ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ทัพหลวง
บัวเริ่มพ้นน้ำ

เข้าร่วม: 28 มิ.ย. 2008
ตอบ: 161
|
ตอบเมื่อ:
19 ส.ค. 2008, 11:20 am |
  |
ถาม – เขาว่าเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๓ ขึ้น จะมีนิวเคลียร์ลง ผู้คนจะตายเป็นร้อยล้านพันล้าน ถ้าใครทำดีมากๆแล้วจะรอดได้ อยากถามคุณดังตฤณว่าคำทำนายนี้เป็นจริงหรือไม่?
สิบกว่าปีก่อนผมเคยอ่านคำทำนายที่ว่าในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือ ค.ศ. ๑๙๙๙ จะมีมหาสงครามนิวเคลียร์ ผู้คนล้มตายกันทั่วโลก แต่คนดีๆจะมีสิทธิ์อยู่ต่อ บางแหล่งถึงกับระบุทีเดียวว่าจะมีกรวยสีรุ้งพุ่งจากฟากฟ้าลงมาปกป้องอภิบาลคนดีมีศีลสัตย์ให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายจากระเบิดล้างโลก
ครั้งนั้นผมก็ขมวดคิ้วสงสัยแล้วว่าเอ๊! คนเลวตายหมด แต่คนดีผีคุ้ม ไม่ตายง่ายๆ มิแปลว่าผลของการเป็นคนดีคืออยู่ทรมานต่อจากพิษกัมมันตภาพรังสีหรอกหรือ? คิดดูซิครับ โลกหลังมหาสงครามนิวเคลียร์น่ะมันจะไปเหลืออะไรนอกจากฝุ่นพิษ อาหารการกิน น้ำไฟและความเป็นอยู่ต่างๆคงย่ำแย่เหลือรับประทาน
คำทำนายทำนองนี้เหมือนจะเอาใจคนทั่วไปที่ไม่อยากตาย หรือเป็นกุศโลบายให้คนเร่งขวนขวายทำความดีกัน ส่วนดีก็ดีแหละครับ แต่ส่วนไม่ดี ที่เป็นผลกระทบข้างเคียง คือความเข้าใจผิด สำคัญผิด และเชื่อมโยงเรื่องกรรมวิบากกันผิดๆ เป็นเหตุให้เสื่อมศรัทธาได้ง่ายๆถ้าผลออกมาไม่ตรงกับคำทำนาย ยกตัวอย่างเช่นยังไม่ทันเกิดสงครามนิวเคลียร์ คนดีมีศีลสัตย์ถูกไฟดูดตายโดยไม่มีปาฏิหาริย์ที่ไหนช่วย คนรู้ข่าวก็จะมองกันว่าไหนบอกคนดีผีคุ้มไง ทำไมงอก่องอขิง ไหม้เกรียมเป็นที่น่าสลดสังเวชขนาดนี้?
ถ้ามองแบบคนกลัวตาย ยังยึดติดกับสุขขี้ปะติ๋วในโลก คุณก็ต้องอยากฟังคำทำนายประเภทตัวเองดีพอ มีบุญพอจะอยู่ต่อ แต่หากคุณมีศรัทธาในบุญอย่างแท้จริง และตระหนักว่าบุญจะเป็นที่พึ่งให้คุณสบายกว่านี้ ก็คงคิดไปอีกอย่างหนึ่งครับ คือถึงตายโหงก็ตายโหงอย่างคนมีบุญ ร้องจ๊ากใหญ่ๆสักนาทีหนึ่งแล้วได้ไปหัวเราะร่าหรรษาบนสวรรค์อีกครึ่งกัปครึ่งกัลป์ อย่างนี้จะต้องไปกลัวอะไร
ทำดีมากๆในชาตินี้ ไม่เกี่ยวกับตายเร็วหรือตายช้าหรอกครับ ไม่เกี่ยวกับตายสงบหรือตายน่าสังเวชด้วย แต่จะเกี่ยวกับตายแล้วไปไหนมากกว่า อย่างไรทุกคนก็ต้องทยอยจากกันไปหมดอยู่แล้ว ถ้าคุณกำลังอ่านบรรทัดนี้อยู่ ก็แปลว่าเหลือเวลาให้ทำใจเชื่อเรื่องบุญกรรมกันอย่างถูกต้องพอสมควร ก่อนตายไม่ควรหวาดผวา แต่ควรเตรียมเนื้อเตรียมตัว เตรียมใจใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อความไปสู่สุคติ หรือเพื่อความสิ้นสุดทุกข์ร้อนถาวรต่อไป
อีกประการหนึ่ง เรื่องตื่นข่าวหายนะระดับประเทศหรือระดับโลกนั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องงมงายเสียทีเดียว เพราะช่วงที่ผ่านมาเกิดเรื่องเลวร้ายมากมายเสียจนคนหายประมาทกันเยอะ แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้พิจารณาตามจริงด้วยว่าคำทำนายเกี่ยวกับหายนะระดับช้างนั้น ผิดมากกว่าถูก ถ้าเหมารวมได้ทั้งหมดคุณอาจตาค้างด้วยความประหลาดใจ คือร้อยคำทำนายจะมีสักหนึ่งหรือน้อยกว่านั้นที่เกิดเรื่องเกิดราวขึ้นจริงๆ ชนิดตรงเผงทั้งเวลา สถานที่ และบุคคลผู้ก่อการ
เมื่อข้อเท็จจริงตามสถิติคือ ‘เป็นไปได้ต่ำที่จะทายถูก’ พวกเราก็ควรกำหนดใจเชื่อไว้น้อยๆด้วยเหมือนกัน เหตุการณ์ระดับโลกที่เกี่ยวข้องกับวิบากกรรมของคนเรือนล้านนั้น ไม่ใช่รู้กันง่ายๆหรอกครับ บางคนฟังคำทำนายแล้วก็วิ่งเต้นเข้าพิธีไสยศาสตร์บ้าง ตระหนกตกตื่นจนท้อแท้ไม่อยากทำอะไรเลยบ้าง หรือกระทั่งสิ้นหวังขนาดอยากฆ่าตัวตายไปล่วงหน้าบ้าง (เพราะคิดๆ อยู่ก่อนหน้าแล้วจากเรื่องรันทดในชีวิตตน) เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ใช้ชีวิตที่เหลือไม่คุ้มค่า เป็นไปเพื่อถูกอุปาทานครอบงำให้จิตเป็นอกุศลเปล่าโดยแท้
ผมว่าเรามาเตรียมตัวกันแบบชาวพุทธจริงๆกันดีกว่าครับ ชาวพุทธเป็นอย่างไร? เป็นคนที่พยายาม ‘รู้ตามจริง’ ด้วยเหตุผล ไม่ใช่ ‘เชื่อตามกัน’ โดยปราศจากการพิจารณา
และด้วยท่าทีของชาวพุทธ ผมอยากตั้งข้อสังเกตดังนี้
๑) ยอมรับตามจริงว่าปัจจุบันโลกตกอยู่ในเงื้อมเงาของอันตรายหลายประเภท อย่าดึงดันปฏิเสธแบบหัวดื้อตาใส ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ พวกเชื่อเรื่องภัยพิบัติคือกลุ่มคนที่งมงายเท่านั้น
๒) เมื่อเกิดคำทำนายใดๆ ทั้งจากฝั่งหมอดูและจากฝั่งนักวิทยาศาสตร์ ขอให้ตั้งสติฟังอย่างรอบคอบว่าจะเกิดอะไรขึ้น เช่นเร็วๆนี้มีข่าวว่าอุกกาบาตจะตกในอ่าวไทย ลือกันแพร่สะพัดต่างๆนานา ถือเอาจังหวะที่ผู้คนกำลังขวัญเสียจากสึนามิ โดยไม่คำนึงถึงหลักความจริงทางวิทยาศาสตร์ประกอบ หากพิจารณาคำทำนายดีๆ แล้ว จะเห็นได้ตั้งแต่เมื่ออ่านหรือรับฟังในครั้งแรกนั่นเองว่าเป็นของเก๊ เป็นเรื่องของคนชอบเล่นสนุกกับความกลัวของมวลชน
๓) เมื่อใจกลัวก็อย่าทำปากแข็งว่ากล้า ขอให้ถือเป็นโอกาสศึกษาพุทธพจน์ ว่าท่าทีเกี่ยวกับการเตรียมตัวตายเป็นเช่นใด ตายด้วยจิตแบบไหนถึงจะคุ้ม ซึ่งขอสรุปรวบรัดโดยง่าย คือพระพุทธเจ้าท่านให้ระลึกถึงความตายเสมอๆ และความตายแบบมนุษย์สามัญก็ปราศจากร่องรอยนิมิตบอกเหตุเหมือนเทวดา เพราะฉะนั้นอย่าได้ประมาท ชะล้างสิ่งโสโครกใดได้ก็ชะล้างเสีย เตรียมเสบียงไว้เดินทางต่ออย่างใดได้ก็เตรียมเสีย ซึ่งเสบียงที่ดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการมีปัญญาเห็นชอบ เรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว และสิ่งทั้งหลายไม่ควรยึดมั่นว่าเป็นสมบัติถาวรของเราหรือของใคร เมื่อใจไม่เปื้อนมลทินบาป สะอาดเอี่ยมด้วยบุญกุศล และเลิกห่วงหวงดิน น้ำ ไฟ ลมทั้งหลายในโลกหล้าที่ต้องมีอันแปรปรวนไปเป็นธรรมดา เห็นอิสระทางใจอันเกิดจากความปล่อยวางเป็นสิ่งมีค่าสูงสุด นั่นแหละครับ ท่าทีการเตรียมตัวตายแบบพุทธของแท้
หากจำที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้ ก็ขอให้ระลึกสั้นๆ ว่า อย่ากลัวตายร้าย แต่ขอให้กลัวจะอยู่อย่างไม่ได้เตรียมตัวไปดี ก็แล้วกัน ถ้าเปลี่ยนค่านิยมใหม่เสียได้ ไม่เอาแต่กลัวตายโหง ไม่เจาะจงอยากแก่ตายอย่างสงบ คุณจะไม่ตื่นเต้นกับคำทำนายหายนะโลกเก๊ๆ อีกต่อไปครับ
http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare030.htm |
|
แก้ไขล่าสุดโดย ทัพหลวง เมื่อ 21 ส.ค. 2008, 9:58 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
  |
 |
บัวหิมะ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
|
ตอบเมื่อ:
19 ส.ค. 2008, 12:17 pm |
  |
หากจำที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้ ก็ขอให้ระลึกสั้นๆ ว่า อย่ากลัวตายร้าย แต่ขอให้กลัวจะอยู่อย่างไม่ได้เตรียมตัวไปดี ก็แล้วกัน ถ้าเปลี่ยนค่านิยมใหม่เสียได้ ไม่เอาแต่กลัวตายโหง ไม่เจาะจงอยากแก่ตายอย่างสงบ คุณจะไม่ตื่นเต้นกับคำทำนายหายนะโลกเก๊ๆ อีกต่อไปครับ
เห็นควรอย่างยิ่ง จงถึงความพร้อมด้วยความไม่ประมาท เถิด  |
|
_________________ ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ |
|
  |
 |
|