด่าทออย่างไร้เหตุผล หรือไม่ พวกท่านไปคิดดู
และ ก่อนมีคำด่าว่า หมา ผมก็แสดงความเห็นด้วยธรรม ไปแท้ๆ แต่ความขัดใจ รับไม่ได้กับธรรม นั้นประทุขึ้นทันที
คุณ เมธี ไม่มีคำพูดอะไร จะสามารถให้คนโกรธเห็นความจริงได้หรอก
ดูอย่างประเทศในปัจจุบัน |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 2:59 pm |
  |
คุณ เมธี การตอบกลับของผม นี้ ยกสิ่งทีคามินพูดมาแล้วทั้งสิ้น
ไม่ได้เป็นการด่า อย่างไร้เหตุผล
ผมยกมาให้ดูว่า ตัวเขาเองเขาพูดเช่นนั้น และ ผมไม่ได้ด่า ว่า ไอ้หมาบ้า หมากัด แบบนี้ไม่มี
ผมไม่ได้พูดด้วยอารมณ์ กรุณา แยกแยะด้วยครับ |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 3:01 pm |
  |
แก้ไขแล้วครับ พอดีอ่านเร็วไป ขอโทษทีครับ |
|
|
|
    |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 3:07 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
การทะเลาะกันต้องมี สองคนสองฝ่ายขึ้นไป หากฝ่ายนึงว่าอีกฝ่ายนึงเงียบ ตบมือข้างเดียวยังไงก็ไม่ดัง
"คนที่โกรธว่าแย่แล้ว คนโกรธตอบสิแย่กว่า"
|
คุณ เมธี ข้อนี้ คุณจะบอกว่า คนที่พูดตามความจริงอย่างผม แม้มีบ้างนิดหน่อย มันคือการทะเลาะหรือครับ
ผมเข้าไปตอบแสดงความเห็น แม้จุดที่ไม่มีคำว่า มองแคบ ผมก็ได้รับการแสดงออกว่า ผมละเมิด
ข้อนี้ ผมก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร ผมก็แก้ต่าง
นี่คุณจะบอกว่า คนที่แก้ต่างนี้ทะเลาะได้อย่างไร
แต่คนที่สร้างเรื่องนั้น คุณ เมธีต้องมองให้ดีๆ ว่า ใครเป็นคนร้องเรียน ใครเป็นคน สร้างเรื่อง
มีไหมที่ผมบอกว่า ห้ามคุณมาแสดงความเห็นในกระทู้ของผม ห้ามคุณมาพูดถึงผม ห้ามคุณมาพาดพิงผม แล้วผมไม่ได้ห้ามอะไรใคร ทำไมจึงไม่มองหละว่า ต้นเหตุนั้นเกิดจากใคร
การเสียสละ ผมบอกตามตรงว่า ผมไม่มีอะไรจะเสียสละในการกระทำครั้งนี้ เปรียบเหมือน คุณจะไปห้ามให้คนไม่โกรธไม่ได้ เขาโกรธ เขาไม่พอใจ คุณไปบอกเขา คุณห้ามไปยุ่งกับเขา เลย เขาก็ต้องโกรธอยู่ดี
อีกทั้งการ ห้ามไม่ให้คนแสดงความเห็น คุณว่า มันควรหรือ คำพูดของผมไม่มีอะไรเลย มีแต่ ทุเรส บ้า โง่ เขลา ก็ไม่ให้มันพูดอย่างไร ก็มันไม่มีคนที่พิจารณา ผมพูดไพเราะ แต่ผมทำแบบ คามิน เอาไหม พอเวลาไม่พอใจ ก็ด่า แบบนั้นเอาไหม แล้วด่า ไอ้ขันแตก หมาบ้า จะแจ้งความจับบ้าง จะไล่ออกจากเว็บบ้าง แบบนี้เอาไหม |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
guest
บัวบาน

เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 3:12 pm |
  |
กรรมการของเราท่านนี้ คือ ปราชญ์ |
|
|
|
  |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 3:17 pm |
  |
ที่ผมกล่าว ไม่ได้หมายถึงใครน่ะครับ (จริงๆนะครับ)
ฝากไว้ให้ทุกท่าน นอกเหนือจากท่านทั้งสองด้วย
ความหมายก็คือ ถ้ารู้ตัวว่าเกิดโทสะ แล้วยังใช้โทสะตอบกลับนั่นคือแย่ยิ่งกว่า
ทุกท่านพิจารณากันได้เอง ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นคือมี คนมาว่าท่านด้วยโทสะ ท่านพิจารณาแล้วเห็น ถ้าท่านไม่โทสะตอบ ถือว่าท่านยอดเยี่ยม ถ้าท่านเกิดโทสะแต่คุมไว้ได้ไม่ตอบกลับ ก็เยี่ยมรองลงมา ถ้าท่านตอบกลับด้วยโทสะ ก็ถือว่าแย่ อันนี้จริงไหมครับ
ฝากไว้พิจารณาด้วย พิจารณากันให้ลึกซึ้ง
อีกเรื่อง เรื่องเก่าๆ ก็ให้มันผ่านไปเถอะครับ อย่าไปยึดกับมัน ใครวางได้คนนั้นก็เป็นสุข
คุณ ขันธ์
ผมฝากท่านพิจารณาสิ่งที่ผมกล่าวด้วยนะครับ บนพื้นฐานที่ว่า คำที่ผมกล่าวไม่ได้เจตนาว่าใคร กล่าวกลางๆ หรือจะสมมุติก็ได้ว่า ผมไม่ได้กล่าว เพียงแต่ท่านไปอ่านเจอที่ผมเขียนไว้ตามบทความต่างๆ แล้วท่านก็พิจารณา
ขอบคุณที่อ่านความเห็นผมนะครับ
 |
|
|
|
    |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 3:19 pm |
  |
guest พิมพ์ว่า: |
กรรมการของเราท่านนี้ คือ ปราชญ์ |
ขอบคุณนะครับ แต่ผมคงไม่อาจรับไว้ได้ เนื่องจาก ผมยังห่างไกลนัก
อีกอย่าง ผมไม่ใช่กรรมการครับ ถ้าเป็น กรรมกร ล่ะพอได้
 |
|
|
|
    |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 3:21 pm |
  |
คามินเอ่ย :
อ้างอิงจาก: |
ป่ารักษาน้ำ น้ำรักษาป่า ฉันใด
ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ฉันนั้น
|
ขันธ์เอ่ย:
อ้างอิงจาก: |
ดีแล้ว คามิน คิดได้แบบนั้นก็ดี แต่มันควรคิดก่อนจะทำอะไรลงไป
และ ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม นั้น ต้องมีใจที่ครองธรรมก่อน ไม่ใช่ ด่าไปแล้วเสียสติไปแล้ว มาทำเงียบ แบบนี้ ไม่ได้เรียกว่า ธรรมรักษา
แต่เรียกว่า กิเลสรักษา เพราะว่าอะไร เปรียบเหมือน คนมีเงินร่ำรวยก็ใช้เงินจนหมด พอเงินหมดแล้ว ก็ต้องอยู่เฉย ไปเที่ยวไปซื้อของไม่ได้
แล้วคนหมดเงินนั้นจะมาบอกว่า ธรรมรักษา ตัวเองหรือ จะบอกว่ามีคุณธรรมข้อความประหยัดทำให้เราไม่ออกไปซื้อของ แบบนี้ไม่ได้ มันตลก เพราะว่า ตัวเองเงินหมดแล้วจะไปซื้อของที่ไหนได้ นอกจาก สงบเสงี่ยมเจียมตัว ให้อยู่เฉยๆ และการอยู่เฉยในครั้งนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า มีเงิน |
ขันธ์เอ่ย :
อ้างอิงจาก: |
ผมจะบอกวิธีแก้ไขให้ คามิน ให้เงินกลับคืนมา คือ
นั่งเฉยๆ ทำงานไป อย่าไปซื้อของมาก ทำงานนี้ก็คือ เอาธรรมะมาเผื่อแผ่ให้ชาวบ้านเขามากๆ ตัวเองก็ต้องขยัน ระงับจิตระงับใจ ไม่ให้ไปซื้อของสุรุ่ยสุร่าย แล้วเดี๋ยวเงินมันจะกลับมาเอง
เมื่อถึงวันนั้นจะใช้จ่ายอะไรก็ต้องระวังก่อน คิดก่อน นั้นแหละคือหนทาง
แต่ถ้าวันนี้เงินไม่มี แล้วยังไปบอกคนอื่นว่า แกต้องประหยัดนะ ดูฉันนี่ ฉันประหยัด ไม่ออกไปเที่ยว ไม่ออกไปซื้อของเลย แบบนี้มันตลก
คุณ ตั้งหน้าตั้งตา เอาธรรมมาเผื่อแผ่ให้ชาวบ้าน เหมือนเดิม ก็จะทำให้เงินเยอะขึ้นเอง สิ่งที่หมดไปแล้วก็ให้มันหมดไป มันเรียกคืนไม่ได้ แต่สร้างใหม่ได้
จำเอาไว้ จะได้ไม่
|
คามินเอ่ย :
อ้างอิงจาก: |
พูดไปสามคำ
หมามันก็คุ้งคลั่งเป็นวรรคเป็นเวร
พูดไปคำ ก้กระโดดงับเข้าไปแล้วเป็นบ้าเป้นหลัง
ลำพังมันบ้าอยู่ ก็น่าสงสารพอแล้ว
ถ้าเราไม่พูด หมามันก้ไม่บ้า เราก็ไม่บาป
แต่พอพูดคำนึง หมาก็บ้าก็คลั่ง
เฮ้อ กระทู้ตัวเองแท้ๆ
จะพูดสักคำก็ไม่อยากจะพูด
ใครเลยจะคุยอะไรกันก็ไม่สะดวก
เพราะกลัวจะโดนหมามันกัดเอา
หาความสัปปายะลำบาก
น่าเบื่อหน่าย
|
นี่ จะว่าผมยั่ว ผมก็ไม่ได้ยั่ว ผมแค่เตือนให้เห็น สิ่งที่ผมพูดก็ล้วนแต่เป็นธรรม แล้วลองดูสิว่า จริงหรือไม่ |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
เมธี
บัวตูม

เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222
|
ตอบเมื่อ:
09 ก.ย. 2008, 3:57 pm |
  |
คุณ ขันธ์ กล่าวว่า
เรียกว่า กิเลสรักษา เพราะว่าอะไร เปรียบเหมือน คนมีเงินร่ำรวยก็ใช้เงินจนหมด พอเงินหมดแล้ว ก็ต้องอยู่เฉย ไปเที่ยวไปซื้อของไม่ได้
แล้วคนหมดเงินนั้นจะมาบอกว่า ธรรมรักษา ตัวเองหรือ จะบอกว่ามีคุณธรรมข้อความประหยัดทำให้เราไม่ออกไปซื้อของ แบบนี้ไม่ได้ มันตลก เพราะว่า ตัวเองเงินหมดแล้วจะไปซื้อของที่ไหนได้ นอกจาก สงบเสงี่ยมเจียมตัว ให้อยู่เฉยๆ และการอยู่เฉยในครั้งนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า มีเงิน
--------------
ข้างต้นคือใจความสำคัญ ที่บุคคลควรศึกษา ที่คุณขันธ์ได้กล่าวเอาไว้
กระผมขอเสริม มีบางกรณีนะครับ ที่คนหมดตังค์แล้วเพิ่งคิดได้ จึงประหยัด หลังจากนั้นพอมีเงินจึงไม่ทำผิดซ้ำอีก กรณีนี้เรียกได้ว่าธรรมรักษาตั้งแต่ตอนที่หมดตังค์ เพียงแต่สำเร็จอยู่ที่ใจ ผู้อื่นไม่อาจรู้ได้ เพราะไม่มีโอกาสแสดงให้เห็น
 |
|
|
|
    |
 |
|