ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
nyeb
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 15 ม.ค. 2008
ตอบ: 3
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
18 มี.ค.2008, 11:46 pm |
  |
ปกติ ต้องเกิด อายตนะภายนอก เข้าสู่ทวารหก มีวิญญานมารับ เกิดผัสสะ และ ถึงจะมีเวทนา (ความรู้สึก) ( อายตนภายนอก>>ทวารหก>>ผัสสะ>>เวทนา )
แต่ในเดอะท็อปซีเคร็ต บอกความลับว่า ถ้าเราสามารถกำหนด ความรู้สึก(เวทนา) ได้ในระดับเดียวกับที่เกิดขึ้นจริงหลังจากได้รับผ่านอายตนะ เราจะสามารถกำหนดเหตุการณ์ในอนาคตได้
เช่น เรามีความรู้สึก สุขเวทนาอย่างมาก ในการไปร่วมงานแต่งงานเพื่อนสนิท ถ้า สุขเวทนาที่เกิดขึ้น อยู่ในระดับเดียวกับเพื่อนที่ได้แต่งงาน (หรือในทางพุทธศาสนาที่เรียกว่า ร่วมอนุโมทนาด้วย) ความรู้สึกนั้น จะเหนี่ยวนำให้เราได้แต่งงานในอนาคต อย่างแน่นอน (เวทนา>>ผัสสะ>>ทวารหก >>อายตนภายนอก)
หนังสือเล่มนี้ยังได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวกับการย้อนกลับของเวทนาไว้มากมาย และบอกไว้ว่า ตัณหา (ความอยาก) คือตัวที่จะดึงให้เวทนาไม่สามารถย้อนกลับไปทำให้อายตนภายนอกเกิดขึ้นจริงได้ ( ตัณหา >>เวทนา >>ผัสสะ >> ทวารหก >>อายตนภายนอก)
ถ้าสิ่งที่ เดอะท็อปซีเคร็ต บอกไว้เป็นจริง แสดงว่า ในภพภูมิเทวดา ที่บอกว่า แค่คิดก็บันดาลให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นได้ เกิดจากการย้อนกลับของความรู้สึก (เวทนา) นี่เอง
และถ้ามนุษย์ สามารถเอาความลับนี้มาใช้ จะกลายเป็นเหนือมนุษย์ (ในหนังสือ เดอะท็อปซีเคร็ต ยกตัวอย่าง ไทเกอร์วู๊ดส์ ที่เขาบอกเคล็ดลับว่า เขาสร้างภาพแห่งความรู้สึกว่าลูกลงหลุมไปก่อนแล้วทุกครั้ง ก่อนที่จะตีลูกออกไป แล้วลูกจะวิ่งไปตามแรงดึงดูดของความรู้สึก)
เป็นหนังสือที่แปลกดีนะ เราลองเอาเทคนิคสร้างภาพแห่งความรู้สึกมาใช้ ปรากฏว่าทำได้จริงๆ เพียงแต่ต้องกำหนดสติ สร้างความรู้สึกให้ชัดจริงๆ |
|
_________________ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน |
|
  |
 |
RARM
บัวบาน

เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417
|
ตอบเมื่อ:
20 มี.ค.2008, 7:39 pm |
  |
ระวังโดนสังขารจิตหลอกเอา ยิ่งกว่าผีหลอกอีกนะครับท่าน |
|
|
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
31 ก.ค.2008, 2:28 pm |
  |
เพื่อนเคยเอามายัดเยียดให้อ่านอยู่คับ
ทั้งเล่ม มี pattern เดียว
คือให้คิดเอาไว ย้ำๆ บ่อยๆ ว่าอยากได้อะไร แล้วมันจะได้อย่างนั้น
แล้วก็เอาคนเป็นร้อยๆ มาเล่าประสบการณ์เพื่อยืนยันสิ่งเหล่านั้น
เปิดอ่านได้ 3 หน้า คืนเพื่อนเลย
ในใจก็สังเวชขาวฝรั่งที่เป็นหนังสือขายดีแห่งยุค
แล้วก็ดีใจที่เกิดมาเจอพระพุทธเจ้าเสียก่อนที่จะไปเจอหนังสือนี้
ไม่งั้นจะกลายเป้น พู-ยิง-คิด-บวกก ไปเลี้ยวหน่าค๊า
(ได้อย่างเดียว เล่มนี้ คือสอนให้คนคิดบวก) |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
lessnez
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 30 ก.ค. 2008
ตอบ: 3
|
ตอบเมื่อ:
31 ก.ค.2008, 4:10 pm |
  |
อย่าพึ่งรีบตัดสิน อันนี้เขาพูดถึง The Top Secret ไม่ใช่ The Secret
ย้อนกลับมันก็ในวงจร ปฏิจฯ ที่สร้างเวรสร้างกรรมยังไงละ
สมุมติเราเจอหน้าแฟนเก่า หรือ คนที่เราโมโห ความรู้สึกขึ้นเลย |
|
|
|
  |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
31 ก.ค.2008, 4:13 pm |
  |
ผมว่ามันคงไม่ได้ไหลย้อนกลับอะครับ
แต่มาสร้างภาพใหม่ ปรุงแต่งใหม่ด้วยตัวเองมากกว่า |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
โปเต้
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
31 ก.ค.2008, 5:28 pm |
  |
เคยคิดโง่ๆๆ เมื่อตอนศึกษาพุทธศาสนาใหม่ๆ
คือ คิดว่าถ้าเราตกนรก แล้วเราทำฌานให้เกิดขึ้นได้ เราก้จะไม่ทุกข์
หนังสือ The secret (ไม่ทราบว่าเป็นเล่มเดียวกันหรือเปล่า) ถ้าอ่านเพียงผิวเผินแบบ จะเอาอย่างเดียว ก็เหมือนมี pattern เดียว
แต่ถ้าอ่านแล้วพบความลับของมัน จะเข้าใจว่าเป็นระนาบเดียวกับคำสอนในศาสนาพุทธระดับหนึ่ง
ศาสนาพุทธไปไกลกว่า คือถึงขั้นดับทุกข์
แต่หนังสือเล่มนี้ เอาแค่การดำรงชีวิตในแบบฆราวาส
นานาจิตตังค่ะ สองคนยลตามช่อง แล้วแต่จะมอง แล้วแต่จะเห็น  |
|
_________________ สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา |
|
  |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
31 ก.ค.2008, 8:21 pm |
  |
ผมเคยอ่านเรื่องมหัศจรรย์ทางจิตที่เขียนโดยท่านหลวงวิจิตรวาทการเมื่อหลายสิบปีก่อน
นักศึกษาสาวชาวฝร่งเศสที่ทำวิทยานิพนธิ์ดุษฎีบัณฑิตได้เข้ามาทำการทดลองที่ประเทศอินเดียโดยใช้วิธีการดังกล่าว
เธอสร้างภาพผีขึ้นมาแล้วให้เดินตามเธอในจิตนาการ
จนในที่สุดเมื่อเธอเดินเข้าไปในหมู่บ้านก็มีชาวบ้านเห็นผีตนนั้น
ผีตนที่เธอสร้างขึ้นมา
เป็นเรื่องของจิตวิทยามากกว่าครับ
กล่าวอย่างไม่ต้องเข้าข้างศาสนาที่ตนนับถือ
ศาสนาพุทธละเอียดลึกซึ้งแยบคายกว่ามากครับ
และมากกว่าตัวอักษรในพระไตรปิฎก
มีอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา
ฟังดูเหมือนง่ายๆ พื้นๆ ใครๆก็รู้
แต่จริงๆแล้วมีผู้รู้ ผู้เข้าถึงน้อยมาก
เหมือนเหวที่ไม่มีก้น |
|
|
|
   |
 |
kokorado
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 104
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
31 ก.ค.2008, 10:11 pm |
  |
หนังสือเดอะซีเคร็ท เป็นหนังสือขายดีมาก แปลเป็นหลายภาษา เกิดขึ้นเพราะผู้เขียนได้ไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ที่ลูกสาวนำมาให้ขณะที่ชีวิต อยู่ในวังวนของความทุกข์ พอเธออ่านเล่มนั้นแล้วเธอ็พ้นจากความทุกขืที่ครอบงำจิตใจมานานหลายปี รู้ว่าชีวิตถูกปลดปล่อยจากพันธนาการ ตอนแรกที่รู้ว่าเป็นหนังสือขายดีระดับโลกลองเอามาอ่านดู ก้ไม่ตัดสินใจซื้อ เพราะรุ้สึกว่ายังไม่ดีพอที่จะเก้บสะสมเป็นคัมภีร์ของชีวิต แนวคิดของหนังสือเล่มนี้ เรียกว่ากฎแห่งการดึงดูด ส่วนหนังสือ ทอบซีเคร็ท เป็นหนังสือที่เลียนชื่อ ของเดอะซีเคร็ทอ่านแล้วก็ไม่ซื้อเหมือนกัน คนที่ชอบ ทอปซีเคร็ทแล้วซื้อมาอ่านน่าจะเป็นพวกที่อารมณ์ของตนเองก่อปัญหาให้กับชีวิตของตนเอง ส่วนผมจิตใจปกติ ไม่อยู่ในภาวะของอารมณืเป็นพิษ จึงอ่านแล้วไม่ได้อะไรเท่าไหร่ ง่ายๆ คือไม่เก็ท ไม่เข้าใจนั่นเอง แต่สำหรับคนที่มีปัญหาด้านอารมณ์จะรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้มีประโยชน์มาก คนเขียนทอปซีเคร็ท ชื่อ ทันตแพทย์ สม สุจีรา เคยเห็นหน้าตาบุคลิกทางเนต รู้สึกว่าเป็นคนที่ได้รับผลจาก การปฏิบัติธรรมจริงๆ คื่อหน้าตาผ่องใส บุคลิกดี ถือว่าเป็นบุคคล ที่เข้าใจศาสนาพุทธดีคนหนึ่งของประเทศ เป็นผู้เขียนหนังสือขายดีอีกหลายเล่ม สรุปก็คือ เดอะซีคร็ทพูดถึงการใช่ประโยชน์จากความคิด ส่วนทอปซีเคร็ท พูดถึงการบริหารอารมณ์ให้เกิดประโยชน์ |
|
_________________ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม |
|
  |
 |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
31 ก.ค.2008, 11:35 pm |
  |
ความศรัทธาเชื่อมั่นอย่างจริงใจสามารถนำไปสู่ความสำเร็จได้ทุกชนิด แต่ถ้าเราไม่กำกับตัวเองเอาไว้
ว่าอย่าผิดศีลธรรม เช่น เราอยากรวย เราก็ตั้งจิตมั่น นึกถึงความร่ำรวย เชื่ออย่างจริงใจว่าเราจะรวย
เราก็จะรวย จะมีช่องทางให้เรารวยเอง เช่น ช่องให้เราไปโกงเงินเขาจนรวย หรือไปหลอกเอาเงินเขา
จนรวย นี่คือจุดอ่อนของหนังสือเล่มนี้ เราจำเป็นต้องสั่งจิตด้วยว่า ฉันต้องการความรำรวย
ที่มาจากการประกอบอาชีพสุจริตเท่านั้น พลังจากจิตเราก็จะทำให้เรารวยจากอาชีพสุจริต |
|
|
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
01 ส.ค. 2008, 2:31 am |
  |
ตกลง มีหนังสือสองเล่มนะคับนี่ ฟังๆแล้ว
หนังสือที่ผมอ่าน คือฝรั่งแต่ง ไทยมาแปล
แต่ไม่เคยอ่านที่คนไทยเขียนคับ
ไม่รู้ว่าเจ้าของกระทู้หมายถึงเล่มไหน |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
01 ส.ค. 2008, 8:24 am |
  |
เจ้าของกระทู้คงหมายถึง The Top Secret ของ ทพ.สม คนไทยเขียนอะครับพี่ๆ
มาขยายความอีกทีว่า ความคิดมีแรงดึงดูดอย่างไร
แล้วเราจะใช้ความคิดอย่างไรให้เกิดผล ทางพุทธศาสนาครับ
สรุปคือความคิดหลายๆๆครั้ง....กลายเป็นความรู้สึก
ความรู้สึกๆหลายๆครั้ง...จะกลายเป็นมโนภาพ
เมื่อภาพนั้นชัดเจนมาก....ก็จะได้สมหวังครับ
แต่มีข้อแม้ว่าความคิดนั้นไม่ควรมีความอยากหรือตัณหาปน
เพราะแรงดึงดูดจะลดลง...เช่นคิดอยากรวยเป็นต้นไม่ควรคิด
แต่ควรคิดให้ตนเองแข็งแรง ขยันทำงานหรือกระบวนการทำงานประสบผลดี....แล้วรวยจะตามมาเองครับพี่ๆๆๆ  |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
01 ส.ค. 2008, 10:01 am |
  |
ฌาณ พิมพ์ว่า: |
เจ้าของกระทู้คงหมายถึง The Top Secret ของ ทพ.สม คนไทยเขียนอะครับพี่ๆ
มาขยายความอีกทีว่า ความคิดมีแรงดึงดูดอย่างไร
แล้วเราจะใช้ความคิดอย่างไรให้เกิดผล ทางพุทธศาสนาครับ
สรุปคือความคิดหลายๆๆครั้ง....กลายเป็นความรู้สึก
ความรู้สึกๆหลายๆครั้ง...จะกลายเป็นมโนภาพ
เมื่อภาพนั้นชัดเจนมาก....ก็จะได้สมหวังครับ
แต่มีข้อแม้ว่าความคิดนั้นไม่ควรมีความอยากหรือตัณหาปน
เพราะแรงดึงดูดจะลดลง...เช่นคิดอยากรวยเป็นต้นไม่ควรคิด
แต่ควรคิดให้ตนเองแข็งแรง ขยันทำงานหรือกระบวนการทำงานประสบผลดี....แล้วรวยจะตามมาเองครับพี่ๆๆๆ  |
ก็ว่าอยู่นะคับ
งั้นเอาเท่าที่อ่านจากกระทู้
มันก้เป็น top secret จริงๆ
คือเป็นความหลงชนิดใหม่ ขั้น top
ยังไม่เคยมีใครอุตริคิดมาก่อน เลยเป็น secret
จริงๆเลยน๊า ทางสายเอกไม่สน
ชอบหลงเข้ารก เข้าพง |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
โปเต้
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
01 ส.ค. 2008, 11:18 am |
  |
หนังสือที่หยิบ(ของน้อง)มาอ่านคือ หนังสือ the secret ของฝรั่ง ซึ่งแปลไทยค่ะ
ตอนหยิบอ่านครั้งแรกก็แอนตี้เหมือนกันค่ะ แต่ก็คิดว่าอ่านฆ่าเวลา
สิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ ก็คือเรื่องการทำตัวเองให้เต็ม
เมื่อก่อนจะมีปัญหาตลอด เมื่อต้องแผ่เมตตาให้ตัวเอง หรือการขออะไรให้ตัวเอง
เที่ยวได้เป็นทุกข์ เป็นร้อน ช่วยใครต่อใครถมตัวเองตลอดเวลา
(ที่จริงตัวเองนั่นแหละ ที่ถมไม่เต็ม)
ทั้งที่ศาสนาพุทธก็สอนเรื่องกฏแห่งกรรม การวางอุเบกขา กรรมใดใครก่อ
แต่ก็เหมือนไม่เข้าใจ
อาจเป็นเพราะว่าช่วงหลังมานี้ หลังจากศึกษา ทำความเข้าใจกับหลักธรรมคำสอนในพุทธศาสนามาระยะหนึ่ง
ก็เลยทำให้ได้เริ่มพอจะเข้าใจอะไรๆขึ้นมาบ้าง
พอหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านก็เลยเหมือนอะไรมันหลุดออกไป
เกิดความเข้าใจขึ้นมา
(แต่ทำมั้ยยยยย... ต้องให้ฝรั่งมาบอก )
มีความรู้สึกว่า กุญแจของเรื่องนี้ คือความสันโดษ และพอเพียงค่ะ
ไปคนละทางเลยใช่มั้ยคะ กับอารัมภบทที่ให้คิดเอาทุกอย่างที่อยากได้
แต่ถ้าอ่านและทำความเข้าใจไปแล้ว ก็คล้ายกับ... เหมือนกับ... หลักแห่งสุญญตา หรือ หยินหยาง หรือความสัมบูรณ์ ที่คล้ายกับทฤษฎีสัมพันธภาพ อย่างเช่นถ้ายังวิ่งอยู่ก็ไม่ถึงซักที แต่ถ้าหยุดวิ่งก็จะถึง
หรือเหมือนนิทาน เศรษฐีกับคนว่างงาน ที่เศรษฐีพูดกับคนว่างงานว่าทำไมจึงไม่ทำงาน จะได้มีเงินมากๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำอะไร
ซึ่งคนว่างงานก็บอกว่านี่ไง ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว ..
อธิบายไม่ถูกหรอกค่ะ พูดไปก็คล้ายกับจะบ๊องๆๆ..  |
|
_________________ สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา |
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
01 ส.ค. 2008, 12:39 pm |
  |
โปเต้ พิมพ์ว่า: |
หนังสือที่หยิบ(ของน้อง)มาอ่านคือ หนังสือ the secret ของฝรั่ง ซึ่งแปลไทยค่ะ
ตอนหยิบอ่านครั้งแรกก็แอนตี้เหมือนกันค่ะ แต่ก็คิดว่าอ่านฆ่าเวลา
สิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ ก็คือเรื่องการทำตัวเองให้เต็ม
เมื่อก่อนจะมีปัญหาตลอด เมื่อต้องแผ่เมตตาให้ตัวเอง หรือการขออะไรให้ตัวเอง
เที่ยวได้เป็นทุกข์ เป็นร้อน ช่วยใครต่อใครถมตัวเองตลอดเวลา
(ที่จริงตัวเองนั่นแหละ ที่ถมไม่เต็ม)
ทั้งที่ศาสนาพุทธก็สอนเรื่องกฏแห่งกรรม การวางอุเบกขา กรรมใดใครก่อ
แต่ก็เหมือนไม่เข้าใจ
อาจเป็นเพราะว่าช่วงหลังมานี้ หลังจากศึกษา ทำความเข้าใจกับหลักธรรมคำสอนในพุทธศาสนามาระยะหนึ่ง
ก็เลยทำให้ได้เริ่มพอจะเข้าใจอะไรๆขึ้นมาบ้าง
พอหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านก็เลยเหมือนอะไรมันหลุดออกไป
เกิดความเข้าใจขึ้นมา
(แต่ทำมั้ยยยยย... ต้องให้ฝรั่งมาบอก )
มีความรู้สึกว่า กุญแจของเรื่องนี้ คือความสันโดษ และพอเพียงค่ะ
ไปคนละทางเลยใช่มั้ยคะ กับอารัมภบทที่ให้คิดเอาทุกอย่างที่อยากได้
แต่ถ้าอ่านและทำความเข้าใจไปแล้ว ก็คล้ายกับ... เหมือนกับ... หลักแห่งสุญญตา หรือ หยินหยาง หรือความสัมบูรณ์ ที่คล้ายกับทฤษฎีสัมพันธภาพ อย่างเช่นถ้ายังวิ่งอยู่ก็ไม่ถึงซักที แต่ถ้าหยุดวิ่งก็จะถึง
หรือเหมือนนิทาน เศรษฐีกับคนว่างงาน ที่เศรษฐีพูดกับคนว่างงานว่าทำไมจึงไม่ทำงาน จะได้มีเงินมากๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำอะไร
ซึ่งคนว่างงานก็บอกว่านี่ไง ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว ..
อธิบายไม่ถูกหรอกค่ะ พูดไปก็คล้ายกับจะบ๊องๆๆ..  |
คุณโปเต้หมายถึง การ cheer up / คิดบวก / ให้กำลังใจตัวเองใช่ไหมคับ
ผมก็เห็นเหมือนกัน แต่ผมมีพร้อมอยู่แล้ว
จุดเด่นหนังสือข้อนี้ เลยไม่ได้มีผลอะไรกับผม
(เพราะบังเอิญเจอพระพุทธเจ้าเสียก่อน ของจริงกว่า ก่อน)
แต่บัดนี้ก้ยังรู้สึกอยู่ว่า ตันหาหนังสือเล่มนี้แรงมาก
แม้จะมองว่าเป้นตันหาแบบกุศโลบาย
แต่สุดท้าย ก็ตันหาอยาก ทั้งนั้น
เลยสรุปว่ามันเป้นหนังสือที่สอนให้หลงตันหา และขาดปัญญาเอาการ |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
kokorado
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 104
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
01 ส.ค. 2008, 6:02 pm |
  |
คนในโลกส่วนใหญ่ต้องการ ความสุข ความร่ำรวย คนรัก ความสำเร็จ การที่มีหนังสือมาบอก สิ่งเหล่านี้เป็นการสนองความต้องการที่อยู่ภายในจิตใจของพวกเขา ตัณหาก็มีประโยชน์ เพราะมีตัณหาโลกถึงเจริญมาถึงทุกวันนี้ ผมเชื่อว่าหนังสือเล่มนี้ต้องมีอะไรดี คนถึงได้ซื้อมาอ่านกันขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคนไทยแปลไม่เก่งรึเปล่า อ่านแล้วไม่ประทับใจเลย เปรียบได้กับหนังสือของท่านพุทธทาสมั้ง บางคนได้มาก บางคนเหมือนไม่ได้อะไรเลย |
|
_________________ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม |
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
01 ส.ค. 2008, 9:38 pm |
  |
kokorado พิมพ์ว่า: |
คนในโลกส่วนใหญ่ต้องการ ความสุข ความร่ำรวย คนรัก ความสำเร็จ การที่มีหนังสือมาบอก สิ่งเหล่านี้เป็นการสนองความต้องการที่อยู่ภายในจิตใจของพวกเขา ตัณหาก็มีประโยชน์ เพราะมีตัณหาโลกถึงเจริญมาถึงทุกวันนี้ ผมเชื่อว่าหนังสือเล่มนี้ต้องมีอะไรดี คนถึงได้ซื้อมาอ่านกันขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคนไทยแปลไม่เก่งรึเปล่า อ่านแล้วไม่ประทับใจเลย เปรียบได้กับหนังสือของท่านพุทธทาสมั้ง บางคนได้มาก บางคนเหมือนไม่ได้อะไรเลย |
ถูกครับ จุดยืนในการหาความรู้ต่างกัน
โลกียวิสัย - เขาเพียงมองหาหนทางทุเลา ให้ประคองไปได้
โลกุตรวิสัย - เขามองหาทางกำจัดสิ้นที่ต้นเหตุ
อย่างของผม อ่านแล้วมองว่ามันแค่เป็นการทุเลาเบาบาง ซึ่งไม่ใช่ตำตอบในขอบเขตที่สนใจอยู่
ตันหา คือเชื้อกิเลส
ตันหาเล็กใหญ่ก็ตาม มีกุศลก็ตาม อกุศลก้ตาม ต้องกำจัดให้หมดสิ้น
แม้แต่ความพอใจในความสงบนี่ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นตันหา แต่ก็เป็นจริงๆ
เพราะหลงคิดว่าความสงบนี้ดี น่าอยู่ น่าแช่อยู่
ทำให้หลงแช่อยู่นาน กว่าจะมีสติกลับมา
หรือการชอบทำบุญ นี่ก็เป็นตันหาได้ แม้จะเป็นกุศล แต่ไม่ใช่ทางสายเอก ไม่ถึงความหลุดพ้น |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
โปเต้
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
01 ส.ค. 2008, 11:50 pm |
  |
มันอยู่ในระดับแค่ทาน ศีล แต่ไม่มีภาวนาค่ะ
โลกปุถุชนยังไงก็ยังมีตัณหาอยู่นั่นแหละ
แล้วก็อย่างที่ว่า มันก็อาจจะเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาทางอารมณ์
 |
|
_________________ สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา |
|
  |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
02 ส.ค. 2008, 10:10 am |
  |
ตามหนังสือ
ประเด็นแรก คิดอะไรขึ้นมาก็เป็นไปตามนั้น ข้อนี้จะเหมาว่าทุกคนทำแบบนี้ก็ไม่ได้ เพราะว่า อธิษฐานบารมีต่างกัน จะไปนึกคิดก้ไม่ได้หมายความว่ามันจะมา กรรมต่างกัน หลวงตามหาบัวบอกว่า ทำบุญนี้ เปรียบเหมือนมีของในบ้านเราสร้างไว้แล้วจะเดินจะจับอะไรก็ได้ดังใจ
ข้อนี้ จึงต้องหมั่น ทำบุญ ทำทาน ด้วย วัตถุทาน อภัยทาน และ ธรรมทาน ให้บ่อยๆ ให้เป็นกิจวัตร ก่อน
ประเด็นต่อมา เรื่องของเวทนา เวทนา นี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป การเหนี่ยวนำ นั้นอาจจะเกิดผล ตามมา คือ เมื่อเหนี่ยวนำไม่ได้ผล ก็ย่อมทำให้เกิด ภวหรือวิภวตัณหา อันเป็นการติดภพ ติดชาติ ตามมาอย่างยุ่งเหยิง
ประเด็น ในการทำให้ สุข คือ ต้องตั้งมั่น เท่านั้นเอง ไม่ไหลไปตามเหตุการณ์ ภายนอก คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ก็เท่านั้น
จะไปคิดอะไรให้มันมากมาย สร้างหลักเกณฑ์ผิดๆ |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
ศุภมณฑา
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 07 ม.ค. 2008
ตอบ: 43
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง
|
ตอบเมื่อ:
03 ส.ค. 2008, 8:54 pm |
  |
ได้อ่านแล้วเหมือนกัน ก็ชอบมากนะค่ะ ดีตรงที่ถ้าเราจับสติทัน รู้ทันว่าตอนนี้รู้สึกไม่ดี ให้เอาความคิดดีๆ อัดทับลงไป แล้วชีวิตเปลียนทันดี เหตุการณ์จริงรู้สึกโกรธมากเลยตอนนี้ สติจับไม่ทันความรู้สึก ด่าตอบอย่างแรง สิ่งไม่ดีเกิดแน่นอน พอรู้สึกทันอัดความคิดดีไม่โกรธๆ ที่เค้าว่าเราเค้าเข้าใจผิด พูดดีตอบคิดดีตอบ แล้วสิ่งดีๆ เกิดขึ้นแน่นอนค่ะ ถึงบางครั้งไม่ดีมาก ก็ตัดตอน ตัดกรรม อันนี้อ่านแล้วเข้าใจนำไปปฎิบัติในชีวิตประจำวันใช้ได้ค่ะ
(ดิฉันเป็นปถุชนธรรมดาไม่ได้ศึกษาธรรมชั้นสูงนะค่ะไม่รู้ว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า) และดิฉันก็ชอบนายแพทย์สม นะค่ะ ฟังท่านให้สัมภาษณ์ทาง T.V. ตอนที่ท่านเริ่มปฏิบัติธรรม เพราะท่านมีความทุกข์ที่อยากเรียนต่อแต่ทางบ้านคือคุณพ่อคุณแม่ไม่ให้เรียน แล้วจะตัดพ่อตัดลูกกันเลย ดิฉันเข้าใจค่ะเคยทุกข์ในลักษณะคล้ายกัน แบบนี้กับคุณแม่ คือเราไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ทำไม่เป็นแบบนี้ และทุกข์มากเพราะไม่กล้าอกตัญญู ทั้งกาย วาจา ใจกลัวบาปมากๆ
และในหนังสือของนายแพทย์สม อีกหลายเล่มที่อธิบายพุทธศาสนาเปรียบเทียบกับวิทยาศาสตร์ ไว้ดีมาก อ่านแล้วก็เข้าใจค่ะ |
|
_________________ ขยัน อดทน ทำดี คิดดี พูดดี จะประสบความสำเร็จที่ดี |
|
   |
 |
บัวหิมะ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
|
ตอบเมื่อ:
10 ส.ค. 2008, 8:16 pm |
  |
ศุภมณฑา พิมพ์ว่า: |
และในหนังสือของนายแพทย์สม อีกหลายเล่มที่อธิบายพุทธศาสนาเปรียบเทียบกับวิทยาศาสตร์ ไว้ดีมาก อ่านแล้วก็เข้าใจค่ะ |
คุณ ศุภมณฑา คงหมายถึงหนังสือชื่อ " ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น " ซึ่งเขียนโดย ฑันตแพทย์สม สุจีรา ดิฉันก็ได้อ่านแล้ว ชอบมากค่ะ ผู้เขียนช่างนำมาจับคู่เปรียบเทียบกันได้ ดีจริงๆ อ่านสนุกและเข้าใจง่าย อ่านจบแล้วต้องไปหาเรื่องอื่นที่ท่านเขียนมาอ่านต่ออีก เป็นหนังสือที่ขายดีติดอันดับด้วย เพื่อนๆ ท่านใด ยังไม่เคยอ่านลองหาอ่านดูนะคะ
แค่ความเห็นหนึ่ง  |
|
_________________ ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ |
|
  |
 |
|