Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 อยากถามเรื่องการสะกดจิต อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
zzzzzzzzz
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2005, 1:22 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมเป็นคนหนึ่ง ที่ในชีวิตจริง โดนสะกดจิต

น่าจะเป็น การเพ่งรูป ไม่ก็ เส้นผม

บางครั้งผมรู้สึกเหมือนโดนบีบหัวใจ จนเหมือนหัวใจกำลังจะหยุดเต้น

บางครั้งเหมือนอวัยวะต่างๆของร่างกายโดยบีบให้เจ็บ



ผมขับรถแล้วอยุ่ดีๆ ก็หลับใน วิ่งไปชนสะพาน แต่โชคดีที่รอดมาได้

ไม่มีสมาธิจะทำอะไรเลย เหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนพวกมันบังคับจิตใจได้เกือบทุกอย่าง (พยายามจะนั่งสมาธิ แต่เหมือนจิตไม่แข็งพอ)

ตอนนี้ ยังมีเสียงแว่วอยู่ในหู และ มึนหัว ตลอดเวลา (เหมือนมันสั่งให้ทำอะไรซักอย่าง ไม่ขอกล่าว)



การที่เราพยายามทำให้คนเข้าใจว่า พลังจิต เป็นสิ่งงมงายเป็นสิ่งที่ไร้สาระยิ่งกว่า

ผมเป็นคนที่เชื่อในวิทยาศาสตร์มากๆ

แต่ ถ้าไม่โดนกับตัวเอง จะไม่รู้ ว่า การที่เราได้แต่นั่งโดนใครก็ไม่รู้อัดอยู่ฝ่ายเดียว โดยไม่รู้ว่าใครทำ เป็นยังไง

พลังจิตเป็นสิ่งที่คนไม่ได้ฝึกฝนจะต้านไม่ได้ ไม่รู้ ว่าจะทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

บอกได้เลย ว่าพระเครื่องส่วนใหญ่ช่วยอะไรได้ไม่มาก

ที่พอเห็นผลก็น่าจะเป็นพวกพระปิดตาที่แจกทหารตอนไปรบเท่านั้น

ผม ควรจะทำอย่างไรดี มีอะไรที่กันพลังจิตได้บ้าง

ไปหาพระกับคนที่นั่งทางในได้ ท่านก็บอกว่าเป็นกรรมเก่า

ให้คาถาผมมา 1 บท คือ นะโมพุธธายะ

ผมมารู้ ทีหลัง ว่าเป็นแค่คาถาช่วยลดความเจ็บปวดเท่านั้น ไม่ได้กันคุณไสยหรือพลังจิตได้แต่อย่างใด

ทำไม ผมไม่เข้าใจ จะรอให้ผมตายก่อนเหรอ ไปดูหลายคนมาก ส่วนมากจะบอกว่าเป็น กรรม กันหมด

ต้องรอให้ผมหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้แล้วอดตายก่อนใช่มั๊ย คนเราต้องทำมาหากินนะครับ

ตอนแรก ผมก็คิดว่า ผมเป็นโรคประสาท ไปหาหมอ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย จนกระทั่ง ผมได้พระปิดตา กับ ลูกประคำ ของเกจิวัดหนึ่งมา

ตอนที่ผมมีความรู้สึกเหมือนโดนบีบหัวใจตอนใกล้จะตาย ผมเอามากุมเอาไว้

พระในมือผมลั่น แรงมากๆ แล้วผมก็รอดตายได้1ครั้ง แล้ว หลายๆครั้งต่อมาก็เป็นเช่นนั้นอีก

ตอนที่เฉียดตายอีกหลายๆครั้งก็เป็นเช่นเดียวกัน

ถึงแม้ว่าจะไม่ตาย แต่บอกได้คำเดียว ว่าเจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็นมาก

ผมไม่เคยทำร้ายใคร หรือแม้แต่โกงใคร ทำไมต้องมาทำผมด้วย

หลายครั้งที่เหลืออด จนเกือบจะทำอะไรรุนแรงออกไป

ผมควรทำอย่างไรดี ผมสาบานได้ ว่าผมไม่ได้โกหก และ ไม่มีเหตุผลที่จะโกหกด้วย และ ผมก็กำลังประสบปัญหานี้จริงๆ ขอร้อง อย่าด่า อย่าว่า ว่าผมประสาทเลย ผมทดลองมาหลายหนมากๆ





 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2005, 2:22 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมื่อหาสาเหตุไม่ได้ ส่วนมากก็โทษกรรมเก่า แต่ลืมพิจารณาถึงพฤติกรรมของตนเองกัน ควรเข้าหาพระผู้ปฏิบัติดี ควร ชอบ มากกว่าที่จะเข้าหาเกจิที่เลื่องลือในวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง หากคุณศึกษาในเรื่องพลังจิตและลงมือฝึกสมาธิ ฝึกจิตอย่างจริงจัง คุณจะพบว่าคลื่นเหล่านี้มาจากการกระทำของมนุษย์เราเองทั้งสิ้น



ล้วนแล้วแต่มีการถ่ายโยงลงวัตถุและเครื่องรางทั้งสิ้น ยังไม่พ้นคาถา ยังไม่พ้นวิเศษแล้วจะเข้าสู่บริสุทธิ์ได้อย่างไร พระผู้ปฏิบัติดี ควร ชอบ ท่านไม่แตะต้องสิ่งเหล่านี้ เพราะท่านทราบดีว่า จะเป็นการทำร้ายผู้อื่นโดยที่ท่านไม่เจตนา



วัตถุมงคลมวลสารประกอบด้วยอะไร พิธีเป็นอย่างไร พระผู้ทำพิธีปฏิบัติอย่างไร ประคำทำด้วยอะไร ถ้ามานั่งปลุกเสกแจกชาวบ้านให้เดือดร้อนก็ทิ้งไปเถอะ ถ้าเสียดายก็เก็บใส่กล่องให้มิดชิด อย่าให้คลื่นเหล่านี้ออกมารบกวนคุณอีก เชื่อเถอะ คุณไม่ได้มีแค่ของสองสิ่งนี้เท่านั้น ทิ้งมันซะ แล้วหันมาปฏิบัติธรรมตามแนวทางที่ถูกต้องจะดีกว่า



ลองพิจารณาตนเองก่อน



มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ผู้ผ่านมา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2005, 11:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมไม่มีความรู้เรื่องจิต เรื่องคุณไสยหรอกครับ แต่ก็เชื่อเรื่องพลังอำนาจที่วิทยาศาสน์ยังเข้าไม่ถึงว่ามีอยู่ด้วยความไม่ประมาท สิ่งเหล่านี้ผมเชื่อว่าหากเราสร้างสมกำลังจิตให้เรามีความเข้มแข็งพอ ก็น่าจะต้านอำนาจลึกลับต่างต่างได้ หรืออย่างน้อยก็น่าจะลดกำลังไม่ทำให้เราต้องได้รับความเดือดร้อนมากอย่างที่ควรเป็น แต่วิธีการคงต้องสั่งสมมันทีละน้อยทีละน้อย อย่างเช่นการฝึกนั่งสมาธิ แต่หากเริ่มต้นไม่ได้ ผมก็เคยเป็นเช่นกัน ก็หาวิธีอื่นอย่างเช่น การสวดมนต์ภาวนาซึ่งไม่ต้องข่มความคิดที่ฟุ้งซ่านอย่างสมาธิ จึงง่ายกว่ามาก ขอให้เป็นบทสวดที่ยาว และควรท่องให้ได้อย่างเช่น บทสวดพระชินบัญชร ผมใช้เวลา7 วันท่องจำบทสวด พอท่องได้ ก็ทำให้เป็นกิจวัตรไปเลยว่าสวดทุกเมื่อไหร่ ผมจะสวดทุกก่อนนอนและสวดต่อเนื่องทุกวัน สาเหตุที่ควรท่องจำเพราะทำให้เราไม่ติดขัดตอนที่เราถึงเวลาต้องทำ เช่น ผมเคยไปนอนนอกบ้านก็อายไม่อยากให้คนอื่นรู้ผมก็จะนอนคลุมผ้าสวดพืมพัมในใจจนจบ หรือไปกินเลี้ยงถึงเช้าก่อนนอนเพลียมากผมก็จะนอนแล้วพยายามสวดไปจนจบ

หากเป็นทุกข์ด้วยเรื่องทางจิตใจผมก็อยากแนะนำวิธีดังกล่าวดูครับ ผมเชื่อว่าทุกคนทำได้เพราะเพียงแค่ท่องจำซึ่งจะใช้เวลากี่วันก็ช่างแล้วก็ไม่เกี่ยวกับใครด้วยเพราะเราทำเอง แต่หลังท่องได้แล้วขอให้ทำเป็นกิจวัตร แต่หากไม่ทำผมก็คิดว่าคงเป็นเรื่องของบุญกรรมอย่างที่ว่าแหละครับ จำได้ว่าหลังผมทำได้สามถึงสี่เดือนการงานจากที่เลวร้ายก็กลายเป็นดีขึ้น หลังสองปีก็ได้เห็นเหตการณ์แปลกแปลกที่รู้สึกหรือบางครั้งสังเกตเห็นด้วยตาตัวเองเพียงคนเดียวผู้อื่นไม่รู้สึกทั้งที่อยู่ในเหตการณ์เช่นอุบัติเหตด้วยกัน เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเคยเล่าให้พระท่านฟังท่านบอกว่าเทวดาช่วย ผมไม่สรุปว่าเป็นอะไรแต่คิดว่าจะทำต่อไปตอนนี้ประมาณ7ปีแล้ว ผมไม่รู้สึกว่าชึวิตตัวเองได้ดิบได้ดีผิดหูผิดตาจากการสวดมนต์นี้แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยตกทุกข์ได้ยากแบบเลือดตกยางออกเหมือนแคล้วตลาดปลอดภัยจากหนักมากมากกลายเป็นเบาเบามาโดยตลอด จากเคยนั่งสมาธิไม่ได้หลังสามปีก็มีอะไรมาดลให้ผมเริ่มนั่งสมาธิใหม่ในวันเกิดและก็ทำได้เรื่อยมาทุกวันถึงจะไม่ได้ถึงสมาธิขั้นสูงแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกมีความสงบในขณะที่ทำและภูมิใจอย่างมากเมื่อมองย้อนหลังเวลาไปเหมือนเราได้สั่งสมอะไรบางอย่างเป็นเวลาหลายปีไม่ขาดสายและนับวันก็มากขึ้นและอยู่ติดกับเราแม้กระทั่งเวลาเราจะหมดลมหายใจ ยิ่งกว่ายอดเหรียญบาทลงในกระปุกออมสินหรือกินดอกเบี้ยเงินในธนาคารอีกครับ
 
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2005, 12:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมก็สวดชินบัญชร บทพาหุงมหากา อิติปิโส แล้วก็บทสรรเสริญพระพุทธคุณหลายบท อาราธนาถือศีล 5 ทุกเช้า(อาราธนา แต่ข้อที่ยากคือข้อ4 ถ้านับรวมวจีทุจริตทั้งสี่ แต่ตั้งใจที่จะทำ ทำได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องค่อยๆปรับปรุงต่อไป)



ผมเป็นคนที่เป็นทาสของอารมณ์ ทำสมาธิได้อย่างมาก 5 นาที จิคก็ฟุ้งแล้ว การสวดมนตร์ช่วยได้มากจริงๆ สำหรับคนที่มีสมาธิสั้น แต่ต้องสวดอย่างมีศรัทธานะครับ



ทั้งนี้และทั้งนั้นคุณต้องแน่ใจเสียก่อนว่าไม่ได้มีอาการทางหัวใจหรือทางสมองใดๆ เคยไปตรวจโรคลมชักหรือยังครับ ตรวจคลื่นหัวใจ คลื่นสมอง หรือ อาการทางจิต



แต่ถ้าแน่ใจว่าไม่ใช่ ผมขอสนับสนุนวิธีการที่ทั้งสองท่านข้างบนแนะนำครับ
 
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2005, 12:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมว่า บางที่ต้องตรวจสอบข้อมูลให้ครบทุกๆ ด้านจะดีกว่ามั้ยครับ คือ คุณได้ไปหาพระมาแล้ว คราวนี้ลองไปหาหมอดูบ้างว่า เราเจ็บป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ก็วิเคราะห์ดูข้อมูลไหนน่าจะถูกต้อง ตรวจสอบหลายๆ ด้านน่ะครับ
 
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2005, 1:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองครับ

ขออย่าให้มีอำนาจในด้านลบใดๆมาทำร้ายคุณได้



 
ว่างเปล่า
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2005, 3:39 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปัญหาของคุณตอนนี้ คือ การขาดสติ

วิธีการแก้ไขปัญหา สามารถทำได้ 2 กรณีคือ

การนั่งสมาธิ หรือการสวดภาวนา

แต่คุณบอกว่านั่งสมาธิไม่ได้

ผมขอให้คุณนั่งสวดภาวนา โดยให้เวลาอย่างน้อย 30 นาที ตอนเช้าและก่อนนอน

สำหรับบทสวด แนะนำให้สวดยอดพระกัณฑ์ เพราะจะค่อนข้างยาวหน่อย

ให้ตั้งใจสวด 2 รอบติดต่อกันถ้าเป็นไปได้

หลังจากสวดจบแล้ว ให้แผ่เมตตา ทุกครั้ง



สำหรับพระคาถาที่ให้นี้ เป็น ส่วนหนึ่งของบทสวดยอดพระกัณฑ์ คือ

ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

(แปลว่า ขอให้พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งตลอดไป)



ลองทำดูครับ เพราะผมทำมาแล้ว รู้สึกว่า มีสติขึ้นมากเลยครับ
 
ความเห็นส่วนตัว
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 มี.ค.2005, 11:51 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แพทย์แผนปัจจุบันมีแบ่งแยกเป็นแพทย์เฉพาะทาง เช่นแพทย์โรคหัวใจ โรคมะเร็ง หรือโรคเด็ก ประสาทวิทยา และแผนกอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีแพทย์ทางเลือกอีกหลายทาง ถ้าเป็นโรคทางกายก็ควรจะหาแพทย์ให้ถูกโรคควรวินิจฉัยโรคให้ดี

โรคทางจิตก็เช่นกันพระสงฆ์บ้านเราก็มีหลายรูปหลายแบบ ผมคงแนะนำได้แค่ลองถือศีล ทำจิตให้บริสุทธิ ละเว้นบาปทั้งปวง และทำดีให้มากเข้าไว้ ลองไปบริจาคเลือดดูซิครับ หวังว่าคุณคงหายดีในไม่ช้า แต่ถึงจะตายก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่ครับ ทุกคนเกิดมาก็ต้องตายอยู่แล้ว เร่งรีบสะสางการงานให้เสร็จอย่าให้มีเวรผูกพันกับใครอีก ลองทำตัวทำใจให้พร้อมที่จะตายอย่างที่เขาเรียกกันว่า "มรณานุสติ"

ขอความเจริญในธรรมจงมีแก่คุณนะครับ
 
เฉื่อย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 17 มี.ค.2005, 10:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



สติสำคัญสุด



ของให้โชคดี หายทุกข์หายโศกหายโรคหายภัย นะขอรับ
 
จันทโชต
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 มี.ค.2005, 6:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อาตมะมีประสพการตรง

และจากผู้อื่น จะเล่าของผู้อืนให้ฟังย่อ ๆ

...เป็น...หญิง ฯลฯ ก่อนหน้าที่จะได้คุยกะอาตมาเมื่อไม่นานมานี้

เธอมีอาการ ..อยากร้องอยากรำ รู้ตัวแต่บังคับตนเองไม่ได้ เห็นสิ่งของโบราณ โดยเฉพาะ รูป ร.5 ฯลฯ จะเป็นทุกครั้ง

....บางครั้งเจ็บปวดหัวใจมาก ๆ เหมือนใจจะขาด

...จึงไปฝึกทำกัมมัฏฐานจากสำนักแห่งหนึ่ง โดยคิดว่า จะให้กัมมัฏฐานล้างกรรมเก่าให้ อาการดีขึ้น ก็ยังมีอีก ฯลฯ

...ไปหาใคร ๆ แม้แต่พระดัง ๆ เธอบอกยังเดินหนีเลย ฯลฯ



แต่เธอมีความมุ่งมั่นจริงจังจะปฏิบัติ แม้อาตมาให้เลิกก็ไม่ยอม เป็นตายก็จะทำกัมมัฏฐานให้ได้

อาตมาเห็นความมุ่งมั่นของเธอแล้ว ว่า เอาจริง และต้องการพ้นจากสิ่งนั้น จริงๆ

จึงบอกว่า ต้องเชื่อฟังอาตมะบอกปฏิบัติอย่างไรต้องทำ ฯลฯ

เพราะ...ไปฟังคนโน้นทีคนนี้ที ใครว่า อะไรดี ก็เอา ทำวิธีไหนก็เอา จึงสับสน

และที่สำคัญ จิต..เค้านี้อาวรณ์ต่อ ร. 5 คือเห็นแล้วกลัว ฯลฯ



...สรุปว่า ทั้งหลายทั้งปวงที่เล่าให้ฟังน่ะ มันเกิดจากความคิด เกิดจากจิตสำนึกลึก ๆ



หลายสาเหตุหลายที่มา

...อาตมะจึงแนะนำไปว่า ทำกัมมัฏฐานไปตามปกติ เกิดอารมณ์อะไรขึ้น เกิดความรู้สึก



อย่างไร ไม่ต้องตำใจ มีสติ ฉวยเอาอาการนั้น ภาวนาทันที เช่น เห็นรูปอะไร ก็ให้ภาวนา



ในใจว่า เห็นหนอๆๆๆ



เจ็บปวดตรงไหน ๆ ก็เจ็บหนอๆๆ

ไปตามอาการน้นๆแล้วจะหาย

แต่บอกได้ผล



...
 
จันทโชต
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 มี.ค.2005, 8:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ต่อโพสข้างบน ยังไม่จบเน็ตใกล้ตัด เลยส่งไปก่อน



เมื่อมีผู้รับรองแล้ว คุณก็เอาไปปฏิบัติดูบ้าง ไม่สงวนลิขสิทธิ์

มันเกิดจากจิต จากส่วนลึกๆ ของความรู้สึก

แต่ถ้าคุณไม่เคยภาวนามาก่อน ต้องทนหน่อยนะ

ถ้าเกิดอาการเจ็บปวดเอาความรู้สึกทั้งหมด ปักลงไปตรงนั้น เลย แล้วปักจิตบริกรรมในว่า ปวดหนอๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เอาให้อยุ่เลย แล้วจะหายถ้าทำบ่อย ๆ

ขอให้โชคดี



 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง