Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 การฆ่าคนไม่ว่าด้วยเจตนาใดล้วนเป็นบาปเสมอ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 9:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
จากหน้า 4 หนังสือพระพุทธศาสนามหายาน ของรองศาสตราจารย์ ดร.ประยงค์ แสนบุราณ

อธิบายหลักมหากรุณาในนิกายมหายานว่า:


" พระโพธิสัตว์อาจจะทำลายชีวิตสัตว์อื่นด้วยความกรุณาเสียก็ได้ เช่น พระโพธิสัตว์เห็นคนบางคนทำ
ความชั่ว ถึงจะสั่งสอนตักเตือนอย่างไร คนชั่วนั้นก็ไม่เชื่อฟัง ไม่กลับตัวกลับใจ ยังทำความชั่วเรื่อยไป

พระโพธิสัตว์คิดว่า ถ้าขืนปล่อยให้เขาทำกรรมชั่วหนักขึ้นๆ จนไม่อาจจะพบทางสว่างได้ พระโพธิสัตว์
จึงตั้งมหากรุณาจิตปลงชีวิตสัตว์เสียก็ได้ "



ที่คุณพลศักดิ์ยกความเห็นทางฝ่ายมหายานมา

ผมว่าคุยยังไงก็ไม่จบครับ เพราะ มหายาน กับ เถรวาท มีส่วนที่ไม่เห็นพ้องกันอยู่

ถ้าคุณพลศักดิ์ นับถือทางนิกายมหายาน ผมก็ขอบายครับ ตอบไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร

ความหมายของพระโพธิสัตว์ฝ่ายเถรวาท คือผู้ที่ประพฤติตนเพื่อที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต (ซึ่งแน่นอนว่ายังไม่ได้บรรลุถึงที่สุดแห่งธรรม แต่ในอนาคตจะได้) ซึ่งจะได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ(ประมาณนี้นะครับ ผมไม่แน่ใจเท่าไร รอผู้รู้มาตอบ)

ถ้าคุณจะให้ผมเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ผมก็ขออนุญาตไม่เห็นด้วยนะครับ เพราะผมเชื่อทางเถรวาท (เชื่อด้วยเหตุและผลนะครับ) ทางมหายานผมไม่ขอกล่าวอะไรมาก เรื่องของความเชื่อห้ามกันไม่ได้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 9:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยุติธรรม พิมพ์ว่า:
ดิฉันไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับข้อสรุปของเจ้าของกระทู้ที่ว่า การฆ่าคนไม่ว่าด้วยเจตนาใดล้วนเป็นบาปเสมอ
พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ได้ตรัสเช่นนั้นนะคะ

พระองค์ตรัสว่า เจตนาคือกรรม แล้วแบ่งเจตนาออกเป็น 3 ชนิด อย่างที่เจ้าของกระทู้ได้เขียนไว้
โดยสรุป

อกุศลจิตเจตนาเป็นบาป
กุศลจิตเจตนาเป็นบุญ
ไม่มีกุศลและอกุศลจิตเจตนาเป็นกิรยาเฉยๆ


ตัวอย่างที่พระผู้มีพระภาคเล่าว่า

" ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในกาลก่อนเราเป็นนายทหารราบ ฆ่าบุรุษเป็นอันมากด้วยหอก ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้นเราถูกไฟไหม้ อย่างเผ็ดร้อนอยู่ในนรก ด้วยผลอันเหลือแห่งกรรมนั้น บัดนี้ไฟยังมาไหม้ผิวหนังที่เท้าของเราอีก(เท้าอักเสบเพราะโดนสะเก็ดหิน) เพราะว่ากรรมยังไม่พินาศไป"

จะเห็นว่าตัวอย่างนี้ชัดเจนอยู่ในตัวเองว่า เจตนาในการฆ่ามาจากอกุศลจิตจึงเป็นบาป

ดิฉันเห็นด้วยกับคุณพลศักดิ์ อย่างไรก็ดี เรื่องจะบาปหรือบุญต้องดูที่จิตของเขาว่าเป็นกุศล อกุศล
หรือเป็นกิริยาเฉยๆ จะหรอกใครหรอกได้ หรอกมโนธรรมในใจตัวเองไม่ได้นะคะ


การฆ่าล้วนส่งผลมาจากอกุศลจิต (อาจจะ โลภ โกรธ หลง ก็ได้) โดยเฉพาะ หลง ครับ หลงว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง หลงว่าที่ทำนั้นยุติธรรม หลงอื่นๆอีกมากมาย การฆ่าโดยเมตตาจิต กับ การวางอุเบกขา อันไหนทำให้กรรมสิ้นสุดลงได้ครับ

โปรดพิจารณาครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 9:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

walaiporn พิมพ์ว่า:
เอ ... อ่านแล้วก็งงๆ แล้ว ศิล ๕ ศิลข้อที่ ๑ มีไว้ทำอะไรหรือคะ

-- บางทีการฆ่า เกิดเนื่องจากการป้องกันตัว เช่นในกรณีที่มีโจรขึ้นบ้าน เจ้าของบ้านยิงขโมยตาย เพราะเขาป้องกันตัวเอง ถ้าถามว่าบาปไหม ..
-- ถ้าตอบตามหลักของคำที่ขึ้นชื่อว่า " ฆ่า " ขอตอบว่า " บาป "

-- เหมือนอย่างเรากำลังเดิน เราเดินเหยียบมดตาย หรือเรากำลังนั่งดูทีวีอยู่ รู้สึกคันๆแขน เอามือไปลูบ ปรากฏว่ากลายเป็นว่าลูบไปโดนยุง มันคงหนีไม่ทันตัวเต่งเลย เห็นตอนมันตายติดมือมา ถ้าถามว่า " บาป " ไหม..
-- ถ้าตอบตามหลักของคำที่ขึ้นชื่อว่า " ฆ่า " ขอตอบว่า "บาป "ค่ะ

-- ทั้งสองกรณี ถึงไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าก็ตาม แต่ถ้าว่าตามหลักของการกระทำคือ ฆ่า ถือว่า บาปค่ะ

-- ส่วนกรรม (การกระทำ) วิบากกรรม (ผลของการกระทำ) อันนี้ผู้ใดกระทำก็รับผลของการกระทำนั้นเอง หาใช่ผู้อื่นไม่

-- เป็นเพียงข้อคิดเห็นค่ะ แล้วแต่ว่าใครจะเห็นอย่างไร ดิฉันเคารพข้อคิดเห็นของทุกคน


บาป หรือ บุญ ผิดศีล ไม่ผิด ศีลอยู่ที่เจตนา อย่างคุณพลศักดิ์และท่านอื่นๆกล่าวไว้ถูกต้องแล้วครับ กรณีไม่มีเจตนา ยังไงก็ไม่บาป กรณีที่มีเจตนา ไม่ว่ากุศลหรือกุศล ยังไงก็มีส่วนของบาปปนอยู่ด้วยเสมอ

แม่ฆ่ายุงเพื่อปกป้องลูก บุญที่ปกป้องลูก เมตตาลูก แต่ขาดเมตตาต่อยุง ฆ่าสัตว์ก็บาป วิธีที่จะปกป้องลูกโดยไม่ผิดธรรมมีอีกเยอะ แต่เป็นเพราะกุศลจิตที่ขาด ปัญญา ทำให้เลือกที่จะทำผิดธรรม ซึ่งก็สมควรที่จะได้รับส่วนของกรรมด้วย

มากน้อย ขึ้นอยู่กับ สัตว์นั้นคุณมากน้อย เจตนา ความพยายาม และอื่นๆ

ไปนรก สวรรค์ ว่ากันอีกทีตอนจิตดับ

สาธุครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 9:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
คุณฌาณครับ



เรื่องแมลงสาบผมยังไม่จบนะ มีภาคสอง หลังจากนั้นอีกเดือนหนึ่ง ก็มีแมลงสาบ 3 ตัวหนีจาก
ยาฆ่าปลวกมาหลบในห้องน้ำผม ผมก็ให้มันอยู่ไป 1 สัปดาห์ ไม่มีปัญหาอะไร ต่างคนต่างอยู่

วันนึงผมจะลองดูว่า ผมสื่อสารกับแมลงสาบได้จริงไหม ผมเลยกำหนดจิตดูวา แมลงสาบ 3
ตัวนี้เป็นใคร ทำไมมารับกรรมเป็นแมลงสาบแบบนี้


ปรากฏผมรู้เองในจิตว่า พวกมันเป็นทหารนาซี เคยรมแก๊ซชาวยิวตาย จึงต้องเกิดมาใช้กรรม
ต้องโดนยาแก๊ซรมจนตาย แล้วมันใช้กรรมแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

ผมสงสารพวกมัน เลยเอายาฆ่าแมลงสาบฉีดฆ่าพวกมันให้ตายเลย 2 ตัว ตายคาที่ อีกตัวไม่ตาย
นอนหงายหลัง ดิ้นกระแด่วๆอยู่ ผมเลยใช้กระดาษคลุมดันไว้ แล้วก็กระทืบซ้ำ

หลังจากนั้น ผมก็ไปนั่งกรรมฐานแผ่เมตตา อุทิศกุศลจากกรรมฐานของผมให้พวกมัน รวมทั้ง
แมลงสาบที่เคยตายจากยาฆ่าปลวกในบ้านผม

ตกดึก พอผมเคล้มหลับไป แต่ยังมีสติอยู่ วิญญาณแมลงสาบเหล่านั้นก็มาหาผมเพื่อขอบคุณ
พวกมันรวมตัวกันเป็นแผ่นบางๆ

ผมยังมีเรื่องเล่าอีกเยอะ ที่สำคัญผมลองดูว่า อาการแพ้ทางผิวหนังของผมเกิดจากเหล่าวิญญานหรือเปล่า
ผมก็เลยนั่งกรรมฐานแผ่เมตตา อุทิศกุศลจากกรรมฐานของผมให้บรรดาเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ผมแพ้ทาง
ผิวหนัง ก็เหมือนเดิม เจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้นมาหาผม เป็นวิญญาณปลวกเป็นล้านๆตัว แสดงให้ผม
รู้ว่าอาการแพ้ทางผิวหนังของผมเกิดจากพวกมัน โดยมันคลานเข้าไปในปากของผม ในตอนนั้นผม
ไม่ได้ฝัน มีสติอยู่ตลอดเวลา เพราะผมนอนกรรมฐาน

เรื่องนี้ไม่ใช่คิดไปเอง หลังจากนั้นผมไม่มีอาการแพ้ทางผิวหนังอีกเลยจนกระทั่งถึงตอนนี้


ขอโทษนะครับ ผมกลับเห็นว่าคุณพลศักดิ์มีเมตตาก็จริง ช่วยแมลงสาบให้พ้นทุกข์ก็จริง แต่ก็ได้ทำกรรมลงไป ทั้งๆที่แมลงสาบนั้นอาจต้องรับกรรม คุณไปตัดกรรมเขา แล้วทำกรรมใหม่ของคุณลงไป น่ะครับ

เหมือนเดิมครับ บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 9:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอโทษด้วยครับ ที่ตอบยาวมากๆ พอดีเพิ่งมาเห็นกระทู้นี้ แล้วเห็นว่ากระทู้ประมาณนี้ คุยกันนานแล้ว แต่ยังไม่จบน่ะครับ

เข้ามาปุ๊บ โห ยาวเหยียดเลย

ถ้าแสดงความคิดเห็นอะไรรุนแรงไปก็ขอโทษด้วยครับ มิได้มีเจตนา

สาธุครับ สาธุ

สู้ สู้ สู้ สู้ สู้ สู้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2008, 12:46 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณเมธีครับ



ก็เพราะส่วนใหญ่หรือมากกว่า 95% จิตมันเป็นอกุศล ทีความโลภ โกรธ หลง น่ะซิครับ
พระพุทธองค์จึงบัญญัติเรื่องศีล 5 โอกาสที่จะเป็นบาปจึงทีสูง แต่ก็ไม่ใช่ว่า การฆ่าทุกครั้ง
มีอกุศลจิต พระพุทธองค์จึงไม่บอกว่าผิดศีล 5 เป็นบาปเสมอไป

แค่พระพุทธองค์กลับสอนว่า สิ่งที่เป็นบาป คือ จิตเจตนาอกุศล โดยมีต้นตอมาจากความ
โลภ โกรธ หลง



คุณฌาณ ครับ



ขณะฆ่าหรือทำร้ายกัน....จิตเป็นกุศลหรอครับ

บางกรณีก็มีนะครับ ผมได้ยกตัวอย่างเรื่องเมียยอดรัก และของผมไปแล้ว เมื่อพวก
แมลงสาบมาขอร้อง แล้วผมรับรู้ถึงความทุกข์ของพวกเขา ผมก็ต้องฆ่าและแผ่เมตตา
อุทิศส่วนบุญกุศลจากกรรมฐานของผมใช้หนี้กรรมให้กับเขา เขาจะได้ไม่ต้องกลับมาเป็น
แมลงสาบอีก
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
walaiporn
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2008, 7:31 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

-- มุมมอง มันเป็นเพียงแค่รู้ของแต่ละคน

-- ถ้าไม่มีการนำข้อความซึ่งเป็นความคิดเห็นของคนอื่นมากล่าว ว่าตัวเองมีความรู้สึกหรือความคิดเกี่ยวกับข้อความนั้นๆ มันก็คงไม่มีเรื่องมาถกกันหรือบางทีก็กลายเป็นความบาดหมางกันไป เหตุเนื่องจากต่างคนต่างคิดว่า ความคิดเห็นของตัวเองถูก แต่หากมีสติแล้วหยุดพิจรณา จะเห็นว่า มันก็เป็นเพียงแค่รู้ของแต่ละคนเท่านั้นเอง

-- ดิฉันเคารพในข้อคิดเห็นของแต่ละคนที่แสดงมา การสำรวม สังวร ระวังกาย วาจา จิต เป็นสิ่งที่ควรทำ

-- การฆ่า ไม่ว่าจะบาปหรือไม่บาป มันก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม กรรมหรือการกระทำนั้นย่อมส่งผลอย่างแน่นอน ดิฉันมองแค่นั้น คิดแค่ไหน ตอบแค่นั้น แต่ไม่ไปให้ค่าหรือความหมายในการกระทำของบุคคลอื่นๆว่าที่เขาทำนั้นว่าถูกหรือผิด เพราะอันนั้นมันก็เรื่องของเขา ใครกระทำ ผลนั้นคนทำเป็นผู้รับหาใช่เราไม่ ดิฉันมองแค่นั้นเอง การที่เราไปเพ่งโทษเขาโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม เท่ากับเราไปสร้างกรรมใหม่ ซึ่งทำให้ไปมีวิบากร่วมกับเขา เป็นสิ่งที่ดิฉันไม่ควรทำอย่างยิ่ง

-- ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันย่อมมีเหตุที่เกิดขึ้นมาก่อน ผลที่ได้รับจึงเป็นเช่นนั้น

เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะทุกท่าน สาธุ
 

_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2008, 12:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การนำความเห็นของผู้อื่นมากล่าว หากแม้ด้วยเหตุเพราะปราถนาดี และการกล่าวนั้นเป็นไปด้วยปิยวาจา ย่อมนำมาซึ่งประโยชน์ แก่ผู้แสดงความเห็น แด่เจ้าของความเห็นที่ถูกกล่าวถึง แด่ผู้อ่านทั่วไป

มิฉะนั้นความเห็นของแต่ละท่านซึ่งแน่นอนว่าย่อมแตกต่างกันไป เมื่อไม่มีผู้ที่เห็นต่างแสดงความเห็นแย้ง(โดยปิยวาจา) ย่อมทำให้ความเห็นซึ่งแตกต่างกันกระจายออกไปทั่ว ซึ่งอาจเป็นผลดีหรือผลเสียในวงกว้างได้

การที่มีผู้แย้ง(โดยปิยวาจา) ย่อมทำให้ผู้อื่นสามารถใช้ปัญญาของตนเองในการวิเคราะห์ว่าสิ่งไหนถูก ดี ควรกระทำ ควรน้อมรับ

อย่างไรเสียควรอยู่ในกรอบที่จะทำให้เกิดความสงบสุข


การเพ่งโทษผู้อื่นย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่นอน แต่มิใช่ว่าการยกความเห็นผู้อื่นมากล่าวจะเป็นการเพ่งโทษเสมอเป็น ในบางกรณีเป็นเพียงแค่การยกตัวอย่างเท่านั้น เหมือนๆกับการที่ผู้อื่นยกตัวเองมาเป็นกรณีตัวอย่าง ซึ่งกลับกันจะเป็นการชี้ทาง หรือ ชี้แนะ ก็ได้
เพ่งโทษ (ว่าผู้อื่นไม่ดี อย่างโน้น อย่างนี้ ไม่เน้นว่าที่ถูกควรเป็นอย่างไร)
ชี้แนะ (ว่าผู้อื่นไม่ดีอย่างนี้ ควรจะทำอย่างนี้ๆ เน้นประโยชน์ของผู้รับเป็นหลัก)

ขอบคุณที่ท่านเตือนสติ กระผมจะน้อมรับมาปรับปรุงตน เพื่อให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม

เจริญในธรรมยิ่งๆทุกท่าน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2008, 1:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
คุณเมธีครับ



ก็เพราะส่วนใหญ่หรือมากกว่า 95% จิตมันเป็นอกุศล ทีความโลภ โกรธ หลง น่ะซิครับ
พระพุทธองค์จึงบัญญัติเรื่องศีล 5 โอกาสที่จะเป็นบาปจึงทีสูง แต่ก็ไม่ใช่ว่า การฆ่าทุกครั้ง
มีอกุศลจิต พระพุทธองค์จึงไม่บอกว่าผิดศีล 5 เป็นบาปเสมอไป

แค่พระพุทธองค์กลับสอนว่า สิ่งที่เป็นบาป คือ จิตเจตนาอกุศล โดยมีต้นตอมาจากความ
โลภ โกรธ หลง



คุณพลศักดิ์ครับ

พระพุทธองค์ท่านทรงบัญญัติไว้ว่าผิดศีล 5 เป็นบาป
แต่ท่านก็ไม่เคยกล่าวว่าการผิดศีล 5 โดยเจตนาเป็นกุศลแล้วจะไม่เป็นบาป

เรื่องนี้เป็นการตีความของแต่ละบุคคล ว่าเจตนาใดเป็นบาป เจตนาใดไม่เป็นบาป

บางท่านกล่าวว่า ผิดศีล 5 เป็นบาป เพราะ เจตนาที่ทำผิดศีลย่อมมาจากอกุศล (โลภ โกรธ หลง โดยเฉพาะ หลง คือ หลงว่าตนทำถูกแล้ว ทำดีแล้ว)

บางท่านกล่าวว่า ผิดศีล 5 โดยเจตนากุศลไม่เป็นบาป เพราะ เจตนาคือกรรม

ซึ่งก็แล้วแต่ตีความกันไป

แต่เพื่อสังคมโดยส่วนมาก ซึ่งมักมีเป็นการตีความเข้าข้างตนเองโดยเสมอ

พระพุทธเจ้าท่านจึงไม่ทรงบัญญัติว่า ผิดศีลโดยเจตนาเป็นกุศลไม่บาป

เพราะว่าท่านเล็งเห็นว่า ถ้าบัญญัติแบบนั้น จะทำให้มีผู้ตีความเข้าข้างตนเองได้ง่าย ซึ่งจะเป็นโทษแก่สังคม หรือ พุทธศาสนา

ถ้าท่านเห็นว่า ความเห็นของท่านถูกต้อง ก็ขอให้ท่านเห็นแก่ประโยชน์ของพุทธศาสนา ถ้าท่านกล่าวโดยเฉพาะของท่านส่วนเดียว ย่อมมีโทษแก่พุทธศาสนิกชนผู้ยังไม่แข็งแรงทางธรรม ต่อไปศีล 5 ก็จะไม่มีความหมาย เพราะคนตีความเข้าข้างว่าข้าทำเพื่อครอบครัว ทำเพื่อพ่อแม่ (โปรดอ่านย้อนไปเรื่องพระสารีบุตร ที่ข้าพเจ้านำมาลงไว้)

กระผมยังยืนยันอย่างเดิมครับ ว่าการกระทำใดๆที่ผิดศีล 5 ย่อมมีส่วนของบาปอยู่ด้วยเสมอ แต่เพื่อพุทธศาสนิกชน เราควรที่จะ "คงไว้" ซึ่งสิ่งที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ ส่วนเมื่อใดที่เราๆท่านๆ ปฏิบัติได้ถึงจุดนึงแล้ว ย่อมมีความเข้าใจอย่างถูกต้องแก่ตนเอง มิใช่เฉพาะว่าบาปหรือบุญ แต่รวมไปถึง ว่าสิ่งใดควรกล่าวเพื่อประโยชน์แต่พุทธศาสนาด้วย

สาธุครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
walaiporn
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2008, 7:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมธี พิมพ์ว่า:
การนำความเห็นของผู้อื่นมากล่าว หากแม้ด้วยเหตุเพราะปราถนาดี และการกล่าวนั้นเป็นไปด้วยปิยวาจา ย่อมนำมาซึ่งประโยชน์ แก่ผู้แสดงความเห็น แด่เจ้าของความเห็นที่ถูกกล่าวถึง แด่ผู้อ่านทั่วไป

มิฉะนั้นความเห็นของแต่ละท่านซึ่งแน่นอนว่าย่อมแตกต่างกันไป เมื่อไม่มีผู้ที่เห็นต่างแสดงความเห็นแย้ง(โดยปิยวาจา) ย่อมทำให้ความเห็นซึ่งแตกต่างกันกระจายออกไปทั่ว ซึ่งอาจเป็นผลดีหรือผลเสียในวงกว้างได้

การที่มีผู้แย้ง(โดยปิยวาจา) ย่อมทำให้ผู้อื่นสามารถใช้ปัญญาของตนเองในการวิเคราะห์ว่าสิ่งไหนถูก ดี ควรกระทำ ควรน้อมรับ

อย่างไรเสียควรอยู่ในกรอบที่จะทำให้เกิดความสงบสุข


การเพ่งโทษผู้อื่นย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่นอน แต่มิใช่ว่าการยกความเห็นผู้อื่นมากล่าวจะเป็นการเพ่งโทษเสมอเป็น ในบางกรณีเป็นเพียงแค่การยกตัวอย่างเท่านั้น เหมือนๆกับการที่ผู้อื่นยกตัวเองมาเป็นกรณีตัวอย่าง ซึ่งกลับกันจะเป็นการชี้ทาง หรือ ชี้แนะ ก็ได้
เพ่งโทษ (ว่าผู้อื่นไม่ดี อย่างโน้น อย่างนี้ ไม่เน้นว่าที่ถูกควรเป็นอย่างไร)
ชี้แนะ (ว่าผู้อื่นไม่ดีอย่างนี้ ควรจะทำอย่างนี้ๆ เน้นประโยชน์ของผู้รับเป็นหลัก)

ขอบคุณที่ท่านเตือนสติ กระผมจะน้อมรับมาปรับปรุงตน เพื่อให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม

เจริญในธรรมยิ่งๆทุกท่าน


-- ขออโหสิกรรมต่อคุณเมธีด้วยค่ะ ถ้าคำบางคำที่สื่อออกไปแล้วอาจทำให้คุณเมธีตีความในตัวหนังสือผิดไป

-- จริงๆแล้วที่พูดมาทั้งหมดนั้น ไม่ได้คิดเจาะจงเตือนสติใครหรอกค่ะ ซึ่งดิฉันก็ได้บอกไปแล้วว่า เป็นเพียงมุมมองหรือเป็นเพียงข้อแสดงความคิดเห็น

.............................................
จากข้อความตรงนี้

มิฉะนั้นความเห็นของแต่ละท่านซึ่งแน่นอนว่าย่อมแตกต่างกันไป เมื่อไม่มีผู้ที่เห็นต่างแสดงความเห็นแย้ง(โดยปิยวาจา) ย่อมทำให้ความเห็นซึ่งแตกต่างกันกระจายออกไปทั่ว ซึ่งอาจเป็นผลดีหรือผลเสียในวงกว้างได้

-- ต้องขออภัยที่นำข้อความมาอ้างอิงค่ะคุณเมธี

-- จากข้อความที่คุณเมธีนำมากล่าว เราอาจจะมีมุมมองหรือความคิดที่แตกต่างกันไป คำว่า " ผลดีผลเสีย " ดิฉันมองไปถึงเหตุที่สร้างไว้ก่อนที่ผลจะแสดงออก มา เขาสร้างเหตุร่วมกันมาอย่างไร เขาทั้งหลายย่อมได้รับผลเช่นนั้น หากเราไม่เคยสร้างเหตุร่วมมากับเขา เราย่อมไม่มีวิบากร่วมกับเขา สร้างเหตุดี ผลย่อมดี สร้างเหตุไม่ดี ผลย่อมไม่ดี

-- ขออนุญาตินำข้อความของคุณพลศักดิ์มาอ้างอิงค่ะ

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
จากหน้า 4 หนังสือพระพุทธศาสนามหายาน ของรองศาสตราจารย์ ดร.ประยงค์ แสนบุราณ

อธิบายหลักมหากรุณาในนิกายมหายานว่า:


" พระโพธิสัตว์อาจจะทำลายชีวิตสัตว์อื่นด้วยความกรุณาเสียก็ได้ เช่น พระโพธิสัตว์เห็นคนบางคนทำ
ความชั่ว ถึงจะสั่งสอนตักเตือนอย่างไร คนชั่วนั้นก็ไม่เชื่อฟัง ไม่กลับตัวกลับใจ ยังทำความชั่วเรื่อยไป

พระโพธิสัตว์คิดว่า ถ้าขืนปล่อยให้เขาทำกรรมชั่วหนักขึ้นๆ จนไม่อาจจะพบทางสว่างได้ พระโพธิสัตว์
จึงตั้งมหากรุณาจิตปลงชีวิตสัตว์เสียก็ได้ "

-- จากข้อความตรงนี้ ดิฉันมองเพียงว่า เป็นความรู้ใหม่ ถ้าคุณพลศักดิ์ไม่นำมาโพส ดิฉันก็คงไม่รู้ แต่ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไรกับข้อความที่ได้อ่าน ขอตอบว่า " เฉยๆ " ค่ะ เพราะนั่นมันรู้ของเขา เขาอ่านเจอมา เขาก็นำมาบอกต่อก็เท่านั้นเอง

-- ดิฉันเคารพในความคิดเห็นของทุกคนค่ะ อ่านแล้วดิฉันก็ดูจิตตัวเองไปด้วยว่ารู้สึกอย่างไรกับตัวหนังสือที่อ่าน เจ้าขันธ์ 5 นั้นทำงานทุกตัวไหม ทันไหมสังขาร ก่อนที่จิตมันจะเกิดการสั่งการ

-- อันนี้พูดแบ่งปันกันค่ะ
ลูกชายจะชอบถามว่า : ทำไมเวลาแม่ตอบคำถาม แค่ข้อเดียวใช้เวลานานจัง
ดิฉัน : มันต้องคิดทบทวนให้ดีก่อนที่จะโพสลงไป ว่าเรากำลังสร้างกรรมใหม่ให้เกิดหรือเปล่า เราคิดอย่างไรกับตัวหนังสือของเขา คิดเป็นกุศลหรืออกุศลเราทันไหม คิดติติง (เพ่งโทษ) เขาไหม สิ่งที่เราทำวันนี้ มันส่งผลไปถึงอนาคต ถึงแม้เขาและเราจะไม่รู้จักกันก็ตาม เขาไม่จำเป็นต้องมาทำกับเรา แต่เป็นคนอื่นที่เคยมีสร้างเหตุและมีวิบากร่วมมา มาทำกับเราแทน ลูกชายก็จะยิ้มๆไม่พูดอะไรต่อ

-- เวลาอ่านข้อความของทุกคน ดิฉันมองเพียงว่า เอาส่วนดีของเขา (ในความคิดของตัวเอง) มาเป็นประโยชน์ ส่วนไม่ดีของเขา (ในความคิดของตัวเอง) ช่างเขาไม่สนใจ เพราะรู้ว่าใครกระทำดีหรือไม่ดี(ตามความเป็นจริง ไม่ใช่ความคิดของเรา) เขาเป็นผู้รับผล หาใช่เราไม่ เราไม่ควรจะไปชี้เขาว่าอันนั้นถูกอันนี้ผิด มันเป็นเหมือนดาบสองคม

-- ทั้งหมดนี้เป็นเพียงมุมมองของดิฉันค่ะ ไม่ได้คิดละเมิดหรือคิดล่วงเกินผู้ใด
 

_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2008, 8:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เอ่อ ไม่ต้องขออโหสิกรรมก็ได้ครับ ผมไม่ได้คิดผูกเวรผูกกรรมกะใครครับ

ผมรับทราบครับ คุณ walaiporn ว่าคุณไม่ได้มีเจตนาเตือนสติใคร

จริงๆ ผมต้องขอบคุณคุณถึงจะถูก สาธุ

ความเห็นของคุณ ช่วยเตือนสติผมได้อย่างดีครับ สาธุ

ว่าแม้เพียงการแสดงความเห็นใดๆ ก็เหมือนเราไปสร้างกรรมต่อเนื่องกับผู้นั้น เพราะฉะนั้นต้องควรระมัดระวังในการแสดงความเห็นใดๆออกไป

การที่ผมแสดงความเห็นแย้งในเรื่องบางเรื่อง เพราะผมมีเจตนาดีน่ะครับ เพราะในบางเรื่องยังมีเหตุผลแย้งอยู่ มีตัวอย่างซึ่งไม่ตรงกันอยู่ ถ้าเราได้แสดงความเห็นส่วนนั้นออกไป เท่ากับว่าเราได้ช่วย ท่านอื่นๆ ให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อนำไปพิจารณา ให้เกิดปัญญาได้ดีขึ้น

ถ้าไม่มีผู้แย้งเลย อาจทำให้บางคนซึ่งได้ข้อมูลไม่เพียงพอ เชื่อไปผิดๆได้ (ผมเปล่าว่าผมถูกนะครับ เพียงแต่อยากให้ได้ข้อมูลหลายๆด้านประกอบความคิดเห็น)

ผมเองจะน้อมรับความเห็นของคุณ walaiporn มาปฏิบัติ เพื่อให้การแสดงความคิดเห็น หรือ ความเห็นแย้งใดๆ ของผม เป็นไปเพื่อประโยชน์ ไม่ก่อให้เกิดการผูกเวร อย่างนี้ถูกไหมครับ

ยิ้มเห็นฟัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
walaiporn
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2008, 9:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เคารพในความคิดเห็นของคุณเมธีค่ะ

เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ สาธุ สาธุ
 

_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2008, 9:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เคารพในความคิดเห็นของคุณ walaiporn เช่นกันครับ

เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ

สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง