Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
การทำงานของขันธ์ 5
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่หน้า
ก่อนหน้า
1
,
2
ผู้ตั้ง
ข้อความ
walaiporn
บัวบาน
เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ
ตอบเมื่อ: 29 ก.ค.2008, 6:10 pm
คุณพลศักดิ์คะ
ที่คุณกล่าวมา พระพุทธเจ้าพูดความจริง คุณว่าแรงไหมล่ะ ท่านล้มความคิดความเชื่อของศาสนาพราหมณ์เลยนะครับ
แม้แต่คำสอนของอาจารย์ทั้ง 2 ของท่าน ท่านยังบอกว่าผิด ไม่ใช่โมกขธรรม ถ้าคนใจคับแคบ ไม่ต้องการ
การเปลี่ยนแปลงไปสู่ความรู้จริง มองโลกในแง่ร้าย ย่อมบอกว่าพระพุทธเจ้าเป็นศิษย์เนรคุณครู
-- เรื่องที่กล่าวว่า พระพุทธเจ้าพูดความจริง คุณว่าแรงไหม คือ ดิฉันไม่ทราบหรอกค่ะว่าพระพุทธองค์ทรงตรัสด้วยสำเนียงอย่างไรบ้างหรือได้ทรงตรัสว่าอย่างไรบ้าง แต่เท่าที่อ่านๆมาในอนุพุทธประวัติ พระองค์ไม่ได้ทรงใช้ถ้อยคำรุนแรงในการบอกกล่าวเลย มีแต่ทรงแสดงเหตุและผลให้ฟัง ทรงมีแต่พระเมตตาอันประมาณไม่ได้ค่ะ ฉะนั้นดิฉันจึงตอบคุณไม่ได้ค่ะว่าแรงไหมกับคำกล่าวของพระพุทธองค์ แต่ถ้าตามในหนังสือ " ไม่แรง " ค่ะ
--- เรื่องการเปลี่ยนแปลงที่คุณกล่าวมา ดิฉันมองว่าเป็นเรื่องของการยึดมั่นถือมั่นไปให้ค่าความหมายในสิ่งที่รู้ แล้วสิ่งๆนั้นมีชื่อสมมติบัญญัติ เรียกว่าอย่างโน้นอย่างนี้มากกว่าค่ะ ก็เลยเกิดการยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่รู้ ดังข้อความที่ดิฉันได้เคยนำมาให้อ่าน ไม่ได้เจาะจงหมายถึงว่าใคร เพียงแต่กล่าวโดยรวมๆ
อธิโมกข ได้แก่ ศรัทธา คือเกิดศรัทธาขึ้นมามากมาย เป็นศรัทธาที่มีกำลังมาก เพราะจิตและเจตสิกผ่องใสเป็นอย่างยิ่งด้วยอำนาจศรัทธากล้า พาให้นึกคิดไปใหญ่โต เช่น คิดถึงคนทั้งหลายอยากให้เขาได้เข้ากัมมัฏฐานอย่างตนบ้าง เป็นต้นคนที่รักใคร่ชอบ บิดา มารดา อุปัชฌาอาจารย์ อันศรัทธาชนิดนี้มีความรุนแรงมาก ขนาดที่ว่าแม้ท่านผู้มีพระคุณเหล่านั้นได้ตายไปแล้ว ตนก็แทบจะไปขนกระดูกท่านเหล่านั้นมาปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานเหมือนตนบ้างทีเดียว เมื่อนึกใกล้เข้ามาถึงอาจารย์ผู้ให้กัมมัฏฐานแก่ตนในปัจจุบัน ก็เกิดว่าตนได้พบเห็นธรรมะได้รับความสุขอยู่ในขณะนี้ ก็เพราะได้อาจารย์ช่วยแนะนำสั่งสอนตามแนวทางพระพุทธศาสนา ซึ่งแต่ก่อนนี้เคยเชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง แต่บัดนี้เชื่อจริงๆ ถ้าทำกุศลใดๆในภายหน้า ก็จะทำเฉพาะกุศลที่เกี่ยวกับวิปัสสนานี้ เพราะได้เห็นคุณค่าของการปฏิบัติ ถ้าโยคีผู้นั้นเป็นบรรพชิตก็เกิดคิดวางแผนการณ์สร้างมโนภาพว่า เมื่อตนสำเร็จออกจากกัมมัฏฐานไป จะต้องไปหาที่ที่เหมาะตั้งสำนักวิปัสสนากัมมัฏฐานขึ้น แล้วตั้งตัวเองเป็นอาจารย์สั่งสอนให้คนทั้งหลายได้รู้จักพระศาสนาที่ถูกต้อง ว่าประโยชน์ที่แท้จริงคือการวิปัสสนานี้เอง คนทั้งหลายยังดง่มากที่ไม่รู้จักปฏิบัติอย่างที่ตนกำลังทำอยู่นี้ เป็นที่น่าสงสาร ฉะนั้น จะต้องช่วยเขาไม่ให้หลงผิด จะได้พ้นทุกข์ เมื่อคิดเพลิดเพลินไปด้วยศรัทธาอันแรงกล้า โยนั้นก็เลยลืมมูลกัมมัฏฐานคือการรตั้งสติกำหนด ทำให้กัมมัฏฐานรั่ว คือบกพร่อง อันที่จริงความศรัทธาที่เกิดขึ้นนี้เป็นของดี เพราะเป็นศรัทธาที่เกิดขึ้นในขณะที่จิตบริสุทธิ์ผุดผ่อง ซึ่งคนธรรมดาจะเกิดศรัทธาขนาดนี้ไม่ได้ แต่ที่จะเป็นวิปัสสนูปกิเลสก็เพราะว่า เมื่อจิตเพลิดเพลินไปด้วยศรัทธา ก็ทำให้ละเลยมูลกัมมัฏฐาน คือการตั้งสติกำหนด ทำให้เสียเวลาในการปฏิบัติวิปัสสนา และเมื่อมนสิการไม่ดี มีตัณหา,มานะ,ทิฏฐิเข้ามาประสมด้วย ก็จะทำให้การบำเพ็ญซัดส่ายยิ่งขึ้น ไม่ก้าวหน้าไปเท่าที่ควร
--- ดิฉันมองว่า คนทุกคนเหมือนๆกัน ไม่มีความแตกต่างกัน เพราะกุศลสร้างสั่งสมมาไม่เท่ากันจึงทำให้รู้นั้นแตกต่างกันไป การที่เราไปบอกว่าไอ้โน่นถูก ไอ้นี่ผิด ทั้งหลายทั้งปวงมันก็แค่ความคิดของคนๆนั้น มันเป็นเพียงแค่ความคิดที่คนๆนั้นไปให้ค่าให้ความหมายว่าไอ้นั่นถูก ไอ้นี่ผิด จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรที่ถูกหรือผิด เพียงแต่อันนั้นมันก็รู้ของเรา อันนี้มันก็รู้ของเรา ถ้าต่างคนต่างรู้แล้ววางในสิ่งที่รู้มันก็ไม่ต้องมีการมาว่ากันว่าไอ้นั่นถูกไอ้นี่ผิด
_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
ตอบเมื่อ: 29 ก.ค.2008, 11:56 pm
คุณwalaipornครับ
ผมพูดคำหวานไม่เป็นครับ ผมพูดแต่ความจริง ยอมหักไม่ยอมงอ บารมีผมไม่ถึงพระพุทธเจ้าครับ
ผมโดนไล่ออกจากเว็บต่างๆเป็นสิบครั้ง ก็เพราะเรื่องนี้แหละครับ
dd
บัวเริ่มพ้นน้ำ
เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2008
ตอบ: 179
ที่อยู่ (จังหวัด): overseas
ตอบเมื่อ: 30 ก.ค.2008, 2:19 pm
อ้างอิงจาก:
ชาวโลกที่ใช้สมองคิด ย่อมไม่มีทางเข้าใจเรื่องนี้
..`จารย์... ตอนนี้ใครๆยังใช้สมองคิดอยู่ เลยไม่เข้าใจง่ะ?!?
แล้ว จารย์ใช้อะไรคิดเหยอ?
ถ้าใช้"ฝ่าเท้าตรองล่ะ" พอจะเข้าได้ปะ?
_________________
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
ตอบเมื่อ: 30 ก.ค.2008, 5:24 pm
dd พิมพ์ว่า:
อ้างอิงจาก:
ชาวโลกที่ใช้สมองคิด ย่อมไม่มีทางเข้าใจเรื่องนี้
..`จารย์... ตอนนี้ใครๆยังใช้สมองคิดอยู่ เลยไม่เข้าใจง่ะ?!?
แล้ว จารย์ใช้อะไรคิดเหยอ?
ถ้าใช้"ฝ่าเท้าตรองล่ะ" พอจะเข้าได้ปะ?
ตอบไปแล้วครับ สมองเป็นแค่เคื่องประกอบในการหาความจริง จำเป็นต้องใช้ปัญญา
ปัญญาจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจิตหยุดคิด หมายถึงจุดเพ่งไปที่จุดเดียว การจะเพ่งไปที่จุดเดียวได้นาน
ต้องตัดความติดฟุ้งซ่านทุกชนิดออกจากจิต ความติดฟุ้งซ่านเกิดจากราคะ โทสะ โมหะ
ถ้าใช้"ฝ่าเท้าตรอง" คิดได้ ได้ปัญญาจาก"ฝ่าเท้าตรองล่ะ" นั่นเป็นพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์เลยครับ
กำลัง ย่ำ"ฝ่าเท้าซ้าย" ก็รู้ว่า กำลัง ย่ำ"ฝ่าเท้าซ้าย"
กำลัง ย่ำ"ฝ่าเท้าขวา" ก็รู้ว่า กำลัง ย่ำ"ฝ่าเท้าขวา"
ลองหัดทำซิครับ แล้วคุณจะรู้ว่า "ฝ่าเท้าตรอง" เป็นอย่างไร
สำเร็จก็เป็นพระอรหันต์ เป็นอนาคามี เป็นโสดาบัน ปิดอบายภูมิทั้งปวง
natdanai
บัวบาน
เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok
ตอบเมื่อ: 30 ก.ค.2008, 7:29 pm
ถ้าใช้"ฝ่าเท้าตรอง" คิดได้ ได้ปัญญาจาก"ฝ่าเท้าตรองล่ะ" นั่นเป็นพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์เลยครับ
กำลัง ย่ำ"ฝ่าเท้าซ้าย" ก็รู้ว่า กำลัง ย่ำ"ฝ่าเท้าซ้าย"
กำลัง ย่ำ"ฝ่าเท้าขวา" ก็รู้ว่า กำลัง ย่ำ"ฝ่าเท้าขวา"
ลองหัดทำซิครับ แล้วคุณจะรู้ว่า "ฝ่าเท้าตรอง" เป็นอย่างไร
สำเร็จก็เป็นพระอรหันต์ เป็นอนาคามี เป็นโสดาบัน ปิดอบายภูมิทั้งปวง[/quote]
สาธุๆ สอนได้เจ๋งจริงๆครับท่านพลศักดิ์
_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
บัวหิมะ
บัวเงิน
เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
ตอบเมื่อ: 14 ส.ค. 2008, 8:24 am
ไม่มีอะไรจะกล่าว ปิดวาจา สาธุ
_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่หน้า
ก่อนหน้า
1
,
2
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th