Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 การฆ่าตัวตายไม่ได้เป็นบาปเสมอไป อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2008, 8:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
หลอกถึงขนาดว่าถ้ามีศรัทธาต่อพระเจ้า
ฆ่าตัวตายแล้วจะได้พบพระเจ้า

ถ้ามีใครเชื่อคุณซักคนแล้วทำตามคุณบอก
แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
คุณรู้ดีอยู่แล้ว

........ ถ้าเขาทำด้วยศรัทธาจริง เขาจะได้พบพระเจ้า และอย่างน้อยก็จะไปอยู่ในอาณาจักรสวรรค์


ท่านทีมงาน

มีข้อความอย่างนี้คงไม่ไหว

จะว่าผมอย่างไรก็ได้

แต่ถ้าปล่อยให้มีข้อเชิญชวนอย่างนี้ในเวป

เข้าข่ายผิดหลักศีลธรรมอันดีของประชาชน

และอันตรายอย่างยิ่ง

และมันคงไม่จบแค่นี้

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2008, 9:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ใบไม้ ผมอยากให้คุณพิจารณาด้วยว่า ข้อความที่พูดไปนั้น แม้คุณจะคิดว่ามันเป็นหลักการปรมัต คือไม่ขึ้นอยุ่กับการกระทำแต่ขึ้นอยู่กับจิตใจ
แต่ ว่า จิตใจที่คิดจะฆ่าตัวตายนั้น แม้่กระทำด้วยศรัทธา แต่ก็ถือเป็นความโง่ ความประมาท อันเป็นอกุศล ไม่ใช่เป็นกุศลอย่างที่คุณคิด

และ กรรมที่กระทำอัตตวิบากกรรม นั้นเป็นอกุศลตรงไหน อกุศลคือ ไม่พิจารณาธรรมให้ดี ว่า การฆ่าตัวตายนั้นก่อให้เกิดผลตามมามากน้อยแค่ไหน

การที่คุณเอาเรื่องราวพระที่พยายามจะฆ่าตัวตายสุดท้ายบรรลุธรรมนั้น มาเปรียบในกรณีนี้ไม่ได้ เพราะว่า การฆ่าตัวตายของพระท่านนั้น เป็นอกุศล แต่แล้ว ด้วยจิตอันเป็นกุศลที่สร้างมายาวนาน ทำให้เกิด กุศลคือสมาธิ ตัดรอนให้เห็นธรรมในขณะนั้น จิตที่เศร้าหมองหรือประมาทที่จะฆ่าตัวตายดับลงไป แล้วเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตรงนั้น

คุณอย่าเอาเรื่องพระเจ้า มาปนกับพระพุทธเจ้า ผมเคยพูดหลายครั้งแล้วใบไม้ว่า มันเป็นกรรม ในการทำสัทธรรมปฏิรูป
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2008, 11:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ"guest"ครับ




ข้อ ๒. กับ ๓. ที่คุณกล่าวข้างต้นนั่นล่ะจับแพะชนแกะ

มีอย่างที่ไหนคนตีความสัจจะธรรมผิดไปเลยแบ่งแยกศาสนา

สัจจะธรรมเมื่อรู้เมื่อเห็นแล้วไม่จำเป็นต้องตีความครับ
อย่างเช่นธรรมะแต่ละขั้นในพุทธศาสนา


.......สัจธรรมสูงสุดในขั้นโลกุตรธธรรม มีเพียงพระพุทธเจ้าจึงสอนได้
และพระอริยะบุคคลจึงจะตีความได้ถูกต้อง สัจธรรมในระดับโลกุตรธรรม
ถ้าปถุชนตีความย่อมเป็นสัทธรรมปฏิรูป(ของปลอม) ดังเช่น ศาสนาพุทธ
ทุกวันนี้สมมุติสงฆ์ตีความ ล้วนยเป็นสัทธรรมปฏิรูป(ของปลอม)ทั้งสิ้น


หลวงปู่มัน ภูริทัตโตเทศน์ว่า

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า[
color=red] ธรรมของพระตถาคตเมื่อเข้าไป
ประดิษฐานในสันดานของปุถุชนแล้ว ย่อมกลายเป็นของปลอม
[/color](สัทธรรม
ปฏิรูป) แต่ถ้าเข้าไปประดิษฐานในจิตสันดานของพระอริยเจ้าแล้วไซร้ ย่อม
เป็นของบริสุทธิ์แท้จริง และเป็นของไม่ลบเลือนด้วย



ศาสนาในอดีตล้นถูกปถุชนตั้งขึ้น ทำให้ตีความสัจธรรมผิดไป ศาสนา
คริสต์ถูกตั้งขึ้นโดยพระโพธิสัตว์ที่เป็นอรหันต์ คือ พระเยซู ศาสนาอิสลาม
ถูกตั้งขึ้นโดยพระโสดาบันมูฮัมหมัด แต่ปถุชนผู้ศึกษาคัมภีร์ไปตีความ
คัมภีร์ของตนไม่ถูกต้อง เช่นเดียวกับศาสนาพุทธ สมมุติสงฆ์ก็ตีความพระไตรปิฎกไม่ถูกต้อง ดังเช่นที่หลวงปู่มั่นบอกไว้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2008, 11:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

mes พิมพ์ว่า:
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
หลอกถึงขนาดว่าถ้ามีศรัทธาต่อพระเจ้า
ฆ่าตัวตายแล้วจะได้พบพระเจ้า

ถ้ามีใครเชื่อคุณซักคนแล้วทำตามคุณบอก
แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
คุณรู้ดีอยู่แล้ว

........ ถ้าเขาทำด้วยศรัทธาจริง เขาจะได้พบพระเจ้า และอย่างน้อยก็จะไปอยู่ในอาณาจักรสวรรค์


ท่านทีมงาน

มีข้อความอย่างนี้คงไม่ไหว

จะว่าผมอย่างไรก็ได้

แต่ถ้าปล่อยให้มีข้อเชิญชวนอย่างนี้ในเวป

เข้าข่ายผิดหลักศีลธรรมอันดีของประชาชน

และอันตรายอย่างยิ่ง

และมันคงไม่จบแค่นี้




ไม่เป็นอันตรายหรอกครับ เพราะมีคนที่ศรัทธาจริงๆน้อยมาก หรืออาจจะไม่มีจริงๆเลย
อาจจะมีผมคนเดียวก็ได้ แต่ผมก็จะไม่เลือกวิธีฆ่าตัวตาย

ผมอภัยให้คุณ เพราะคุณไม่ได้พูดเอง แต่มารที่สิงคุณอยู่ บังคับให้คุณ
พูดออกมา เพื่อให้ทีมงานไล่ผมออกจากเว็บ ผมโดนแผนนี้ของมารมานับสิบครั้งแล้ว

ส่อนข้อกล่าวหา "เข้าข่ายผิดหลักศีลธรรมอันดีของประชาชน

และอันตรายอย่างยิ่ง"
เป็นข้อกล่าวหาลอยๆของคุณที่โดนมารสิงใจ
ไม่ให้ผมเปิดเผยความลับของฟ้าและความลับที่ซ่อนอยู่ในพระไตรปิฎก โดย
มีสมมุติฐานว่าทุกคนโง่ ไม่มีความคิด
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2008, 11:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ"ขันธ์"ครับ

1. ใบไม้ ผมอยากให้คุณพิจารณาด้วยว่า ข้อความที่พูดไปนั้น แม้คุณจะคิดว่ามันเป็นหลักการปรมัต คือไม่ขึ้นอยู่กับการกระทำแต่ขึ้นอยู่กับจิตใจ
แต่ ว่าจิตใจที่คิดจะฆ่าตัวตายนั้น แม้กระทำด้วยศรัทธา แต่ก็ถือเป็นความโง่ ความประมาท อันเป็นอกุศล ไม่ใช่เป็นกุศลอย่างที่คุณคิด

.....คุณขันธ์รู้หรือเปล่าว่าพระวักกลิอาจจะไม่ได้บรรลุอรหันต์ก็ได้ แต่ท่าน
ฆ่าตัวตายเพราะความศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า พระวักกลิรูปนี้ ได้รับการ
รับรองจากพระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุสาวกของพระองค์ทั้งหลาย
ในด้านเป็นผู้พ้นจากกิเลสได้ด้วยศรัทธา พระพุทธเจ้ารับรองว่า พระวักกลิเถระ เป็น
เอตทัคคะในทางศรัทธาวิมุตติ

ถ้าคุณมีศรัทธาแก่กล้าแบบพระวักกลิ แล้วคุณกระทำอัตตวิบากกรรม คุณจะตกนรกได้อย่างไร


2. คุณอย่าเอาเรื่องพระเจ้า มาปนกับพระพุทธเจ้า ผมเคยพูดหลายครั้งแล้วใบไม้ว่า มันเป็นกรรม ในการทำสัทธรรมปฏิรูป

......ผมว่าเว็บนี้เป็นเว็บที่ผมพูดถึงเรื่อง พระเจ้า คือ พระพุทธเจ้าน้อยมาก
แล้วนะครับ คุณจะห้ามผมเปิดเผยความจริงเรื่องนี้ไม่ได้ ผมโดนไล่ออก
จากเว็บพันทิพย์ 6 ครั้ง จากความร่วมมือร่วมใจของมารที่สิงใจคนใน
ศาสนาคริสต์ อิสลาม พุทธ ผมยังไม่สนเลย เพราะไม่มีใครแย้งผมได้สัก
คนว่านิพพานไม่ใช่สภาวะของพระเจ้าตรงไหน หลักฐานมันชัดครับ

อสังขตธาตุ(พระเจ้า) ที่ไม่มีจุดเกิด จุดดับ จุดสิ้นสุด ได้สร้างสังขตธาตุ
ขึ้นมาเพื่อค้นหาตัวเองว่าตนเองก็คือพระเจ้า หมายถึง สังขตธาตุ ก็คือ
อสังขตธาตุ(พระเจ้า) อวิชชามันบังจิตของปถุชนเอาไว้ไม่เห้เห็นความจริงข้อนี้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ย. 2008, 12:33 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ พลศักดิ์

ผมจะบอกให้แนวคิดของคุณไม่ได้แปลกใหม่อะไรเลย

ในอดีตก็มีผู้เสนอแนวคิดลัทธิที่แตกต่าง
เหมือนความคิดแบบคุณมากมาย
ที่มีชื่อเสียงก็เช่น ฟาหลุนกง โอมชินริเกียว

มันไม่ได้มีอะไรน่าภูมิใจหรอกคุณพลศักดิ์

คุณรู้อยู่เต็มหัวอกว่าคุณกำลังหลอกคนอื่น
แต่คุณรู้มั้ยว่าคนอื่นเค้ามองคุณเป็นตัวตลกต่างหาก
คุณรู้มั้ย

คุณภูมิใจแค่การได้เสนอความคิดที่แตกต่าง
ทำอะไรเป็นจุดเด่นในสายตาคนอื่น

แต่ผมอยากจะบอกคุณให้รู้ไว้ว่า
คุณในสายตาคนอื่นคุณคือตัวตลกเท่านั้นเอง

คุณทำไปเถอะ
คุณยิ่งพยายามเปิดเผยความลับของฟ้าที่คุณว่าไว้มากเท่าใด
คุณก็จะเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นมากเท่านั้น

มันดีนักหรือตัวตลกของคนอื่นน่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ย. 2008, 11:00 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ"guest"ครับ




ผมเป็นพุทธศาสนิกชนครับ เป็นผู้ที่เข้าถึงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ส่วนคุณโดนมารสิงใจให้พูดใส่ร้ายผม ผมให้อภัย และอโหสิกรรมให้คุณ
เพราะคุณไม่รู้ว่า คุณกำลังเป็นเครื่องมือของพญามาร ส่งเสริมลัทธิมารที่เรียกว่า
สัทธรรมปฏิรูป พุทธศาสนาของปลอม
ที่สมมุติสงฆ์และปถุชนที่ไม่ปฏิบัติ
ให้รู้แจ้ง พยายามคงเอาไว้ แต่พวกเขาทำลายศาสนาพุทธของแท้ไม่ได้หรอกครับ

ถ้าคุณสงสัยตรงไหน หรือไม่เข้าใจเรื่องอะไรในศาสนาพุทธของแท้ ถามผมได้ครับ

ประเด็นอื่นของการใส่ร้ายใส่ความของคุณ ผมคงไม่ตอบ อย่าลืมว่า วิธีการ
ของมารทุกรูปแบบผมเจอมาแล้วในเว็บพลังจิต เว็บธรรมะไทย เว็บเนเนเจอร์
เว็บพันทิพย์ มารเขาไม่มีลูกเล่นใหม่ๆเลย ทำเหมือนเดิม ไม่โต้และถก
ในเรื่องศาสนา เขาจะสิงใจคนที่ยังมีอวิชชาให้ใส่ร้ายป้ายสี ดูถูก ดูหมิ่น ยุยง
ส่งเสริม ด่าว่า ตำหนิ ติเตือนผู้อื่น หรือไม่ก็สิงใจทีมงานเว็บมาสเตอร์ให้ไล่
ผมออกไปเลย


ใครก็ทำอะไรผมไม่ได้ครับ เพราะความทุกข์ทั้งหมดอยู่ที่ใจผมจะไปคิดปรุงแต่ง
เมื่อผมไม่คิดปรุงแต่ง ก็ทำอะไรผมไม่ได้ ไล่ผมออกไป ผมก็ไปเว็บอื่น ที่เว็บมาสเตอร์
เป็นผู้ทรงธรรม ไม่โดนมารสิงใจง่ายๆ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ยุติธรรม
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 02 ส.ค. 2008
ตอบ: 26

ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ย. 2008, 6:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณพลศักดิ์คะ - อย่าไปสนใจเลยค่ะ

ในโลกนี้มีหลายจำพวก บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้
เปรียบเสมือนบัว 4 เหล่า

1. พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้
และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์
ก็เบ่งบานทันที (อุคฆฏิตัญญู)

2. พวกที่มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตาม
และได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า
เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป (วิปจิตัญญู)
พวกที่มีสติ

3. ปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝน
เพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอบด้วยศรัทธา ปสาทะ
ในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ
ซึ่งจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง (เนยยะ)

4. พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมาย
หรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่
กับโคลนตม ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน
(ปทปรมะ)

พวกที่ฟังธรรมชั้นสูงที่ตนเองไม่เคยรู้ เที่ยวกวนไปกวนมา เขาเรียกว่า พวกกวนบาทา ค่ะ ไม่จัดอยู่ในบัว 4 เหล่า
 


แก้ไขล่าสุดโดย ยุติธรรม เมื่อ 06 ก.ย. 2008, 6:27 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ยุติธรรม
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 02 ส.ค. 2008
ตอบ: 26

ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ย. 2008, 6:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดิฉันขอความรู้จากคุณพลศักดิ์เพิ่มนะคะ

คุณพลศักดิ์เขียนว่า

พระพุทธเจ้ารับรองว่า พระวักกลิเถระ เป็นเอตทัคคะในทางศรัทธาวิมุตติ

มีหลักฐานในพระไตรปิฎกไหมคะ ดิฉันเคยได้ยินแต่ ปัญญาวิมุติ กับ เจโตวิมุติ

มีศรัทธาวิมุติ หรือ หลุดพ้นด้วยศรัทธาด้วยหรือคะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ย. 2008, 6:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

5555555555

มีการ"อวตาล"เกิดขึ้นด้วย
อัศจรรย์จริงแท้

-----

คุณยุติธรรมยังไม่ตอบผมเลย

ที่ผมบอกว่าพระวักกลิหลงผิดคิดว่าตัวเองบรรลุเสร็จกิจแล้ว
จึงเชือดคอตัวเอง หมายจะเข้านิพพานเสียโดยไว
เมื่อเชือดคอ เกิดเวทนาขึ้น จึงรู้ว่าตัวเองยังไม่ได้บรรลุอย่างที่จึงคว้าเวทนานั้นมาทำกรรมฐาน
แล้วบรรลุในที่สุด

จากนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จมา และทรงตรัสรับรองการนิพพาน

การเชือดคอ เป็น เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น
ถ้าท่านไม่คว้าเหตุการณ์นั้น มาทำกรรมฐาน
ท่านก็ไม่มีทางบรรลุ

การบรรลุนิพาน ไม่มีทางอื่นอีก มีแค่ทางนี้ทางเดียว มิใช่หรือ

"ศรัทธาวิมุตต" คืออะไร
เชื่อสุดหัวใจแล้ววิมุตได้จริงๆหรือ
วิมุตที่ว่านี้ = นิพพาน หรือเปล่า
หรือเป็นแค่สุขคติ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
walaiporn
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ย. 2008, 7:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นำมาให้อ่านค่ะ

พระวักกลิเถระ ท่านเกิดในตระกูลพราหมณ์ ในพระนครสาวัตถี เรียนจบไตรเภทตามลัทธิพราหมณ์ วันหนึ่งได้เห็นพระศาสดา เกิดความหลงใหลในพระรูปพระโฉมของพระองค์ คิดว่าถ้าหากออกบวชก็จะได้เห็นพระพุทธองค์ทุกๆวัน จึงทูลขออุปสมบทในพระศาสนา บวชแล้วก็คอยติดตามดูพระองค์ตลอดเวลา ไม่เป็นอันบำเพ็ญสมณธรรม ไม่เป็นอันเจริญภาวนา พระพุทธเจ้าทรงรอเวลาให้ญาณของท่านสุกงอม และตรัสเตือนว่า " ดูก่อนวักกลิ การเพ่งมองดูกายอันเปื่อยเน่าของเราจักมีประโยชน์อันใด ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา "

พระดำรัสที่ตรัสสอนพระวักกลิข้างต้นโดยเฉพาะ " ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา " ซึ่งในพระบาลีว่า โย ธมฺมํ ปสฺสติ โส มํ ปสฺสติ นี้ กลายเป็นพระพุทธภาษิตที่สำคัญในการสอนไม่ให้หลงรูปที่งาม เพราะไม่ช้าก็ต้องเน่าเปื่อยผุพังไป แต่ครั้งนั้นพระวักกลิหาเชื่อฟังพระองค์ไม่

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำริว่า หากพระวักกลิไม่ได้รับสังเวชใจ ก็ไม่สามารถบรรลุมรรคผลอันใด ต่อมาเมื่อใกล้วันเข้าพรรษา พระองค์ได้เสด็จสู่กรุงราชคฤห์และในวันเข้าพรรษา พระองค์ตรัสประณามขับไล่พระวักกลิออกไปจากสำนักด้วยพระวาจาว่า " วักกลิ เธอจงหลีกไปเสีย " เมื่อถูกพระพุทธองค์ทรงตำหนิติเตียนเช่นั้น ท่านเกิดความน้อยใจ คิดว่าพระพุทธองค์จักไม่ทักทาย เจรจาปราศรัยกับท่านอีกแล้ว ท่านก็ไม่สามารถจะอยู่ให้พระองค์เห้นได้ตลอดสามเดือน ก็เกิดความเสียใจคิดว่า " ประโยชน์อันใดกับการมีชีวิตอยู่ ไปกระโดดเขาตายเสียดีกว่า " แล้วจึงไปสู่เขาคิชกูฏเพื่อฆ่าตัวตาย พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระญาณ ทรงปรากฏพระกายต่อหน้าพระวักกลิ และตรัสสอนด้วยอุบายต่างๆ จนในที่สุดท่านก็ได้สำเร็จอรหันต ท่านได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นเอตทัคคะในทางศรัทธาวิมุตติ คือหลุดพ้นด้วยศรัทธา

เรื่องเล่าจากหลวงปู่ถวิล สุจิณโณ

กาลเวลาผ่านสู่กลางพรรษา หลวงปู่ภาวนาไปก็ได้เห็นพระรูปหนึ่งโผล่กายพรุ่งพรวดขึ้นมา แล้วได้มีบุรุษผู้หนึ่งเอาได้เอาคราดหวดกระหน่ำ ลงไปที่ศรีษะจนจมลึกมิดด้ามคราด หลวงปู่ถวิลเห็นดังนั้นจึงได้พูดถามบุรุษผู้นั้น

" เอ้า! ทำไมถึงทำกันขนาดนี้ ทำไมถึงได้ไปเอาคราดสับหัวพระรูปนั้นอย่างนั้นจมมิด "

บุรุษผู้นั้นกราบเรียนหลวงปู่ว่า " ก็พระนั้นฆ่าตัวตายเองน่ะซิ ท่านอยู่ถ้ำหามตาว "

ถ้ำหางตาวนั้นอยู่อีกฟากฝั่งของภูเก้า อยู่อีกฝั่งเขตบริเวณถ้ำจันได หลวงปู่เองก็ไม่เคยไปเห็นถ้ำหามตาวเลยสักครั้ง ครั้นรุ่งเช้า ชาวบ้านนำภัตตาหารมาถวายจังหันแก่หลวงปู่ หลวงปู่จึงได้ถามชาวบ้านไป

" มีพระมาตายไหม? ที่ถ้ำหามตาว "

ชาวบ้านได้ฟังคำถามหลวงปู่แล้วได้ตอบกราบเรียน

" มีพระมหารูปหนึ่งได้มาผูกคอตายที่ถ้ำแห่งนั้น "

หลวงปู่ได้รับทราบดังนั้น จึงได้บอกชาวบ้าน

" พระมหารูปนั้น ตายไปนี่ตกนรก เนื่องเพราะกรรมฆ่าตัวตาย "

นำมาจากประวัติหลวงปู่ถวิล สุจิณโณ
 

_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ย. 2008, 8:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ พลศักดิ์

เอ้าตอบคุณคามินธรรม กับ คุณวลัยพร หน่อยสิครับ

คุณนี่ศีล ๕ ยังรักษาไว้ไม่ได้
แล้วยังจะมายกตนยกตัว
ประกาศความลับของฟ้าอีก

เรื่องที่คุณพูดถึง
คนอื่น ๆ เค้าคัดค้านจนหมดแล้ว
เหตุผลก็ชัดเจนไปหมดแล้ว
สรุปว่าคุณมั่วทั้งนั้น
แต่คุณทำเป็นเฉยไม่สนใจ

คุณรู้มั้ยสิ่งที่คุณกระทำทั้งหมดนี้
คุณจะได้รับผลยังไง
คุณเตรียมตัวเตรียมใจแล้วหรือยัง
ถ้าคุณยังไม่กลับตัวกลับใจ
ใครก็ช่วยคุณไม่ได้
คุณต้องได้รับผลกรรมของคุณแน่นอนเร็ว ๆ นี้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ย. 2008, 11:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยุติธรรม พิมพ์ว่า:
ดิฉันขอความรู้จากคุณพลศักดิ์เพิ่มนะคะ

คุณพลศักดิ์เขียนว่า

พระพุทธเจ้ารับรองว่า พระวักกลิเถระ เป็นเอตทัคคะในทางศรัทธาวิมุตติ

มีหลักฐานในพระไตรปิฎกไหมคะ ดิฉันเคยได้ยินแต่ ปัญญาวิมุติ กับ เจโตวิมุติ

มีศรัทธาวิมุติ หรือ หลุดพ้นด้วยศรัทธาด้วยหรือคะ



ผมขอแยกไปตั้งกระทู้ใหม่ครับ

อย่าเป็นห่วงผมเลยครับ มารเขาทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ จิตของผม
ไม่ปรุงแต่งคำพูดของเขา เขาอยากพูดอะไร ใส่ความอะไร ต้องปล่อยเขาไป
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ย. 2008, 11:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สงบ .. สยบกระทู้ใช้คอมบ้านเพื่อน

ได้ผลๆ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 12:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยุติธรรม พิมพ์ว่า:
ดิฉันขอความรู้จากคุณพลศักดิ์เพิ่มนะคะ

คุณพลศักดิ์เขียนว่า

พระพุทธเจ้ารับรองว่า พระวักกลิเถระ เป็นเอตทัคคะในทางศรัทธาวิมุตติ

มีหลักฐานในพระไตรปิฎกไหมคะ ดิฉันเคยได้ยินแต่ ปัญญาวิมุติ กับ เจโตวิมุติ

มีศรัทธาวิมุติ หรือ หลุดพ้นด้วยศรัทธาด้วยหรือคะ




ท่านเชื่อหรือไม่? ศาสนาพุทธไม่ได้หลุดพ้นด้วยเจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติเท่านั้น
แต่มีการหลุดพันด้วยศรัทธาวิมุติด้วย
ก็พระวักกลิเถระนั่นแหละ ท่านเป็นผู้เลิศกว่า
ภิกษุทั้งหลาย ฝ่ายข้างมีศรัทธาเป็นกำลัง ท่านมิได้หลุดพ้นเข้านิพพานด้วย
เจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติ แต่อย่างใด แต่ท่านหลุดพ้นได้ด้วยศรัทธาที่เชื่อมั่น
ในคำสอนของพระพุทธเจ้าจนหมดหัวใจ


หลักฐาน:


1. ในสมัยต่อมา พระผู้มีพระภาคทรงสถิตนั่งในท่ามกลางพระอริยสงฆ์แล้ว จึงทรงตั้งพระวักกลิเถระไว้ในอัครฐารที่อันเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายฝ่ายศรัทธาวิมุติ คือพ้นจากกิเลสด้วยศรัทธา

พระอสีติมหาสาวก 15 www.heritage.thaigov.net/religion/priest/priest15.html - 9k


2. ดังนั้น ทรงประกาศท่ามกลางหมู่สงฆ์ ทรงแต่งตั้งให้พระวักกลิเถระ เป็นผู้เลิศกว่า ภิกษุทั้งหลาย ที่หลุดพ้นกิเลส ได้ด้วยศรัทธา

กว่าจะถึงอรหันต์
http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Sanasoke/sa259/073.html


3. พระวักกลิรูปนี้ ได้รับการรับรองจากพระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุสาวกของพระองค์ทั้งหลาย ในด้านเป็นผู้พ้นจากกิเลสได้ด้วยศรัทธา (พระไตรปิฎก พระสุตตันตปิฎก เล่ม 12 อังคุตตรนิกาย ข้อ 147)



ผมขอคัดข้อความการตอบโต้ระหว่างพระพุทธเจ้าและวักกลิตอนหนึ่งในพระไตรปิฎก
มาให้อ่าน

....จากการพบเห็นคราวนั้น ก็เกิดแรงปรารถนาที่จะได้เป็นผู้เลิศยอดเช่นนั้นบ้าง จึงนิมนต์พระพุทธเจ้า กับพระสาวก ถวายอาหาร อันประณีตให้เสวยตลอด ๗ วัน ด้วยใจเต็มเปี่ยมด้วยปีติ แล้วกราบทูลว่า

"ข้าแต่พระมหามุนี ข้าพระองค์ปรารถนาได้เป็นเช่นภิกษุผู้สัทธาวิมุติ (หลุดพ้นกิเลสด้วยศรัทธา) ดังที่พระองค์ตรัส ชมเชยภิกษุรูปหนึ่งว่า เลิศกว่าภิกษุทั้งปวงที่มีศรัทธาในพระศาสนานี้"


พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเขาแล้ว ตรัสขึ้นท่ามกลางพุทธบริษัทว่า


"จงดูมาณพ(ชายหนุ่มในตระกูลพราหมณ์)ผู้นี้เถิด ในอนาคตกาลเขาจะได้ชื่อว่า วักกลิ เป็นพระสาวก ของพระศาสดา พระนามว่า โคดม เขาจะได้เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านสัทธาวิมุติ"
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 12:42 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมื่อเวลาพระไตรปิฏกเป็นคุณประโยชน์
คุณก็อ้างอิงเป็นวรรคเป็นเวร

เมื่อคราต่อมา พระไตรปิฏกไม่สามารถตอบสนองควมเชื่อคุณได้
คุณก็กล่าว่าพระไตรปิฏกนั้นผิด ค้าน

พระวักกลิ มีศรัทธา
แต่ตอนเข้านิพพาน ใช้ปัญญาที่คว้าเวทนามาทำกรรมฐาน
จึงเข้านิพพานด้วยปัญญา

การเข้านิพพานด้วยศรัทธา ไม่มีบัญญัติในศาสนา
เราย่อมไม่บัญญัติ ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่บัญญัติ

ปฏิเสธพระคัมภีร์ที่มี เพื่อสร้างเรื่องใหม่
ปฏิเสธเนื้อที่มี เพื่อรับรองเนื้องอก
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 1:08 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลองฟังถ้อยคำตอบโต้ของวักกลิกับพระพทธเจ้าดู คุณจะพบว่าวักกลิผู้นี้
อาจจะไม่ได้เข้าถึงเจโตวิมุติและปัญญาวิมุติแต่อย่างใด แต่ท่านเชื่อและ
ศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างหมดใจ ไม่มีความเคลือบแคลง
สงสัยใดๆเลย ผู้ที่เชื่อและศรัทธาพระพุทธเจ้าอย่างหมดใจ ก็สามารถเข้า
ถึงนิพพานได้ เป็นวิธีที่เรียกว่า "ศรัทธาวิมุติ"

......................................................................................
........................................................


เช้าวันรุ่งขึ้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเรียกภิกษุ ทั้งหลายมา แล้วรับสั่งว่า


"ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงพากันไปหาวักกลิภิกษุถึงที่อยู่ แล้วจง
บอกอย่างนี้ว่า เมื่อคืนมี เทวดาตนหนึ่ง ทูลกับพระศาสดาว่าวักกลิภิกษุ
กำลังคิด เพื่อความหลุดพ้น แต่มีเทวดาอีกตนหนึ่งทูลว่า วักกลิภิกษุนั้น
หลุดพ้นดีแล้ว จะหลุดพ้นได้แน่แท้ ส่วนพระศาสดาเอง ได้ตรัสฝากให้
ท่านว่า อย่ากลัวเลยวักกลิ เธอจะมีความตายอันไม่ต่ำช้า จะมีความตาย
อันไม่เลวทรามเลย"


ภิกษุเหล่านั้นรับพระดำรัสแล้ว ก็พากันไปหาวักกลิภิกษุถึงที่อยู่ เพื่อบอก
เล่าคำของพระศาสดา วักกลิภิกษุ ให้เพื่อนๆ ช่วยกันอุ้มตน ลงจากเตียง
เพราะคิดด้วยศรัทธายิ่งว่า

"ภิกษุเช่นเรา จะนั่งอยู่บนที่นั่งสูง แล้วฟังคำสั่งสอนของพระศาสดานั้น ไม่
สมควรเลย"


วักกลิภิกษุ ได้ฟังแล้ว ก็บอกกับเหล่าภิกษุนั้นว่า


"พวกท่านช่วยกันไปทูลพระศาสดา ตามคำพูดของผมด้วยว่าวักกลิภิกษุ
อาพาธเป็นไข้หนัก ได้รับทุกขเวทนา กล้าเหลือเกิน ขอถวายบังคมลา เบื้องพระยุคลบาท ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยเศียรเกล้า


ข้าพระองค์ไม่เคลือบแคลงว่า รูป (เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ) ไม่
เที่ยง ไม่สงสัยว่า สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์


ไม่สงสัยว่า สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา

ความพอใจก็ตาม ความกำหนัดก็ตาม ความรักใคร่ก็ตามในสิ่งนั้นๆ มิได้มี
แก่ข้าพระองค์แล้ว"


ภิกษุเหล่านั้นรับคำของพระวักกลิเถระ เมื่อภิกษุเหล่านั้นออกจากที่นั้น
แล้ว พระวักกลิเถระ ก็นำเอาศัสตรา (อาวุธมีคม) มาปาดคอตัวเอง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 1:10 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คามินธรรม พิมพ์ว่า:
เมื่อเวลาพระไตรปิฏกเป็นคุณประโยชน์
คุณก็อ้างอิงเป็นวรรคเป็นเวร

เมื่อคราต่อมา พระไตรปิฏกไม่สามารถตอบสนองควมเชื่อคุณได้
คุณก็กล่าว่าพระไตรปิฏกนั้นผิด ค้าน

พระวักกลิ มีศรัทธา
แต่ตอนเข้านิพพาน ใช้ปัญญาที่คว้าเวทนามาทำกรรมฐาน
จึงเข้านิพพานด้วยปัญญา

การเข้านิพพานด้วยศรัทธา ไม่มีบัญญัติในศาสนา
เราย่อมไม่บัญญัติ ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่บัญญัติ

ปฏิเสธพระคัมภีร์ที่มี เพื่อสร้างเรื่องใหม่
ปฏิเสธเนื้อที่มี เพื่อรับรองเนื้องอก



มาร...มาร...มาร
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 2:45 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สู้ สู้ สู้ สู้ สู้ สู้
อย่ากลัวๆ แค่มารนกแก้ว มารนกขุนทอง
น่ารักจะตาย เจี๊ยวๆ จ๊าวๆ

รู้ว่ามีมาร ก็พอแล้ว

พระพุทธเจ้าเจอเป้นกองทัพ
หลวงตาบัวบอกว่ามันมาเป้นกองทัพ มากมายมหาศาล

ผมแค่คนเดียว กับสองปีก กลัวอะไร
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 10:05 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คามินธรรม พิมพ์ว่า:
สู้ สู้ สู้ สู้ สู้ สู้
อย่ากลัวๆ แค่มารนกแก้ว มารนกขุนทอง
น่ารักจะตาย เจี๊ยวๆ จ๊าวๆ

รู้ว่ามีมาร ก็พอแล้ว

พระพุทธเจ้าเจอเป้นกองทัพ
หลวงตาบัวบอกว่ามันมาเป้นกองทัพ มากมายมหาศาล

ผมแค่คนเดียว กับสองปีก กลัวอะไร



คุณเข้าใจผิดแล้วครับ ผมไม่ได้กลัวมาร ผมกลัวมารสิงใจคุณ จนถอนตัว
ไม่ได้ต่างหาก จึงเขียนเตือนสติคุณว่า มาร..มาร..มาร
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง