Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 มีตน ทั้งที่ไม่มีตน อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ชาญวิทย์
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 04 พ.ค. 2008
ตอบ: 152

ตอบตอบเมื่อ: 13 ก.ค.2008, 7:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



budbanner.gif


chair.jpg


ศาสนาพุทธ สอนให้รู้จักมีตัวตนชนิดที่ไม่ใช่ตน; "ไม่ใช่ตน" นี้หมายความว่า
สัญชาตญาณ แห่งความรู้สึก ว่า "เรามีอยู่" นี้ต้องถูกควบคุม; egoism ที่มัน
เจริญวัฒนาขึ้นมาเรื่อยนี้ ต้องถูกควบคุมยิ่งขึ้นๆ ยิ่งขึ้น ตามส่วนที่มันวิวัฒนา
เหมือนกัน; ไม่อย่างนั้น มนุษย์จะมี ความทุกข์ มากกว่า สัตว์เดรัจฉาน แล้วก็
มากกว่า ต้นไม้ มากกว่า อะไรอีกมาก มากจน เหลือที่จะ เป็นมนุษย์ ที่สมควร
แก่คำว่า "มนุษย์" คือ มันมีความทุกข์ มากเกินไป. ฉะนั้น ความรู้ อันนี้ เกิดขึ้น
เป็นความรู้ สำหรับ ควบคุมความรู้สึก ที่ว่า เรามีอยู่ หรือ ตัวกูมีอยู่ นี่ ให้มัน
ไม่เป็นอันตราย. ความรู้ส่วนนี้เราเรียกว่า อภิธรรม ในที่นี้ เพราะคำอื่นก็ไม่เหมาะ.

นี่อยากจะให้ สูตรท่องจำ formula สำหรับท่องจำว่า "คนมีได้ ทั้งที่ไม่มีคน"
ถ้าคุณเข้าใจ ประโยคนี้ ก็เข้าใจเรื่องนี้แหละ; ถ้าไม่เข้าใจประโยคนี้ ก็ไม่เข้าใจ.
จะไป พูดกับชาวบ้าน หรือ จะไปพูดกับ พวกฝรั่ง อะไรก็ตาม เขาก็คงจะ หัวเราะ
แล้วก็ ไม่เข้าใจ ไปจนกว่า เขาจะเข้าใจ; เพราะว่า เราพูดว่า "คนมีได้ และมีอยู่
ทั้งที่ไม่ใช่คน ทั้งที่ไม่มีคน", "คนมีได้ ทั้งที่ไม่มีคน" ให้มัน สั้นที่สุด อย่างนั้น
หมายความว่า ตามธรรมชาติ อันแท้จริงนั้น มันเป็นเพียง วิวัฒนาการ ของสิ่ง
ที่มีชีวิต เป็นต้นไม้ เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นมนุษย์ ไปตามกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ
แล้วก็เป็น ตัวธรรมชาติ.

ทีนี้ ในตัวธรรมนั้น มีความรู้สึกว่า เราเป็นเราเกิดขึ้นมา, เกิดขึ้นมาเข้มข้นขึ้นทุกที.
ถ้าธรรมชาตินี้ยังไม่วิวัฒนาการ ความรู้สึกตัวเรา เป็นเรามันก็มีน้อย มีน้อยๆ น้อย
จนแทบไม่ปรากฏ; เช่นในต้นไม้นี้ ความรู้สึกที่ว่า เราเป็นเรานี้ มันน้อยเกินไป จน
ไม่เป็น ความรู้สึก ที่รุนแรง หรือเดือดร้อน ต้อนไม้ก็อยู่ได้ หาเลี้ยงชีวิตได้ เจริญ
งอกงามขึ้นมาได้ พอเป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็มากกว่านั้น, พอเป็นคนก็มากกว่านั้น;
ฉะนั้น คนจึงเป็น สัตว์รับบาป ถึงที่สุด คือ มีความทุกข์ เพราะมีตัวกู นี้ มากกว่า
สัตว์เดรัจฉาน หรือ ต้นไม้

เดี๋ยวนี้ เราก็มาศึกษาเรื่องนี้เอง ให้รู้จักความเป็นคน ที่มีได้ โดยไม่ต้องมีคน แล้ว
ควบคุมมันให้ได้; ฉะนั้น ความรู้ที่สำคัญนี้ ก็คือ ความรู้ ที่จะควบคุมความรู้สึก
ว่าตัวกูนี้ให้ได้ จะเป็นการ ควบคุมชนิดที่ ไม่ให้มันทำผิด, หรือว่าจะเป็นการ
ควบคุมให้มันรู้สึกว่า เป็นตัวกูเสียเลย นี้แล้วแต่ จะสามารถทำได้เท่าไร.

ดูๆ มันก็เป็นเรื่อง น่าหวัวก็ได้ น่าสงสารก็ได้; เป็นคนแล้ว ก็มาสอนกันถึงเรื่อง
ให้รู้ว่าไม่ใช่คน มันยากที่จะเข้าใจ แก่คนที่หลงใน ความเป็นคนมาก โดยเฉพาะ
คนในสมัยนี้ แม้เรียน จากมหาวิทยาลัย เป็นโปรเฟสเซอร์; เป็นแล้วก็ ยิ่งมีความ
หลง ในความเป็นคนมากขึ้น.

เรื่องยากของพุทธศาสนา คือ เรื่องสุญญตา, ไม่มีคน

นี้คือ เรื่องยากของพุทธศาสนา ที่เป็นหัวใจของพุทธศาสนา ที่มันยากถึงขนาด
ที่ว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ก็ทรงลังเลว่า จะสอนดีหรือไม่สอนดี เพราะเรื่อง
นี้ มันลึกเกินไป. ครั้งแรก ก็ทรงน้อมพระทัย ไปในทางที่ว่า ไม่สอน มันยากเกิน
ไป; แต่ความลังเล ยังมีอยู่ แล้วความกรุณา มันมาช่วยสมทบ พระพุทธเจ้า ท่าน
จึง กลับพระทัยใหม่ ว่า เอ้า, สอน เผื่อว่า คนบางคนจะเข้าใจได้.

ถ้าไม่ทรงสอน คนบางคนนั่นแหละ จะสูญเสียประโยชน์ ที่ควรจะได้รับ; ฉะนั้น
จึงทรงสอน เรื่องหัวใจของธรรมะ คือ เรื่องไม่มีคน ที่เรียกว่า เรื่องอนัตตา หรือ
เรื่องสุญญตา : มีแต่ธรรมชาติ ล้วนๆ เป็นไปตาม ธรรมชาติ. ถ้าในนั้น เกิดความ
รู้สึกที่ถูกต้อง ก็ไม่มีทุกข์, ถ้าในนั้น เกิดความรู้สึก ที่ไม่ถูกต้อง ในธรรมชาตินั้น
ก็จะเป็นทุกข์ขึ้นมา; ไม่ต้องเอามาจากไหน เอามาจากภายใน ในตัวธรรมชาตินั้น
เพราะฉะนั้น อะไรๆ มันจึง มารวมอยู่ในคน ในสิ่งที่เรียกว่า คนนี้, ปัญหาต่างๆ
มันมารวม อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า คน.

ทีนี้ คำว่า "คน" ในภาษาธรรมดา เราก็หมายถึงคนๆหนึ่ง มีกาย กับใจ เป็นคน
หนึ่ง; แต่ในภาษาธรรมะ อันลึกซึ้ง คำว่า "คน" หมายถึง ความโง่. ความยึดมั่น
สำคัญผิดว่า ฉัน ว่าคน คนคือผลิตผลของมิจฉาทิฎฐิ, หรือว่า ความเห็น ที่ยัง
ไม่ตรง เข้าใจว่าเราเป็นคน นี่อย่าเอาไปปนกัน คนในฝ่ายฟิสิคส์ หมายถึงร่างกาย
ที่ยาววาหนึ่งนี้ มีความคิดนึกได้นี้; แต่คนทางฝ่าย spiritualism หมายถึงความ
เข้าใจผิด ที่เรียกว่า อุปาทาน ว่า มีตัวฉัน มีคน นั้นเป็นมายา อย่างยิ่งเลย แต่ใคร
จะไปรู้ว่า มันเป็นมายา; เพราะว่า เมื่อจิตนี้ถือเสียว่า ฉันเป็นคน แล้วมันก็ว่า เป็น
ของจริง เป็นของจริงของจิต ที่กำลังไม่รู้อะไร.

ทีนี้ มันก็เกิดมี ๒ คนขึ้นมา: คนทางร่างกาย และคนทางมิจฉาทิฎฐิ หรืออุปาทาน.
สำหรับคนทางมิจฉาทิฎฐิ หรือ อุปาทาน ยึดมั่นถือมั่นว่า ตัวตนนี้ ก็เห็นชัดอยู่แล้ว
พูดชัดอยู่แล้วว่ามันเป็นอวิชชา ความโง่ ความเข้าใจผิด ความหลง ความลวง ของ
อวิชชา โดยไม่รู้สึกตัว.

ตัวคนฝ่ายฟิสิกส์ นี้ คือ ตัวตนที่มีร่างกายเป็นคน มีความรู้สึกคิดนึก อยู่ในนั้นได้
นี้มันก็เป็นคน; เราถือว่า คนมีอยู่จริง หรือไม่มีอยู่จริง ก็แล้วแต่ สติปัญญา เหมือน
กัน ตามปกติ เราต้องถือว่า มีอยู่จริง; แต่ว่าสิ่งนั้น มันจะควรเรียกว่า คน หรือ ไม่
ควรเรียกว่า คน นั้น มันอีกเรื่องหนึ่ง. ภาษาธรรมดา เขาถือว่า มันต้องเรียกว่า คน
เพราะว่า พูดกันมา ตั้งแต่เกิดมา ก็ต้องเรียกว่า คน; ถ้าไม่อย่างนั้น จะพูดกันไม่รู้
เรื่อง จะฟังกันไม่รู้เรื่อง ในภาษาพูด ตัวร่างกาย ที่ยาววาหนึ่งนี้ มีความรู้สึก คิด
นึกได้นี้ คือ คน ในฝ่ายฟิสิกส์.

แต่แล้วความรู้สึก คิดนึกได้ ที่มีอยู่ในคน ฝ่ายฟิสิกส์นี้ จะเป็นต้นเหตุ ของความมี
คน ในส่วนที่มันเป็นปัญหา เป็นปัญหาทางศาสนา: เพราะว่า ถ้าความรู้สึกอันนั้น
เดินไปถึงขนาด มีความยึดมั่น ถือมั่นแล้ว จะมีความทุกข์ขึ้น ในคนนั้นแหละ ใน
ร่างกาย ที่ยาวประมาณวาหนึ่งนี้. ถ้าไม่มีความเห็นผิดเกิดขึ้น ในร่างกายที่ยาววา
หนึ่งนั้น ก็ยังไม่มีความทุกข์ หรือมีความไม่มีทุกข์อยู่.

เดี๋ยวก็มีความทุกข์ เดี๋ยวก็มีความไม่มีทุกข์ในร่างกายที่ยาววาหนึ่งนี้; แล้วมูลเหตุ
ที่เป็นอย่างนั้น คือ มูลเหตุที่ทำให้ทุกข์นั้นก็มีอยู่ในนั้น หรือสติปัญญา ที่จะทำให้
ไม่ทุกข์ มันก็มีอยู่ในนั้น รู้จักควบคุมให้ได้ รู้จักแยกกันให้ได้ เอาแต่ฝ่ายที่มันจะ
ไม่เกิดความทุกข์ ก็แล้วกัน, อะไรๆ ในร่างกายที่ยาววาหนึ่งนี้ เอาแต่ฝ่ายที่ไม่เกิด
ความทุกข์

เตกิจฉ ๑๗.ง/๓๒๒-๓๒๖

คัดจาก หนังสือ ธรรมานุกรมธรรมโฆษณ์ ฉบับประมวลธรรม เล่ม ๒ เรียบเรียงโดย นาย พินิจ รักทองหล่อ พิมพ์ ครั้งแรก พ.ศ. ๒๕๔๐ โดย ธรรมทานมูลนิธิ สู้ สู้ สู้ สู้ เจ๋ง เจ๋ง ตื่นเต้น ปรบมือ ปรบมือ
 

_________________
ธรรมะคือธรรมชาติ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 19 ก.ค.2008, 6:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุจ้า

ธรรมะสวัสดีค่ะ

ยิ้ม ยิ้มแก้มปริ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 3:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โมทนาสาธุ คุณชาญวิทย์ ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
 www.Stats.in.th