Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ผมจะทำอย่างไรกับด้านมืดในจิตใจของผมดีครับ (เนื้อหารุนแรง) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
darkguy
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 13 ส.ค. 2008
ตอบ: 1

ตอบตอบเมื่อ: 13 ส.ค. 2008, 1:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมขอเล่าเรื่องราวชีวิตของผมคร่าวๆ ให้คุณๆ ได้รับรู้กันก่อน ผมยอมรับว่าผมนั้นไม่ใช่คนดี 100% เรื่องราวในอดีตของผมถึงแม้มันจะผ่านมานานแต่ผมก็ยังคงจำมันได้ดี และมันเหมือนเงาปีศาจร้ายที่ตามผมมาตลอด

จุดเริ่มต้น
เรื่องมันเริ่มขึ้นจากสมัยเด็กช่วงวัยกำลังอยากรู้อยากเห็นเรื่องเพศ สมัยผมยังอยู่ ป.4-5 เห็นจะได้
ผมเกิดและโตที่กรุงเทพฯ แต่แม่ผมเป็นคนต่างจังหวัด ทุกๆ ปีผมจะไปเที่ยวบ้านยายเป็นประจำ ที่นั่นผมมีน้องสาว เป็นลูกพี่ลูกน้องอยู่คนนึง อายุห่างกัน 4 ปีเห็นจะได้
ผมก็เหมือนกับเด็กทั่วๆ ไปที่สนุกสนานไปวันๆ ตามประสาเด็ก แต่สิ่งที่ผมทำมันแย่ยิ่งกว่า
ตอนนั้นจำความรู้สึกได้ว่ามันอยากรู้เรื่องเพศ อยากเห็น อยากลอง เวลาที่ผมกับลูกพี่ลูกน้องคนนั้นอยู่กันตามลำพัง ก็จะเปิดอวัยวะเพศให้กันดู แล้วก็จับเล่นกันจนถึงจุดที่เรียกว่าจุดสุดยอด ตอนนั้นยังไม่มีการสอดใส่หรอกครับ เพราะยังทำไม่เป็น มันเป็นเพียงอารมณ์อยากรู้อยากเห็น สมัยนั้นผมทำแบบนี้เรื่อยๆ จนผมจบ ป. 6 ผมก็หยุดพฤติกรรมนั้นไป....

จุดหักเหในชีวิต

สาเหตุที่หยุดพฤติกรรมนั้นเป็นเพราะอะไรน่ะหรอครับ เพราะว่า ผมกลายเป็นเกย์ หรือรักร่วมเพศ ไม่รู้เป็นเพราะกรรมเก่าหรือผมชอบอย่างนี้มาแต่แรกก็ไม่ทราบได้ แต่มารู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ชอบหญิงแล้ว แต่กลับชอบคอและมีอารมณ์ทางเพศกับชายด้วยกัน เรื่องมันไม่จบแค่นี้...

พอทิศทางชีวิตผมเปลี่ยนไป ผมก็ยังคงทำผิดในกามเหมือนเคย แต่คราวนี้มันแปลกไปจากจุดเริ่มต้นมาก ผมรู้สึกหมกหมุ่นในเรื่องเพศ ตอนผมอยู่ ม.3 ผมได้ลองมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายเป็นครั้งแรก หลังจากที่ก่อนหน้านั้นเพียงแค่จิตนาการ จากสื่อที่กำลังมาแรงอย่างอินเตอร์เน็ท
ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ตัวเองได้รู้ว่าตัวเองนั้นชอบผู้ชายจริงๆ มาถึงตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ทางเพศกับผู้หญิงแล้ว รวมถึงลูกพี่ลูกน้องผมคนนั้นด้วย ผมไม่เคยเล่นพิเรนกันแบบนั้นอีกเลย ตั้งแต่ผมจบป. 6

มารที่แฝงตัว

ความรุ่นแรงมันค่อยๆ ทวีคูณมากขึ้นทุกทีๆ ผมมีความต้องการทางเพศอยู่ตลอดเวลา แต่สติยังคงอยู่เหนืออารมณ์ดิบ ทำให้ผมในสายตาคนทั่วๆ ไป ผมยังเป็นเด็กที่อยู่ในโอวาสของผู้ใหญ่อยู่ตลอดเวลา
นับแต่การมี * ครั้งแรกกับชายแปลกหน้าที่รู้จักกันทางอินเตอร์เน็ท ผมก็เอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งยั่วยุมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง รูปภาพทางอินเตอร์เน็ท การพูดคุยกันผ่านทาง Chat Community และอื่นๆ อีกมากมาย เหมือนในใจผมมีคนสองคน คนนึงคอยห้าม แต่อีกคนคอยยุให้ต้องการสิ่งเหล่านั้นมากขึ้นๆ ขาดก็แต่ผมยังไม่ได้มีอะไรกับใครต่อจากคนแรกนั้น เหตุผลเพราะ ผมเริ่มมีความรักกับเพื่อนชาย ตอนสมัยกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.4 มันเลยเป็นสิ่งเดียวที่ประคองมารในใจผมไว้ ไม่ให้เตลิดเปิดโปงไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่นานหรอกครับ เพราะผมพบกับความผิดหวังในความรัก ผมรักเขาฝ่ายเดียว และไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร เขาไปมีแฟนเป็นผู้หญิง

บุคคลสองหน้า
เรื่องราวผ่านมาจนผมจบม. 6 และกำลังจะขึ้นมหาลัย ตัวผมเริ่มกลายเป็นคนที่มีสองด้าน ด้านนึงผมเป็นคนปกติทั่วๆ ไปทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากมายมาตั้งแต่สมัยมัธยม จนถึงมหาลัย เรียกได้ว่าเป็นเด็กดีคนนึงเลยก็ว่าได้ แต่อีกด้านของผมกลับเป็นคนที่มักมากในกาม ชอบนักเรื่องเพศเนี่ย ความพิเรนของผมมันเริ่มมีมากขึ้น คิดไปต่างๆ นานาในเรื่องกามารมณ์

ตอนเรียนมหาลัยผมได้มีรถขับ ยิ่งทำให้มารในตัวผมมันโตขึ้นเรื่อยๆ ผมมีแฟนคนใหม่อีกคน อายุน้อยกว่าผม 2 ปี แต่ถึงแม้ผมจะมีแฟนผมก็ยังคงไปสนุกกับช่ายอื่นเรื่อยๆ ถ้ามีโอกาส ตั้งแต่อยู่มหาลัย จิตใจผมมักจะปล่อยตามความอยากในกามของผมโดยไม่มีสิ่งใดมาหยุดยั้งมัน ผมเริ่มก้าวล้ำเส้นแบ่งของความพอดี

ผมเริ่มรู้จักคนกลุ่มที่คนปกติเรียกเขาว่าพวกชอบโชว์ หรือ คนที่มีความผิดปกติทางจิต ที่ชอบสำเร็จความใคร่ตามที่สาธารณะ หรือมีความความสุขสุดยอดเมื่อได้มีคนมาเห็นตนขณะสำเร็จความใคร่

แรกๆ ผมก็ดูเพื่อเป็นแค่ความบันเทิงในการช่วยตัวเองของผม จนนานเข้าๆ มันกลับกลายเป็นว่าผมเสพสิ่งเหล่านั้นจนตัวของผมเองกลายเป็นพวกนั้นไปโดยปริยาย

ผมมักจะสำเร็จความใคร่ในรูปแบบต่างๆ เช่น กลางแจ้ง ในรถ ในสถานที่ที่ไม่ใช่บ้านตัวเอง (ผมไม่อยากเล่าว่าผมไปทำอะไรมาบ้าง เพราะมันจะเกินเลยจากประเด็นทั้งหมด)
ผมมีพฤติกรรมแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ ปี 2 จนปัจจุบันนี้ผมก็ยังเป็นอยู่ แต่ผมจะไม่ทำกับผู้หญิงและเด็กนะครับ ทุกครั้งผมมักจะทำในสถานที่ลับตาคน ถ้าเป็นผู้หญิงกับเด็กผมจะไม่ทำ แต่ถ้าเป็นชายก็อาจจะปล่อยให้เห็นภาพตัวเองขณะกำลังสำเร็จความใคร่

ผมอีกคนอาศัยอยู่ในร่างกายนี้ร่วมกันมาเกือบๆ จะ 4 ปีได้ คนที่เป็นสุภาพชนที่ใครๆ ให้ความเคารพนับหน้าถือตา เป็นเพียงแค่เปลือกหน้าที่สวยหรูเท่านั้นครับ แต่ข้างในกลับเน่าเฝะน่ารังเกียจสำหรับคนทั่วไป

-------------------------------------------------------------------------------------

ปัจจุบันผมมีแฟน (ชาย) คนนึง เขารักผมมาก เขาพยายามห้าม และคุมไม่ให้ผมกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ อีก
ผมก็รักเขาเหมือนกัน ผมพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้ออกไปทำแบบนั้นอีก
แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่ยังคงแอบแฟนทำ ตอนนี้ผมควบคุมตัวเองได้เท่านี้ แต่ผมกลัวว่าในอนาคตข้างหน้าผมจะแพ้ใจตัวเองซักวันหนึ่ง
ผมเคยคิดที่จะปรึกษาจิตแพทย์ แต่ก็ได้แค่ครั้งเดียวแล้วก็ไม่กลับไปรักษาอีก
ผมเลยอยากจะให้ทางธรรมะช่วยผม ผมควรจะเริ่มอย่างไรดีครับ แล้วบาปกรรมที่ผมทำไว้ ผมจะตกนรกขุมไหนครับ ทำอย่างไรให้เบาบางลงได้บ้างครับ ทุกวันนี้ผมพยายามไม่สร้างกรรมกับใครอีก สมัยก่อนผมชอบฟัน(ผู้ชาย)แล้วทิ้ง แต่เดียวนี้ผมก็คบกับแฟนผมคนเดียว พยายามไม่ไปนอกกายกับชายไหนอีก แต่ถ้าเกิดอารมณ์ คุมไม่ไหวจริงๆ ผมก็จะทำของผมคนเดียว แต่การช่วยตัวเองยังคงทำในสถานที่ที่ไม่ใช่บ้านของตัวเองอยู่ แต่ต่างจากเดิมตรงที่ผมทำคนเดียว ไม่ได้ให้ใครเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ส่วนลูกพี่ลูกน้องผม ผมก็พยายามชดใช้โดยช่วยเหลืออะไรก็ได้ที่เป็นสิ่งที่ดีแก่เขา และผมไม่เคยล่วงเกินอะไรเธออีกเลยตั้งแต่ครั้งผมจบป. 6 มา

ทุกวันนี้ ถึงแม้ผมจะอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข แต่ลึกๆ ในใจผมยังรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา ทำยังไงดีครับ ???
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 13 ส.ค. 2008, 1:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ให้กำลังใจนะคับ
มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงเลยนะ อย่าไปวิตกขนาดนั้น

เราแค่จิตใจอ่อนแอ สติอ่อนแอ
มีอารมณ์เกิดขึ้น ก็หลงไปได้ง่าย
เพราะอำนาจความอยากมันสั่งสมมามาก มีมานาน

"สติ" จะช่วยให้เราเอาชนะมันได้


แต่สติตัวนี้ ไม่ใช้ความหมายที่เข้าใจนะคับ
มันไม่ง่ายเพราะเราคุ้นเคยความหมายแบบเดิมๆ
แต่ไม่ยากที่จะเรียนรู้ความหมายใหม่

เจริญสติตามแนวหลวงพ่อปราโมช ช่วยได้ครับ


ให้ลองฟัง mp3 เล่นๆ... ฟังเล่นๆนะ
ฟังจากแผ่นที่ 01 นะคับ
http://www.wimutti.net/pramote/mp.php

การฟังนะคับ
1. ข่มความสงสัย ให้มันน้อยๆ
2. แล้วฟังไปเรื่อยๆ สัก 2-3 แผ่นก็ได้ จะเริ่มมองเห็นทางสว่าง
3. อะไรไม่เข้าใจ ไม่รู้ก็ฟังผ่านๆไป ฟังเอาแต่ที่เข้าใจ
แล้วเดี๋ยวมันจะประติดประต่อเองภายหลัง
4. เวลาฟัง อย่าเก็งว่าเมื่อไหร่จะเจอคำตอบ ที่ถามอยู่ด้านบน
มันจะไม่เจอหรอก
5. ฟังแล้วต้องทำ ตามที่สอน

-------------------------------------

จุดประสงค์การฟัง
เราจะได้คำตอบแบบใหม่ ....

คำตอบแบบใหม่นี้ ไม่ใช่แก้ปัญญาที่ถามข้างบนนะคับ
แต่แก้ทุกๆปัญหาที่เป็นเรื่องของความคิด จิตใจ
แก้ได้หมดทุกพฤติกรรม


แล้วจะพบกับชีวิตใหม่ ที่มีแต่ความสุขคับ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 13 ส.ค. 2008, 1:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สติครับ

เตือนตนเองตลอดเวลา

พิจารณาความไม่เที่ยงของสังขาร

สุดท้าย ผมเป็นกำลังใจให้คุณทำให้ได้ครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 13 ส.ค. 2008, 4:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:

ตอนนี้ผมควบคุมตัวเองได้เท่านี้ แต่ผมกลัวว่าในอนาคตข้างหน้า ผมจะแพ้ใจตัวเองซักวันหนึ่ง
ผมเคยคิดที่จะปรึกษาจิตแพทย์ แต่ก็ได้แค่ครั้งเดียวแล้วก็ไม่กลับไปรักษาอีก

ผมเลยอยากจะให้ทางธรรมะช่วยผม ผมควรจะเริ่มอย่างไรดีครับ



ผมเคยคิดที่จะปรึกษาจิตแพทย์ แต่ก็ได้แค่ครั้งเดียวแล้วก็ไม่กลับไปรักษาอีก

ผมเลยอยากจะให้ทางธรรมะช่วยผม ผมควรจะเริ่มอย่างไรดีครับ


คุณ darkguy ยังพอมีสติที่ต้องการอยากเลิกจากพฤติกรรมเช่นว่านั้น

อยู่ ก็แสดงว่า จิตใจยังไม่จมดิ่ง

ลงสู่ห้องมืดเสียทีเดียว ยังพอมีแสงสว่างลอดมาบ้าง

แต่อาจจะต้องใช้เวลา เพราะจิตมันเสพอารมณ์เช่นว่านั้นมานาน


แต่เมื่อเรามีแรงพลังเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นที่จะหลุดพ้นจากเครื่องพันธนาการของ

กิเลสมารอย่างจริงจังแล้ว

ต่อพญามารและเสนามารก็พ่ายแพ้ต่ออำนาจพุทธธรรมครับ


แต่การบำบัดในเบื้องต้นก็ไม่ควรมองข้ามจิตแพทย์เสียทีเดียวนะครับ

ปรึกษาบ้างเป็นครั้งคราวก็ยังดี

จากนั้นเราใช้ธรรมโอสถบำบัด ด้วยการเจริญภาวนาสติปัฏฐานอย่างจริงๆ

จังๆ

หากไม่ทิ้งความเพียรเสียกลางคันสุดท้าย จิตใจก็จะเป็นอิสระจากเครื่อง

ผูกของกิเลสมาร เป็นอิสระเป็นไทแก่ตนได้


ว่างๆดู สติปัฏฐาน 4 ก่อนครับ

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13497


แล้วยังไง ค่อยบอกวิธีปฏิบัติกรรมฐานแนวสติปัฏฐาน 4 อีกครั้งหนึ่งว่า

ควรเริ่มต้นอย่างไร สู้ สู้
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 13 ส.ค. 2008, 5:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เข้ามา คุยกันสิ จิตนี้ แปลก ยิ่งฝึกยิ่งทำเรื่องใด มันก็ไหลไปทิศทางนั้นจนเป็นอัตโนมัติ ทีนี้เมื่อมันมีอารมณ์ทางเพศจนเป็นเรื่องอัตโนมัติ คุณก็ต้อง หมั่นฝืนบ่อยๆ จนให้มันเป็นอัตโนมัติ ทีนี้พอเฉยๆกับมันบ่อยๆ ฝืนกับมันบ่อยๆ ก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม คือ วางเฉยได้

และให้พิจารณาถึงความสกปรก น่ารังเกียจ ในตัวคน มองดูฟันคนเหลืองๆ
ให้บ่อย เอาให้ติดตา มองดูผม ที่ร่วงออกมาของคนให้บ่อยๆ
นึกถึงกลิ่นสาบของคนที่มันไม่ได้อาบน้ำ ให้บ่อยๆ
นึกถึงอุจาระปัสสาวะ ของคน น้ำลาย น้ำมูก นี่ให้มองบ่อยๆ

คอยหมั่นฝืนให้บ่อย เท่านั้นเองแล้วจะกลับคืนมาเป็นปกติ เรียกว่ายับยั้งชั่งใจ
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
dd
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2008
ตอบ: 179
ที่อยู่ (จังหวัด): overseas

ตอบตอบเมื่อ: 14 ส.ค. 2008, 12:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลองเข้าไปดูที่นี่นะครับ

http://larndham.net/index.php?showtopic=32636&st=0


ขอให้พยายามรักษาศีล๕ให้มั่นคง สวดมนตร์ไหว้พระ ฝึกสมาธิ โดยเฉพาะ
"อสุภกรรมฐาน"ให้มาก จะช่วยได้มากๆ เป็นกำลังใจให้ครับ สาธุ
 

_________________
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 14 ส.ค. 2008, 4:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

......เอาใจช่วยละกันครับ....ไม่รู้จะแนะนำอะไรแล้วครับ.....ก็ลองพิจารณาที่ทุกๆท่านแนะนำนั่นล่ะครับ คงมีสักอันนึงที่ถูกจริตของท่านครับ.. สู้ สู้ สู้ สู้
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
โปเต้
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 14 ส.ค. 2008, 6:37 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เริ่มต้นที่ศีล 5 ค่ะ รักษาให้ได้
เมื่อรักษาได้แล้ว ศีลจะคุ้มครองเรา ให้สติเรามั่นคง แข็งแรงขึ้น เรื่อยๆค่ะ
สวดมนต์ ไหว้พระเช้าเย็น ไม่มีห้องพระ หรือพระพุทธรูป ก็หัวนอนเลยค่ะ
ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ให้ช่วยรักษาคุ้มครอง ให้มีสติสัมปชัญญะ
สามารถต่อสู้กับอาการไหลลงของจิตได้
 

_________________
สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง