โกหกว่าท้อง

ตอบเมื่อ: 25 ส.ค. 2008, 9:46 am

เคยโกหกว่าท้องกับชายอี่นเพื่อต้องการเลิกกับคนที่คบอยู่ หลังจากนั้นก็จะมีอาการเหมือนคนท้องจริงๆ แต่ไม่ได้ท้อง จะทำยังงัยถึงจะหายจากอาการที่เป็นแนะนำด้วยค่ะ ร้องไห้

ตอบเมื่อ: 25 ส.ค. 2008, 11:09 am

อ้างอิงจาก:

หลังจากนั้นก็จะมีอาการเหมือนคนท้องจริงๆ แต่ไม่ได้ท้อง จะทำยังงัยถึงจะหายจากอาการที่เป็นแนะนำด้วยค่ะ

อาการที่ว่าเหมือนคนท้องจริงๆแต่ไม่ท้องคือมีอาการยังไงครับ

ตอบเมื่อ: 25 ส.ค. 2008, 7:41 pm

เหม็นอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ไปหาหมอๆ ก็บอกไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้เป็นตลอดจะเป็นบางช่วงเท่านั้นประมาณ 2-3 วันค่ะ

ตอบเมื่อ: 25 ส.ค. 2008, 8:11 pm

อย่าเพิ่งรำคาญนะครับ หากชวนคุยอีกติ๊ดนึง ยิ้ม

ถามว่า ก็ในเมื่อแพทย์ท่านบอกว่า ว่าไม่ได้เป็นอะไร

คุณ siwattra คิดยังไง จึงตั้งคำถามที่นี่ครับ

ตอบเมื่อ: 25 ส.ค. 2008, 8:33 pm

เพราะว่าเมื่อก่อนไม่เคยมีอาการอย่างนี้ แต่หลังจากโกหกว่าท้องหลังจากนั้นประมาณ2เดือนก็มีอาการแบบนี้แต่พอไปหาหมอๆบอกไม่ได้เป็นไรทั้งที่ยังเป็นอยู่เรื่อยๆก็เลยคิดถึงเรื่องนี้จะเกี่ยวกันไหมค่ะ เศร้า

ตอบเมื่อ: 25 ส.ค. 2008, 8:50 pm

อ้างอิงจาก:

เคยโกหกว่าท้องกับชายอื่นเพื่อต้องการเลิกกับคนที่คบอยู่ หลังจากนั้นก็จะมีอาการเหมือนคนท้องจริงๆ แต่ไม่ได้ท้อง จะทำยังงัยถึงจะหายจากอาการที่เป็นแนะนำด้วยค่ะ

เหม็นอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ไปหาหมอๆ ก็บอกไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้เป็นตลอดจะเป็นบางช่วงเท่านั้น ประมาณ 2-3 วันค่ะ

เมื่อแพทย์บอกว่า ไม่มีอะไรผิดปรกติทางด้านร่างกาย

กรัชกายไม่ใช่หมอ แต่เมื่อประมวลเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นตามที่เล่ามา

ลงความเห็นได้ว่า เกิดจากโรคอุปาทาน หรือเกิดจากมโนสัญเจตนา

ที่แรงกล้า (คือตั้งใจจะโกหกให้เขาเชื่อจึงต้องใช้จิตหรือความคิดที่

แรง) หรือจะพูดว่า เกิดจากอิทธิซึ่งสำเร็จด้วยการนึกน้อมใจ ก็ได้

สามประเด็นนี้หยิกตรงไหนถูกทั้งหมด

ตอบเมื่อ: 25 ส.ค. 2008, 8:54 pm

ขอบคุณค่ะแล้วทำยังงัยดีค่ะ

ตอบเมื่อ: 25 ส.ค. 2008, 9:31 pm

คุณ siwattra จะต้องใช้กำลังจิต หรือ กำลังความคิดที่เท่าหรือ

แรงเด็ดขาดกว่าความคิด เมื่อครั้งที่คิดโกหกเค้าว่าท้อง

เมื่อมีอาการ (เหม็นอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน)

ขั้นตอนนี้ คุณศึกษาวิธีการจากกรณีตัวอย่างด้านล่างที่ดีใช้ได้ทีเดียว

เค้าคิดอย่างไร จึงขจัดความคิดที่ไม่พึงประสงค์ออกไปได้

ดูครับ=>

อยากให้ท่านผู้รู้ช่วยตอบด้วยคะ คือเป็นคนชอบสวดมนต์ทุกวันก่อนนอน อยู่มาวันหนึ่งเกิดอาการรำขึ้นมา แต่มีสติรู้ตัวอยู่ แต่มือรำ สวยซะด้วย บางครั้งเสียงก็เปลี่ยนบ้าง แม้แต่ไปวัด พอพระเริ่มสวด มือก็เริ่มขยับ บางครั้งในเวลาว่างก็จะนวดที่มือ ซึ่งเราไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เกิดความสงสัยว่าสิ่งที่แสดงนั้นคืออะไร

ขอบพระคุณอย่างสูงที่คุณกรัชกายแนะนำค่ะ ก่อนที่คุณกรัชกายจะ

ตอบนั้น ดิฉันได้สวดมนต์ เหมือนเคย แต่วันนี้

แปลก แค่คิดว่าไม่รำแล้ว ไม่เอาแล้ว ก็ไม่รำจริงๆ

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16928

ตอบเมื่อ: 25 ส.ค. 2008, 9:40 pm

กรณีตัวอย่างดังกล่าว เค้ามีกำลังสมาธิมากพอ ซึ่งต่างจากคุณตอนนี้

กับตอนนั้น

ตอนนั้นคุณมีจิตใจมุ่งแน่วเพื่อให้หลุดพ้นจาก.... จึงทุ่มแรงจิต

แรงใจคิดขึ้นมา

หากตอนนี้คุณคิดสลัดอาการดังกล่าวโดยแข็งแรง ก็หลุดพ้นได้เร็ว

หากยังน้อยกำลังใจ ก็คงต้องสร้างกำลังขึ้นมา

แต่คิดว่าคุณทำได้ เพราะมันเกิดจากจิตที่ยึดมั่นหรืออุปาทานพฤติกรรม

คนท้องไว้เท่านั้นเอง ไม่อะไรมากกว่านี้

นี่แหละอำนาจอุปาทาน ยิ้ม

ตอบเมื่อ: 25 ส.ค. 2008, 9:43 pm

ขอบคุณค่ะมั่นใจว่าทำได้ค่ะ

ตอบเมื่อ: 25 ส.ค. 2008, 9:55 pm

อีกเรื่องค่ะคือเวลาวันของผู้หญิงนะค่ะจะปวดมากครั้งล่าสุดต้องกำหนดดูอาการปวดเกือบทั้งคืนแต่นอนนะค่ะนั้งไม่ได้ปวดมากแต่พอกำหนดว่าร่างกายและจิตใจไม่ใช่เราไม่มีเรามีแต่ธรรมชาติก็เริ่มดีขึ้นเมื่อก่อนแค่แผ่เมตตาและตามดูตามรู้ก็หายแต่ตอนนี้รู้สึกจะปวดแรงขึ้นเรื่อยๆเหมือนจกนรกและจะตายให้ได้พอจะทราบไหมค่ะว่าเพราะอะไร รบกวนด้วยค่ะ

ตอบเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 9:15 am

เข้าใจครับ

อ้างอิงจาก:

(ปวดแรงขึ้นเรื่อยๆเหมือนตกนรก และ จะตายให้

ได้)

แต่ไม่ตายหรอกครับมันทำท่าไปงั้นแหละ ยิ้ม

คุณ siwattra พอมีภูมิกรรมฐานอยู่บ้าง คงพอฟังเข้าใจนะครับ

ดังกล่าวไม่พ้นอุปาทาน

อ้างอิงจาก:

แต่ตอนนี้รู้สึกจะปวดแรงขึ้นเรื่อยๆเหมือนตกนรกและจะตายให้ได้
แต่พอกำหนดว่า ร่างกายและจิตใจไม่ใช่เรา ไม่มีเรามีแต่ธรรมชาติก็เริ่ม
ดีขึ้น
เมื่อก่อนแค่แผ่เมตตาและตามดูตามรู้ก็หาย

ทุกข์เวทนาทางกายมีอยู่ เช่น กรณี วันเบาๆ ธรรมดาจะมีอาการปวด

ขัด หน่วง ฯลฯ ประเด็นทุกข์ทางกาย

แต่มิใช่เท่านั้นสิครับ จิตมันพลอยเข้าไปผสมโรงร่วมเจ็บด้วย และดู

เหมือนว่า จะเจ็บมากๆเกินความเป็นจริง (จิตสำออย ในตำราไม่มี

หรอกครับ กรัชกายตั้งชื่อให้มันเอง ยิ้มเห็นฟัน

จิตมันสำออย)

ตัวอย่าง เช่น

อ้างอิงจาก:

(แต่ตอนนี้รู้สึกจะปวดแรงขึ้นเรื่อยๆเหมือนตกนรก

และจะตายให้ได้)

แต่พอเรามีสติเปลี่ยนแนวคิดใหม่ เช่น

อ้างอิงจาก:

(แต่พอกำหนดว่า ร่าง

กายและจิตใจไม่ใช่เรา ไม่มีเรามีแต่ธรรมชาติก็เริ่มดีขึ้น)

อันนี้ความคิดหรือจิตที่ผสมโรงร่วมโอดโอยกับเจ็บรอบเดือน (ทางกาย)

ก็ดับลง (คือถูกความคิดใหม่เบียดดับไป หรือถอนตัวออกมา)

อ้างอิงจาก:

(เมื่อก่อนแค่แผ่เมตตาและตามดูตามรู้ก็หาย)

ยิ่งรู้ลึกรู้ละเอียดขึ้นก็แข็งขึ้นๆ เหมือนเราถากต้นไม้ยิ่งถากลึกลงไป ๆ

ใกล้แก่นเข้าไปเท่าใด ก็ยากขึ้นเท่านั้น ผู้ถากไม้หรือผู้ทำงาน จึงต้อง

ใช้กำลังสติสมาธิปัญญาที่เฉียบคมยิ่งขึ้นๆ

อนึ่ง เดือนต่อไปเมื่อมีวันเบาๆ อีก แนะนำให้ดื่มน้ำอุ่น และใช้น้ำอุ่น

ประคบจะช่วยบรรเทาอาการได้

ส่วนทางด้านจิตใจก็คิดอย่างที่ว่าก็พอได้ จะให้ดีดูการดิ้นรนของจิตไป

ด้วย ดูพฤติกรรมมัน ยิ้ม