ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
pipercar
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2008
ตอบ: 10
ที่อยู่ (จังหวัด): Bangkok
|
ตอบเมื่อ:
07 ส.ค. 2008, 5:04 pm |
  |
ขอถามผู้รู้ และผู้ที่ออกจากกามารมณ์ได้สำเร็จแล้ว ช่วยแนะนำ ชี้แนะ
เพราะผมมีความต้องการที่จะออกจากกามฯ (แบบถาวร) ให้ได้
ก่อนที่จะไปทำการศึกษาธรรมะในเรื่องอื่นๆ
อยากได้คำตอบแบบง่ายๆ ครับ แบบที่มีเหตุและผลที่สอดคล้องกัน
ไม่เอาแบบนรกหรือสวรรค์ หรือไปเกิดเป็นโน่นเป็นนี่ อะครับ |
|
_________________ แสงสว่างสีอะไร |
|
    |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
07 ส.ค. 2008, 5:20 pm |
  |
ให้ได้เด็ดขาดเลย คงไม่ได้หรอกครับ
เพราะคนทำอย่างนั้น เด็ดขาดได้ คือผู้ที่สิ้นเชื้อกิเลส
ทีนี้ถ้าเราจะปฏิบัติธรรรม แต่เจ้าราคะตัวนี้มันรบกวน
เราทำได้แค่ใช้ความสามารถในการข่มเท่านั้นเอง
บ้างก็ใช้อุบาย ดูศพ พิจารณาภาพศพ
แต่การจะไปตัดให้สิ้นเชื้อราคะตัวนี้ก่อน
แล้วค่อยปฏิบัติธรรม มันเป็นไปไม่ได้รับ
ในพุทธกาล มีพระรูปหนึ่ง ตอนตัวเอง
เพราะเห็นว่าเจ้าเครื่องเพศนี่แหละ ปัญหา
ต้องตัด
พระพุทธเจ้าทราบเข้า
จึงบัญญัติข้อห้ามที่ห้ามตอนเครื่องเพศขึ้น
การตอนเครื่องเพศ เป็นวิธีแก้ปัญหาแบบลูกทุ่ง
ไม่ใช่แบบพุทธะที่พระพุทธองค์สั่งสอน
........................
ทำไปเถอะครับ ทำไปเรื่อยๆ ปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ สบายๆ
วันไหนมีอารมณ์มาก ลองสังเกตุรู้ไปเรื่อยๆ แล้วเดี๋ยวมันฝ่อเอง
แต่อย่าไปบีบไปคลึงเชียวนะ เรื่องมันจะจบอีกแบบหนึ่ง
 |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
natdanai
บัวบาน

เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok
|
ตอบเมื่อ:
07 ส.ค. 2008, 5:25 pm |
  |
pipercar พิมพ์ว่า: |
ขอถามผู้รู้ และ ผู้ที่ออกจากกามรมณ์ ได้สำเร็จแล้ว ช่วยแนะนำ ชี้แนะ
เพราะผมมีความต้องการที่จะออกจากกามฯ(แบบถาวร) ให้ได้ก่อนที่จะไปทำการศึกษาธรรมะในเรื่องอื่นๆ
อยากได้คำตอบแบบง่ายๆครับ แบบที่มีเหตุและผลที่สอดคล้องกัน
ไม่เอาแบบ นรกหรือสวรรค์ หรือไปเกิดเป็นโน่นเป็นนี่ อะครับ |
เห็นด้วยกับท่านคามินธรรมครับ
กามรมณ์ มิได้หมายถึงเรื่องทางเพศเพียงอย่างเดียวนะครับ หากจะมองให้ง่ายๆ ก็มี รัก - ชัง นั่นล่ะครับ
อยากจะออกจากกามก็ต้อง ไม่รัก - ไม่ชัง ครับ ( โค - ตะ - ระ - ยาก ) |
|
_________________ ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง |
|
    |
 |
โปเต้
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
07 ส.ค. 2008, 5:53 pm |
  |
ฟังมาว่า ต้องระดับอนาคามีนะคะ จึงจะออกจากกามได้
ขนาดโสดาบันตั้งแต่ 7 ขวบ อย่างนางวิสาขา ยังแต่งงาน มีลูกหลานออกเต็มบ้าน
จนต้องได้ร้องไห้อาลัยรัก เมื่อหลานคนโปรดตายเลยค่ะ |
|
_________________ สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา |
|
  |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
07 ส.ค. 2008, 7:09 pm |
  |
กามารมณ์ เป็นกิเลสตัวที่ละได้หลังสุด
ตามที่ผมเข้าใจ
ถ้าละตัวนี้ได้แล้วอรหันต์คงอยู่แค่เอื้อม
ผิดถูกอย่างไร
ท่านผู้รู้กรุณาชี้แนะด้วยครับ |
|
|
|
   |
 |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
07 ส.ค. 2008, 7:45 pm |
  |
กามมีความหมายกว้าง มิใช่แต่เรื่องเพศเท่านั้น
ความยินพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ชื่อว่ากาม
ได้แนวทางแล้วก็ถกกันต่อไป  |
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
  |
 |
pipercar
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2008
ตอบ: 10
ที่อยู่ (จังหวัด): Bangkok
|
ตอบเมื่อ:
07 ส.ค. 2008, 9:31 pm |
  |
ขอบพระคุณครับท่าน คามินธรรม สำหรับผมแล้ว กามเป็นตัวเหนี่ยวรั้ง ตัวการสำคัญเลย ซึ่งมันคอยจะทำให้ จิตใจไข้วเขว ฟุ้งซ่าน การพยายามข่มกาม ก็เป็นทุกข์เช่นกัน แล้วถ้าไม่ข่มมัน มันก็จะไปก่อให้เกิดทุกข์ อีก ผมเคยโหลด ภาพอสุภะ มาเต็มไปหมด แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพราะเห็นแล้วก็หดหู่ใจไปอีก
ก็เลยเป็นที่มาว่า การติดอยู่ในกาม นั้น จะทำให้เกิดทุกข์มากมายจริงไหม. |
|
_________________ แสงสว่างสีอะไร |
|
    |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
08 ส.ค. 2008, 2:44 am |
  |
pipercar พิมพ์ว่า: |
ขอบพระคุณครับท่าน คามินธรรม สำหรับผมแล้ว กามเป็นตัวเหนี่ยวรั้ง ตัวการสำคัญเลย ซึ่งมันคอยจะทำให้ จิตใจไข้วเขว ฟุ้งซ่าน การพยายามข่มกาม ก็เป็นทุกข์เช่นกัน แล้วถ้าไม่ข่มมัน มันก็จะไปก่อให้เกิดทุกข์ อีก ผมเคยโหลด ภาพอสุภะ มาเต็มไปหมด แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพราะเห็นแล้วก็หดหู่ใจไปอีก
ก็เลยเป็นที่มาว่า การติดอยู่ในกาม นั้น จะทำให้เกิดทุกข์มากมายจริงไหม. |
เวลาพระแก่เขาสอนพระหนุ่มๆ เขาจะเจาะจงพูดแต่เรื่องนี้แหละครับ
เพราะมันเป้นธรรมชาติของร่างกาย
ผู้ขายเขารู้ทันกัน
ศาสนาพุทธเรา สอนให้อยู่กับธรรมชาติ รู้ทันธรรมชาติ แล้วก็หน่ายไปเอง
แต่ไม่ได้สอนให้บงการ หรือแทรกแทรงธรรมชาติ เช่นการตอน
การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกันไม่มีผิด คือรับรู้ธรรมชาติของความคิดจิตใจร่างกายไปเรื่อยๆ
ทำตั้งแต่เดินจงกรม จนถึงนิพพาน ก้ทำแค่นี้ คือรับรู้เท่านั้น
ในที่นี้คือรับรู้ความอยาก ความกำหนัด รับรู้ไปเรื่อย
จนมันเห็นบ่อยๆเข้า จิตเรามันจะตกผลึกความคิดเองว่า มันก็เท่านี้
มีอารมณ์ขึ้นมาแล้วก็จบไป
มีอารมณ์ขึ้นมาแล้วก็จบไป
มีอารมณ์ขึ้นมาแล้วก็จบไป
เกิดขึ้น ..ตั้งอยู่ ... ดับไป..
นานเข้าก็หน่าย คลายกำหนัดไปเอง โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น
ตรงคำว่า "หน่าย คลายกำหนัดไปเอง"..นี่แหละคับ
คือหลักของศาสนาพุทธ
รู้จนหน่ายไปเอง
ไม่ได้สอนให้แทรกแทรงบงการความกำหนัดเลย
อย่าเพ่งแก้เกินไป หรือเพิกเฉยเกินไป อยู่ในความพอดีๆ ก็จะไม่ทุกข์คับ
มันอยากกำหนัดก็ปล่อยมัน
ถ้าเราไม่ทำอะไรมัน
ไม่บงการให้มันหยุด หรือสนองความอยากให้มัน
... มันไม่เกิน 10 นาทีหรอก ..หายจ้อย
เราก็รู้ข้อนี้ดีไม่ใช่หรือครับ ผู้ชายด้วยกัน
.............................................................
ขอเสียงรับรอง หรือแก้ไขด้วยคับ ท่านสหายทั้งหลาย |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
08 ส.ค. 2008, 4:36 am |
  |
มีพุทธวจนะที่น่าสนใจอยู่แห่งหนึ่งที่ว่า
"ภิกษุพึงรู้จักข่มจิต ในสมัยที่ควรข่ม พึงยกจิต ในสมัยที่ควรยก
พึงประคองจิต ในสมัยที่ควรประคอง" |
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
  |
 |
|