Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เราเกิดมาทำไม..เพื่ออะไร..ทำไมคิดว่ามนุษย์ดีกว่าสัตว์อย่างไร อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
SD3
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2004
ตอบ: 2

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2004, 12:05 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมคิดว่ามนุษย์เกิดมามีกรรมกว่าสัตว์เพราะมนุษย์มีความคิดความคิดนี่แหละที่ทำให้มนุษย์มีความทุกข์..แล้วทำไมมนุษย์จึงมีอยู่บนโลกนี้ได้..มาจากไหน..ศาสนาบ้างศาสนาบอกว่ามนุษย์เกิดจากการสร้างของพระเจ้าเพื่อมาเครพแก่พระเจ้า..ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดๆก็ตามพระเจ้าเป็นคนสร้างขึ้นมา..ซึ่งบ้างครั้งผมคิดว่าเราทำไมต้องมีตัวตนขึ้นมาเพื่อประสงค์ได..ถ้าไม่เกิดมาก็ไม่มีกรรมไม่มีการสร้างกรรม..ไม่มีทุกข์...ทางศาสนาพุทธมีประวัติของการเกิดมาเป็นมนุษย์ไหม..ดั่งศาสนาอื่นที่เขามีประวัติของที่มาของการเกิดเป็นมนุษย์..มีใครพอรู้บ้างไหมครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ninja2000
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2004, 2:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมว่าการเกิดมาเป็นมนุษย์นั้น ประเสริฐที่สุดแล้วครับ
มนุษย์สามารถทำความดีได้ แต่สัตว์ไม่รู้จักการสร้างความดี
มนุษย์เกิดมาแต่แรกก็ดี แต่สิ่งแวดล้อมภายหลังทำให้เสีย
ท่านจึงสอนให้มีธรรมะ เพราะผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุข

ศาสนาอื่นส่วนมากจะบอกว่าศาสดาของเขาสร้างจักรวาลและมนุษย์
แต่ศาสนาพุทธไม่พูดที่เรื่องนี้มากนักว่าคนมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน
เพราะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น เป็นปัญหาโลกแตก เป็นสิ่งที่ไม่ควรคิด
พระพุทธเจ้าจะสอนเรื่องทุกข์และการดับทุกข์ เท่านั้น
 
new
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2004, 7:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทุกสิ่ง ทุกอย่างล้วนเกิดมาแต่เหตุครับ คุณ sd3 พระพุทธเจ้าสอนว่าทุกสรรพสิ่งล้วนเกิดมาแต่เหตุ ปัจจัย มนุษย์เรานี้ ( ตัวของเรานี้ ก็มีเหตุให้เกิดมา ) ไม่มีอะไรเป็นเรื่องบังเอิญ หรือ ถูก สร้างหรือ ดลบันดาลขึ้นมา โดยไม่มีเหตุปัจจัย ( พระพุทธเจ้า พระองค์สอน อย่างนั้น )

เพราะมนุษย์ มีความคิด จึงทำให้มนุษย์ สามารถพัฒนาได้ มีการพัฒนาตัวเอง ได้ ซึ่งต่างจากสัตว์ ครับ ที่ว่า เพราะความคิดจึงทำให้มนุษย์มีความทุกข์ แต่ ถ้ามนุษย์รู้จัก คิดให้เป็นสุข เขาก็สามารถมีความสุขได้ การเกิดเป็นสัตว์ นั้น คุณ sd 3 อย่าคิดว่า สบายนะครับ สัตว์นั้น ก็มีความทุกข์ในสภาพของเขา ได้รับความเบียดเบียนมาก

การเกิดเป็นมนุษย์ นี้ จะทำตัวให้ต่ำยิ่งกว่าสัตว์ ก็ได้ หรือ จะทำตัวให้ ประเสริฐ ยิ่งกว่าสัตว์ ก็ได้ ล้วนเกิดจากตัวเราเองทั้งนั้น จะทุกข์ หรือ สุข ก็เป็นเพราะเราได้สร้างเหตุปัจจัยไว้เองครับ มนุษย์ รู้จักทุกข์ รู้จักสุข เมื่อรู้จักทุกข์ รู้จักสุข ก็สามารถพัฒนา ได้อีก การที่คุณ sd3 ได้เกิดเป็นมนุษย์ ในชาตินี้ ก็เป็นเพราะผลของ กุศลกรรม อันใด อันหนึ่ง ที่นำเกิดให้ได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะ ถ้าเป็นอกุศลกรรมแล้ว ( กรรมนำเกิด ) ก็จะไปอบาย อย่างเดียว เช่นเป็นสัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก เปรต อสุรกาย เป็นต้น

แต่ที่บางครั้งเราเป็นทุกข์ ก็เพราะ เนื่องด้วย อกุศลวิบาก ที่เคยได้ทำไว้ มีกำลังแรงพอที่จะให้ผลในชาตินี้ ได้ ก็ได้รับ ทั้ง อกุศล และ กุศล วิบาก พลัดเปลี่ยนกันไป เมื่อได้มีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว ก็เร่งสร้างกุศล ( เพราะเราสามารถทำได้ ในปัจจุบันนี้ ) ถ้าหลุดจากชาตินี้ แล้วไปเกิด ในอบาย เป็นสัตว์ เดรัจฉาน ก็จะไม่มีโอกาสได้ทำกุศล ได้เลย

การเป็นมนุษย์นั้น ยากยิ่ง การเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา นั้นยากยิ่งกว่า ฉะนั้นอย่าให้เสียประโยชน์ ชาตินี้เลยครับ คุณ sd 3

พระพุทธองค์ตรัส สอน ก่อนที่พระองค์ จะปรินิพพาน เป็นประโยคสุดท้ายคือ ให้เราไม่ประมาท ยังความไม่ประมาท นี้คือ เป็นปัจฉิมวาจา ของ พระศาสดา

ความประมาทคือหนทางแห่งความตาย ขณะปัจจุบัน คุณ sd3 สามารถ เร่งทำกุศล ปฏิบัติธรรมได้ ก็ทำให้เต็มที่ เพราะถ้าเราประมาทพลาดแล้ว ตายจากชาตินี้ไป หลุด ลงไปอบาย ก็ยากยิ่ง ที่จะได้ขึ้นจาก อบายได้ แต่กุศลกรรมที่คุณได้ทำไว้นี้ จะสามารถช่วยคุณ เป็นเสบียง ให้มีความสุข ความสบายได้ เป็นกุศลวิบาก ทั้งในชาติปัจจุบัน และภพชาติ ต่อๆ ไป

เจริญในธรรมครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 28 ก.ค.2004, 8:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ในความหมายของพระเจ้า ก็คือ ความจริง ความดี ความงาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้มนุษย์เราสามารถฝึกปฏิบัติบ่มเพาะให้จิตใจใสสะอาดบริสุทธิ์ดุจน้ำอมฤตได้ด้วยตนเองทุกคน

เมื่อเราปฏิบัติจนสามารถทำให้กิเลสในตัวเบาบางลง หรือบางท่านสามารถถอดถอนอนุสัยที่ติดอยู่ลึกๆ ได้ จิตใจเราก็จะใสสะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากเครื่องร้อยรัดทั้งปวง ความจริง ความดีก็จะปรากฏ ความงดงามแห่งจิตใจก็จะเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ก็เปรียบเหมือนมีพระเจ้าอยู่ในจิตใจของทุกๆ คนนั่นเอง

สาธุ ขอธรรมะคุ้มครองทุกท่าน.....สวัสดี
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
DEV
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 155

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ค.2004, 8:37 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
สักกะ
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 05 ก.ค. 2004
ตอบ: 15

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ค.2004, 2:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมไม่ทราบว่าในพุทธศาสนามีการกล่าวถึงการเกิดขึ้นของมนุษย์หรือไม่ แต่ในเมื่อมันมีอยู่และเราก็เป็นมนุษย์ เราก็ควรที่จะอยู่อย่างมีความสุข สุขในที่นี้ไม่ใช่ความสุขจากการได้ แต่เป็นความสุขจากการให้ การละวางสิ่งทั้งหลายที่เราแบกไว้ในใจ ผมก็เคยคิดเหมือนคุณว่าเราเกิดมาทำไม เกิดมาทำงาน กิน นอน ชีวิตหมุนไปวันๆ ไม่เห็นมีอะไรเลย จนเริ่มได้มาศึกษาและปฏิบัติธรรมมากขึ้นทีละนิด ก็เริ่มจะสัมผัสได้ถึงความสุขจากการให้ทาน การรักษาศีล การเจริญภาวนา โดยเฉพาะภาวนานี้เป็นบุญเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ ที่จะทำให้เรามีสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า ขอให้คุณเปิดใจและลองปฏิบัติดูครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 8:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มนุษย์ โชคดีกว่าสัตว์ ตรงเข้าถึงนิพพานได้ สาธุ สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 10:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มนุษย์ คือ สัตว์ ประเภทหนึ่งครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 10:11 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปุ๋ย พิมพ์ว่า:
ในความหมายของพระเจ้า ก็คือ ความจริง ความดี ความงาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้มนุษย์เราสามารถฝึกปฏิบัติบ่มเพาะให้จิตใจใสสะอาดบริสุทธิ์ดุจน้ำอมฤตได้ด้วยตนเองทุกคน

เมื่อเราปฏิบัติจนสามารถทำให้กิเลสในตัวเบาบางลง หรือบางท่านสามารถถอดถอนอนุสัยที่ติดอยู่ลึกๆ ได้ จิตใจเราก็จะใสสะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากเครื่องร้อยรัดทั้งปวง ความจริง ความดีก็จะปรากฏ ความงดงามแห่งจิตใจก็จะเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ก็เปรียบเหมือนมีพระเจ้าอยู่ในจิตใจของทุกๆ คนนั่นเอง

ขอธรรมะคุ้มครองทุกท่าน.....สวัสดี


โลกนี้ไม่ควรมีสมมุติโวหารว่าศาสนาเลยครับ

ควรมีแต่คำว่า

ประพฤติพรหมจรรย์
จะได้ไม่เกิดสักกยทิฏฐิ

ท่านทั้งหลายเห็นเช่นใดครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 12:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กระทู้เด็ดมากเลยคับ
เป็นอภิมหาปัญหาเลยก็ว่าได้
สาธุคับสาธุ สาธุ สาธุ


แต่ถ้าช่วยเคาะ enter ขึ้นบรรทัดใหม่บ้าง
จะยิ่งดีมากๆเลยคับ อุๆๆ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
thammathai
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 35
ที่อยู่ (จังหวัด): สังขตธาตุ

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2008, 3:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ธรรมะสวัสดี

เดิม เราคือ จิต
เดิมมีแต่จิต รอบๆเรามีแต่จิต

จิตมีคุณสมบัติ คิด จำ รู้

คิดได้ว่าเราคือ ........ จิต

จำได้ว่าเราคือ ......... จิต

รู้ว่าเราคือ .............. จิต

จิตเดิมยังเป็นจิตที่มีอวิชชา
ไม่รู้ว่าโลกเป็นอย่างไร ........ เพราะเดิมยังไม่มีโลก

แต่เพราะคุณสมบัติในการคิดของจิต และเป็นจิตที่ยังไม่รอบรู้
จึงสามารถหลงคิดไปว่าถ้ามีอะไรมากไปกว่าจิตจะเป็นอย่างไร.......

จิตจึงเพ่งพลังสร้างอะไรที่มากไปกว่าจิตขึ้น
เราเรียกสิ่งที่จิตสร้างขึ้นว่า......สังขาร

(เพราะสังขารคือความคิด คือคิดมีอะไรมากกว่าจิต)

จึงอาจกล่าวว่าอวิชชาทำให้เกิดสังขาร

อะไรที่มากไปกว่าจิตคือสังขาร
สังขารคือโลก ย่อมอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์
จึงย่อมเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา........

จิตอวิชชาจึงคิดว่าถ้าปราถนาให้สังขารยั่งยืน...
เราต้องไปอยู่ในสังขารนั้น.......

จิตจึงไปสถิตย์อยู่ในสังขาร.......

เราเรียกจิตที่เข้าไปอยู่ในสังขารเสียใหม่ว่า ...... วิญญาณ

จึงกล่าวได้ว่าสังขารทำให้เกิดวิญญาณี้

หรือเราเรียกสังขารที่จิตสร้างขึ้นว่า ......... รูป
และวิญญาณที่อยู่ในสังขารว่าเรียกว่า ...... นาม

(รายละเอียดหลังจากนั้นไม่ขอกล่าวถึง)

ตราบใดที่มีรูปและนามอยู่ด้วยกัน ........ นั่นคือมีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นแล้ว

สิ่งมีชีวิตดังกล่าวพัฒนาตัวตนของตนเองเพื่อให้อยู่รอดมากขึ้น
ด้วยการพัฒนาได้สูงสุดคือความเป็น...... มนุษย์


จิตมีอานุภาพมาก...

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกและจักรวาล ...รวมทั้งมนุษย์ จิตล้วนสร้างขึ้นทั้งสิ้น
ซึ่งเราเรียกรวมๆว่าสังขาร สังขารธรรม หรือสังขตธรรม
ย่อมอยู่ใต้กฏไตรลักษณ์ทั้งสิ้น....

ขอกล่าวโดยสังเขปเพียงแค่นี้ก่อน

สาธุ สาธุ
 

_________________
เราคือใจที่บริสุทธิ์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2008, 4:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

thammathai พิมพ์ว่า:
เดิม เราคือ จิต
เดิมมีแต่จิต รอบๆเรามีแต่จิต

จิตมีคุณสมบัติ คิด จำ รู้

คิดได้ว่าเราคือ ........ จิต

จำได้ว่าเราคือ ......... จิต

รู้ว่าเราคือ .............. จิต

จิตเดิมยังเป็นจิตที่มีอวิชชา
ไม่รู้ว่าโลกเป็นอย่างไร ........ เพราะเดิมยังไม่มีโลก

แต่เพราะคุณสมบัติในการคิดของจิต และเป็นจิตที่ยังไม่รอบรู้
จึงสามารถหลงคิดไปว่าถ้ามีอะไรมากไปกว่าจิตจะเป็นอย่างไร.......


จิตจึงเพ่งพลังสร้างอะไรที่มากไปกว่าจิตขึ้น
เราเรียกสิ่งที่จิตสร้างขึ้นว่า......สังขาร

(เพราะสังขารคือความคิด คือคิดมีอะไรมากกว่าจิต)

จึงอาจกล่าวว่าอวิชชาทำให้เกิดสังขาร

อะไรที่มากไปกว่าจิตคือสังขาร
สังขารคือโลก ย่อมอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์
จึงย่อมเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา........


ชื่อคุ้นๆ

ท่านมาจากเวปธรรมะไทยหรือครับ

เดิมมีแต่จิต รอบตัวเรามีแต่จิต หมายถึงอะไรครับ

ท่านต้องการสื่อถึงอะไร




คิดได้ว่าเราคือ ........ จิต

จำได้ว่าเราคือ ......... จิต

รู้ว่าเราคือ .............. จิต


ขออภัยที่ไม่เข้าใจเช่นกัน


ไม่รู้ว่าโลกเป็นอย่างไร ........ เพราะเดิมยังไม่มีโลก

หมายถึงอะไรครับ ท่านต้องการบอกถึงอะไรครับ


แต่เพราะคุณสมบัติในการคิดของจิต และเป็นจิตที่ยังไม่รอบรู้
จึงสามารถหลงคิดไปว่าถ้ามีอะไรมากไปกว่าจิตจะเป็นอย่างไร.
......

หมายถึงอะไรครับ

จิตจึงเพ่งพลังสร้างอะไรที่มากไปกว่าจิตขึ้น
เราเรียกสิ่งที่จิตสร้างขึ้นว่า......สังขาร


ทำได้อย่างไรครับ


สังขารคือโลก ย่อมอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์
สังขารที่คุณกล่าวถึงคือ สังขารในขันธ์5 หรือรูปสังขารครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง