ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน

เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง
|
ตอบเมื่อ:
30 ส.ค. 2008, 5:31 am |
  |
อ้างอิงจาก: |
1. บทความของท่านพุทธทาส และคำสอนของท่านพุทธทาส แบ่งเป็นช่วงครับ
ช่วงต้นและช่วงกลาง - ท่านพุทธทาสมั่วสถานเดียว เพราะไปตีความพระ
พุทธศาสนาจากการใช้สมองคิด สิ่งที่ท่านสอนคือ สัทธรรมปฏิรูป(ของปลอม)
ช่วงบั้นปลายของชีวิต - หลังจากท่านพุทธทาสตระหนักว่า วิญญาณมันสืบต่อ
เนื่องไปเรื่อยๆ ถ้าสังขารยังปรุงแต่งอยู่ ตอนนั้นแหละท่านจึงรู้ว่า สวรรค์ นรก
ของจริงอาจจะมี พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนมั่ว อย่างไรก็ตาม ตำราคำสอนสมัย
ช่วงต้น-ช่วงกลางของชีวิตท่านแพร่ออกไปมากแล้ว ไม่สามารถเรียกกลับคืนได้ |
คุณพลศักดิ์ และคุณ mes ครับ
ผมว่าคำสอนของท่านพุทธทาสในส่วนที่เป็นอัตตโนมัตติ มั่วตลอดชีวิตของท่านเลยครับ
ไม่รวมผลงานของท่านที่ไปคัดลอกจากพระไตรปิฏก
แต่รวมถึงในส่วนที่ไปอธิบายพระไตรปิฏก มั่ว ๆ แล้วอ้างว่าเป็นภาษาธรรม
ขอยกตัวอย่างความมั่วของท่านพุทธทาส
คติ ๘ ภาษาคน-ภาษาธรรม
http://www.buddhadasa.com/dhamanukom/language30.html
พระพุทธองค์เอออวยเรื่องนรก สวรรค์ กับศาสนาพราหมณ์
http://www.buddhadasa.com/dhamanukom/tevada83.html |
|
|
|
  |
 |
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน

เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง
|
ตอบเมื่อ:
30 ส.ค. 2008, 5:39 am |
  |
อ้างอิงจาก: |
2. ท่านคิดอย่างไรกับเรื่อง สวรรค์ นรก ในแง่ที่ว่า สวรรค์นั้นอยู่บนฟ้ามีวิมานที่สวยงาม มีนางฟ้า ส่วนนรก อยู่ใต้ดิน เป็นที่ที่น่ากลัว มีกะทะทองแดง ต้นงิ้ว ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องของวัตถุ
......เป็นเช่นนั้นจริงๆ ถ้ายังไม่ได้อภิญญา 5 ก็ยังไม่รู้หรอกว่า เรื่องสวรรค์
นรก ของจริงนั้นมีจริงๆ ผมเจอเทพ พรหม ผีนรก เปรต ฯลฯ มานับไม่ถ้วน
จึงยืนยันว่าเรื่องเหล่านี้มีจริง |
คุณพลศักดิ์ครับ
ครั้งหนึ่งเคยศึกษางานของท่านพุทธทาสจนเกือบเชื่อว่า ผีสางเทวดาไม่มี ตายแล้วสูญ ( อุจเฉททิฏฐิ )
ภายหลังชมรมพุทธที่มหาลัยพาไปวัดธรรมกาย ก็เกือบเชื่อว่า วิญญาณเป็นอมตะล่องลอยไปเกิดได้
พยายามนั่งสมาธิ ให้ได้ วิชาธรรมกาย หรือ มโนมยิทธิ เพื่อไปเห็น นรก สวรรค์ จนถึงแดนพระนิพพาน (สัสสตทิฏฐิ)
จนวันหนึ่งได้มาพบผู้ทรงพระไตรปิฏก เชี่ยวชาญทั้ง คันถะธุระ และ วิปัสสนาธุระ
ความหมายนิพพานในพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://larndham.net/index.php?showtopic=24144&st=1
แดนนิพพานหรือเมืองนิพพานอยู่ที่ไหน http://larndham.net/index.php?showtopic=23173&st=128
นิพพาน แปลว่าพ้นจากเครื่องร้อยรัดพันธนาการ คือพ้นจากตัณหานั่นเอง ตัณหาคือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทุกข์คือสิ่งที่มีจริงอยู่ทุกวัน สมุทัยคือตัณหานั่นเอง สมุทัยคือตัวที่ทำให้เกิดทุกข์ ตราบใดที่ยังมีความต้องการอยู่ ตราบนั้นชีวิตต้องเปลี่ยนไปอย่างนั้น ไปอย่างนี้ ไปอย่างโน้นตลอดเวลา นิพพานเป็นการสิ้นสุดตัณหา ความหมายของพระนิพพานมี ๕ ประการคือ
๑. เป็นพระปรมัตถ์อย่างหนึ่งที่เข้าถึงได้ทุกคน มีอยู่โดยเฉพาะ ไม่มีการเสริมแต่งได้อีกต่อไป
๒.เป็นธรรมที่ไม่ตาย คือไม่มีทั้งการเกิดและการตาย
๓.เป็นธรรมที่เที่ยงแล้ว คือพ้นจากความเป็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
๔.เป็นธรรมที่ไม่ถูกปรุงแต่งด้วยปัจจัยใด ๆ ทั้งสิ้น
๕.เป็นธรรมที่ประเสริฐยิ่ง หาธรรมอื่นเสมอเหมือนไม่ได้
คุณลักษณะของพระนิพพานมี ๓ อย่าง คือ
๑.มีความสงบจากกิเลสและขันธ์ เป็นลักษณะ
๒.มีความไม่แตกดับ เป็นกิจ
๓.ไม่มีนิมิตเครื่องหมายใด ๆ ที่จะไปถึง เป็นผลปรากฏ
ผู้ที่ถึงมรรคผลนิพพานนั้นไม่มีโอกาสกลับมาเล่าอีกแล้วเพราะว่าไม่เกิด ทวารดับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีอีกแล้ว ฉะนั้นคนที่นั่งสมาธิไปนี้ไปแค่ไหน ไม่ใช่นิพพานไปแค่สะพานแล้วกลับมาเล่าเท่านั้น |
|
|
|
  |
 |
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน

เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง
|
ตอบเมื่อ:
30 ส.ค. 2008, 5:57 am |
  |
อ้างอิงจาก: |
3. กับ สวรรค์ นรก ในแง่ที่ว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ซึ่งเป็นเรื่องของอายตนะทั้ง 6 ทั้งนรก ทั้งสวรรค์ มันอยู่ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
คือ ความรู้สึก ที่เกิดขึ้น ที่นั่น
.....ถ้าสวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ เท่านั้น จงรีบทำชั่วให้หนักเลย เพราะทุกข์
ในใจมันเทียบกับความสุขจากการได้ทำความชั่วไม่ได้ ผมบอกแล้วว่าใน
บั้นปลายชีวิตท่านพุทธทาส ท่านพบว่าวิญญาณสืบเนื่องต่อไปได้เรือยๆ ถ้าคน
ทำชั่วในชาตินี้ ไม่ได้รับผลในชาติต่อๆไป รับแค่ความทุกข์ในใจเล็กๆน้อยๆ
เทียบกับความสุขในการทำความชั่วไม่ได้ กฎแห่งกรรมก็ไม่มีจริง |
คำสอนของท่านพุทธทาส ก็ไม่ต่างจาก อชิตะเกสกัมพล แต่ต่างกันที่ อชิตะเกสกัมพล ไม่ได้กล่าวตู่พระพุทธพจน์เท่านั้น
สังเกตดูคำสอนท่านพุทธทาสพยายามจะหลีกเลี่ยงการสอนเรื่อง หลักกรรม การเวียนว่ายตายเกิด อ้างแต่ปัจจุบัน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
อ้างอิงจาก: |
http://www.84000.org/true/337.html
ปัญหา ศาสดาอชิตะ เกสกัมพล มีแนวคำสอนว่าอย่างไร ? และแนวคำสอนเช่นนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
พุทธดำรัสตอบ อชิตะ เกสกัมพล มีความเห็นว่า ทานไม่มีผล การบูชาไม่มีผล การเซ่นสรวงไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาบิดาไม่มี สัตว์ที่เกิดผุดขึ้น (โอปปาติกะ) ไม่มี สมณะพราหมณ์ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ รู้แจ้งชัดโลกนี้และโลกหน้าด้วยปัญญาอันยิ่งแล้วสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งไม่มีในโลก คนเราเป็นแต่เพียงที่ประชุมของมหาภูตรูป ๔ เมื่อใดทำกาลกิริยา(ตาย) เมื่อนั้นธาตุดินก็ไปตามธาตุดิน ธาตุน้ำก็ไปตามธาตุน้ำ ธาตุไฟก็ไปตามธาตุไฟ ธาตุลมก็ไปตามธาตุลม อินทรีย์ทั้งหลายย่อมเลื่อนลอยไปในอากาศ บุรุษ ๔ คน รวมเป็น ๕ ทั้งที่วางศพ หามเอาคนตายไป เสียบทสวดสรรเสริญเขามีไปจนถึงป่าช้า กระดูกทั้งหลายกลายเป็นสีเทาดุจสีนกพิราบ เครื่องเซ่นสังเวยทั้งหลายสิ้นสุดลงด้วยเถ้า ท่านนี้เคนเขลาบัญญัติไว้ คนเหล่าใดประกาศลัทธิอัตติกวาท คำของคนเหล่านั้นเป็นคำเหล่าประโยชน์ เป็นคำเท็จ เป็นคำบ่นเพ้อเมื่อร่างกายแตกสลายทั้งพาลและบัณฑิตย่อมขาดสูญพินาศไป หลังจากความตายไม่มีอะไรเลย...
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อรูป....เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ มีอยู่เพราะถือมั่นยึดมั่นรูป....เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ ความเห็นอย่างนี้จึงเกิดขึ้นมา
ทิฏฐิสังยุต โสดาปัตติวรรค ที่ ๑ (๔๒๕)
ตบ. ๑๗ : ๒๕๔ ตท. ๑๗ : ๒๓๔-๒๓๕
ตอ. K.S. ๓ : ๑๑๖-๑๑๗ |
-----------------------------------------------------------
http://larndham.net/index.php?showtopic=12737&st=16
ลัทธินัตถิกทิฏฐิ กล่าวโดยเนื้อหาก็คือปรัชญาจากการมีรากฐานอยู่ก่อนแล้วในระบบความคิดความเชื่อเดิมของสังคมอินเดียหากเทียบกับลัทธิปรัชญาตะวันตกนัตถิกทิฏฐิก็คือปรัชญาวัตถุนิยม (Mate-rialistic philosophy) ซึ่งผู้ศึกษาปรัชญาสายตะวันออกและตะวันตกย่อมจะรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
หลักการทั่วไปของลัทธินัตถิกทิฏฐิ หรือปรัชญาวัตถุนิยมของตะวันตก(Materialistic philosophy) มีเนื้อหาสอดคล้องกันตรงที่ต่างยอมรับว่าโลกและชีวิตเป็นผลผลิตของการรวมกันอย่างลงตัวของวัตถุหรือสสาร ไม่มีจิตวิญญาณที่เป็นนามธรรม ความจริงมีอยู่เฉพาะในโลกแห่งวัตถุและความจริงนี้ต้องพิสูจน์ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง ๕ คือ ตา หู จมูก ลิ้น และกายสัมผัสเท่านั้น ไม่มีความจริงอื่นนอกเหนือไปกว่านี้
แต่พระพุทธศาสนากล่าวว่า ความจริงไม่ได้มีอยู่เฉพาะในโลกแห่งวัตถุหรือสสารเท่านั้น ยังมีความจริงอีกมากมายที่เรามองไม่เห็น พิสูจน์ไม่ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง ๕ แต่อาจพิสูจน์และสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสที่ ๖ (ESP = Extra Sensory Perception) คือจิตหรือใจ
เมื่อวัตถุนิยมปฏิเสธความจริงทางนามธรรม ก็เท่ากับปฏิเสธเรื่องบุญ บาป ความดี ความชั่ว กฏแห่งกรรม เทวดา พระนิพพาน และพระอรหันต์ผู้รู้แจ้งพระนิพพานด้วย การปฏิเสธบุญบาป เป็นต้น ก็เท่ากับเป็นการปฏิเสธระบบคุณค่าหรือกฏเกณฑ์ทางศีลธรรมจริยธรรมที่ทำให้สังคมดำรงอยู่อย่างสงบร่มเย็นไปด้วยโดยปริยาย
ผู้ที่เชื่อในลัทธิวัตถุนิยมจึงใช้ชีวิตอย่างสุดโต่งไปในการแสวงหาความสุขจากการสนองตัณหา หรือการกิน ดื่ม สืบพันธุ์ หรือกิน กาม เกียรติ และการเสพบริโภคอย่างเต็มที่ ไม่คำนึงถึงคุณค่าทางจิตใจ ให้ความสำคัญต่อวัตถุและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเงิน รถ บ้าน กามารมณ์ เป็นต้น ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่อาจถือเอาเป็นสรณะที่สามารถให้คำตอบสุดท้ายกับชีวิตได้แทบทั้งหมด กล่าวโดยรวมคือสนใจโลกียสุขมากกว่าจะแสวงหาโลกุตรสุขที่อยู่เลยพ้นขึ้นไปจากสุขทางประสาทสัมผัสทั้ง ๕
เมื่อกล่าวโดยเคร่งครัดลัทธิวัตถุนิยมของพระเจ้ายาปาสิจึงไม่ได้หายไปจากความคิดความเชื่อและวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมปัจจุบัน หากแต่ได้คลี่คลายขยายตัวมาอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมิ่งนักในนามของลัทธิวัตถุนิยม บริโภคนิยม ที่กำลังแผ่อิทธิพลครอบงำไปทั่วโลกอยู่ในเวลานี้นั่นเอง
-------------------------------------------------
สังเกตดูคำสอนของท่านพุทธทาส จะได้การยอมรับจากลัทธิวัตถุนิยม ทั้งในต่างประเทศ และในประเทศ จนได้รับรางวัลระดับนานาชาติ จากยูเนสโก
คุณ mes คงภูมิใจกับรางวัลนี้ของอาจารย์พุทธทาสมาก ๆ เนาะ  |
|
|
|
  |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
30 ส.ค. 2008, 9:43 pm |
  |
ผมภูมิใจในตัวท่านพุทธทาสเช่นเดียวกับชาวโลกที่เคารพในตัวท่าน
ไม่ใช่เรื่องน่าอาย
คุณเฉลิมศักดิ์อย่ามากล่าววาจาถากถาง
คุณเองคุยภาษาไทยยังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย
เค้นจะมาเย้นหยันท่านพุทธทาส
คุณรู้จักอุจจาระที่ท่านพุทธทาสปล่อยวางไหม |
|
|
|
   |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
30 ส.ค. 2008, 9:50 pm |
  |
ขอถามว่าที่คุณวิจารณ์ท่านพุทธทาสคุณได้อ่านบทความของท่านดีแล้วหรือ
ขนาดถามตอบในเวปคุณยังมั่วถามอย่างตอบอย่าง
ตลบแตลง
มาว่าท่านพุทธทาสมั่ว
เจี่ยมตัวบ้างเถอะ
สังวรไว้บ้าง
ไม่มีใครสรรเสริญคุณหรอก
ผมกล่าวหาได้เลยว่า
เฉลิมศักดิ์แค่คนลวงโลก
ท่านที่อยู่ที่สวนโมกในเหตุการณ์ที่เฉลิมศักดิ์พยายามก่อกวนท่านพุทธทาส
กรุณาออกมาแฉอีกครั้งครับ
ผมไม่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ได้ยินกับหูเห็นกับตาไม่อยากยืนยัน
ผมไม่ใช่เฉลิมศักดิ์
จึงรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองกระทำ |
|
|
|
   |
 |
เฉลิมศักดิ์1
บัวบาน

เข้าร่วม: 17 เม.ย. 2007
ตอบ: 272
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 9:02 am |
  |
อ้างอิงจาก: |
มาว่าท่านพุทธทาสมั่ว
เจี่ยมตัวบ้างเถอะ |
ก็ อ.พลศักดิ์ ของคุณ mes เปิดประเด็นไว้ ผมเลยแสดงความเห็นเพิ่มเติม ครับ ( คุณ mes อย่ามั่ว ดิ !)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16994&postdays=0&postorder=asc&start=0
อ้างอิงจาก: |
1. บทความของท่านพุทธทาส และคำสอนของท่านพุทธทาส แบ่งเป็นช่วงครับ
ช่วงต้นและช่วงกลาง - ท่านพุทธทาสมั่วสถานเดียว เพราะไปตีความพระ
พุทธศาสนาจากการใช้สมองคิด สิ่งที่ท่านสอนคือ สัทธรรมปฏิรูป(ของปลอม)
ช่วงบั้นปลายของชีวิต - หลังจากท่านพุทธทาสตระหนักว่า วิญญาณมันสืบต่อ
เนื่องไปเรื่อยๆ ถ้าสังขารยังปรุงแต่งอยู่ ตอนนั้นแหละท่านจึงรู้ว่า สวรรค์ นรก
ของจริงอาจจะมี พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนมั่ว อย่างไรก็ตาม ตำราคำสอนสมัย
ช่วงต้น-ช่วงกลางของชีวิตท่านแพร่ออกไปมากแล้ว ไม่สามารถเรียกกลับคืนได้ |
-----------------------------------------------------------
อ้างอิงจาก: |
เฉลิมศักดิ์แค่คนลวงโลก
ท่านที่อยู่ที่สวนโมกในเหตุการณ์ที่เฉลิมศักดิ์พยายามก่อกวนท่านพุทธทาส
กรุณาออกมาแฉอีกครั้งครับ
ผมไม่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ได้ยินกับหูเห็นกับตาไม่อยากยืนยัน |
มีครั้งหนึ่ง ที่ ชมรมพุทธ ที่สถาบัน จัดไปปฏิบัติธรรมที่สวนโมกข์ อยู่ปีสุดท้ายแล้ว (ปี 35) ตอนนั้นท่านพุทธทาสอายุมากแล้ว ไม่ได้สอนอะไรมาก
ตอนนั้นก็เชื่อเหมือนคุณ mes ว่าท่านน่าจะเป็นพระอริยบุคคล
ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วครับ เมื่อผมได้ศึกษาพื้นฐานทางด้านพระอภิธรรมมีความเข้าใจบ้างเพียงเล็กน้อย หนังสือต่าง ๆ ของท่านพุทธทาสที่ผมได้รวบรวมสะสมไว้ทั้งหมดเป็นจำนวนมาก ผมไม่กล้าที่นำไปแจกคนอื่น เกรงว่าจะเกิดความเข้าใจผิดในสภาวธรรมขึ้นได้กับเพื่อนผู้ร่วมทุกข์ทั้งหลาย แล้วความเสียหายก็จะติดตามตัวไปอีก และความเสียหายนี้ก็มิใช่เล็กน้อย
คุณ mes ครับ ได้ข้อมูลมาจากไหน ครับ ?
(ว่าผมไปก่อกกวนประท้วงท่านที่สวนโมกข์)
ระวังเป็นคนลวงโลกเสียเองนะครับ  |
|
|
|
  |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 3:44 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
คุณ mes ครับ ได้ข้อมูลมาจากไหน ครับ ?
(ว่าผมไปก่อกกวนประท้วงท่านที่สวนโมกข์)
ระวังเป็นคนลวงโลกเสียเองนะครับ |
ไม่เป็นไรครับ
ให้ผมเจอหลักฐานอีกทีจะแสดง
แต่พยานบุคคลคลยังมี
ผมบอกแล้วว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
ถ้าผิดผมจะออกมายอมรับ
แล้วเฉลิมศักดิ์กล้ารับผิดไหมที่ตนโกหก |
|
|
|
   |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 3:49 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
อ้างอิงจาก:
เฉลิมศักดิ์แค่คนลวงโลก
ท่านที่อยู่ที่สวนโมกในเหตุการณ์ที่เฉลิมศักดิ์พยายามก่อกวนท่านพุทธทาส
กรุณาออกมาแฉอีกครั้งครับ
ผมไม่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ได้ยินกับหูเห็นกับตาไม่อยากยืนยัน
|
ข้างบนเป็นของผม
ข้างล่างเป็นของเฉลิมศักดิ์ที่โกหก
ใส่ร้ายป้ายสีตามอนุสัยของตน
อ้างอิงจาก: |
คุณ mes ครับ ได้ข้อมูลมาจากไหน ครับ ?
(ว่าผมไปก่อกกวนประท้วงท่านที่สวนโมกข์)
ระวังเป็นคนลวงโลกเสียเองนะครับ |
ดูในวงเล็บครับ
ผมไม่ได้เขียน
แล้วคุณเฉลิมศักดิ์เสริมแต่งได้อย่างไร
นี่แหละครับเอากันให้ชัดๆตรงนี้เลย
อายเขาไหม |
|
|
|
   |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
31 ส.ค. 2008, 3:51 pm |
  |
ท่านผู้อ่านก็คงได้อนุมานพฤติกรรมอันไม่ดีของคุณเฉลิมศักดิ์ได้พอประมาณแล้วครับ
ผมก็ไม่ทราบว่าเขาออกมาทำลายศาสนาพุทธทำไม
ทั้งที่ตัวเองก็อ้างว่านับถือศาสนาพุทธ |
|
|
|
   |
 |
อิทธิกร
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 28 ส.ค. 2008
ตอบ: 137
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี
|
ตอบเมื่อ:
01 ก.ย. 2008, 4:23 pm |
  |
พุทโธ พุทโธ พุทโธ |
|
_________________ ชีวิตที่รู้ |
|
  |
 |
|