ชื่อนามสกุล คือส่วนหนึ่งของกรรมในอดีตชาติ

ผู้เยี่ยมชม

ท่านสมาชิกที่เคารพทุกท่าน ท่านเชื่อหรือไม่ว่าชื่อกับ นามสกุล นั้นมีผลกับชีวิตของเราอย่างมาก มิใช่เป็นเพียงแค่นามเรียกขาน แต่หมายถึงรหัสกรรมในอดีตชาติที่เราจะต้องรับผลในชาตินี้ แต่เมื่อเรารู้รหัสก่อน ก็ต้องรีบแก้ เช่นเดียวกับเราถอดสลักลูกระเบิดออกก่อนที่จะเกิดการระเบิดขึ้น ก็จะทำให้เราหลุดพ้นจากความเสียหายอันใหญ่หลวงที่จะบังเกิดขึ้นได้ จะรู้รหัสชีวิตได้ก็ต้องอาศัยวิชาเลขศาสตร์ ซึ่งผมได้มีโอกาสศึกษาเรียนรู้และรวบรวมพยานหลักฐานสนับสนุน มาเป็นระยะเวลานานพอสมควร จึงเชื่อและศรัทธาในศาสตร์นี้มาก เห็นว่าดีมีประโยชน์ จึงได้จัดทำเว็บไซต์เกี่ยวกับวิชาเลขศาสตร์ขึ้นมา และอยากจะแนะนำทุกท่านให้เข้าไปชมและใช้วิจารณญานว่ามีเหตุมีผลหรือไม่ ที่ www.surawat191.com ด้วยความปรารถนาดีครับ

ตอบเมื่อ: 03 พ.ค.2006, 2:08 am

เปลี่ยนชื่อดีจริงหรือ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=2035

ผู้เยี่ยมชม

เป็นธุระกิจอีกแล้ว ศาสนาพุทธไม่ได้สอนไว้

ตอบเมื่อ: 03 พ.ค.2006, 2:21 pm

เมื่อกรรมนั้นถึงคราวให้ผล ไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อ หรือไม่เปลี่ยน ก็ต้องรับกรรมนั้นอยู่ดี
พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้เปลี่ยนชื่อ หากบุคคลหวังความเจริญก้าวหน้าในชีวิต
พึงปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ โดยการบำเพ็ญกุศลบททั้ง ๑๐ ปฏิบัติตามหลัก
มงคลชีวิต บำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา

ผู้เยี่ยมชม

ผมขอเรียนกับทุกท่านว่า ที่ผมได้แนะนำให้ไปดูในเว็บไซต์ที่ผมจัดทำนั้น เป็นการบอกทางหรือแนะวิธีการในการเรียนรู้กรรมอย่างหนึ่ง ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็อยู่ที่วิจารณญานของตัวท่านเอง และในการดูดวงของผมนั้นก็ดูให้ฟรี ไม่ได้คิดค่าดูแต่ประการใด อยากให้ผมช่วยดูให้ก็ไม่ต้องเสียเงินแต่อย่างใด เว้นแต่หากท่านดูแล้วเห็นว่ามีเหตุผล เกิดความเชื่อและศรัทธาอยากจะให้ผมตั้งชื่อให้เท่านั้น ที่อาจจะต้องมีค่าครูซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไร ไม่ถึงกับทำให้ผมร่ำรวยหรือทำให้ท่านจนลง แต่ประการใด วิชาต่างๆ นั้นมีครูบาอาจารย์ ไม่เชื่อก็โปรดทำใจให้ว่างอย่าได้ลบหลู่

ผมไม่เคยหวังความร่ำรวยกับธุรกิจแบบนี้หรอกครับ เนื่องจากผมเองก็มีงานประจำทำอยู่แล้ว เพียงแต่อยากช่วยเหลือผู้คนให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์เท่านั้น หากยากจนเหลือทนทานและแจ้งให้ทราบผมก็ช่วยเหลือท่านได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่ประการใด ขอยืนยันว่าเจตนาดีครับ

ตอบเมื่อ: 19 พ.ค.2006, 10:10 pm

อะไรที่พระพุทธองค์มิได้กล่าวไว้ มิได้สอนไว้ ก็ไม่ควรเอาเข้ามาเพิ่ม
เอามาเป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธศาสนา
เพราะพระธรรมเดิมที่มีอยู่ก็มีบริสุทธิอยู่แล้ว
หากเราคนรุ่นใหม่เอาอะไรใหม่ๆมาเสริม
จนเป็นเนื้อเดียวกับพุทธศาสนา
และวันหนึ่งพิสูจน์ได้ว่าสิ่งนั้นผิด
จะเกิดความเสียหายร้ายแรง
คือความศรัทธาของชาวพุทธจะเสื่อม

ตอบเมื่อ: 19 พ.ค.2006, 10:12 pm

ความเชื่อเรื่องการตั้งชื่อ นามสกุลเป็นความเชื่อที่ได้รับอิทธิพลจากพราหม์ฮินดูครับ
ไม่ใช่ของพุทธแท้ๆ

ผู้เยี่ยมชม

ดิฉันเป็นผู้หนึ่งที่ได้ลองเปลี่ยนชื่อมาแล้วปรากฏว่าชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

ตอบเมื่อ: 12 เม.ย.2007, 3:39 pm

คุณ เจ้าของทู้
ทำไมต้องเก็บเงินด้วยล่ะ เมื่อคุณเอ่ยถึงศรัทรา
การเปลียนชื่อ แล้วรู้สึกว่าดีมันมาจากใจคุณมากกว่า เมื่อใจคุณคิดว่าชื่อเดิมมันไม่ดี ใจคิดแบบนี้ อะไรมันจะมาดีได้ เมื่อคุณเปลี่ยนแล้วบอกว่าดี เป็นเพราะตอนคุณจะเปลี่ยน คุณคิดดี แล้วคิดหาชื่อที่ใจคิดว่าดีที่สุดมา เมื่อเปลี่ยนแล้ว คุณมั่นใจ ใจคุณคิดดี มันก็ดีไง ง่ายๆๆแค่นี้เอง
การที่พ่อแม่ตั้งชื่อให้ บางทีเราไม่รู้ความหมายที่ชัดเจน หรือรู้แต่ก็ไม่พอใจ เลยอยากเปลียนให้มันเท่ห์ๆ สุขใจว่างั้นเถอะ

ตอบเมื่อ: 12 เม.ย.2007, 6:13 pm

มันเป็นอะไรที่ นานาจิตตัง ผมว่าจะเปลี่ยนชื่ออะไรสักกี่ล้านชื่อมันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก หรือเกิดช่วยมันก็เป็นเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้นเองตามจิตที่เขาคิดไปเองให้มีพลังขึ้น แต่ทางที่พุทธสอนไว้คือ ให้รู้จักใจตัวเอง ไม่ใช่ชื่อครับ ถ้าเปลี่ยนชื่อไม่เปลี่ยนใจมันก็เท่านั้นเอง

ขออภัยครับผมขอถามคุณว่า ถ้าเปลี่ยนชื่อแล้ว ทำให้ผมเลิกเห็นแก่ตัวได้ ผมยินดีจ่ายหมดตัว เพราะผมเป็นคนไม่เห็นแก่ตัวแล้วครับ สาธุ

ผู้เยี่ยมชม

ผมขอออกความเห็นเล็กน้อย

ผมไม่ได้เก่งมากมายอะไรเรื่องศาสนา ทั้งศาสนาพุทธ ฮินดู หรือศาสนาอื่นๆ แต่ในความเห็นของผม " รูปและนาม ไม่เหมือนกัน ไม่เกี่ยวข้องกันและไม่มีอะไรเป็นของเรา มีเพียงการเกิดแล้วดับไป" ดังนั้น ผมไม่เชิงจะเชื่อที่ท่านผู้ตั้งกระทู้กล่าวให้ทราบซักเท่าไหร่นัก ขอคำชี้แนะด้วยครับ

ตอบเมื่อ: 12 เม.ย.2007, 9:37 pm

อ้างอิงจขกท.....เนื่องจากผมเองก็มีงานประจำทำอยู่แล้ว
เพียงแต่อยากช่วยเหลือผู้คนให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์เท่านั้น

คนเรามีปัญญาเห็นธรรมไม่เท่ากัน มีกิเลสหนา-บางไม่เท่ากัน ทำกรรมมาต่างกันทั้งๆที่พระพุทธองค์สอน "ธรรมเดียวกัน...ธรรมนี้เท่านั้น"

หลายๆคนจึงตกเป็นเหยื่อของความไม่รู้ทั้งหลาย และพยายามหาที่พึ่งต่างๆ จากที่ต่างๆ ทุกแบบทุกวิธี *อันนี้เข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องปกติเช่นนี้เอง

แต่ตราบใดที่จขกท.ยังเป็นปุถุชนท่านไม่สามารถช่วยเหลือผู้คนให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ได้หรอก นอกจากใช้อุบายแบบโลกๆสำหรับคนที่ไม่ได้ศึกษาธรรมะอย่างถ่องแท้

ใคร่ขอแนะนำให้คุณศึกษาธรรมะของพระพุทธองค์ด้วยนะคะ เพื่อสิริมงคลที่แท้จริงแห่งชีวิต

ขอให้ธรรมะคุ้มครองและเป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึกตลอดกาลค่ะ
จริยา

ตอบเมื่อ: 04 ก.ค.2008, 1:08 pm

ไม่ขอออกความเห็นครับ ตกใจ

ตอบเมื่อ: 04 ก.ค.2008, 2:42 pm

http://dungtrin.com/newsletter/prepare033.htm

ตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2008, 5:16 pm

เปลี่ยนชื่อ รู้สึกจะออกแนวไสยศาสตร์ไปหน่อยมั้ยคะ

ตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2008, 8:17 pm

ขออนุญาต ลบหลู่ครับ
-----------------------------------------

ชื่อนั้นสำคัญไฉน

ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ในนครตักกสิลา มีศิษย์ ๕๐๐ คน ศิษย์คนหนึ่งชื่อ ปาปกะ ถูกล้อเลียนเพราะชื่ออยู่เสมอ เขาคิดว่า ชื่อของเราเป็นอัปมงคล จึงขอให้อาจารย์เปลี่ยนชื่อ อาจารย์กล่าวว่า เจ้าจงเที่ยวไปในชนบท เลือกชื่อที่ชอบใจและเป็นมงคลชื่อหนึ่ง กลับมาแล้วเราจะเปลี่ยนชื่อให้
เขารับคำอาจารย์ ถือเอาเสบียง เดินเที่ยวไปถึงนครแห่งหนึ่ง บุรุษชื่อว่า ชีวกะ ได้ตายลง เขาเห็นหมู่ญาติกำลังหามศพไปสู่ป่าช้า จึงถามว่า ชายผู้นี้ชื่ออะไร หมู่ญาติตอบว่า ชื่อชีวกะ เขาถามว่า ขนาดชื่อ ชีวกะ (มีชีวิต) ยังตายหรือ หมู่ญาติตอบว่า จะชื่อว่าชีวกะ หรือ อชีวกะ (ไม่มีชีวิต) ก็ตายทั้งนั้น ชื่อเป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกัน เจ้านี่เห็นจะโง่กระมัง เขาฟังแล้วก็รู้สึกเฉยๆ ในเรื่องชื่อ
ขณะเดินตามถนนเพื่อกลับเข้าเมือง เขาเห็นนางทาสีชื่อ ธนปาลี (คนมีทรัพย์) กำลังถูกนายทุนเฆี่ยนตีเพราะไม่ให้ดอกเบี้ย เขาถามว่า นางชื่ออะไร นายทุนตอบว่า นางชื่อธนปาลี เขาถามว่า แม้จะชื่อธนปาลี ก็ยังไม่อาจให้เงินแค่ดอกเบี้ยหรือ นายทุนตอบว่า จะชื่อธนปาลี คนรวย หรือชื่ออธนปาลี คนจน ก็เป็นคนเข็ญใจได้ทั้งนั้น ชื่อเป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกัน เจ้านี่เห็นจะโง่แน่ เขายิ่งรู้สึกเฉยๆ ในเรื่องชื่อยิ่งขึ้น
เมื่อเขาเดินออกจากเมืองไปตามทาง พบคนหลงทาง จึงถามว่า เจ้าเที่ยวทำอะไรอยู่เล่า คนหลงทางตอบว่า ข้าพเจ้าหลงทางเสียแล้ว เขาถามชื่อ คนหลงทางตอบว่า ข้าพเจ้าชื่อ ปันถกะ (ชำนาญทาง) เขาถามว่า ขนาดชื่อปันถกะยังหลงทางอีกหรือ คนหลงทางตอบว่า จะชื่อปันถกะ หรือชื่ออปันถกะ (ไม่ชำนาญทาง) ก็มีโอกาสหลงทางได้เท่ากัน ชื่อเป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกัน ท่านเห็นจะโง่แน่
เขาเลยวางเฉยในเรื่องชื่อ กลับไปหาอาจารย์ เล่าเรื่องที่พบให้อาจารย์ฟัง แล้วกล่าวว่า ชื่อเป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกัน ความสำเร็จเพราะชื่อไม่ได้มีเลย ความสำเร็จมีได้ด้วยการกระทำเท่านั้น พอกันทีเรื่องชื่อสำหรับกระผม กระผมขอใช้ชื่อเดิมนั่นแหละต่อไป (อรรถกถานามสิทธิชาดก เอกนิบาต)

--------------------------------

อ่านจบแล้วพิจารณาด้วยปัญญา คงจะได้คำตอบนะครับ

ว่าควรจะเชื่อพระไตรปิฏก หรือ ชื่อคุณ จขกท ดี

ตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2008, 8:18 am

เห็นด้วย ...การเปลี่ยนชื่อไม่ได้ทำให้คนเปลี่ยนได้ ถ้าพฤติกรรมไม่เปลี่ยน.....พิสูจน์ได้ว่า พี่สาวตัวเองก็มีคนทักให้เปลี่ยนชื่อแล้วดีขึ้น เมื่อเปลี่ยนแล้วไม่จริงดังว่า ก็เปลี่ยนกลับเหมือนเดิม ส่วนตัวเองมีคนทักว่า พยัชณะบางตัวเป็นกาลกิณี ให้เปลี่ยนซะ ตัวเองก็ดื้อ เพราะยึดหลักที่ว่า ชื่อนั้นสำคัญไฉน...ไหนเลยจะเท่ากับเราคิดดี ...ทำดี ยึดแนวของพระพุทธศาสนา ทุกอย่างเป็นสิ่งสมุตติ ทั้งนั้น ..ชีวิตก็ดีไม่ตกต่ำ แลบลิ้น

ตอบเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 1:59 pm

ชื่อเป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกัน ความสำเร็จเพราะชื่อไม่ได้มีเลย ความสำเร็จมีได้ด้วยการกระทำเท่านั้น พอกันทีเรื่องชื่อสำหรับกระผม กระผมขอใช้ชื่อเดิมนั่นแหละต่อไป (อรรถกถานามสิทธิชาดก เอกนิบาต)

เป็นความจริงแท้ แน่นอนท่าน อมิตพุทธ สาธุ