ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 มี.ค.2005, 1:08 pm |
  |
ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มามาก ทราบว่าพระพุทธองค์ตรัสมิให้ยุ่งกับเดรัจฉานวิชาเหล่านี้ ผมคิดว่าวิชาเหล่านี้ไม่ใช่วิชาของศาสนาพราห์ม แต่ทำไมมีคนนำมาตีพิมพ์เผยแพร่เป็นหนังสือ(ขอสงวนนาม แต่หนังสือนี้ดัง) เนื้อหาของหนังสือ มิได้สอนวิชาอาคมเหล่านี้ แต่ดูจากชื่อหนังสือแล้ว เสมือนจะบอกว่า วิชาเหล่านี้ ฆ่าคนได้ มีเพื่อนคนหนึ่งของผมเชื่อในเรื่องพวกนี้ซึ่งเพื่อนกำลังมีคดีกับอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเชื่อเรื่องแบบนี้เช่นกัน เพื่อนวิตกจริตมาก อาบน้ำมนต์เจ็ดวัดทุกวัน
สวดมนตร์ทีละนานๆ เพราะเพื่อนผมไม่มีความรู้ ไม่เรียนรู้ และ ไม่พยายามจะเรียนรู้วิชาเหล่านี้ แต่เพื่อนเล่าว่า มีการมาร่ายมนตร์ ฝังหุ่น หน้าบ้านเธอเป็นประจำ บางทีเป็นการเผาหรือเจิม ยังมีรายละเอียดอีกมาก คือว่า ผม เคยบวชพระมาแล้ว(19วัน) และไม่เชื่อว่าวิชาเหล่านี้จะมาชนะอำนาจแห่งความดีในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณได้ แต่ไม่เข้าใจว่า คุณไสย ถ้ามีจริง ผู้กระทำใช้อำนาจของอะไรในการรวมจิตให้ควบคุมสิ่งร้ายๆให้ไปเกิดที่เป้าหมายได้ คิดว่า ผู้ที่จะกระทำการรวบรวมสมาธิเพื่อทำคุณไสย ตั้งนะโมหรืออิติปิโสไม่ได้ อยากจะถามว่า เช่นนั้นแล้ว เขาเอาอำนาจจิตมาจากไหน
ในทางโลก คู่คดีของเพื่อนผมก็มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวซึ่งรายละเอียดของความขัดแย้งกล่าวได้เฉพาะแค่เรื่องเงิน(เรื่องอื่นไม่ขอกล่าว)
คำถามก็คือ ผมอยากจะทราบว่าพระพุทธองค์กล่าวถึงเดรัจฉานวิชาเหล่านี้ในพระไตรปิฏกท่อนไหนและกล่าวถึงโทษของการกระทำสิ่งเหล่านี้ไว้อย่างไร
ลืมอีกอย่างคือเพื่อนผมบอกว่า คุณไสย สามารถสะกดคนผ่านทางอีเมล์ โทรศัพท์ได้ด้วย ข้อนี้ ผมพิจารณาตามหลักกาลามสูตรแล้วและไม่เชื่อ เคยเห็นในทีวี ถ้าจะมีการสะกดจิตคนผู้ที่ถูกสะกดจะต้องมาอยู่ตรงหน้าผู้สะกด
คำถามที่สองคือ ในกรณีที่เราไม่รู้ว่าใครถูกใครผิด(เพราะต่างคนต่างก็ว่าตัวเองถูก) ผู้ที่ใช้คุณไสยแทบจะอุปมาได้ว่าเป็นฝ่ายผิดเลยหรือเปล่า เพราะ "ทองแท้ไม่กลัวไฟ"
คำถามที่สามคือ เดรัจฉานวิชาเหล่านี้ มีอำนาจขนาดไหน ทั้งคุณไสย ยาสั่ง ฯ สามารถทำอันตรายเราได้หรือเปล่า หมายถึง จิตใครอ่อน ย่อม เป็น ช่องโหว่ให้สิ่งอัปมงคลหรือสื่อของสิ่งอัปมงคลเหล่านี้ ใช่หรือเปล่า
เดรัจฉานวิชาที่พระพุทธองค์ห้ามยุ่งเกี่ยว นั้น ห้ามยุ่ง ไม่ว่าจะเป็นวิธีทำ วิธีแก้
คาถาป้องกัน ใช่หรือไม่ ขอเพียงเราศรัทธาในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ มีศีลที่บริสุทธิ์ มีสมาธิ มีปัญญาในทางธรรม เราก็จะรอดพ้นสิ่งเหล่านี้ แต่สำหรับมนุษย์ ปุถุชนที่ยังมีกิเลสอยู่ การสวดมนตร์ ช่วยได้หรือไม่
ขอถามแค่นี้ก่อนนะครับ รายละเอียดที่ผมสงสัยยังมีอีกมากเลย เพราะผมก็อยู่ในข่ายที่(เพื่อนบอกว่า)โดน แต่เบาหน่อยเพราะ ไม่เกี่ยวข้องในคดี
ขอคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองทั้งผู้ที่มาให้ความรู้และผู้ที่มาอ่านครับ
|
|
|
|
|
 |
LLL
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
14 มี.ค.2005, 12:22 pm |
  |
ขอให้ปฏิบัติธรรมเถิด
ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารี ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
พุทโธ พุทโธ พุทโธ |
|
|
|
|
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
14 มี.ค.2005, 12:56 pm |
  |
วิชาไสยเวทย์ ซึ่งแบ่งได้เป็นทั้งสายขาว และสายดำ ไม่ได้เป็นวิชาของพวกนักบวช โยคี ฤษี ดาบส นักพรต สิทธา เซียน ผู้สำเร็จ ในยุคแรกๆ ครับ เพราะพวกนี้มีสมาธิจิตสูงมากจนได้อภิญญาตั้งแต่ 1 ขึ้นไป จนถึงอภิญญา 5 (แสดงฤทธิ์ต่างๆได้ ด้วยอำนาจสมาธิของตัวเองแต่ยังไม่หมดกิเลส) ละโลกแล้วจะไปเกิดเป็นพรหม
แต่นักบวช โยคี ฤษี ดาบส นักพรต สิทธาในยุคหลังๆ ติดลาภสัการะ เพราะพอมีคนมานับถือ ก็หลงไหลได้ปลื้มกับลาภสักระที่เกิด สมาธิจิตจะหย่อนลงมา พวกนี้ละโลกแล้ว จะไปเกิดอยู่ในสวรรค์ชั้นที่ 1 เรียกว่า วิทยาธร ซึ่งครับ
วิทยาธร นี้มีอยู่ในความรู้ในพระพุทธศาสนาด้วยครับ แต่อยู่ในพระไตรปิฎกหมวดไหนนี่ ผมยังตอบให้ตอนนี้ไม่ได้ครับ เพราะยังไม่ได้ค้นถึงขนาดว่า อยู่หมวดไหน
วิทยาธรพวกนี้แหละครับ ที่หลงไหลในชื่อเสียงเกียรติยศ แม้ตายแล้ว ก็ยังหลงไหล จึงตามมารักษาวิชาของตนเองในเมืองมนุษย์ เพื่อรักษาชื่อเสียงของวิชาตนไว้ครับ วิทยาธรจะแบ่งใหญ่ๆ เป็นพวกสายขาว กับสายดำ และยังแบ่งย่อยๆ ไปอีกมากมายเลยครับ ทุกวันสำคัญ (ของพวกเขา) พวกเขาจะมาชุมนุมกัน แล้วพูดคุยเกทับกันครับ กลุ่มของใครเก่งกว่า มีลูกศิษย์มนุษย์เคารพนับถือในวิชาของพวกตนมากกว่า ใครมีลูกศิษย์มนุษย์มากกว่า ก็จะภูมิใจว่า กลุ่มตัวเองเก่งครับ
จากนั้น ก็จะกระจายกันไปลงรักษาวิชาของพวกตนไว้ ยกตัวอย่าง อย่างวิชาหนังเหนียวนะครับ ลูกศิษย์มนุษย์ก็จะทำสมาธิ(ขั้นต้น)ท่องมนต์ เพื่อเป็นสื่อติดต่อกับอาจารย์วิทยาธร ว่าต้องการความช่วยเหลือ พอลูกศิษย์ท่องมนต์เรียกร้อยแล้ว อาจารย์วิทยาธร ก็จะมาส่งฤทธิ์ให้ เพื่อให้หนังเหนียว คุณไสยอย่างอื่นก็เหมือนๆ กันครับ คือ อาจารย์วิทยาธร จะเป็นคนปล่อยไปทำร้ายอีกฝ่าย เมื่อลูกศิษย์มนุษย์ท่องมนต์ (สรุปลูกศิษย์มนุษย์แสดงฤทธิ์ได้ เพราะความช่วยเหลือของวิทยาธร)
แต่ก็จะมีอาจารย์วิทยาธรสายขาว ที่อยู่กับลูกศิษย์มนุษย์สายขาว ก็จะมาช่วยแก้เมื่อลูกศิษย์มนุษย์ท่องมนต์ สายดำกับสายขาวนี้จะแข่งกันอยู่ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มคนที่มานับถือพวกตนครับ
ถามว่า ลูกศิษย์มนุษย์ที่มานับถือ ตายแล้วไปไหน ถ้าไม่ได้ทำบาปกรรมรุนแรง ตายแล้ว ก็จะมาเป็นพวกนี้แหละครับ โดยอาจารย์วิทยาธร มารอรับตัวไปอยู่ด้วยทีเดียว เพื่อไปช่วยกันรักษาวิชาของตนต่อไป และถ้าทำบาปรุนแรง เช่นใช้วิชาไปฆ่าคนตาย ตายแล้วต้องลงนรกก่อนครับ พ้นกรรมจากนรก ก็จะมาเป็นวิทยาธรพวกนี้ต่อไป เป็นวงจรไม่สิ้นสุด จนกว่า จะได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์นั่นแหละครับ
ถามว่า พระรัตนตรัยคุ้มครองได้หรือไม่ สิ่งที่คุ้มครองได้ คือ 1.ศีลของเรา ถ้ารักษาศีล 5 ได้บริสุทธิ์ ก็จะช่วยได้ครับ 2. จิตที่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ก็สามารถช่วยได้ครับ 3. ทำสมาธิ แล้วแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ ก็ช่วยได้ครับ ทั้งสามอย่างนี้มีข้อแม้ว่า บาปกรรมในอดีตที่เราเคยทำไว้ ยังไม่ตามมาส่งผลนะครับ ถ้าบาปกรรมมาส่งผล แม้ไม่ถูกพวกนี้ทำร้าย ก็จะประสบอุบัติเหตุอื่นๆ แทนครับ
สรุป ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส นั่นแหละครับดีที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่า อดีตเราเคยทำอะไรไว้บ้าง ถ้าเราทำดี พวกนี้จะทำอะไรไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้ากรรมตามทัน หรือชาตินี้ทำไม่ค่อยดี เร่งกรรมในอดีตให้ตามทัน ไม่ต้องรอพวกนี้ทำร้ายหรอกครับ เดี๋ยวอย่างอื่น เช่น อุบัติเหตุ เจ็บป่วยต่างๆ ก็มาทำร้ายเราเองครับ
|
|
|
|
|
 |
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
14 มี.ค.2005, 5:12 pm |
  |
ขอบคุณ คุณ LLL ครับ ที่ตอบได้ตรงใจผมคือ ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤตธรรม
ในข้อมูลที่ผมค้นจากอินเตอร์เน็ต ถ้าบรรพชิตใช้เดรัจฉานวิชาถือเป็นอาบัติทุกกฏครับ(ปลงอาบัติได้ โดยต้องไม่อยู่ในเงื่อนไขที่ทำให้ปราชิกคือมีการฆ่า)
ขอบคุณคุณเกียรติครับ ข้อมูลละเอียดมาก ผมเซฟไว้เลย ขอบคุณมากๆเลยครับ เพราะผมไม่รู้จะไปหาข้อมูลเหล่านี้ได้ที่ไหน ถ้าเราเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย ศีล สมาธิ ปัญญา พวกสิ่งเหล่านี้ก็จะทำอะไรเราไม่ได้ แต่การส่งผลของกรรมต่างหากที่เราควรพิจารณาและเร่งสร้างความดีจนเป็นปกติวิสัย มิใช่เพราะเมื่อวิตกเกรงกลัวถึงสิ่งเหล่านี้ ขอบคุณที่ช่วยเตือนสติด้วยครับ ขอบคุณมาก |
|
|
|
|
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
14 มี.ค.2005, 7:17 pm |
  |
ขอยกคุณความดีนี้ให้กับครูบาอาจารย์ ที่ท่านสอนสั่งผมมาครับ |
|
|
|
|
 |
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
14 มี.ค.2005, 9:25 pm |
  |
|
|
 |
อโหสิกรรม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 มี.ค.2005, 9:55 pm |
  |
สิ่งที่เพื่อนคุณรักแม่เข้าใจนั้นถูกทุกอย่างสื่อทุกประเภท แม้แต่เสียงโทรก้อสามารถทำให้คุณตกอยู่ภายใต้การควบคุมของไสยดำแบบนี้ได้ สิ่งที่ควรทำ
1.ควรหลีกเลี่ยงการพบปะ พูดคุย ดูรูป หรือเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับบุคคลๆนี้ เพื่อตัดการเชื่อมต่อกัยตัวเราขั้นต้น
2.ช่วงนี้ควรทำบุญหรือถวายสังฆทาน หรือทำบุญใหญ่ใดๆก้อแล้วแต่สิ่งที่ได้ผลที่สุดคือการเจริญสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน ( กุศลแรงมาก )แล้วกรวดน้ำอุทิศให้กับคนๆนั้น ( เอ่ยชื่อ ) โดยตรง ขอให้มีความอดทนทำให้ได้โดยตลอด สิ่งที่ควรทราบถ้าคุณมัวแต่เอาเหตุผลปัจจุบันชาติมาหักล้างคุณจะไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างสบายใจ คนที่เพื่อนคุณมีปัญหาโดยตรงคนนี้ เค้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาก่อนเค้าจึงมาทวงสิทธิ์ที่เค้าเคยถูกกระทำเอาไว้ขอให้เข้าใจ เมื่อเพื่อนคุณเข้าใจจะเกิดเมตตา และอโหสิกรรม ต่อกันอย่างจริงใจและอุทิศผลบุญทั้งหลายให้คนๆนั้นได้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง ขอย้ำ! ต้องมีความอดทนและใช้ระยะเวลา อันนี้เป็นในทางธรรม แต่ในทางกฏหมายก้อดำเนินต่อไป ถ้าคุณเมตตา อโหสิกรรม ไม่มีความรู้สึกโกรธเกลียดอาฆาตมาตรร้ายต่อกันและทำบุญอุทิศให้เค้าโดยเต็มกำลังแล้ว จิตวิญญาณเก่า ( อาทิสมันต์กายของเค้าได้เสวยผลบุญจากคุณ ) เค้าก้อจะล่าถอยจากคุณไปโดยไม่ติดค้างแล้วโกรธแค้นอีกต่อไป ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี ( เคยทราบกรณีเช่นนี้ ได้อาจารย์ดีมาช่วยแก้ทางไสยดำ แต่ไม่สามารถแก้ที่จิตวิญาณที่โกรธแค้นได้ ชนะคดี แต่ปารกฏว่ามันจ้างคนมาลากตัวผู้หญิงไปข่มขืนแล้วฆ่า ) สิ่งที่เสนอความคิดเห็นอันนี้มาจากประสบการณ์จริงของตัวเอง การตั้งมั่นในความดี การรักษาศีล 5 และปฏิบัติธรรม การรู้อภัย ( ในทางธรรม แต่ทางโลกคือการตัดการคบค้าไป ) การอโหสิกรรมอย่าจองเวรจองกรรมต่อกัน ( การจองเวร จะเป็นเครื่องผูกจิตวิญญาณของคุณ 2 คนให้ต้องไปพบเจอกันในชาติอื่นๆอีก ซึ่งไม่เป็นผลดีสำหรับคนที่เลือกทางธรรมแล้วอย่างเรา ) สิ่งเหล่านี้จาทำให้คุณรอดพ้นจากวิบากของคุณได้เหมือนเรา ( เราใช้เวลาในการศึกษาและปฏิบัติพร้อมๆกับจัดการแก้ปัญหาทั้งเรื่องโรงเรื่องศาลและเรื่องเงินๆทองๆอยู่ 2 ปีจึงจัดการได้ เพราะปัญญาทางธรรมเดิมที่น้อยจนเกือบจาไม่มีเลย แต่สำหรับคนที่มีปัญญาอย่างคุณและเพื่อน คงจาจัดการให้เจ้ากรรมล่าถอยเพราะความดีของคุณได้เร็วขึ้นนะ ขอเอาใจช่วยนะคะ อ้อ! ขอแนะนำเพิ่มอีกนิดนะค่ะ ควรทำบุญสร้างกุศลด้วยความมีสติตั้งใจและศรัทธาอย่างจริงใจนะค่ะ เช่น1. การเจริญสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน ( อันนี้สุดยอดมากๆถ้าทำได้เต็มที่ขนาด 15-30 วันคุณจาหลุดเร็วขึ้น )
2.ทอดกฐินสามัคคี
3.กราบไหว้ บูชาพระบรมสารีริกธาตุ
4.หมั่นถวายสังฆทาน
5.สวดมนต์ไหว้พระ ใส่บาตร ปล่อยชีวิตสัตว์เป็นประจำ
6.อันนี้สำคัญมากๆค่ะ กราบขอขมาพ่อแม่ให้ท่านยกโทษอโหสิในทุกสิ่งๆทุกๆอย่างที่ผ่านมาถ้าเราเคยทำหรือแม้จาไม่เคยทำให้ท่านต้องทุกข์ใจน้ำตาตก ( ตกนอกตกในด้วยน๊ะ) แม่อท่านกล่าวคำยกโทษอโหสิให้ลูกแล้วขอให้ท่านอวยชัยให้พรให้เรารอดพ้นจากสัพทุกข์ สัพพภัยร้ายทั้งหลาย เพราะพรพ่อแม่ดุจพรจากพระอรหันต์
สิ่งที่บอกนี้เป็นประสบการณ์ตรงจากผู้ที่เคยถูกของจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้ว เสี่ยงเหลือเกินกับการถูกหาว่าบ้า แต่ถ้าจามีประโยชน์แก่ผู้ตกทุก๘เช่นนี้ก้อยิงฃนดีค่ะ
6. |
|
|
|
|
 |
อโหสิกรรม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 มี.ค.2005, 10:02 pm |
  |
แก่ผู้ตกข์เช่นนี้ก้อยินดีค่ะ ธรรมคุ้มครองนะค่ะ |
|
|
|
|
 |
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 มี.ค.2005, 11:39 pm |
  |
ครับ คุณอโหสิกรรม เรื่องแบบนี้ใครไม่เจอกับตัวไม่มีทางรู้ ผมไปเล่าให้ใครฟัง บางคนก็หัวเราะ บางคนแค่ยิ้มๆ บางคนไม่พูดอะไรแต่แสดงท่าทีเหมือนกับว่าเราไม่ใช่หนุ่มในยุค 2000 เชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ ผม เมื่อก่อนคิดว่าเป็นแค่เพียงนิยายสยองขวัญ เป็นผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้โดยสิ้นเชิง และไม่คิดว่าในชีวิตจะต้องมาเจอ แต่กลับเจอ นับตั้งแต่วันที่ไม่เชื่อมาจนถึงวันที่เชื่อ ผมก็เริ่มถือศีล ทำบุญ หัดทำสมาธิ (คิดว่าจะทำตลอดไป ตอนนี้ไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรเราได้ เพราะเรารู้ตัวและเข้าพึ่งคุณของพระรัตนตรัย แต่การทำสมาธิยังดีต่อโรคประจำตัวคือโรคปวดหัวบ่อยที่เป็นมาตั้งแต่เด็กของผมด้วย สมาธิ การออกกำลังกาย นี่เปรียบเสมือนยาวิเศษต่อสุขภาพด้วย) ส่วนเรื่องความกตัญญูต่อบุพการี ผมมีอยู่แล้วครับ แม่ผมเป็นคนที่เข้าวัดนับตั้งแต่ผมจำความได้คือ ทำบุญใส่บาตรเป็นประจำ ท่านเป็นคนปลูกฝังเรื่องความกตัญญูกตเวที การทำบุญ การเจริญภาวนา ท่านให้ผมห้อยพระ ผมไม่เคยเลย จนเมื่อพบกับเรื่องนี้ ท่านให้ผมสวดมนตร์ก่อนนอนเสมอ ผมก็ไม่ค่อยทำหรือสวดก็รีบๆให้จบเร็วๆ ซึ่งอยากจะบอกว่า นั่นยิ่งเป็นการเพิ่มความเครียดให้กับตัวเองก่อนนอนเปล่าๆ ท่านแนะนำให้สวดบทพาหุง มหากา ถือศีล ตัวท่านเองไม่เคยพบเรื่องแบบนี้(สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน นอกจากเรื่องนี้ผมยังมีพวกโรคภัยไข้เจ็บมาตั้งแต่เด็ก ออดๆแอดๆ และมักไม่พอใจกับอะไรเลย ได้อะไรมาเท่าไหร่ยิ่งอยากได้มากขึ้น ขี้โมโห แต่ยังนับว่าโชคดีที่ได้เกิดเป็นลูกของท่าน ปัจจุบันสวดแบบทำใจให้สงบแล้วอ่านบทแปลตามไปด้วย บทพาหุงก็ทึ่งกับบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เอาชนะมารที่มาในรูปแบบต่างๆได้ แรกๆสวดด้วยความกลัวสิ่งอัปมงคลพวกนี้เลยตั้งใจสงบจิตสงบใจเป็นพิเศษ ต่อมาทำให้เราได้สมาธิจากการสวดมนตร์ด้วย(ปกติเป็นคนสมาธิสั้น แค่สมถกรรมถานยังทำได้ไม่ถึง 5 นาทีเลย) พอสวดบ่อยๆเข้านอกจากจะทำให้ตัดความระแวงในเรื่องเหล่านี้ไปได้ ยังดีต่อโรคประจำตัว(ปวดหัวแบบกินพาราไม่หาย)ของเราด้วย พอถึงเวลาจิตใจจะสงบโดยอัตโนมัติเลย พยายามแผ่เมตตา ผมมีเจ้ากรรมนายเวรหลายราย รายนี้ผมอภัยให้เขา(เพราะเราเป็นแค่เป้าหมายที่3) ที่เขาพยายามจะสะกดเราให้เข้าข้าง แต่คู่อริรายอื่นๆแบบธรรมดาๆไม่มีเรื่องไสยศาสตร์บางทีก็อภัยยาก แต่พยายามที่จะอภัย เพราะถ้าคิดเคืองแค้นจะมีชีวิตอยู่อย่างรุ่มร้อนด้วยไฟโทสะและหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ไม่มีความสุขเลย ตอนนี้ยังอภัยไม่ได้ทั้งหมดแต่ถ้าพยายามคิดว่าต้องได้เข้าสักวันหนึ่งครับ เมื่อมีก้าวแรก ผมจะก้าวต่อไป ก้าวที่สอง สาม สี่ ไปเรื่อยๆ คิดว่ายังไงก้าวไปได้สองก้าวก็ยังดีกว่ายืนนิ่งๆอยู่กับที่
ส่วนศีล ยังไม่บริสุทธิ์ ข้อ4ครับ ถ้านับวจีทุจริตทั้งหมดเข้ามารวมด้วย บางทีเราไม่ได้เจตนาโกหกแต่เป็นเพราะโดยนิสัยแล้วผมเป็นคนไม่สำรวมในวาจา ขี้โม้ แต่คนฟังก็รู้ว่าโม้ หรือพวกพูดเพ้อเจ้อ นี่เป็นนิสัยเลย ส่วนพ่อผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องนี้นะ ผมไม่เชื่อเหมือนพ่อน่ะครับ ไม่เชื่อมาแต่เดิม ยิ่งจบวิทยาศาสตร์มาด้วย ยิ่งไม่เชื่อ แต่...........เหมือนที่คุณพูด
ไม่เจอกับตัวไม่รู้ แล้วเราก็โชคร้ายเสียจริงที่ต้องมาเจอ คงผูกเวรกันมา ขอบคุณในคำแนะนำของคุณอโหสิกรรมครับ ผมจะตัดห่วงโซ่แห่งกรรมด้วยการ อภัย |
|
|
|
|
 |
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 มี.ค.2005, 11:45 pm |
  |
|
|
 |
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
17 มี.ค.2005, 12:13 am |
  |
ลืมไปอีกอย่างครับ ผมคิดว่าแม้เราจะชนะคดี เขาก็คงยังจองเวรจองกรรมกับเราอยู่ดี
และกฏหมายก็ไม่รับรู้กับเรื่องแบบนี้ด้วย นี่ก็อีกข้อนึงครับที่หนักใจ เป็นเพราะความที่เราไม่เชื่อมาตั้งแต่แรก พอมาเจอ เลย ทำอะไรไม่ถูกเลย บางทีไม่ใช่เรื่องนี้ก็เล่นงานทางอื่น
ชนิด ไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกลไม่ได้ด้วยมนตร์ต้องเอาด้วยคาถา ผมจะไม่พยายามที่จะนำเสนอว่าฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายผิดนะครับ เรื่องนั้นก็ให้ผ่านกระบวนการทางกฏหมายไป แต่ ระหว่างรอการตัดสิน ทำไม รอเฉยๆไม่ได้เหรอ(พูดแล้วเริ่มมีโทสะ) บางทีก็คิดว่า เค้าไม่ทำมาหากินอะไรมั่งหรือไง แต่ละคืนก่อนนอนเขาสวดมนตร์ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยหรือไปสวดคาถาอะไรที่ไหน.......เฮ้อ |
|
|
|
|
 |
อโหสิกรรม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
17 มี.ค.2005, 10:08 am |
  |
อย่าไปนึกโกรธที่เค้ารอเฉยๆไม่ได้ และพยายามใช้เดรัจฉานวิชาเพื่อเอาชนะตลอด คุณควรเมตตาสงสารสัตว์โลกตนนี้ให้มากๆๆๆ ที่ใช้คำว่าสัตว์โลก เพราะว่าคนแบบนี้ถึงกายหยาบจาเป็นคน แต่กายละเอียดเค้าเป็นเปรตอสุรกายไปแล้ว ( เป็นทั้งๆที่ยังไม่ตายนี่แหละ ความทุกข์ ความร้อนรน ความอาฆาตมาตรร้ายมันจะเผาผลาญให้เค้าได้รับทุกข์เวทนาทั้งในปัจจุบันและในนาคตอย่างแน่นอน เค้ามีคำพิพากษาที่เค้าต้องรับตามผลที่เค้าทำอยู่แล้ว) เพราะฉะนั้นคุณควรแผ่เมตตาให้เค้ามากๆ เพื่อที่กายละเอียด(อาทิสมันต์กาย)ของเค้าจะได้รับผลบุญจากคุณเต็มที่ เมื่อกายละเอียดเค้าอิ่มบุญที่ได้รับจากคุณ มันเหมือนกับเมื่อเราได้รับบุญคุณจากใครเราก้อสำนึกในบุญคุณและจะจาตอบแทนความดีนั้นๆ เค้าจาล่าถอยจากคุณโดยสันติ และไม่มาทำร้ายคุณอีก อีกข้อที่ควรตรวจสอบ ดวงคุณเป็นอย่างไร ถ้าช่วงนี้คุณดวงตก อันนี้มันจะทวีความรุนแรงของพลังชั่วร้ายที่เค้าส่งมา มันเหมือนกับว่าจามีพลังจากเจ้ากรรมนายเวรตนอื่นๆที่รอซ้ำคุณอยู่มาร่วมด้วย ยิ่งดวงตก พลังบุญของคุณอ่อนแรง แรงกระทำจากเจ้ากรรมลักษณะนี้จะทวีความโหดร้ายต่อคุณมากขึ้น
สิ่งที่คุณเล่าถึงลักษณะของคุณช่างเหมือนสิ่งที่เราเป็นเลย คนอย่างเราไม่เหมาะที่จาทำชั่วหรอก การตอบแทนคนชั่วด้วยสิ่งที่ชั่วกว่านั้นมันเท่ากับเราเป็นคนชั่วที่สุดซะเอง ( อันนี้เทียบเคียงความคิดมาจากคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพราหม์ที่อิจฉาพระองค์พากันกล่าวร้ายพูจาดูถูกท่านสารพัด ทั้งยังเยาะเย้ยพระองค์ท่านว่า เราด่าท่าน ท่านไม่ตอบโต้เราท่านแพ้เราแล้ว แต่องค์สมเด็จพระบรมไตรโลกนาศท่านกล่าวว่าดูกรพราหม์ทั้งหลายท่านด่าว่าใส่รายเรานับเป็นสิ่งที่ชั่วที่เลว ถ้าเราตอบโต้ท่านก็นับว่าเรานี่เองที่เลวที่ชั่วกว่าท่าน พราหม์เหล่านั้นเมื่อได้ยินท่านตรัสสอยเช่นนั้นจึงยอมกราบท่านเป็นอาจารย์ต่อไป สิ่งนี้เป็นกำลังใจให้เรา เมื่อครั้งที่เราถูกกระหน่ำด้วยคำติเตียนและถากถางจากทุกๆคนรอบข้าง ย้ำ! ว่าทุกๆคน เพราะไม่เคยมีใครเคยสัมผัสกับคุณไสยชั่วร้ายแบบนี้ และไม่มีใครเชื่อว่ามันจะทำได้ถึงขนาดนี้ ทุกคนคิดว่าเป็นเพราะตัวของเราเอง แต่เราอโหสิให้กับทุกๆคน ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด สิ่งที่ทำได้คืออดทนทำดีใช้เวลาพิสูจน์ความจริงทุกๆสิ่ง) ต้องขอโทษที่กลายเป็นเล่าเรื่งของตัวเองไป แต่ถ้าเป็นประโยชน์ในแง่คิดบ้างก้อยินดีค่ะ อ้อ! มาต่อกันเรื่องเดิมก่อนนะค่ะ ที่บอกว่าเราไม่เหมาะที่จาทำชั่วอีกเพราะอดีตเราทำมาพอสมควรแล้ว เราเคยเบียดเบียนคนไว้ มาชาติปัจจุบันจึงเจ็บไข้ได้ป่วยตลอด แต่เรายังมีพลังบุญที่เคยสร้างสมไว้คุ้มครองให้แคล้คลาดรอดพ้นมาจนปัจจุบัน แต่ไม่มีใครรุ้ว่าพลังบุญเราหมดลงเมื่อไหร่ พอจาทราบได้ก้อเมื่อเรามีทุกข์ยิ่งทุกข์หนักแสนสาหัสปางตายเท่าไหร่แสดงว่าพลังบุญใกล้จะหมดทำให้วิบากกรรมต่างๆเจ้ากรรมต่างๆวิ่งไล่จนถึงตัวเรา ทำร้ายเราจนล้มคว่ำ เราจะยอมสิโรราบโดยไม่ได้ทำอะไรหรือ สติเท่านั้นที่จาทำให้เราดำรงค์คงชีวิตให้อยู่ต่อไปเพื่อสร้างสมความดีต่อไป ขอให้มีสติ อดทน เมื่อคุณทำดีถึงขนาด ถึงใจ ด้วยใจจริงเชื่อมั่นศรัทธาในพระรัตนตรัยอย่างแรงกล้า ทางข้างหน้าของคุณจะมีต่อความสุข ศัตรูจะกลายเป็นมิตร คุณจงชนะด้วยความดีที่บริสุทธิ์ ( อีกประการถ้าได้ทำบุญให้ถูกจริตของเจ้ากรรมนายเวรคุณจะหลุดพ้นเรื่องราวต่างๆเร็วขึ้น อันนี้อาจจะต้องให้อาจารย์ หรือพระสงฆ์ ที่เจริญธรรมมีคว่มสามารถเป็นผู้ตรวจสอบและแนะนำอีกทีค่ะ ) |
|
|
|
|
 |
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
17 มี.ค.2005, 12:30 pm |
  |
ขอบคุณครับ อย่างน้อยในโลกนี้ก็ยังหาคน(ที่ไม่โดนเคราะห์กรรมกระหน่ำในเรื่องนี้)ที่เคยมีปัญหาเหมือนผม ทราบถึงตัวปัญหาดี และ แนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้เดินอยู่บนเส้นทางแห่งความดี(วิชาเหล่านี้ ถึงแม้ต้องการจะฝีกก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ) นี่ก็เป็นบุญอีกอย่างหนึ่งของผมที่ในยามทุกข์ร้อน แม้ผู้ที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเลย ยังเข้าใจและเคยพบปัญหาอย่างเดียวกัน เพราะผู้คนรอบข้างในชีวิตจริง ไม่มีใครเชื่อ ฟังคำว่าปราสาทหลอนมาจนเบื่อ จากเดิมคิดมากตอนนี้ชินเลย(อาจเป็นกุศลอีกอย่างที่ไม่คิดมากยิ่งขึ้นจนคิดทำลายตัวเอง) เดี๋ยวนี้คำว่าปราสาทหลอนนี่ สมมติในความคิดของผมธรรมดา เหมือนคำว่า กินข้าว กินน้ำ ไปเที่ยว อีกอย่างหนึ่ง ผมจบวิทยาศาสตร์ในสาขาที่เกี่ยวข้องและพอจะรับรู้มาบ้างใน กายวิภาค สรีรวิทยา หรือ จิตวิทยา ถ้าเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นทางร่างกายโดยเฉพาะระบบประสาทก็ช่างบังเอิญเสียเหลือเกินที่มาหลอนเอาตอนประจวบเหมาะเช่นนี้ แถมยังหลอนแบบเฉพาะเจาะจงอีกด้วย(หลอนแบบคิดไปเองว่ารู้ ว่าคนคนไหนทำให้เราเกิดอาการหลอน) แต่คนอื่นเค้าไม่เจอ เค้าไม่เชื่อ เค้าอาจจะไม่เจอไปทั้งชีวิตของเขาก็ได้ ก็ขึ้นอยู่กับบุญกรรมของแต่ละคน แต่คนที่เกิดมาในโลกไม่ได้เหมือนกันหมดทุกคน ทุกข์ของคนในโลกจึงแตกต่างกันหลายรูปแบบ ถ้าไม่เหมือนทุกข์ในความคิดของเขาเขาก็คงไม่เชื่อและไม่มองว่ามันคือทุกข์ เขาจะทราบก็ต่อเมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวเขา ประโยคอมตะ
ใครไม่โดนเองไม่รู้หรอก
ดีใจที่ได้มาพบคุณและหลายๆท่านในนี้ที่แนะนำให้เราไม่หลุดออกจากเส้นทางแห่งพุทธะ
ผมคงมีบุญอยู่บ้าง วันนั้นแม่มาเยี่ยม(มาจากต่างจังหวัด) ผมทำงานอยู่กรุงเทพฯกับพี่ชาย
แม่เคยอ่านหนังสือ ธรรมะรอบกองไฟแล้วชอบ ผมหาที่บ้านไม่รู้หายไปไหน หาที่ร้านหนังสือหลายๆร้านก็ไม่มี โทรไปเช็คที่อมรินทร์พริ้นติ้งเขาบอกว่าหมดสต็อคแล้ว เลยมา เสิร์ชหาในเน็ต ในครั้งแรกไม่ได้หวังว่าจะได้รับแจกเป็นธรรมทาน คิดเพียงว่าอาจจะมีร้านไหนที่ยังมีหนังสือขายอยู่แล้วเราไม่รู้ หรืออาจสั่งซื้อจากอินเตอร์เน็ต จึงใช้ชื่อหนังสือ เป็น คีย์เวิร์ดในการเสิร์ช ผมจึงได้มาที่นี่ครับ
ขอคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองครับ
 |
|
|
|
|
 |
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
17 มี.ค.2005, 6:44 pm |
  |
เมื่อกี้ก็มีอีก เล่าให้พี่คนนึงฟัง เขาไม่เชื่อก็ไม่บอกตั้งแต่แรก ทุกคำที่เขาพูดมาเหมือนตั้งใจฟังอย่างธรรมดาๆ ต่อมาก็พยายามจับผิดแทบจะทุกถ้อยคำ ประมาณว่าตำรวจเอาไฟฉายส่องหน้านักโทษแล้วสืบสวน แถม สรุปว่า โง่เองที่ไปคบกับคนแบบนี้ ไปให้เขาหลอก
ให้ตายเถอะ(น็อตหลุด) ถ้าสวนกลับมาด้วยคำว่าไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ตั้งแต่แรกจะไม่ว่าอะไรเลย เสียดายน้ำลายจริงๆ ผมก็ไม่ได้คิดจะให้เขามาช่วยอะไร หรือแนะนำหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน ต้องการคำตอบแค่ เสียใจด้วยนะที่ต้องมาเจอเรื่องพวกนี้ แต่ฉันไม่มีความรู้อะไรด้วยหรอก แล้วก็รับฟังเราระบายแค่นั้นเอง อีกอย่างนึง ถ้าจะพูดว่าผมปราสาทหลอน
ผมรู้จักและมีเพื่อนเป็นหมอทางนี้หลายคน และก็ พยายามค้นคว้า ตรวจตรา หาตำรามาอ่าน จนชัวร์มากกว่า90% แล้วว่า ไม่ใช่แน่นอน และไม่เคยไปหลอนกับคนอื่นที่อื่น คลื่นสมอง CT Scan MRI ปกติ พฤติกรรมจากการตรวจทางจิตเวชย์และจากการเฝ้าสังเกตของตัวเอง ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีเรื่องเครียดที่ไหน ปริมาณสารเคมีเปลี่ยนแปลงในสมองปกติ ระบบประสาทอัตโนมัติปกติ ไม่ใช่ว่าผมอยู่ดีๆจะมาพูดลอยๆ คนรอบข้าง บางทีร้ายกว่ามากเลย ไม่รู้ว่าจะเลือกเล่าให้ใครฟัง ท่เขาจะเชื่อ หรือแม้ไม่เชื่อก็ไม่น่าจะ ทำกิริยาเสมือนเราเป็นควายเลย
มีหลายคนนะครับที่เวลาผมเล่าให้ฟังแล้วพูดว่าไม่เชื่อตั้งแต่แรก ผมก็ไม่ว่าอะไรคุยกันเรื่องอื่น ไม่เชื่อก็บอกซะตั้งแต่แรก จะไม่ว่าอะไรเลย
อีกอย่าง ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ30กว่าผมก็ไม่เคยรับรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนที่สนใจทางนี้(มนตร์ดำ)มาตั้งแต่แรก
เหนื่อยใจ..........ส่วนคุณไสย เหมือนฝ่ายนั้นพยายามไปพัฒนาวิธีใหม่ เพราะช่วงนี้ซาๆไป ไม่พบอะไรแปลกๆ คงเห็นว่า วิธีเดิมยังไม่เห็นผล ตอนนี้ก็สวดมนตร์ถือศีล พยายามที่จะภาวนาทุกวัน ที่แปลกอีกอย่างนึง อาการปราสาทหลอนนี่หายเองได้ด้วยเหรอ มันไม่ make sense เลย |
|
|
|
|
 |
อโหสิกรรม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
17 มี.ค.2005, 8:46 pm |
  |
อาการที่บอกว่าเป็นแล้วหายนี่มันจาเป็นเพราะคนๆนั้นอาจหยุดพัก วิชาเหล่านี้เวลาที่กระทำต่อเราจนเรารู้สึกมีอาการต่างๆนั้นเค้าหรืออาจารย์ที่รับทำให้เค้าต้องนั่งเพิ่งจิตท่องคาถา อยู่ตลอด เมื่อหยุดพักอาการก้อหยุด เท่ากับว่าทุกครั้งเมื่อเราเจ็บหรือรู้สึกนั่นเพราะเค้าทำกำลังกระทำอยู่นั่นเอง ทางที่ดีทุกครั้งที่คุณรู้สึก ให้มีสติ มีความอดทน มีเมตตาสงสารสัตว์โลกที่กำลังส่งตัวเองลงนรกขุมที่ลึกยิ่งขึ้นเมื่อเค้าทำร้ายคุณ ได้โปรดเมตตาเค้า นึกถึงกุศลต่างต่างที่คุณได้สร้างมาแล้วกรวดน้ำอุทิศให้กับเค้าซ๊ะ ถ้าคุณยังรู้สึกมีอาการประหลาดๆผิดปกติในตัวคุณ นั่นอาจแสดงว่าตัวคุณเคยรับเอาสื่อควบคุมบางอย่างจากเค้าเข้าไว้ในตัวเอง หรืออยู่ที่บ้าน หรือไม่คุณก้อนึกถึงเค้าอยู่บ่อยๆ อันนี้เป็นเรื่องยากมากๆที่ต้องทำให้ได้นึกถึงความรู้สึกของตัวเองตอนที่ยังไม่ได้รู้จักคนๆนี้ออกมั๊ย นั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำนึกถึงเค้าให้น้อยที่สุดหรือไม่นึกถึงเลยคุณจาหลุดพ้นเร็วขึ้น สิ่งนี้จาทำได้ดีต้องมีเมตตามากๆ และอโหสิกรรมเท่านั้น สิ่งประเสริฐที่คุณจะได้รับหลังจากเอาชนะคุณไสยชั่วร้ายนี้ได้คือเมตตาบารมี ซึ่งคนธรรมดาที่ไม่เคยเจอทุกข์อย่างคุณนี้สร้างให้เกิดมีได้ยากเหลือเกิน ขออนุโมทนากับเมตตาบารมีที่จะเกิดกับคุณรักแม่ด้วยค่ะ จงเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสนะค่ะ เรานึกขอบคุณคนที่เค้าเล่นงานเราด้วยไสยดำที่ชั่วร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดนี้อยู่โดยตลอดทุกๆครั้งเมื่อเราคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เพราะถ้าไม่มีเค้าเราคงไม่สนใจศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างเป็นเรื่องเป็นราวได้ขนาดนี้ ยิ่งเค้ากระทำเราด้วยวิธชั่วร้ายเท่าใด เรายิ่งจะต้องรกษาธรรมะและความดีงามให้คงอยู่กับเราย่างเหนียวแน่นที่สุด เค้าทำให้เราเข้าใจในระบบของกรรม และการรับผลของมัน และเหนือสิ่งอื่นใดตัวเราในชาติปัจจุบันนี้เองที่จะเป็นผู้เลือกทำกรรมดี เพื่อแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคตได้ ธรรมคุ้มครองค่ะ |
|
|
|
|
 |
อโหสิกรรม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
17 มี.ค.2005, 9:05 pm |
  |
อีกสิ่งหนึ่งที่ลืมบอก คุณไสยเวลาทำใส่ตัวคน เท่ากับว่าขณะนี้ภายในตัวของคุณมีสิ่งแปลกปลอมที่ชั่วร้ายและไม่เป็นมงคลเลยสำหรับชีวิต คุณควรจะไปเข้าพิธีอาบน้ำมนต์ถอนซ๊ะโดยเร็วเพื่อลบสื่อและสิ่งอันไม่เป็นมงคลออกจากตัวคุณซ๊ะ อันนี้เป็นความรู้ที่ไดรับถ่ายทอดมาอีกทีค่ะ วิชาไสยดำที่เอามาใช้กับเรานั้นเค้าใช้รวบรวมมาจากวิญญาณผีร้ายตายโหง วิญญาณเร่รอน ภูติผีทั้งหลาย แล้วสั่งให้มันมากระทำต่อเรา ( อาจเป็นไปได้ว่าในจำนวนวิญญาณเหล่านั้นอาจมีเจ้ากรรมเราโดยตรงอยู่ด้วยมันจึงยิ่งส่งผลได้อย่างรุนแรงต่อเนื่องขึ้นมาก ถ้าเราไม่แก้ไขตรงจุดนี้มันจำทำให้เรามีสภาพเหมือนถูกผีรุมกิน นั่นคือ มันจามีวิญญาณจำนวนมาขึ้นเรื่อยๆที่มาห้อมล้อมทำร้ายเราหรือช่วยให้คนอื่นๆทำร้ายเราทั้งในทางร่างกาย จิตใจ และคำพูด ) ประสบการณืของตัวเองนั้นเราทำพิธีถอนของพร้อมกับการปฏิบัติธรรม ซึ่งจาทำให้คุณหลุดพ้นเร็วขึ้น ทั้งในทางคดีและทางโลกวิญญาณ ธรรมคุ้มตรองค่ะ |
|
|
|
|
 |
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
17 มี.ค.2005, 10:31 pm |
  |
เรื่องอาบน้ำมนตร์ปกติอาบแทบทุกวันเลยครับเพราะไม่ยากอะไร ที่บ้านต่างจังหวัดมีน้ำมนตร์เยอะเพราะพ่อและแม่ผมไปที่วัดไหนก็อาราธนาขอน้ำมนตร์มาเพื่อเป็นสิริมงคล
ปะพรมให้ลูกๆ(ที่ไม่ชอบเข้าวัด) ให้มีโชคดี ประสบความสำเร็จในการงาน ผมรวบรวมน้ำมนตร์ได้จากหลายวัดเลยครับ ผมอยู่จังหวัดสมุทรสงครามครับ หลวงพ่อบ้านแหลม พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งของแผ่นดินเป็นพ่อของพวกเราชาวแม่กลอง ผมเลยมีน้ำมนตร์ของท่าน แล้วก็น้ำมนตร์วัดโสธร วัดผาเงา วัดสระมรกต วัดป่าบ้านตาด น้ำมนตร์หลวงปู่ศรีฯ น้ำมนตร์อาจารย์บุญเดช(เป็นอาจารย์ของผม ลูกศิษย์ของท่านหลวงตามหาบัวอยู่วัดภูลังกาจังหวัดหนองคายครับ) และน้ำมนตร์ที่ทราบที่มาอีก1แห่ง(ต้องขออภัยท่านเจ้าของน้ำมนตร์ด้วย ตอนนี้นึกไม่ออกจริงๆ) และที่ไม่ทราบที่มาอีกจำนวนหนึ่ง ผสมกัน อาราธนา
พระพุทธคุณพระธรรมคุณพระสังฆคุณ แล้วใช้น้ำมนตร์จำนวนเล็กน้อยเทใส่น้ำใส่กระป๋องอาบทุกวันครับ ธรรมดาอาบด้วยฝักบัวตอนนี้เลยเปลี่ยนมาเป็นตักจากกระป๋อง เพิ่งไม่ได้อาบมาประมาณ2วันเพราะไม่สบายเป็นไข้หวัดก็ใช้น้ำมนตร์ลูบตัว ก่อนนอนก็สวดสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย คาถาพาหุงมหากา อิติปิโส และคาถาป้องกันคุณไสย คาถาบูชาหลวงพ่อบ้านแหลม ร.5 และคาถาข่ายเพชรพระพุทธเจ้า แผ่เมตตา ตอนเช้าอาราธนาศีล5 สวดชินบัญชร ตอนแรกกฏคิดเหมือนกันว่า ผมไม่เคยทำ จะทำไหวเหรอ กลับกลายเป็นว่า จากสมาธิที่พยายามรวบรวมและตั้งใจสวดตั้งแต่เริ่มแรกด้วยความกลัว กลายเป็นเมื่อสวดบ่อยๆจิตใจเราจะมีความสงบก่อนนอนได้และไม่มีปัญหาเลยกับการสวดบทสวดมนตร์ยาวๆ แก้อาการชอบคิดมากและคิดฟุ้งซ่านก่อนนอน(เป็นมาตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่เรื่องร้ายๆ บางทีเป็นเรื่องดีๆ วาดวิมานอะไรไปตามเรื่อง)ได้เสียอีก ส่วนการถือศีล นอกจากข้อสี่(เพื่อนๆมักว่าผมเป็นพวกขี้โม้ ชอบเกทับคนอื่น) แต่ไม่เคยมีมุสาโดยเจตนาเพื่อก่อกายหรือโดยมโนทุจริต ต่อไปนี้คงสำรวมวาจามากขึ้น บอกตรงๆ เข็ดกับเหตุการณ์เมื่อเย็นนี้มาก ลืมเล่าอาการ อาการของผมที่เป็นตั้งแต่แรกเลย(เมื่อยังไม่รู้ตัวว่ามีคนเล่นงานด้วยวิธีนี้) คือ จะมีความรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลานะครับไม่เคยเห็นภาพหลอนอะไร แต่จะฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดมากๆๆ จนถึงขั้นทำลายข้าวของแม้เพียงไม่สบอารมณ์ในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ในตาขวาง ใบหน้าหมองคล้ำตลอดเวลา จนไม่มีใครอยากจะเข้าใกล้หรือพูดคุยด้วย(ปกติเป็นคนขี้อายมักเก็บกดอารมณ์เวลาโกรธ ไม่อาละวาดทำลายข้าวของ) ที่น่ากลัวคือ น้ำหนักลด ชนิดที่ สถานเสริมความงามใดก็ทำไม่ได้ ลดเร็วมากจนแก้มตอบ(ปกติเป็นคนอ้วน) 5เดือน 10 กิโลกรัมโดยประมาณ ก็มาสงสัยว่า เพราะติดเน็ตจนไม่ยอมกินข้าวกินปลารึเปล่า บางวันกินปีโป้แค่สามชิ้น เช้า กลางวัน เย็น แต่ก็มีข้อขัดแย้งในใจว่าเมื่อก่อนก็ติดเน็ต กินอาหารไม่เป็นเวลาบางทีกินแค่มื้อเดียวในหนึ่งวัน ทำไมมันยังคงอ้วนล่ะ ครั้งแรกจะพยายามไปตรวจหาโรคทางร่างกายอยู่ บังเอิญมากๆ ที่มาได้ข้อมูลเรื่องนี้จากเพื่อน(ทางโน้นก็คงมีกรรมเหมือนกัน) เรื่องน้ำมนตร์ เรื่องวิธีการ คาถา แก้ สะท้อน ป้องกัน คุณไสย เสิร์ชหาในเน็ตมีหมดเลยครับ เรื่องน้ำหนักลดเร็วเหมือนเครื่องบินตก ก็ ค่อยๆลดชั่วโมงในการเล่นเน็ตลง แต่ละวันไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ต้องทานข้าวให้ครบสามมื้อ(มิฉะนั้นจะถือศีล8ได้เพราะ ผู้ชายมักไม่ค่อยมีปัญหากับศีลอีกสองข้อ) เริ่มหันมาสวดมนตร์จริงๆจังๆ(หลังจากได้ข้อมูล) ต้องบอกตามตรงว่า ถ้าไม่เชื่อหรือได้ยินเสียงอะไรแปลกๆที่ไม่เคยได้ยินยามค่ำคืน(หลังบ้านมีนกแสก นกฮูก ผมยังเฉยกับเสียงร้องของสัตว์เหล่านี้ผมไม่คิดมากอะไรเพราะ สัตว์หากินกลางคืนจะไม่ให้ร้องตอนกลางคืนได้ยังไง) และน้ำหนักลดมากเหมือนผีตายซากใครเห็นใครก็ทักว่า...ตายเมื่อไหร่บอกด้วยนะ(ยังอุตส่าห์ตลก) ก็คงไม่สวดมนตร์ ไม่อาบ ดื่ม น้ำมนตร์ และไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เช่นเดิม อารมณ์เกรี้ยวกราดปัจจุบันนี้ก็ยังไม่หมด คุณจะเห็นได้เลยจากข้อความที่เขียน หลายจุดเป็นข้อความที่แสดงโทสะ แต่ เรื่องอารมณ์ สมาธิจากการสวดมนตร์ช่วยได้มากๆๆๆๆๆ ตั้งใจจะไปนมัสการหลวงพ่อ(ขอสงวนนามท่านนะครับมีหลายที่เหมือนกัน) แต่อยุ่ไกลจากกรุงเทพฯ มากเหมือนกัน เลยไม่ได้ไป เพื่อนผมบอกว่า หลวงพ่อท่านบอกว่า อำนาจพวกนี้ไม่สามารถเอาชนะ อำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยได้หรอก ปัจจุบันผมสวดมนตร์จนเป็นนิสัย แล้วก็หันมากินอาหารตามปกติ3มื้อ ไม่ติดเกมส์ ติดเว็บบอร์ดอย่างเมื่อก่อน(ถ้าเป็นเรื่องการเมืองโดยเฉพาะก่อนเลือกตั้ง บางทีข้ามวันข้ามคืน) แต่แปลกที่ช่วงนั้นผมกลับไม่สนใจเว็บไซท์ที่เกี่ยวกับศาสนาเลย พูดไปก็เหมือนนิยายสยองขวัญ แต่ เหมือนเดิม ใครไม่โดนเองไม่รู้หรอก และชีวิตใครที่ไม่ต้องพบกับคนพวกที่รู้วิชาเหล่านี้เลยผมคิดว่าดีที่สุด เพราะไม่ทุกคนที่มีคุณธรรม วันนี้เขาดีกับคุณแต่ถ้าวันหน้าเขาโกรธกับคุณเขาต้องเล่นงานคุณด้วยวิธีนี้แน่ โดยเฉพาะถ้าเหยื่อไม่รู้ตัว ปล่อยให้เขาเข้าถึงตัวหรือ วางสื่ออะไรไว้ในที่อยู่อาศัย ต่อให้เป็นน้ำมันพรายด้วย เพราะจิตใจที่ถูกควบคุมด้วยอำนาจของผีตายโหง ไม่มีวันอยู่ในร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงหรือพัฒนาไปเป็นคนมีศีล....ยาก รายละเอียดเล่าไว้เผื่อภายหลังมีคนอื่นที่พบปัญหาแบบนี้
จะได้มีข้อมูลบ้าง ไม่มืดแปดด้านเหมือนผมน่ะครับ
ขอบคุณคุณอโหสิกรรมที่ช่วยให้คำแนะนำมาตลอด รบกวนท่านที่เข้ามาอ่านท่านใดก็ได้นะครับ คือว่า ผมไม่ทราบว่าถ้าผมจะไปนมัสการพระธาตุในกรุงเทพฯ มีวัดไหนหรือเปล่าครับ บ้านผมอยู่ลาดพร้าว ปลายๆ แถวๆ เดอะมอลล์บางกะปิครับ
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมครับ |
|
|
|
|
 |
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
17 มี.ค.2005, 10:45 pm |
  |
อีกนิดนึง ผลการตรวจทางร่างกายของผมทุกอย่าง ปกติครับ
คิดว่าเรื่องคงยังจะไม่จบแค่นี้แต่เมื่อเรารู้ตัวแล้ว เราเข้าพึ่งคุณพระศรีรัตนตรัย คงไม่ตกเป็นเหยื่อง่ายๆ
ความคืบหน้าเป็นอย่างไรผมจะมารายงานนะครับ(โห เขียนเป็นมินิซีรี่ได้เลย)
ฉบับสู้ในศาล 1 เล่ม สู้คุณไสย อีกหนึ่งเล่ม แหะ แหะ คิดเล่นๆน่ะครับ
อีกอย่าง เพื่อนบอกว่าถ้าเราตายด้วยคุณไสย พวกหมอผีจะ ผูกวิญญาณเราเอาไปเป็นทาสให้ทำชั่วได้
แต่ถ้าเราตายแล้วขึ้นสวรรค์ล่ะ มนุษภูมิต่ำกว่า สวรรค์ เขาไม่น่าจะทำได้นะ(อันนี้ผมนอนคิดเองคนเดียวนะครับ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรรบกวนท่านผู้รู้ด้วยครับ) |
|
|
|
|
 |
อโหสิกรรม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
18 มี.ค.2005, 6:44 pm |
  |
ขอบคุณคุณรักแม่ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม สิ่งที่คุณรักแม่เป็นนั้นเหมือนกันแทบทุกอย่างทั้งเรื่องนน.ลดร่างกายซูปดำเxxx่ยวย่นลงและอาการประหลาดทางจิตและอารมณ์ที่ถูกห้อมล้อมจากสิ่งชั่วเหล่านี้ ไม่นับรวมถึงปัญหาเรื่องเงินทอง การขึ้นโรงขึ้นศาลและปัญหาความไม่เข้าใจจากคนรอบข้าง สำหรับหรับเราครั้งแรกที่รู้และเชื่อว่าถูกกระทำ ( กว่าจะเชื่อก้อนานมากเพราะเราก้อจบสายวิทย์มา ไม่ได้เชื่อหรืสนใจเรื่องพวกนี้เลยทั้งศาสนาและไสยศาสตร์) เราตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าต้องกำจัดสิ่งชั่วนี้ออกจากชีวิตให้ได้ เรามีอาจารย์ที่ช่วยเราถึง 3 ท่าน ท่านแรกเป็นแม่ชี ที่กรุณาช่วยชี้ทางและทำพิธีถอนให้กับเราเบื้องต้น ( เราบวชชีพราหมฺ กับท่านนานถึง 2 เดือน ระหว่างนั้นท่านพาเราตระเวณกราบไหว้พระบรมสารีริกธาตุแทบจาทั่วภาดxxxสาน และสวดมนต์ชนิดที่เราเองก้อไม่เคยคิดว่าจาทำได้ สวดแทบทุกบทคล้ายพระเลย ที่แม่ชีให้สวดบ่อยนอกเหนือจากที่คุณเล่ามาก้อจามีธรรมจักรกัปวตนสูตร และที่สำคุญคือยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ( เพื่อเร่งสร้างบุญบารมี) และทำพิธีอื่นๆขอไม่กล่าว เมื่อกลับเข้ากรุงเทพ เราได้ไปหาอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านใช้สมาธิในการดูกรรมและแนะนำให้เราแก้กรรมด้วยการทำบุญให้ถูกจริตกับกรรมนั้นๆ เช่นกราบขอขมาลาโทษเสด็จพ่อร.5 ที่ลานพระรูป ด้วยผลไม้ ช้างม้า ทาสหญิงชาย ,เวียนเทียนรอบพระบรมสารีริกธาตุที่ภูเขาทอง พร้อมสวดอิติปิโส ตามจำนวนวันเกิด ,กราบไหว้ขอขมาและขอพรการพระรูปร. 6 ที่สนามม้านางเลิ้ง ,อาบน้ำมนต์ที่ทำเองด้วยดอกไม้ 7 สี โดยมีบทสวดทำน้ำมนต์โดยเฉพาะ และอื่นๆ ขณะเดียวกันเราได้ไปเรียนวิปัสนากรรมฐานแบบสติปัตฐาน 4 โดยมีพระอาจารย์ท่านหนึ่งสอนอย่างจริงจัง โดยขณะปฏิบัติครั้งนึง ซึ่งติดต่อกันถึง 15 วัน ( เราไปเข้าเดือนละครั้ง 2 ครั้ง แล้วครั้งที่ 3 นี่เขา 15 วันเลย ซึงหนักมาก ปกติคนที่จาเข้าได้ต้อง เข้าครั้งละ 3 วันต่อเดือนเป็นปีๆเลย จึงจาได้รับอนุญาติให้เข้าได้ แต่นี่ท่านเห็นว่าวิกฤตจริงๆ จึงอนุญาติ ในระหว่าง 1 วัน เกิดสิ่งอัศจรรย์ สำหรับเรามากมาย ( ขอไม่กล่าวถึง) ครูบาอาจารย์ทั้ง 3 ท่านนี้มีพระคุณกับเรามากและสิ่งที่เราทำอย่างจริงจังทุกอย่างก้อส่งผลดีให้เราในทุกๆทาง ทางร่างกายเราอ้วนขึ้นจนเป็นปกติแล้ว แต่ยังมีอาการเจ็บป่วยไร้สาเหตุบางครั้งบางคราวซึ่งต้องอาศัยการไหว้พระสวดมนต์และการทำดีเท่านั้นจึงจาหาย ปัจจุบันเราคิดว่าตัวเรายังคงมีสิ่งเหล่านี้อยู่ แต่ก้อน้อยมากแล้ว ใช้แค่การปฏิบัติธรรมก้อคงจาทำให้หมดไปได้ไม่ยาก แต่ที่คุณรักแม่บอกว่าตัวเองผอมมาก ตัวดำหน้าดำแก้มตอบนั้นเราคิดว่าคุณรักแม่ยังตกอญ่ในส่วนที่อันตรายอยู่มาก คุณควรหาตัวช่วยย่างอื่นด้วยนะค่ะ บางคนกว่าจาถอนของหมดใช้เวลา 5 ,10 หรือบางทีตลอดชีวิตสิ่งนี้ยังติดตัวไปจนตาย และที่บอกว่าเมื่อตายอาจารย์ที่ทำวิชานี้ใส่คุณจาเอาวิญญาณเราไปใช้ก้อเป็นไปได้ เพราะเท่ากับตลอดเวลาผีตายโหงพวกนี้ (ของ) อยู่กับคุณตลอด ถ้าวาระสุดท้ายมันยังอยู่กะบเราการที่มันจาห้อมล้อม้อาตัวเราไปหานายมันก้อเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เหมือนกับผีพวกนั้น มันเองก้อมีทางของมัน ภูมินรก เปรต หรือแม้กระทั่งสวรรค์ แต่มันไปไม่ได้มันถูกกักตัวไว้ ขอให้ธรรมคุ้มครองคุรรักแม่ค่ะ |
|
|
|
|
 |
อโหสิกรรม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
18 มี.ค.2005, 6:51 pm |
  |
ในระหว่าง 15 วัน เกิดสิ่งอัศจรรย์( แก้คำผิดค่ะ พิมพ์ตกต้องขออภัยด้วยนะค่ะ )  |
|
|
|
|
 |
|