Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 บาปในศีล 5 อยู่ที่เจตนา ถ้าเป็นหน้าที่ ก็ไม่ได้เป็นบาป อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 5:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

[quote="เมธี"


เอาเป็นว่าผมลองตอบดูละกันครับ คือ ตอนที่องคุลิมาลลงมือฆ่าคนแรกๆ มโนธรรมในจิตเขาย่อมต้องมาเตือนว่าไม่ควรทำ แต่เขาไม่ฟัง นั่นแสดงว่า เขาถูกโมหะบดบัง เป็นมิจฉาทิฏฏิ ถึงได้ทำบาปลงไป แล้วอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า การกระทำที่แม้จะมีจิตคิดเป็นกุศล คือหวังสำเร็จวิชา แต่ว่าทำลงไปด้วย โมหะ ด้วยเพราะเป็นมิจฉาทิฏฏิ ผลที่ได้ก็คือเป็นบาปน่ะครับ

ที่คุณพลศักดิ์พยายามจะสื่อออกมาคืออย่างนี้เปล่าครับ[/quote]


ไม่ใช่ครับ ก่อนที่ใครก็ตามจะฆ่าคน มโนธรรมในใจเขาจะบอกไม่ให้ฆ่า คุณลองไปฆ่าคนซิครับ หรือ
คุณลองไปคิดเป็นชู้กับเมียคนอื่น หรือไปขโมยของดูซิ แล้วคุณจะรู้ว่ามโนธรรมคืออะไร
 


แก้ไขล่าสุดโดย พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เมื่อ 06 ส.ค. 2008, 6:00 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 5:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

[quote="เมธี

จากตัวอย่างเรื่องแรก มีสิครับ ก็ผมเพิ่งจะยกตัวอย่างมาจาก อรรถกถาตักกลชาดก ทสกนิบาต จากเรื่องก็เห็นได้ว่า สวิฏฐกะ มีเจตนาเป็นกุศล เพื่อให้พ่อของเขาพ้นจากทุกข์ จึงขุดหลุมเพื่อฝังพ่อตัวเองไงครับ
โชคดีที่บุตร(พระโพธิสัตว์) ได้ตักเตือนไว้ ไม่อย่างนั้น สวิฏฐกะ คงได้ทำ ปิตุฆาตไปแล้วครับ[/quote]


คุณ ผู้ยกเรื่องมา แต่ตีความเรื่องที่ตนยกมาไม่ได้ ผมตีความให้เอง คนที่คิดฆ่าพ่อฆ่าแม่ เขาหลงครับ
เขาอยากสบาย ไม่ต้องมีพันธะต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ ตอนแรกมโนธรรมของเขาห้ามไม่ให้ทำ ตอนหลัง
จิตอกุศล ความหลงของเขามีพลังมากกว่ามโนธรรม
เลยตั้งใจฆ่า พอลูกมาเตือน เขาจึงได้สติกลับคืนมา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 7:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
เมธี พิมพ์ว่า:
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
คุณเมธีครับ:



ผมว่าคุณยังไม่เข้าใจว่า ความคิดแท้จริงคือ มโนธรรมที่อยู่ในใจ คนชั่วทุกคน เขาก็บอกว่า
เขาไม่ผิดทั้งนั้น มีเหตุผลมาโต้ใด้ทุกเรื่อง คุณจะเอาความคิดแก้ตัวอย่างนั้นมาพูดไม่ได้ องคุลิมาล
จะบอกว่า ฆ่าคนเพื่อเอานิ้ว จะได้สำเร็จวิชา เขาก็พูดได้ แต่ก่อนที่เขาจะลงมือฆ่าคน โดยเฉพาะคนแรกๆ
มโนธรรมในจิตเขาย่อมต้องมาเตือนว่าไม่ควรทำ แต่เขาไม่ฟัง
พอฆ่าไปเรื่อยๆ มันก็เคยชิน


ขำ อย่าว่าแต่ มโนธรรมที่อยู่ในใจเลยครับ เอาแค่ที่คุณอธิบายมาผมก็งงๆแล้ว ไม่ทราบว่าคุณพลศักดิ์จะสื่ออะไรให้ผมหรือครับ รบกวนช่วยขยายความด้วย ผมอ่านแล้วงงๆ หรือว่าช่วงนี้ผมงานเยอะ แล้วเบลอๆก็ไม่รู้สิครับ



ผมจะสื่อว่า ความคิดที่เป็นกุศลต้องออกมาจากจิตใจเท่านั้น ไอ้ความคิดเอง เออเอง ทำชั่วแล้วแก้ตัว
บอกว่า มันเป็นกุศลนั้นทำไม่ได้ อย่างนั้นเขาเรียกว่า หลอกตัวเอง


เห็นด้วยครับว่า กุศลหรืออกุศลนั้นต้องออกมาจากจิตใจจริงๆ ไม่ใช่หลอกตัวเอง

แล้ว คนที่ฆ่าคนในสนามรบ รบเพื่อพระเจ้า ถือว่าเป็นอกุศลด้วยสิครับ
เพราะว่าหลอกตัวเองว่ารบเพื่อพระเจ้า ทั้งๆที่พระเจ้าไม่ได้บอกให้รบด้วยซ้ำไป (จริงๆแย่งชิงดินแดนกันเพื่อพระเจ้า หรือเพื่อผู้นำครับ?)

หรือในอีกตัวอย่าง รบเพื่อประเทศ อันนี้ รบเพื่อปกป้องประเทศ ปกป้องผู้คน น่าจะถือว่าเป็นทั้งกุศล คือเพื่อปกป้องพลเมือง และประเทศ ส่วนที่ฆ่าคน ก็ถือว่าเป็นอกุศล อย่างนี้เปล่าครับ

ผมเข้าใจที่คุณพลศักดิ์อธิบายมานะครับ เพียงแต่ว่า การรบเพื่อพระเจ้า หรือรบเพื่อประเทศ อาจไม่ใช่แค่กุศลหรืออกุศลอย่างเดียว อาจมีทั้งสองอย่างอยู่ร่วมกัน

อีกอย่างครับ การรบด้วยโมหะ คือความหลงผิด คิดว่าฆ่าฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดแล้วสงครามยุติ แล้วทำไมไม่ฆ่าหัวหน้าฝ่ายตัวเองเลยล่ะครับ สงครามยุติเหมือนกัน ขำ

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 7:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
คามินธรรม พิมพ์ว่า:
ตอบคุณ พลศักดิ์ วังวิวัฒน์

มีสิคุณพลศักดิ์
นักรบครูเสดไง ทั้งสองฝ่ายต่างเชื่อสนิทใจว่าการฆ่านั้นเป็นมหากุศล


พวกเขามีบาปบุญ อย่างไรเล่า?


พวกเขาทำตามหน้าที่ และรับกรรมที่ตนเองเคยฆ่าคนอื่นๆในอดีตชาติก่อนให้หมดไป แล้วสังคมของ
ประเทศนั้นก็พัฒนาต่อไปได้ ถ้าพระเจ้าไม่ทำให้ทั้ง 2 ฝ่านคิดว่าคนเองทำเพื่พระเจ้า พวกเขาก็ต้อง
ตกนรกหมด แต่จริงๆแล้วคนที่ตกนรกจากการฆ่าในการรบอาจจะมีแค่ 30% เท่านั้น เพราะอีก 60%
เขาฆ่าด้วยความเชื่อและศรัทธาว่าพระเจ้าสั่งให้เขาทำ และอาจจะมีอีก 10% แล้วเป็นมหากุศล

เมื่อ 2 ปีก่อนมีหนังเรื่องสงครามคูเสตเรื่องหนึ่ง ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้ เรื่องแผ่นดินของพระเจ้าหรืออะไรจำ
ไม่ได้ คุณจะเห็นว่าส่วนใหญ่รบตามหน้าที่ อีกส่วนรบเพราะความโลภโกรธหลง อีกส่วนรบแล้ว
เป็นมหากุศล
คือ พระเอกรบเพื่อช่วยประชาชนออกจากเยรูซาเล็ม และนายทหารมุสลิม รบเพื่อเอา
เมืองเยรูซาเล็ม แต่เขาไม่ฆ่าชาวเมือง ยอมปล่อยชาวเมืองไป นี่ก็คือ มหากุศล


ฆ่าด้วยความเชื่อและศรัทธาว่าพระเจ้าสั่งให้เขาทำ ถือว่าเป็นความหลงเปล่าครับ เป็นอกุศลนี่ครับ
ส่วนที่นายทหารมุสลิมรบเพื่อเอาเมืองเยรูซาเล็ม ถือว่าเป็นอกุศล เกิดจาก โลภะ (อาจจะโมหะ พอดีผมไม่ทราบรายละเอียด) แต่ส่วนที่ปล่อยชาวเมืองไป ก็เป็นกุศล

เอ่อ แล้วไม่ปล่อยทหารฝ่ายตรงข้ามไป กลับต้องฆ่าเขาเพื่อชิงเมือง เป็นกุศลเปล่าครับ เพราะอีกฝ่ายก็ทำเพื่อพระเจ้าเหมือนกันนิ

ต่างฝ่ายต่างทำเพื่อพระเจ้า ถ้าต่างฝ่ายต่างได้กุศล แล้วคนที่เดือดร้อนล่ะครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 7:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
[quote="เมธี

จากตัวอย่างเรื่องแรก มีสิครับ ก็ผมเพิ่งจะยกตัวอย่างมาจาก อรรถกถาตักกลชาดก ทสกนิบาต จากเรื่องก็เห็นได้ว่า สวิฏฐกะ มีเจตนาเป็นกุศล เพื่อให้พ่อของเขาพ้นจากทุกข์ จึงขุดหลุมเพื่อฝังพ่อตัวเองไงครับ
โชคดีที่บุตร(พระโพธิสัตว์) ได้ตักเตือนไว้ ไม่อย่างนั้น สวิฏฐกะ คงได้ทำ ปิตุฆาตไปแล้วครับ



คุณ ผู้ยกเรื่องมา แต่ตีความเรื่องที่ตนยกมาไม่ได้ ผมตีความให้เอง คนที่คิดฆ่าพ่อฆ่าแม่ เขาหลงครับ
เขาอยากสบาย ไม่ต้องมีพันธะต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ ตอนแรกมโนธรรมของเขาห้ามไม่ให้ทำ ตอนหลัง
จิตอกุศล ความหลงของเขามีพลังมากกว่ามโนธรรม
เลยตั้งใจฆ่า พอลูกมาเตือน เขาจึงได้สติกลับคืนมา
[/quote]

ผมแค่ยกตัวอย่างคนที่คุณบอกว่าไม่มีมาให้ดูนี่ครับ

ยังไม่ได้ตีความเลยด้วยซ้ำ

อย่าเพิ่งหมายว่าผมจะตีความไม่ได้สิครับ (จริงๆผมอาจจะตีความไม่ได้จริงๆก็ได้ ขำ )

แต่ผมเห็นด้วยกับที่คุณพิมพ์มาตรงนี้นะครับ เป็นเพราะความหลงมาบดบังมโนธรรม ทำให้เขาตั้งใจฆ่าได้ เพราะฉะนั้น ผมขอสรุปว่าการกระทำใดที่ มีเหตุมาจากความหลง ก็มีก่อให้เกิดอกุศลได้

เพราะฉะนั้นการฆ่า หากเกิดจากการหลงว่าฆ่าเพื่อพระเจ้า ฆ่าเพื่อประเทศ ฆ่าเพื่อพวกพ้อง ฆ่าเพื่อศาสนา ฆ่าเพื่อครอบครัว สุดท้ายก็ฆ่าเพื่อตนเอง ก็ต้องถือว่าเป็นอกุศลด้วยสิครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 7:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
[quote="เมธี"


เอาเป็นว่าผมลองตอบดูละกันครับ คือ ตอนที่องคุลิมาลลงมือฆ่าคนแรกๆ มโนธรรมในจิตเขาย่อมต้องมาเตือนว่าไม่ควรทำ แต่เขาไม่ฟัง นั่นแสดงว่า เขาถูกโมหะบดบัง เป็นมิจฉาทิฏฏิ ถึงได้ทำบาปลงไป แล้วอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า การกระทำที่แม้จะมีจิตคิดเป็นกุศล คือหวังสำเร็จวิชา แต่ว่าทำลงไปด้วย โมหะ ด้วยเพราะเป็นมิจฉาทิฏฏิ ผลที่ได้ก็คือเป็นบาปน่ะครับ

ที่คุณพลศักดิ์พยายามจะสื่อออกมาคืออย่างนี้เปล่าครับ



ไม่ใช่ครับ ก่อนที่ใครก็ตามจะฆ่าคน มโนธรรมในใจเขาจะบอกไม่ให้ฆ่า คุณลองไปฆ่าคนซิครับ หรือ
คุณลองไปคิดเป็นชู้กับเมียคนอื่น หรือไปขโมยของดูซิ แล้วคุณจะรู้ว่ามโนธรรมคืออะไร
[/quote]

ผมอธิบายว่า แรกๆมโนธรรมในจิตเขาย่อมต้องมาเตือนว่าไม่ควรทำ
คุณพลศักดิ์ บอกว่า ก่อนที่ใครก็ตามจะฆ่าคน มโนธรรมในใจเขาจะบอกไม่ให้ฆ่า

ผมอ่านดูคุณกับผมตรงนี้ก็คิดตรงกันนี่ครับ ไหงคุณบอกว่า "ไม่ใช่ครับ"

ผมล่ะงง ขำ

สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 12:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณเมธีครับ



1. เราต้องแยกให้ออกระหว่างมโนธรรม กับความคิดที่เกิดจากความหลง

2. "เพราะฉะนั้นการฆ่า หากเกิดจากการหลงว่าฆ่าเพื่อพระเจ้า ฆ่าเพื่อประเทศ ฆ่าเพื่อพวกพ้อง ฆ่าเพื่อศาสนา ฆ่าเพื่อครอบครัว สุดท้ายก็ฆ่าเพื่อตนเอง ก็ต้องถือว่าเป็นอกุศลด้วยสิครับ"

เขาเชื่อและศรัทธาอย่างนั้นจริงๆ การหลงอันนั้นก็ไม่บาป และกลายเป็นหน้าที่ที่ต้องทำอย่างหลีกเลี่ยง
ไม่ได้แทน ในกรณีฆ่าพอแม่มันไม่ใช่ความหลงที่เป็นหน้าที่ เพราะเขามีสิทธิเลือกว่าจะทำตามมโมธรรม
หรือทำความหลงของตนเอง บาปหรือบุญ คนทำต้องมีสิทธิเลือก

3. ฆ่าด้วยความเชื่อและศรัทธาว่าพระเจ้าสั่งให้เขาทำ ถือว่าเป็นความหลงเปล่าครับ เป็นอกุศลนี่ครับ

ผมตอบไปแล้วว่า
ก. มโนธรรมในใจเขาบอกว่าอะไร
ข. เขาเชื่อและศรัทธาจริงๆหรือเปล่าว่าพระเจ้าสั่งให้เขาทำ หรือเขาคิดถึงผลประโยชน์อะไร
ค. เป็นหน้าที่ หรือว่าเขามีสิทธิเลือก แม้ว่ามา 100,000
คน เราก็ต้องแยกเป็นรายบุคคลครับ จะไปตัดสินเขาเหมือนกันไม่ได้

4.ส่วนที่นายทหารมุสลิมรบเพื่อเอาเมืองเยรูซาเล็ม ถือว่าเป็นอกุศล เกิดจาก โลภะ (อาจจะโมหะ)

....คุณใช้คำว่านายทหารคนนั้นน่าจะเหมาะสมกว่า จะไปเหมาเอาทหารและนายทหารคนอื่นคงไม่ได้

แต่ส่วนที่ปล่อยชาวเมืองไป ก็เป็นกุศล ...ถูกต้องครับ

5. เอ่อ แล้วไม่ปล่อยทหารฝ่ายตรงข้ามไป กลับต้องฆ่าเขาเพื่อชิงเมือง เป็นกุศลเปล่าครับ
....บาปหรือบุญต้องแยกกันไปตามเจตนาที่ทำในแต่ละครั้ง

6. เพราะอีกฝ่ายก็ทำเพื่อพระเจ้าเหมือนกันนิ ......ไม่มีใครทำเพื่อพระเจ้าหรอกครับ เพื่อ
ประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น หลักในทุกศาสนาสอนให้เห็นแก่เพื่อนมนุษย์

7. ต่างฝ่ายต่างทำเพื่อพระเจ้า ถ้าต่างฝ่ายต่างได้กุศล แล้วคนที่เดือดร้อนล่ะครับ ....ไมมีใครทำ
เพื่อพระเจ้า พระเจ้าถูกนำมาอ้างเพื่อการทำบาปของเขาเท่านั้นเอง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 12:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณเมธีครับ



ถ้าจิตของเขาเชื่อและศรัทธาในพระเจ้าจริง เขาจะไม่ทำสิ่งที่เป็นอกุศลหรือบาป การกล่าวอ้างว่า
ทำเพื่อพระเจ้าเป็นเพียงการพูดปลอบตัวเองให้ทำบาป และเป็นการหลอกทหารเท่านั้น

ถ้าเขาบอกว่า เราจะฆ่าเพื่อซาตาน ทหารจะออกไปรบให้เขาไหม แม้แต่เขาเองก็จะไม่ออกรบแน่นอน
พระเจ้าจึงถูกเอามาอ้างเพื่อการทำบาปสนองกิเลสของพระราชาและนายหทารสูงสุดเท่านั้น
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 2:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมเห็นด้วยครับ ว่าบาปหรือไม่ขึ้นอยู่กับเจตนา(ซึ่งมีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะทำหรือไม่) แต่ผมสงสัยอีกอย่างน่ะครับ

เช่น ถ้าทหารถูกส่งให้ไปรบเพื่อยึดเมือง โดยผู้บัญชาการท่านที่หนึ่ง
แล้วมีผู้บัญชาการท่านที่สอง ท่านขัดแย้งไม่ให้ไป เพราะเห็นว่าไปรบเพียงเพราะผู้บัญชาการท่านที่หนึ่งนั้นต้องการผลประโยชน์ จึงสั่งทหารไม่ให้ไป

ทีนี้ทหาร ก็สามารถเลือกได้แล้วใช่ไหมครับ ว่าจะไปหรือไม่ไป
ถ้าอย่างนี้ก็แสดงว่าทหารก็เลือกได้ใช่ไหมครับ

แล้วถ้าทหารต้องทำตามผู้บัญชาท่านที่หนึ่ง เพียงเพราะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ก็หมายความว่า ทหารไม่มีทางเลือก เพียงเพราะมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้บัญชาการท่านแรก อย่างนั้นเปล่าครับ

เปลี่ยนจากกรณีทหาร มาเป็น คนธรรมดาบ้างครับ
ถ้าเปลี่ยนจากผู้บังคับบัญชามาเป็นหัวหน้าเราสั่งให้เราทำผิดอะไรสักอย่าง
เรามีสิทธิ์เลือกได้นี่ครับว่าจะไม่ทำ แล้วทำไมทหารไม่มีสิทธิ์เลือกหรอครับ ทหารก็เป็นมนุษย์เหมือนกันนิ ไม่ได้เป็นหุ่นยนต์

ทหารถูกหลอกให้ไปรบ แสดงว่าไม่ได้มีจิตอกุศล ไม่ได้คิดจะฆ่าใครแต่ว่าต้องฆ่าตามหน้านี้ อย่างนี้น่าจะเรียกว่าได้ก่อกรรมนะครับ(กรรมคือการกระทำ ทำลงไปแล้วก็ได้รับผลอย่างใดอย่างหนึ่ง มากน้อยขึ้นกับเจตนา มากน้อยขึ้นกับว่าทำเพื่ออะไร ทำเพราะหน้าที่โดยไม่ใช่เพราะกิเลสตนเองผลกรรมย่อมน้อยกว่าทำเพราะกิเลสตนเองแน่นอน)

ขอบคุณครับ

อ้อ ผมเห็นด้วยครับ ว่าบาปบุญขึ้นกับ มโนธรรม มากน้อยหรือไม่มี ขึ้นกับเจตนาด้วย และทุกวันนี้คนก็อ้างพระเจ้ามาเพื่อผลประโยชน์ตัวเองกันเยอะเหลือเกิน เห็นแล้วสลดใจ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 3:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

[quote="เมธี"]ผมเห็นด้วยครับ ว่าบาปหรือไม่ขึ้นอยู่กับเจตนา(ซึ่งมีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะทำหรือไม่) แต่ผมสงสัยอีกอย่างน่ะครับ

....คุณมั่วใหญ่แล้ว ผมพูดอย่างหนึ่ง คุณไปตีความอีกอย่างหนึ่ง เจตนาคือกรรม เจตนาคือเจตนา
จริงๆ ไม่ใช่เจตนาเล่นๆ แกล้งพูดให้สวยหรูว่าฆ่าเพื่อพระเจ้า

ผมจะบอกคุณว่า ถ้าคนที่ฆ่าคนอื่น ด้วยเจตนาบริสุทธิ์จริงๆว่า เขาฆ่าเพื่อพระเจ้า เขามีที่ไปคือ สวรรค์
พรหมโลก หรือไม่ก็นิพพาน


คำถามอื่นๆผมคงไม่ตอบ หลักการผมบอกคุณไปเยอะแล้ว คุณไม่ใช่เขา คุณเขียนว่าเขาคิด
อย่างนั้นอย่างนี้ ต้องดูที่เจตนาจริงในจิต และมโนธรรมในใจของเขา ครับ ส่วนคำพูดปลอมๆหลอก

ตัวเองว่าทำเพื่อพระเจ้า มันไม่ใช่เจตนาจริงๆที่อยู่ในจิตของเขา ที่ต้องการฆ่าเพื่อประโยชน์อย่างใด
อย่างหนึ่ง นั่นคือบาปครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 3:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

[quote="พลศักดิ์ วังวิวัฒน์"]
เมธี พิมพ์ว่า:
ผมเห็นด้วยครับ ว่าบาปหรือไม่ขึ้นอยู่กับเจตนา(ซึ่งมีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะทำหรือไม่) แต่ผมสงสัยอีกอย่างน่ะครับ

....คุณมั่วใหญ่แล้ว ผมพูดอย่างหนึ่ง คุณไปตีความอีกอย่างหนึ่ง เจตนาคือกรรม เจตนาคือเจตนา
จริงๆ ไม่ใช่เจตนาเล่นๆ แกล้งพูดให้สวยหรูว่าฆ่าเพื่อพระเจ้า

ผมจะบอกคุณว่า ถ้าคนที่ฆ่าคนอื่น ด้วยเจตนาบริสุทธิ์จริงๆว่า เขาฆ่าเพื่อพระเจ้า เขามีที่ไปคือ สวรรค์
พรหมโลก หรือไม่ก็นิพพาน


คำถามอื่นๆผมคงไม่ตอบ หลักการผมบอกคุณไปเยอะแล้ว คุณไม่ใช่เขา คุณเขียนว่าเขาคิด
อย่างนั้นอย่างนี้ ต้องดูที่เจตนาจริงในจิต และมโนธรรมในใจของเขา ครับ ส่วนคำพูดปลอมๆหลอก

ตัวเองว่าทำเพื่อพระเจ้า มันไม่ใช่เจตนาจริงๆที่อยู่ในจิตของเขา ที่ต้องการฆ่าเพื่อประโยชน์อย่างใด
อย่างหนึ่ง นั่นคือบาปครับ


ผมเปล่ามั่วนี่ครับ ผมว่าคุณตีความไม่ถูกเองมั้งครับ

ผมก็ไม่ได้บอกซะหน่อยว่า เจตนาเล่นๆหรือจริงๆ เจตนาที่ผมพูดก็คือเจตนา ไม่ใช่หลอกตัวเองแล้วมาเรียกเจตนาซะหน่อยนิครับ

แต่ที่คุณบอกว่า "ถ้าคนที่ฆ่าคนอื่น ด้วยเจตนาบริสุทธิ์จริงๆว่า เขาฆ่าเพื่อพระเจ้า เขามีที่ไปคือ สวรรค์
พรหมโลก หรือไม่ก็นิพพาน " ผมว่าอันนี้ทำไปเพราะความหลงมากกว่านะครับ หลงว่าเพื่อพระเจ้าต้องฆ่าคนนู้น ต้องฆ่าคนนี้ ทั้งๆที่พระเจ้าไม่เคยบอกด้วยซ้ำไปว่าให้ไปฆ่าใคร และแน่นอนว่าพระเจ้าไม่สรรเสริญการฆ่าแน่นอน แล้วอย่างนี้จะได้ไปสวรรค์เหรอครับ คนที่ถูกฆ่าเขาก็ต้องไม่พอใจ ญาตพี่น้องเขาก็ต้องขอความชอบธรรมอยู่ดีๆ คนของเขาก็ถูกฆ่า เพียงเพราะว่า อีกฝ่าย "เชื่อว่า" ฆ่าเพื่อพระเจ้า น่ะครับ

คุณจะตอบหรือไม่ก็แล้วแต่ครับ ผมก็ว่าคุณอธิบายเยอะแล้ว สมเหตุสมผลหรือไม่ก็แล้วแต่บุคคลพิจารณากันไปเองละกันครับ เราสองคนแค่ถกปัญหากัน ใครจะเชื่อแบบไหนก็แล้วแต่เขาเอง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 9:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณเมธีครับ



ผมมาอ่านข้อความของคุณอีกที ผมตีความไม่ถูกเองครับ ต้องขออภัยด้วย ผมเล่นอยู่ในหลายเว็บ
เวลาอ่านข้อความใดๆจึงอ่านผ่านๆ ต้องขออภัยอีกครั้งหนึ่ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 10:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมเข้าใจ บางครั้งผมก็เบลอๆเหมือนกัน

ก็ถ้าก่อนหน้านี้ผมเคยทำให้คุณเข้าใจผิดอะไร ผมก็ขออภัยด้วยเหมือนกัน

ยังไงผมกับคุณก็ถือว่าเป็นสหายทางธรรมละกันครับ

สู้ สู้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
guest
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254

ตอบตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 10:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นักปฏิบัติธรรมต้องอย่างนี้

สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 12:16 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมธี พิมพ์ว่า:
ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมเข้าใจ บางครั้งผมก็เบลอๆเหมือนกัน

ก็ถ้าก่อนหน้านี้ผมเคยทำให้คุณเข้าใจผิดอะไร ผมก็ขออภัยด้วยเหมือนกัน

ยังไงผมกับคุณก็ถือว่าเป็นสหายทางธรรมละกันครับ

สู้ สู้




ผมไม่มีอะไรจะต้องให้อภัยคุณ เพราะคุณไม่ได้ทำอะไรผิด จริงๆผมต้องขอบคุณจึงจะถูก
พออ่านข้อความของคุณผ่านๆ ผมตีความผิด ก็เริ่มโกรธและข่นเคคืองหลายวินาที จิตค่อยเห็น
ความโกรธในใจตนเอง จึงรู้ว่าเรายังสอบไม่ผ่าน เอาจิตไปส่งออก รับข้อความมาปรุงแต่ง จึงยัง
มีความโกรธ พุทธะต่างๆเขาทดสอบจิตเราเสมอว่าไปถึงไหนแล้ว

ส่วนภาษาของผมมันเป็นภาษานักเลงตามธรรมชาติสันดานเดิม พูดปากหวานผมทำไม่เป็น
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
kokorado
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 104
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 09 ส.ค. 2008, 6:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การลักทรัพย์ตามหน้าที่ ข่มขืนตามหน้าที่ โกหกตามหน้าที่ กินเหล้าตามหน้าที่ ก็ไม่บาปเช่นเดียวกันใช่ไหม
 

_________________
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง