Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สมดุลโลก สมดูลใจ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
kokorado
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 104
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 5:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตลอดมา มีปัญหาบางประการ ที่เรายังหาคำคอบที่ลงใจ หรือยอมรับไม่ได้ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่อง ของ กฎแห่งกรรม ที่มีปรากฏในชีวิตประจำวันของพวกเรา เเม้ว่าในทางพระพุทธศาสนาจะมีคำตอบสำหรับเรื่งเหล่านี้อยู่แล้ว แต่บางกรณี เมื่อเกิดความสงสัยขึ้น หันไปถามใครก็ไม่ได้รับคำตอบที่ลงใจได้สักที ยกตัวอย่างเช่น สมัยที่เราเป็นนักเรียน เราได้เรียนเรื่องของ องคุลีมาล องคุลีมาลเป็นใคร องคุลีมาลเป็นมหาโจรใจโหดร้ายซึ่งฆ่าคนไปไม่น้อยกว่า 1,000 คน แล้วองคลีมาลฆ่าคนเหล่านั้นไปเพื่ออะไร ก็เพื่อให้ตนนั้นได้มีโอกาสเล่าเรียน วิชาพิเศษสุดยอกบางอย่างจากอาจารย์ ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะอาจารย์ขององคุลีมาล หูเบาหลงเชื่อบรรดาศิษย์คนอื่นๆ ที่มีใจริษยาต่ององคุลีมาล โดยกล่าวหาองคุลีมาล อกตัญญู คิดร้ายต่ออาจารย์ อาจารย์จึงคิดอุบาย กำจัดองคุลีมาล โดยตั้งเงื่อนไขว่า ถ้าองคุลีมาลอยากจะเรียนวิชาพิเศษสูงสุด จะต้องไปฆ่าคน ให้ครบ 1000 คน แน่นอน.... การฆ่าคนตั้ง 1,000 คน เป้นเรื่องโหดร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นการฆ่าคนเพื่อประโยชน์ของตนเองโดยเฉพาะ ไม่ใช่เพื่อป้องกันตัว หรือปกป้องประโยชน์ของสังคมบ้านเมือง องคุลีมาลฆ่าคน 1000 คน เพื่องให้ตนเอง ได้เรียนวิชาพิเศษสูงสุด ถามว่ายุติธรรมหรือไม่
แต่ปัญหาค้างใจมันอยู่ตรงที่ เขาบอกว่า .... สุดท้าย องคุลีมาลบวชเป็นพระภิกษุ และบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ และหลังจากบรรลุธรรมเผ้นพระอรหันต์แล้ว กรรมของการฆ๋าคนพันกว่าคน ก็กลายเป็นอโหสิกรรม ยกเลิกกันไป ส่วนที่เหลืออยู่ ก้เป็นเพียงเศษกรรม คือเวลา ที่พระองคุลีมาลจาริกเข้าไปในหมู่บ้าน หรือออกไปบิณฑบาตร มักจะถูกไม้บ้าง ก้อนหินบ้าง ที่ชาวบ้านขว้างปานกหนูอะไรต่าง ๆ ลอยไปกระทบศีรษะจนหัวเเตกเลือกอาบอยู่บ่อยๆ
 

_________________
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
kokorado
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 104
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 5:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แต่ปัญหาก็คือ แล้วท่านล่ะ คิดว่ามันยุติธรรมหรือไม่ ทีเหยื่อขององคุลีมาลต้องมาตายฟรี เพราะถึงแม้องคุลีมาลจะได้เข่นฆ่าล้างผลาญชีวิตคนไปกว่าพันคน แต่พอได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ กรรมทั้งหลายก็กลายเป็นอโหสิกรรม เหลือเศษกรรมเพียงแค่หัวแตกเท่านั้นเอง
ถ้าเช่นนั้นท่านลองพิจารณากรณีนี้เป้นตัวอย่าง ใครจำกรณ๊ ฆาตกรรมที่จังหวัดสงขลาได้บ้าง ที่นาย ศัดิ์ ปากรอ จับเอาพ่อ-แม่-ลูก
ครอบครัวบุญทวี แขวนคอที่ราวบันได ห้อยโตงเตง 5 ศพ ถามว่า ถ้าวันนี้ นายศักดื ปากรอ เดินออกมาจากคกที่คุมขัง แล้วบอกว่า "บัดนี้ข้าพเจ้าได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่สมควรต้องติดคุกหรือถูกประหารเพื่อใช้หนี้กรรมเหล่านั้น" ถามใจของพวกเราดูว่า เราจะยอมไหม? ที่จะปล่อยให้นายศักดิ์ ปากรอ ลอยนวลไปโดยไม่ต้องชดใช้ผลกรรม เราจะยอมไหม? ไม่ยอม... ใครจะไปยอม ในเมื่อควรามรุ้สึกของพวกเรามันค้านอยู่ว่า มันไปนไปไม่ได้ เรายอมไม่ได้ ต่อให้เอ็งบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วก็ตาม แต่นั่นเป็นความสุขเฉพาะตัวของเอ็ง แต่ไม่ได้เกี่ยวกับข้าสักหน่อย ยิ่งถ้าเหยื่อหรือผู้เเคราห์ร้าย ที่ถูกนาย ศักด์ ปากรอ ฆ๋านั้น เป็น พ่อ - แม่ - พี่ - น้อง ของเราล่ะ เราจะยอมเหรอ เราคงไม่ยอมแน่ๆ

ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจ และน่าสงสัยด้วย เช่นที่เขาบอกว่า ถ้าเราโชคดีได้ทำบุญ กับนาบุญดีๆ ดังเช่น อริยบุคคลผู้ที่ปรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว แม้ตักบาตรถวายข้าวเปล่าเพียงทัพพีเดียวกับท่าน ก็ส่งผลให้ร่ำรวยมหาศาล ไม่รู้กี่ร้อยชาติ แล้วยุติธรรมหรอ จริงหรือ เป็นไปได้อย่างไร ตักบาตรเพียงทัพพีเดียว แล้วส่งผลให้ร่ำรวยมโหฬาร เกิดชาติไหนก้เป็นคนรวย มันเป็นไปได้อย่างไร
นิดจากนี้ ในชีวิตจริง เราก็พบเรื่องราวต่างๆประเภทที่ว่า คนบางคนตั้งใจทำความดีมาตลอดชีวิต แต่ชีวิตมันก็ยังเหลวแหลกเอาดีไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ขึ้น แต่ทำไมบางคน ทั้งชีวิตทำแต่เรืองเลวๆ เรือ่งชั่วๆ แต่ชีวิตมันกลับเจริญขึ้นทุกวัน มันขัดกับความรุ้สึก ไหนบอกว่าทำดีได้ดีทำชัวได้ชั่ว แล้วทำไมจึงเป้นเช่นนั้นเล่า ถามจริงๆเถอะ ที่ว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วนั้นมันดีอย่างไร ที่ให้ทำดีแล้วได้ดี ทำชั่วแล้วได้ชั่ว ธรรมชาติของมันเป้นเช่นไร หรือว่ามีท่านสุวรรณกับสุวาน คอยจดบัญชีทองคำและบัญชีหนังหมา ว่าถ้าเราทำดีอย่างนี้จะได้ดีอย่างนี้ เราทำชั่วอย่างนี้จะได้ชั่วอย่างนี้ ลองนึกดูสิ ที่เขาบอกว่าเจตนาคือกรรม ถ้าเราทำดี ก็คือมีเจตนาดีเป้นหลักใช่มัย ถ้าทำชั่วก็คือมีเจตนาชั่วเป้นหลักใช่ไหม แล้ววันหนึ่งๆ เราคิดดี หรือมีเจตนาดีกี่ครั้ง เราคิดชั่วมีเจตนาชั่วกี่ครั้ง ถามว่าจะต้องท่านสุรรณกับสุวานอีกสักกี่คน ถึงจะนั่งจดบัญชีบุญบัญชีบาปของเราในหนึ่งวันไหว นี่เพียงแค่เราคนเดียวนะ
ต่อตอนหน้า
 

_________________
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 5:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

1. เลิกสนใจกรรมในชาติก่อน

2. กรรมใด ผ่านไปแล้ว เป็นอดีตไปแล้ว
ไม่ใช่เรื่องที่เราจะนั่ง time machine กลับไปแก้ไขได้
แม้ว่านั่งกลับไปได้จริง ก็ไม่แน่ว่าเราจะแก้ไขทุกอย่างให้เป้นอย่างใจ


3. ปัจจุบันนี้ เวลานี้ ณ วินาทีนี้ การกระทำของเรากำหนดอนาคต
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำอะไร

เช่น สงสัยในเรื่องที่หาตำตอบไม่ได้
แต่ก็ยังอยากจะรู้ให้ได้ จึงมีความทุกข์
ความทุกขืนี้คือผลของกรรม

แต่เมื่อระงับการสงสัยนี้เสีย
ความทุกข์ก็หยุดทันที

นี่คือ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวร ก็คือหน้าที่

อะไรไม่ใช่หน้าที่ แต่เราเอามาเป้นหน้าที่ เอามาคิด แล้วเป้นทุกข์
ก็ควรจะระงับหน้าที่นี้เสีย ระงับเวรนี้เสีย เวรก็จะหยุด

ส่วนเรื่องเวรกรรมแบบในหนัง มันพิสูจน์ไม่ได้
คนที่พิสูจน์ให้เราได้ เขาก็ไม่ทำให้หรอก
มันไม่ใช่หน้าที่
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
kokorado
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 104
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 6:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อีกประการหนึ่ง เปรียบเหมือนกับการเรียนหนังสือ การที่เราสามารถอ่านหนังสือ ต่างๆได้ ครูจะสอนให้เรารุ้จักหลักภาษาไทย คือรุ้จักพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ ตัวสะกด อีกทั้งการเขียน การผสม และการอ่านออกเป้นเสียงต่างๆ จึงทำให้เราสามารถอ่านตัวหนังสือเป็นคำต่างๆได้ แม้จะไมเคยเห็นคำเหล่านั้นมาก่อนก็ตาม
ท่านเห็นคำนี้ไหม อ่านว่าอย่างไร (สวัสดี) อ่านว่าสะ - หวัด - ดี ใช่ไหม?ท่านอ่านออกเสียงได่เพราะอะไร? เพราะเคยเรียน ก.ไก่ ข.ไข่ มาก่อน เรียนสระพยัญชนะต่างๆมาก่อน จึงสามารถอ่านออกเสียงว่า "สะ-หวัด-ดี" แต่ถ้าสมมติว่าท่านต้องเรียนหนังสือโดยไม่เรียน ก.ไก่ ข.ไข่ ไม่เรียนพยํญชนะ แต่ใช้วิธีจำตัวหนังสือเอา อันนี้(อาทิตย์)อ่านว่า อา-ทิด นะ จำไว้ คำนี้(สวัสดี)อ่านว่า สะ-หวัด-ดี ใช้วิธีจำเอา ถามว่านานแค่ไหนจึงจะสามารถอ่านหนังสือภาษาไทยออก นานเท่าใดถึงจะอ่านคล่อง โดยเฉพาะถ้าต้องเรียนโดยวิธีจำภาพเอา ไม่ได้เรียน ก.ไก่ ข.ไข่ แม้ตลอดชีวิตก็ยังไม่แน่ใจเลยว่า จะอ่านหนังสืออกหรือไม่?
การศึกษาในเรื่องกฎแห่งกรรมที่แล้วมาก็เช่นกัน เราหาความรุ้เกี่ยวกับกฎแห่งกรรม โดยใช้วิธีกรณีตัวอย่าง คือดูว่า คนๆนี้ ทำความชั่วอย่างนี้จ จึงได้ผลอย่างนี้ คนๆนั้น ทำความเลวอย่างนั้นเวลาที่จะตายมันมีอาการทุรนทุรายอย่างนี้อย่างนั้น คนๆนี้ มันเชือดไก่ ทุกเช้า เวลาที่จะตายก็มีอาการเหมือนไก่ที่กำลังถูกเชือด ด้วยการตามดุและรู้เห็นอยู่เช่นนั้น เราถึงจะเริ่มกลัว เราถึงจะหวาดระเเวงว่ากรรม และผลของกรรมนั้นมีจริง แต่ขอถามว่า ทำไมมันถึงได้เกดปรากฏการณ์เช่นนั้น?
ในช่วงชีวิตของเรา เราไม่สามารถที่จะติดตามดูกรรม และผลของกรรมที่เกิดขึ้นในทุกกรณี เช่นเขาทำเหตุคือกรรมอะไร แล้วสุดท้ายเขาได้รับผล คือวิบากของกรรมนั้น มากน้อย หรือหนักเบาอย่างไน
ฉะนั้น สิ่งที่เราจะศึกษากันในวันนี้ก็คือเรื่อง "อะไรคือ ก.ไก่ ข.ไข่ ของกฎแห่งกรรม" โดยจะเริ่มจากพื้นฐาน คือ พยัญชนะ สระ ตัวสะกด วรรณยุกต์ แล้วจึงไปถึงหลักเกณฑ์ของการผสมสระและพยัญชนะ เรียกว่า จนกว่าเราจะสามารถอ่านออก คือสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของกฎแห่งกรรมได้
ต่อตอนหน้า
 

_________________
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
kokorado
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 104
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 10:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทีนีก็มาถึงเรื่องสำคัญที่เราจะมาพูดกันในวันนี้ เรื่องของ"กรรม" กรรมคือการกระทำ กระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อเรานำเอาประสบการณ์ตรง ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของเรา มาศึกษาวิเคราะห์ดู เราจะพบว่า การกระทำของเราส่วนใหญ่ เริ้มต้นมาจากการคิดก่อน เพราะมีการคิด จึงส่งผล ให้เกิดการกระทำขึ้นนี่เป็นมาตรฐานอันดับแรก
1.คิด แล้วจึงทำ
ปกติการที่เราจะมาพูดคุยกัน ก็มีความตั้งใจเกิดขึ้นแล้วว่า อ้อ วันนี้ ที่เราจะมาพูดกันในเรื่องของของ กรรม คือการกระทำ... หรือเรื่องอะไรต่างๆนี่ก็คือ มีการคิด แล้วจึงมรการกระทำ คือเราตั้งใจ จะมาฟังธรรม ก็พากีนมาฟังธรรมที่วัด ที่ธรรมสถาน อย่างนี้เป้นต้น เราจะคุยกับเพื่อน เราก็ต่อโทรศัพท์ไปหาเพื่อนแล้วก็คุย นั่นคือ มีความคิด ความตั้งใจ หรือเจตนาเกิดขึ้นมาในใจของเราแล้ว เราจึงได้มีการกระทำทางกาย ทางวาจา ต่างๆ เช่นหมุน หรือกดหมายเลขโทรศัพท์ ไปคุยกับเพื่อน นี่คือการกระทำโดยทั่วไป ซึ่ง มีการตั้งเจตนาเกิดขึ้นมาจสกใจ
2. ไม่คิด แล้วทำ
อีกกรณีหนึ่งก็คือ ไม่คิด แต่ก็มีการกระทำเกิดขึ้น เป็นอย่างไร? ก็คือการกระทำที่ไม่ประกอบด้วยเจตนา ยกตัวอย่างเช่น เราไปเที่ยวกัน หลังจากรับประทานข้าวกลางวัน เราก็รับประทานกล้วย แล้วโยนเปลือกกล้วยทิ้งเอาไว้แถวนั้น จากนั้นเราก็ไม่ได้กลับไปสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนั้นอีกเลย
เราลืมไปแล้วว่า เราได้เคยไปทานข้าวกลางวัน ณ สภานที่แห่งนั้น และได้โยนเปลือกกล้วยทิ้งเอาไว้ ซึ่งก็เปลือกกล้วยอันนั้นนั่นแหละ มีคุณยายแก่ๆ เดินมา เผลอเหยียบเปลือกกล้วยนั้น จนลื่นหกล้ม หัวฟาดพื้นตาย .... ตลอดชีวิตของเรา เราไม่เคยรู้ด้วยซ้ำไปว่า มีคนตายเพราะเปลือกกล้วยที่เราได้โยนทิ้งไว้ แต่คุณยายก็ต้องมาตาย ด้วยผลจากการที่เราโยนเปลือกกล้วยทิ้งไว้ ถามว่า เรามีเจตนาอยากจะให้ใครตายไหม? ในขณะ ที่เราโยนเปลือกกล้วยอันนั้นทิ้ง แน่นอนเรานย่อมไม่มีเจตนา แต่ผลที่เกิดขึ้นก็คือ มีคนตายเพราะการกระทำของเรา เนื่องจากเปลือกกล้วยอันที่เราโยนทิ้งไว้ นี่ก็เรียกว่า แม้ไม่มีเจตนา ไม่ได้มีการรับรุ้เสียด้วยซ้ำไป จิตไม่ได้สั่นสะเทือนเพราะการรับรู้อันนี้เลย แต่ก็ส่งผล คือการตายของคนอื่น
นึกถึงว่า ถ้าเราขับรถชนคนตายโดยไม่เจตนา อยู่ๆ เขาก้วิ่งตัดหน้ารถ โดยที่เราห้ามล้อไม่ทัน โครม...ตาย เราไม่ได้คิดอยากจะให้เขาตาย เราไม่อยากจะฆ่าเขา เราไม่อยากเห็นอะไรที่เลวร้ายเช่นนั้น แต่มันก็เกิดขึ้น คือ คนๆหนึ่งต้องมาตายไป ถามว่า... ราจะต้องเดือดร้อนไหมกับการตายของคนๆนั้น แน่นอน ... เมื่อมีเหตุก็ย่อมมีผลตามมา คือเราจะต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาล เสียค่าปรับสินไหม ค่าทำศพอะไรต่างๆมากมาย และเผลอจะต้องติดคุกติดตารางด้วย นั่นแหละ ถามว่า...มีเจตนาไหม่ล่ะ แม้ไม่มีเจตนา แต่ก็มีการกระทำเกิดขึ้น นี่ก็เป็นอีกลักษณะหนึ่งของกรรม ในความหมายของการกระทำที่เกิดขึ้นในโลกนี้
ต่อตอนหน้า
 

_________________
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 05 ส.ค. 2008, 8:44 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยิ้มเห็นฟัน เรื่องของกรรม เป็นเรื่องไม่ควรคิด อาจเสียสติได้

ไม่มีใครอธิบายเรื่องกรรม รู้เรื่องกรรมดีเท่าพระพุทธเจ้า

ชีวิตเรามาผ่านมา ตายเกิดแล้วกระดูกกองใหญ่กว่าภูเขา
การกระทำกรรมแต่ละชาติ ละเอียดอ่อนลึกซึ้ง....

แล้วจะมาสรุปผลกรรมในชาติเดียวด้วยปัญญามนุษย์ธรรมดา...มันได้หรือ

อายหน้าแดง
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 05 ส.ค. 2008, 8:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ท่านkokoradoครับ

ตลอดมา มีปัญหาบางประการ ที่เรายังหาคำคอบที่ลงใจ หรือยอมรับไม่ได้ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่อง ของ กฎแห่งกรรม ที่มีปรากฏในชีวิตประจำวันของพวกเรา เเม้ว่าในทางพระพุทธศาสนาจะมีคำตอบสำหรับเรื่งเหล่านี้อยู่แล้ว แต่บางกรณี เมื่อเกิดความสงสัยขึ้น หันไปถามใครก็ไม่ได้รับคำตอบที่ลงใจได้สักที ยกตัวอย่างเช่น สมัยที่เราเป็นนักเรียน เราได้เรียนเรื่องของ องคุลีมาล องคุลีมาลเป็นใคร เป็นลูกของพราหมณ์ที่รับใช้พระราชา องคุลีมาลเป็นมหาโจรใจโหดร้ายซึ่งฆ่าคนไปไม่น้อยกว่า 1,000 คน แล้วองคลีมาลฆ่าคนเหล่านั้นไปเพื่ออะไร ก็เพื่อให้ตนนั้นได้มีโอกาสเล่าเรียน วิชาพิเศษสุดยอกบางอย่างจากอาจารย์ ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะอาจารย์ขององคุลีมาล หูเบาหลงเชื่อบรรดาศิษย์คนอื่นๆ ที่มีใจริษยาต่ององคุลีมาล โดยกล่าวหาองคุลีมาล อกตัญญู คิดร้ายต่ออาจารย์ อาจารย์จึงคิดอุบาย กำจัดองคุลีมาล โดยตั้งเงื่อนไขว่า ถ้าองคุลีมาลอยากจะเรียนวิชาพิเศษสูงสุด จะต้องไปฆ่าคน ให้ครบ 1000 คน เพราะคิดว่าองคุลีมาลคงจะทำไม่สำเร็จเป็นแน่ แน่นอน.... การฆ่าคนตั้ง 1,000 คน เป้นเรื่องโหดร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นการฆ่าคนเพื่อประโยชน์ของตนเองโดยเฉพาะ ไม่ใช่เพื่อป้องกันตัว หรือปกป้องประโยชน์ของสังคมบ้านเมือง องคุลีมาลต้องการเรียนให้จบเพื่อนำวิชาความรู้ไปรับใช้บ้านเมือง องคุลีมาลฆ่าคน 1000 คน เพื่องให้ตนเอง ได้เรียนวิชาพิเศษสูงสุด ถามว่ายุติธรรมหรือไม่
แต่ปัญหาค้างใจมันอยู่ตรงที่ เขาบอกว่า .... สุดท้าย องคุลีมาลบวชเป็นพระภิกษุ และบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ และหลังจากบรรลุธรรมเผ้นพระอรหันต์แล้ว กรรมของการฆ๋าคนพันกว่าคน ก็กลายเป็นอโหสิกรรม เป็นอโหสิกรรมได้เพราะนายเวรให้อภัย ยกเลิกกันไป ส่วนที่เหลืออยู่ ก้เป็นเพียงเศษกรรม คือเวลา ที่พระองคุลีมาลจาริกเข้าไปในหมู่บ้าน หรือออกไปบิณฑบาตร มักจะถูกไม้บ้าง ก้อนหินบ้าง ที่ชาวบ้านขว้างปานกหนูอะไรต่าง ๆ ลอยไปกระทบศีรษะจนหัวเเตกเลือกอาบอยู่บ่อยๆแต่ปัญหาก็คือ แล้วท่านล่ะ คิดว่ามันยุติธรรมหรือไม่ ทีเหยื่อขององคุลีมาลต้องมาตายฟรี เขาก็เกิดมาใช้กรรม การตายของพวกเขาเป็นกรรมมาแต่อดีตชาติเพราะถึงแม้องคุลีมาลจะได้เข่นฆ่าล้างผลาญชีวิตคนไปกว่าพันคน แต่พอได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ กรรมทั้งหลายก็กลายเป็นอโหสิกรรม เหลือเศษกรรมเพียงแค่หัวแตกเท่านั้นเอง
ถ้าเช่นนั้นท่านลองพิจารณากรณีนี้เป้นตัวอย่าง ใครจำกรณ๊ ฆาตกรรมที่จังหวัดสงขลาได้บ้าง ที่นาย ศัดิ์ ปากรอ จับเอาพ่อ-แม่-ลูก
ครอบครัวบุญทวี แขวนคอที่ราวบันได ห้อยโตงเตง 5 ศพ ถามว่า ถ้าวันนี้ นายศักดื ปากรอ เดินออกมาจากคกที่คุมขัง แล้วบอกว่า "บัดนี้ข้าพเจ้าได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่สมควรต้องติดคุกหรือถูกประหารเพื่อใช้หนี้กรรมเหล่านั้น" แต่การกระทำที่ทำนั้นผิดกฏหมายครับ เขาจึงต้องรับโทษตามกฏหมาย แต่หนี้กรรมนั้นหากเขาบรรลุอรหันต์จริงแล้ว จิตของผู้ถูกฆ่าย่อมให้อภัยได้ ถามใจของพวกเราดูว่า เราจะยอมไหม? ที่จะปล่อยให้นายศักดิ์ ปากรอ ลอยนวลไปโดยไม่ต้องชดใช้ผลกรรม เราจะยอมไหม? ไม่ยอม... ใครจะไปยอม ในเมื่อควรามรุ้สึกของพวกเรามันค้านอยู่ว่า มันไปนไปไม่ได้ เรายอมไม่ได้ ต่อให้เอ็งบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วก็ตาม แต่นั่นเป็นความสุขเฉพาะตัวของเอ็ง แต่ไม่ได้เกี่ยวกับข้าสักหน่อย ยิ่งถ้าเหยื่อหรือผู้เเคราห์ร้าย ที่ถูกนาย ศักด์ ปากรอ ฆ๋านั้น เป็น พ่อ - แม่ - พี่ - น้อง ของเราล่ะ เราจะยอมเหรอ เราคงไม่ยอมแน่ๆ แล้วคุณว่าจิตของผู้ถูกฆ่าจะยอมไหมล่ะ? คุณเองก็ไม่รู้ได้หรอกครับ แต่ที่คุณรู้คือถ้าเป็นคุณคงไม่ยอม อันนี้คุณก็ตัดสินจากความคิดของคุณ

ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจ และน่าสงสัยด้วย เช่นที่เขาบอกว่า ถ้าเราโชคดีได้ทำบุญ กับนาบุญดีๆ ดังเช่น อริยบุคคลผู้ที่ปรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว แม้ตักบาตรถวายข้าวเปล่าเพียงทัพพีเดียวกับท่าน ก็ส่งผลให้ร่ำรวยมหาศาล ไม่รู้กี่ร้อยชาติ แล้วยุติธรรมหรอ จริงหรือ เป็นไปได้อย่างไร ตักบาตรเพียงทัพพีเดียว แล้วส่งผลให้ร่ำรวยมโหฬาร เกิดชาติไหนก้เป็นคนรวย มันเป็นไปได้อย่างไร แล้วคุณคิดว่าการทำบุญกับพระอรหันต์เป็นเรื่องง่ายหรือครับ? การที่ปุถุชนจะบรรลุอรหันต์ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ตรงนี้อธิบายได้ด้วยหลักเศรษฐศาสตร์ครับ ผู้ปราถนาจะทำบุญกับพระอรหันต์นั้นมีมาก แต่ผู้ที่เป็นพระอรหันต์นั้นมีน้อยมาก ฉะนั้นก็สมควรแล้วที่การทำบุญกับพระอรหันต์นั้นจะได้อนิสงฆ์มากนิดจากนี้ ในชีวิตจริง เราก็พบเรื่องราวต่างๆประเภทที่ว่า คนบางคนตั้งใจทำความดีมาตลอดชีวิต แต่ชีวิตมันก็ยังเหลวแหลกเอาดีไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ขึ้น เพราะอกุศลกรรมมาตัดผลครับ แต่ทำไมบางคน ทั้งชีวิตทำแต่เรืองเลวๆ เรือ่งชั่วๆ แต่ชีวิตมันกลับเจริญขึ้นทุกวัน เพราะอกุศลกรรมที่ทำในชาตินี้ยังส่งผลมาไม่ถึง มันขัดกับความรุ้สึก ไหนบอกว่าทำดีได้ดีทำชัวได้ชั่ว แล้วทำไมจึงเป้นเช่นนั้นเล่า ถามจริงๆเถอะ ที่ว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วนั้นมันดีอย่างไร ที่ให้ทำดีแล้วได้ดี ทำชั่วแล้วได้ชั่ว ธรรมชาติของมันเป้นเช่นไร ได้ที่ตัวเองครับ คุณไปหาดูไม่ได้จากคนอื่นหรอก หรือว่ามีท่านสุวรรณกับสุวาน คอยจดบัญชีทองคำและบัญชีหนังหมา ว่าถ้าเราทำดีอย่างนี้จะได้ดีอย่างนี้ เราทำชั่วอย่างนี้จะได้ชั่วอย่างนี้ ลองนึกดูสิ ที่เขาบอกว่าเจตนาคือกรรม ถ้าเราทำดี ก็คือมีเจตนาดีเป้นหลักใช่มัย ถ้าทำชั่วก็คือมีเจตนาชั่วเป้นหลักใช่ไหม แล้ววันหนึ่งๆ เราคิดดี หรือมีเจตนาดีกี่ครั้ง เราคิดชั่วมีเจตนาชั่วกี่ครั้ง ถามว่าจะต้องท่านสุรรณกับสุวานอีกสักกี่คน ถึงจะนั่งจดบัญชีบุญบัญชีบาปของเราในหนึ่งวันไหว นี่เพียงแค่เราคนเดียวนะ คุณจะไปสงสัยทำไมในเมื่อมันเป็นเรื่องของท่าน สุวรรณ สุวาน
การศึกษาในเรื่องกฎแห่งกรรมที่แล้วมาก็เช่นกัน เราหาความรุ้เกี่ยวกับกฎแห่งกรรม โดยใช้วิธีกรณีตัวอย่าง คือดูว่า คนๆนี้ ทำความชั่วอย่างนี้จ จึงได้ผลอย่างนี้ คนๆนั้น ทำความเลวอย่างนั้นเวลาที่จะตายมันมีอาการทุรนทุรายอย่างนี้อย่างนั้น คนๆนี้ มันเชือดไก่ ทุกเช้า เวลาที่จะตายก็มีอาการเหมือนไก่ที่กำลังถูกเชือด ด้วยการตามดุและรู้เห็นอยู่เช่นนั้น เราถึงจะเริ่มกลัว เราถึงจะหวาดระเเวงว่ากรรม และผลของกรรมนั้นมีจริง แต่ขอถามว่า ทำไมมันถึงได้เกดปรากฏการณ์เช่นนั้น? จิตของคนที่ใกล้จะตายนั้นติดอยู่กับบาปกรรมที่ทำ
ฉะนั้น สิ่งที่เราจะศึกษากันในวันนี้ก็คือเรื่อง "อะไรคือ ก.ไก่ ข.ไข่ ของกฎแห่งกรรม" โดยจะเริ่มจากพื้นฐาน คือ พยัญชนะ สระ ตัวสะกด วรรณยุกต์ แล้วจึงไปถึงหลักเกณฑ์ของการผสมสระและพยัญชนะ เรียกว่า จนกว่าเราจะสามารถอ่านออก คือสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของกฎแห่งกรรมได้ พื้นฐานอันแรกคือศรัทธาครับ หากคุณไม่มีความเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม ก็ยากที่จะเข้าใจครับ และที่สำคัญคือคุณต้องละมานะทิฏฐิออกไปครับ แล้วศึกษาค้นคว้าเฉพาะที่ตัวคุณครับ
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 14 ส.ค. 2008, 2:13 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ฌาณ พิมพ์ว่า:
ยิ้มเห็นฟัน เรื่องของกรรม เป็นเรื่องไม่ควรคิด อาจเสียสติได้

ไม่มีใครอธิบายเรื่องกรรม รู้เรื่องกรรมดีเท่าพระพุทธเจ้า

ชีวิตเรามาผ่านมา ตายเกิดแล้วกระดูกกองใหญ่กว่าภูเขา
การกระทำกรรมแต่ละชาติ ละเอียดอ่อนลึกซึ้ง....

แล้วจะมาสรุปผลกรรมในชาติเดียวด้วยปัญญามนุษย์ธรรมดา...มันได้หรือ

อายหน้าแดง



แหม อยากทราบอายุขวัญตา เอ้ย อายุน้องฌาณ จัง เท่าไหร่แล้ว ลึกซึ้งมาก ขอคารวะ 1 จอก อมิตพุทธ (น้ำชา) แถมอีก 2 จอก เจริญในธรรมจ้า สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง