Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 การพิจารณาขันธ์ในมิติของกาลเวลา อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
kokorado
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 104
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 10 ส.ค. 2008, 4:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คัดลอกจากมหาสติ:
การพิจารณาขันธ์ในมิติต่างๆ ของกาลเวลากัน
มิติของกาลเวลามีสามมิติ คืออดีต ปัจจุบันและ อนาคต สิ่งที่ต้องเข้าใจให้ชัดคือมิติของกาลเวลาเป็นมายา ขณะที่เราหายใจอยู่ เฮือกนี้เป็นปัจจุบัน พอหายใจ take ลมหายใจใหม่ อ้าว ลมหายใจเมื่อครู่กลายเป็นอดีตไปแล้ว ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ปัจจุบันมันเคลื่อนที่หรือว่าจิตมันเคลื่อนที่ หรือทั้งสองสิ่งมันเคลื่อนที่
จริงๆ แล้วปัจจุบันแท้ๆ ก็ไม่มี มีแต่จิตรู้สิ่งื่ถูกรู้ในขณะใด ขณะนั้นๆ ก็เป็นปัจจุบัน ผลการรู้ทั้งหมดถูกส่งไปยังระบบความทรงจำทันทีที่เรารู้เมื่อวินาทีที่แล้วก็ถูกส่งไปสู้ระบบความจำแล้ว ดังนั้นความทรงจำก็คือชุดความรู้ของปัจจุบันที่ผ่านไปแล้ว ซึ่งเรียกรวมๆว่าอดีต ดังนั้น อดีตก็คือตระกร้าเก็บปัจจุบันที่ผ่านมานั่นเอง และที่รู้อยู่ปัจจขณะนี้ก็กำลังถูกโยนเข้าสู่อดีตเป็นทิวแถว
แล้วอนาคตล่ะ มันมีอยู่โดยตัวมันเองหรือว่ามีอยู่เพราะเราไปรู้มัน ถ้าเราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เกิดอะไรขึ้น แล้วพรุ่งนี้มันมีอยู่ไหม เราไม่เห็นความตายของเราเลยแล้วความตายของเรามันจะมีไหม
ตอบ มี
อาจารย์ อ้าวรู้ได้ไงว่ามี ทั้งๆที่ไม่เห็น
ตอบ รู้ด้วยเหตุผล
ถาม เหตุผลใช่ตัวอนาคตจริงๆ หรือเปล่า
ตอบ เปล่า
อาจารย์ มันคือการวิเคราะห์ไปตามโครงสร้างขององค์ประกอบใน
ในกลไกในธรรมชาติ
ตอบ ใช่
อาจารย์ ดังนั้นอนาคตจะมีหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจุบัน อนาคตเป็นเพียงผลของปัจจุบัน ถ้าปัจจุบันไม่มี อนาคตก็ไม่มี เพราะปัจจุบันมีอยู่ อนาคตจึงมีอยู่ มีอยู่อย่างไร ก็อย่างต่อเนื่องกับปัจจุบันนั่นแหละ ดังนั้นอนาคตจึงไม่ใช่ของสำเร็จรูป มันเป็นกระแสที่ต่อเนื่องไปจากปัจจุบัน แต่กระนั้นจิต ที่ชำนาญแล้วย่อมไต่กระแสไปดูอนาคตได้ เหมือนตัวเราตั้งเรือนอยู่ที่ลำน้าตำแหน่งนี้ นี่เป็นปัจจุบัน แต่บางคนเขาอยากดูว่าสายน้ำที่กำลังผ่านบ้านเรานี้มันไปถึงไหนเป็นอย่างไร เขาสามารถล่องเรือไปตามลำน้ำที่กำลังผ่านบ้านเรานี้มันไปถึงไหน เป็นอย่างไร เขาสามารถล่องเรือไปตามลำน้ำที่เห็นอยู่อีกสองไมล์ก็ได้ นั่นคือดักกาลเวลา
ดังนั้นทั้งอดีตและอนาคตล้วนเป็นผลของปัจจุบัน อดีตเป็นรวมแห่งปัจจุบันที่ผ่านไปแล้ว อนาคตคือผลแห่งกระแสการผสมผสานปัจจุบันที่ผ่านไปแล้ว อนาคตคือผลแห่งกระแสการผสมผสานปัจจุบันปัจัยไปตามโครงสร้างธรรมชาติสู่ปรากฏการณ์
ดังนั้น อดีต ปัจจุบัน และอนาคต มันเป็นเส้นเดียวกัน
แล้วอะไรสำคัฐกว่ากัน พวกเราคิดว่าอะไรสำคัญกว่ากัน หือ
ตอบ ปัจจุบัน
อาจารย์ งั้นเราไม่ต้องมีอนาคตกันดีไหม เมื่อเรารู้อยู่แล้วว่าอนาคตเราต้องตาย ความตายคือเส้นชัยของชีวิต ถ้าอนาคตไม่สำคัญ ปัจจุบันสำคัญกว่า เราย้ายความตายในอนาคตมาไว้ในปัจจุบันเลยดีไหม หมดเรื่องหมดราว ขี้เกียจปวดท้องขี้ปวดท้องเยี่ยวแล้ว เอาไหม
ตอบ ไม่เอา
ถาม งั้นปัจจุบันก็ไม่สำคัญที่สุดสิ นี่แสดงว่าอยู่กันเพื่ออนาคตใช่ ไหม
หายใจเฮือกนี้เพื่ออะไร เพื่อที่จะอยู่ต่อไปในวินาทีหน้าใช่ไหม คือมันเป็นอย่างนี้พี่น้องทั้งหลาย ในมิติกาลเวลาทั้งสามนั้น อนาคตสำคํญที่สุด เพราะเราทำทุกอย่างอยู่ในปัจจุบันก็เพื่ออนาคตทั้งสิ้น แต่การบริหารกระแสที่ไหลไปตามกาลเวลาได้นั้น การบริหารปัจจุบันสำคัญที่สุด เพราะในปัจจุบัน คือประตูเชื่อมอดีตกับอนาคต แต่การเรียนรู้ที่จะบริหารสิ่งต่างๆ นั้นอดีตสำคัญที่สุด เพราะอดีต คือขุมทรัพย์แห่งความรุ้ ทำให้ไม่ต้องเรียนซ้ำเดิมอยู่เรื่อย
เราหวังผลในอนาคตแต่เราต้องบริหารประตูแห่งกระแส ณ ปัจจุบัน เข้าใจไหม เราจะบริหารได้เราก็ต้องมีปัญญา ปัญญาส่วนใหญ่ สรุปมาจากอดีตด้วยปัจจุบันจิต
แต่ถ้าเราตั้งจิตนอมมิติกาลเวลาได้ เราก็จะเห็นทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคตพร้อมๆกัน เหมือนคนที่อยู่นอกอวกาศแล้วมอง ลงมายังพื้นโลก ย่อมเห็นโลกได้ทั่วการหมุนกระนั้น
การรู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคตนั้น ทำได้สองอย่าง คือ
1) เมื่อยังอยู่ในมิติกาลเวลา ก้เข้าไปในมิติแห่งการเวลา ช่วงนั้นจริงๆ ซึ่งจะไปได้สมบูรณ์ทีละมิติ เช่นดูอดีตอยู่ก็จะไม่เห็นปัจจุบันและอนาคต หรือ อยู่ในปัจจุบันก็ไม่เห็นอดีตและอนาคต หรือเข้าไปในอนาคตก็จะไม่เห็นอดีตและปัจจุบัน
2) ออกจากมิติแห่งกาลเวลาแล้วดูทีเดียวตลอดสาย
 

_________________
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 10:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุโมทนาด้วยครับท่าน....สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 1:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาบุญด้วยจ้า สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง