ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
สิริกร พรมทอง
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2008
ตอบ: 7
|
ตอบเมื่อ:
19 ก.ค.2008, 6:00 pm |
  |
คือจะถามผู้รู้ต่อนะคะ ว่าที่จะเล่าให้ฟังเขาเรียกว่าอะไรค่ะ คือว่าเคยนั่งครั้งแรกไม่รู้เรื่องสมาธิเลย แต่มีคนบอกว่าให้ลองนั่งสมาธิดูนะ วันนั้นนั่งตอนกลางคืนดึก ๆ ตอนนั้นในใจคิดว่าเขานั่งกันต้องทำไงก่อน ก็ไม่รู้ยังไง คิดตอนนั้นว่าลองท่องพุทโธดู ขณะที่นั่งท่องไม่รู้จะทำอะไรได้ยินแต่เสียงลมหายใจก็เลยตามไปดู ปรากฏว่าลมหายใจรู้สึกดังมากและแรงก็เลยตามไปสุดในร่างกาย ออกมาสุดปลายจมูกมันค่อยๆ เงียบละเอียด และต่อมาความรู้สึกเหมือนในร่างกายค่อยๆ รวมกันเป็นกลุ่มหลุดออกมาจากจุดระหว่างคิ้ว (เร็วมาก) (ขอบอกว่าตั้งแต่ลมหายใจละเอียด พุทโธหายไปเอง และจะไม่ได้ยินเสียงข้างนอกเลย เช่น เสียง tv.ที่เปิดไว้, เสียงรถวิ่ง)พอหลุดออกมาจากหว่างคิ้ว ความรู้สึกเหมือนเราตกหรือหลุดจากอะไรไม่รู้ ตอนนั้นรู้สึกว่า เราคือจุดสีเหลืองสว่างๆ เด้ง ๆ ไม่นิ่ง อยู่ในความมืด เหมือนเรามองท้องฟ้าตอนกลางคืน ที่มีดาวเยอะๆ (จุดที่เราเป็นเหมือนจุดดาวนั่นแหละแต่มันเด้ง ๆ ไม่นิ่ง) ตอนนั้นทั้งตื่นเต้น กลัว ตกใจ มาก เลยคิดจะวิ่ง แต่แค่คิดจะวิ่งไปขวา ดวงจุดเหลืองนี้มันไปขวาเลย ขอบอกเร็วมากๆ เลย เหมือนแค่คิดมันไปแล้ว ก็เลยยิ่งกลัว เลยคิดว่าหยุด ๆ มันหยุดทันทีนะ ก็เลยตั้งสติแล้วคิดว่านี่เราตายแล้วหรอ ไม่เห็นมีร่างกายเลย เป็นจุดเหลืองอะไรไม่รู้ เด้งๆ อยู่ และที่ไหนก็ไม่รู้มืดมาก และคิดว่าถ้าเราตายแล้ว แสดงว่าหัวใจเราหยุดเต้นแล้ว ปรากฏว่าแค่คิดเท่านั้นแหละ เห็นในร่างกายหัวใจเต้นตุบๆ อยู่ และเห็นเส้นเลือดเป็นเส้นๆ นะ แต่มันเป็นระเบียบเลยนะ มีน้ำหล่อเลี้ยงตลอด เหมือนกับตาเราเนี่ยมองใกล้ๆ ชัดมากๆ ขอบอกว่าชัดกว่าเวลาเรามองตอนไม่นั้งสมาธิอีก พอเห็นหัวใจเส้นเลือดต่างๆ แล้วนี่ไม่รู้ออกมาจากตรงนั้นตอนไหน ลืมตาขึ้นมาเห็นร่างกาย ดีใจ ลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างเร็วเลย รู้สึกเหนื่อยมาก เหมือนเราไปวิ่งมาเหนื่อย ๆ นี่คือครั้งที่ 1 ที่เคยนั่งสมาธิโดยนั่งไม่เป็น คือตอนนั้งมันนึกทำมันเอง (ขณะที่เราอยู่ในนั้นเหมือนกับเราเป็น จุดเหลือง เด้งๆ บรรยากาศเหมือนบนท้องฟ้าเวลากลางคืน มันกว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุด แต่แค่คิดมันไปถึงแล้วเร็วมาก ไม่ว่า ขวา ซ้าย หรือหยุด แปลกมาก) มันคืออะไรคะ และขออนุโมทนากับทุกท่านที่ต้องการหลุดพ้นนะคะ ไม่รู้ว่าทำไมตั้งแต่ทำสมาธิมาเรื่อยๆ ในใจคิดแต่ว่า เบื่อมากๆ ที่ต้องมาเกิด มาแก่ และเจ็บ และก็ตาย ทุกๆ ชาติ คิดว่าทำไงที่ไม่ต้องมาเป็นแบบนี้อีก และทุกวันนี้เวลาทำสมาธิ แค่คิดทำสมาธิ จะตัวหาย เหลือแต่จุดแสงเหลืองตรงหว่างคิ้ว และขอขอบคุณท่านผู้รู้ทั้งหลายที่ได้ชี้แนะให้ทำไงต่อนะคะ เพราะเคยตั้งกระทู้ถามไว้ครั้งหนึ่งแล้ว |
|
|
|
   |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
19 ก.ค.2008, 9:39 pm |
  |
เป็นอาการของจิต ที่พอรวมตัวแล้ว แต่มีกรรมมีอวิชชา มันก็จะแสดงอาการประหลาด ให้เราได้เห็น ได้สัมผัสอะไรที่แปลกประหลาด
ไม่ต้องสนใจ ให้รู้ว่า เป็นธรรมดา ที่เวลาจิตเราเริ่มรวมตัว มันจะแสดงอาการประหลาดในช่วงแรกๆ
ให้กำหนดคำบริกรรมให้คงที่ไว้ นั้นแหละจะเป็นพื้นฐานให้จิต อะไรผ่านมาไม่สนใจ เอาแต่คำบริกรรม เมื่อนิ่งแล้ว ให้กำหนดนิ่งอยู่อย่างนั้นให้นานๆ
ทำให้บ่อยๆ แล้วค่อยๆ ฝึก ให้ชำนาญ ในการกำหนดให้จิต เข้าออก ความนิ่ง นั้น เรียกว่า วสี แล้วติดปัญหาอะไรค่อยตั้งคำถามมาแล้ว ผมจะตอบให้เอง ทุกคำถาม |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
โปเต้
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
20 ก.ค.2008, 9:34 am |
  |
จิตที่เด้งไปมา ก็เพราะว่ามันยังไม่นิ่ง
ที่ไม่นิ่งก็เพราะมันไม่รู้ พอไม่รู้ก็ตกใจกลัวทำให้ซัดส่ายเด้งไปมา
ความเบื่อที่เกิดขึ้นก็เป็นโทสะอย่างหนึ่ง เมื่อเป็นโทสะก็คือความทุกข์
ทุกข์เพราะไม่สามารถทิ้งทุกอย่างได้
ซึ่งผิดกับความเบื่อหน่ายของพระอริยะ ที่ท่านเบื่อหน่าย เพราะท่านรู้แจ้ง แทงตลอดทั้งสายแล้ว
จิตที่ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองคือก้อนทุกข์ ก็ได้แต่ดิ้นรนไป
ทิ้งกายมาแล้ว แต่กลับกลัวตาย ก็ต้องวิ่งกลับไปที่ร่างกายใหม่
อย่างที่บอกค่ะ กลับมาที่สติปัฏฐาน 4
ทำความรู้จักกายนี้ จิตนี้ ขันธ์ 5 อายตนะ 6 รู้ให้ชัดว่ามันทำให้เกิดทุกข์ได้ยังไง และทำยังไงทุกข์อันเนื่องด้วยสิ่งเหล่านี้จึงจะไม่เกิดขึ้นกับใจนี้ได้
ทำสัมมาสติ สัมมาสมาธิให้เกิดขึ้นให้ได้ จิตก็จะมีความรู้ผุดขึ้นเองโดยไม่ต้องถามใครค่ะ |
|
_________________ สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา |
|
  |
 |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
21 ก.ค.2008, 3:58 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
ทุกวันนี้เวลาทำสมาธิ แค่คิดทำสมาธิ จะตัวหาย เหลือแต่จุดแสงเหลืองตรงหว่างคิ้ว
และขอขอบคุณท่านผู้รู้ทั้งหลายที่ได้ชี้แนะให้ทำไงต่อนะคะ เพราะเคยตั้งกระทู้ถามไว้ครั้งหนึ่งแล้ว
สิริกร: 19 ก.ค.2008, 6:00 pm |
กระทู้นี้และกระทู้ก่อน ยังไม่เห็นคุณสิริกรโพสต์ตอบกลับเลย
ถามแล้วก็หายไป
เป็นไงครับพ้นจากจุดที่ติดนั้นหรือยัง |
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
  |
 |
สิริกร พรมทอง
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2008
ตอบ: 7
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.ค.2008, 5:46 pm |
  |
หลังจากที่ทุกท่านได้แนะนำมานั้น ได้นำมาลองทำดูค่ะ แปลกค่ะแต่ก่อนพอตัวหายเหลือแต่ดวงจิดจะกลัวไม่กล้าทำอะไรต่อ เลยต้องออกจากสมาธิอย่างเดียว แต่ตอนนี้ไม่กลัวแลัวค่ะ ตอนนี้ถ้าตัวหายแล้วจะตามดูจิตอย่างเดียว จะรู้สึกว่ามันนิ่งลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ลึกเข้าไปเรื่อยๆ ค่ะ บางครั้งนั่งแล้วนิ่งลึกมากๆ มันจะเหมือนกลุ่มเมฆรวมตัวกันเป็นวงกลมและเหมือนกับกำลังไปตามทางที่เป็นท่อแบบยาวไปเรื่อยๆ ลึกๆ แต่กลัวค่ะก็เลยไม่กล้าไปต่อเพราะไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดที่ไหน และจะทำตามที่หลายท่านแนะนำมาคือปฏิบัติแนวทางสติปัฏฐาน 4 นะคะ ขอตอบและขอขอบคุณทุกคนนะคะ |
|
|
|
   |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
25 ก.ค.2008, 6:31 pm |
  |
อย่าตาม ไป ให้มาที่ฐานกายให้มั่น
การดูจิต ให้ดูที่เกิดขึ้นกับกาย ที่อยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ ตามไปนิ่งลึก
อยู่ตรงกายนี้ ใจดิ่งลึกไป แต่สติกับกายนี้ไม่มี นั่นมันยังไม่ใช่ มหาสตินะ
สมาธิ ก็ให้อยู่จุดเดียว |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
โปเต้
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
26 ก.ค.2008, 7:40 am |
  |
ลองตามดูอิริยาบท อยู่กับอิริยาบทนะคะ อย่าเพิ่งนั่งสมาธิ
เพราะจิตมันจะวิ่งไปตามวสี คือความเคยชินเดิมๆ ที่เคยทำมาก่อน
เหมือนคนความจำเสื่อม แต่ยังจำวิธีขับรถได้
พอขึ้นรถก็รู้ว่าต้องวางมือวางเท้ายังไง เดินหน้า ถอยหลังอย่างไร
แต่ลืมไปแล้วว่ารถคืออะไร ทำไมเราถึงทำให้มันเดินหน้า ถอยหลัง เลี้ยวซ้ายขวาได้ วิ่งเร็ว วิ่งช้าได้ มันจะวิ่งไปไหน เพื่ออะไร ???????
ทำเหมือนคนที่มีสมาธิจดจ่อกับหนังสือที่อ่าน
แต่ในขณะที่อ่านก็สามารถรับรู้โลกภายนอกไปด้วยได้
ทั้งรู้เรื่องราวที่อยู่ในหนังสือ ทั้งรู้ความเคลื่อนไหวรอบข้าง
(บางคนจดจ่อกับเรื่องราวในหนังสือจนแม้ใครมายืนพูดข้าง หรือทำอะไรใกล้ตัวก็ไม่รับรู้)
การตามดูอิริยาบทก็เหมือนกัน
รู้อิริยาบทด้วย รู้จิตไปด้วย พร้อมๆกัน
ตามความจริงและตามหลักแห่งอภิธรรมจะไม่พร้อมกันค่ะ จะรู้ทีละอย่าง แต่ความที่มันเร็วมาก เลยคล้ายกับว่าจะพร้อมกัน
เหมือนกับว่า ในขณะที่เราเห็นร่างกายเคลื่อนไหวไปมา
หยิบโน่นจับนี่ ลุกขึ้น นั่งลง เดินไปโน่น มานี่ หรือหันหน้าหันหลัง
ระหว่างนั้นก็ อาจชำเลืองดูจิตแว่บๆ ให้เห็นว่าจิตมันรู้สึกอย่างไร มีอารมณ์อะไรเกิดขึ้น
เห็นแล้วก็ทิ้ง กลับมาที่งานประจำ คือดูให้เห็นถึงร่างกายที่มันเคลื่อนไหวไปมา
หรือจะให้เห็นเป็นว่า มือไม้ แขนขานี้ มีแต่เหงื่อไคล ขี้ดิน ขี้ฝุ่น ข้างในก็เป็นน้ำเลือด น้ำเหลืองอะไรทำนองนี้
ดูไปก็เห็นจิตที่มันดูอยู่ด้วย ว่ามันแสดงอาการอะไรตอบสนองความรู้นั้น
เมื่อเห็นแล้วก็ทิ้ง ไม่ต้องใส่ใจ กลับมาดูที่ร่างกายต่อ
หรือถ้ามันจะเห็นต่อเนื่อง ก็ช่างมัน ให้เห็น และพิจารณากลับไป กลับมาเรื่อยๆ ระหว่างกายและจิต
ระหว่างนี้ก็อย่าลืม กุศลกรรมบท 10 บุญกิริยาวัตถุ 10 ศีล 5 มงคล 38 ด้วยนะคะ |
|
_________________ สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา |
|
  |
 |
สิริกร พรมทอง
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 14 ก.ค. 2008
ตอบ: 7
|
ตอบเมื่อ:
26 ก.ค.2008, 10:12 pm |
  |
ตอนนี้ได้ตามดูการกระทำของร่างกายแทบจะตลอดเวลาค่ะ ถนนอยู่ ตลอดเวลาที่ขับรถไปก็จะพยายามทำสติกำหนดตามตลอดเวลา เช่นมือขวากำลังจะจับพวงมาลัยก็รู้ตามว่ากำลังจะจับ เท้าขวากำลังจะเหยียบเบรคก็รู้ตามทัน พอหยุดก็รู้ว่ามือขวาจับพวงมาลัยอยู่ เท่้าซ้ายเหยียบเบรคอยู่ ตามองถนนข้างนอก พยายามตามรู้ทันทุกอิริยาบท แปลกนะคะตอนแรกจะเป็นแบบว่าเหมือนเราพยายามที่จะกำหนดให้ทันกับร่างกายที่กำลังจะกระทำอะไร เช่น ไม่ว่าจะเท้ารีบเหยียบเบรคหรือเปลี่ยนมือจับพวงมาลัย ก็จะต้องพยายามตามให้ทัน แต่สักพักขับรถไป รู้สึกพอจะยกแขนขาทำอะไร แทบจะไม่ต้องพยายามตามมัน แต่มันเป็นเองค่ะ มันตามดูทันของมันเอง ไม่ว่าจะเหยียบเบรคเท้าไหน มือไหนจะจับอะไรมันตามดูแบบเร็วทันค่ะ พอมันเป็น AUTO แบบนี้สักพัก รู้สึกว่ามองเห็นรถที่วิ่งที่ถนนมันวิ่งช้าเหมือน SLOW คือค่อยๆ ไปทั้งถนน เลยตกใจค่ะว่าทำไมเขาวิ่งกันช้าอย่างนั้นนะ ท้ั้งๆ ที่รถไม่ติดค่ะ และตอนแรกก็เห็นวิ่งเร็วๆ กันอยู่ พอตกใจเท่านั้นค่ะ สติก็ไม่ได้ตามดูการกระทำของร่างกายแล้ว เลยหลุดจากการเป็น AUTO ตรงนั้น และก็ได้เห็นรถบนถนนกลับมาวิ่งเร็วเหมือนเดิมค่ะ ดิฉันปฏิบัติถูกไหมคะ ?....... |
|
|
|
   |
 |
RARM
บัวบาน

เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417
|
ตอบเมื่อ:
26 ก.ค.2008, 10:17 pm |
  |
ผมเคยเป็นอยู่ครั้งหนึ่งครับ
จิตเค้าจะหน่วง ลงสู่สมาธิ ครับ
 |
|
|
|
  |
 |
โปเต้
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
27 ก.ค.2008, 12:15 am |
  |
พยายามออกจากอาการ Auto นะคะ
ถ้ารู้สึกว่ามันจะ Auto ก็ให้เบนความสนใจไปที่อย่างอื่น
คือพยายามให้รู้สึกตัวขึ้นมา ทิ้งอาการ Auto ให้ได้นะคะ
ดูจิตบ้าง กายบ้าง สลับกัน รู้ให้รอบ แบบรู้ตัวทั่วพร้อม
พยายามอย่าทำในขณะที่ขับรถ จนกว่าสติจะแข็งแรง
เพราะโปเต้เองก็จะถูกจูงให้เข้าสมาธิในขณะที่ขับรถได้ง่ายเหมือนกัน
แต่ความเคยชินจากที่ชอบดูจิต ก็เลยทำให้ไม่ค่อยจม
อาจจมแต่ไม่รู้ตัวค่ะ เพราะเข้าไปเห็นอาการจิตที่ละเอียดๆๆๆๆ เช่นการควานหาอารมณ์เพื่อเสพของจิต
หรือเหยียบไป 160 แล้ว แต่เหมือนรถนิ่งอยู่กับที่ มีแต่วิวรอบด้านที่เคลื่อนผ่านไป
ซึ่งคนในรถก็ยังรู้สึกเหมือนกันว่าเหมือนรถไม่วิ่ง
แต่ที่เป็นนี่รู้ตัว และไม่ตกใจค่ะ แล้วมันก็คลายไปเองตามธรรมชาติ
โปเต้เอง ก็สติไม่ค่อยจะแข็งแรง กำลังเพียรอยู่เช่นเดียวกันค่ะ |
|
_________________ สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา |
|
  |
 |
guest
บัวบาน

เข้าร่วม: 09 ก.ค. 2008
ตอบ: 254
|
ตอบเมื่อ:
27 ก.ค.2008, 12:46 am |
  |
สติคือความระลึกรู้ที่จิต สัมปชัญญะคือความรู้ที่แผ่ซ่านไปทั่วกาย
ดังท่านว่า สติคือเปลวไฟ สัมปชัญญะคือแสงจากเปลวไฟ |
|
|
|
  |
 |
โปเต้
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
27 ก.ค.2008, 8:30 am |
  |
ขอบคุณค่ะ คุณ quest
ความที่สติก็ยังไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย ก็เลยอธิบายตรงนี้ไม่ได้ซักที  |
|
_________________ สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา |
|
  |
 |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
27 ก.ค.2008, 1:37 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
พอมันเป็น AUTO แบบนี้สักพัก รู้สึกว่ามองเห็นรถที่วิ่งที่ถนนมันวิ่งช้าเหมือน SLOW คือค่อยๆ ไปทั้งถนน เลยตกใจค่ะว่าทำไมเขาวิ่งกันช้าอย่างนั้นนะ ทั้งๆ ที่รถไม่ติดค่ะ และตอนแรกก็เห็นวิ่งเร็วๆ กันอยู่ พอตกใจเท่านั้นค่ะ สติก็ไม่ได้ตามดูการกระทำ
ของร่างกายแล้ว เลยหลุดจากการเป็น AUTO ตรงนั้น และก็ได้เห็นรถบนถนนกลับมาวิ่งเร็วเหมือนเดิมค่ะ ดิฉันปฏิบัติถูกไหม
สิริกร: 26 กรกฎาคม 2008, 10:12 pm |
ตั้งแต่คุณสิริกรเริ่มภาวนาตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้ เคยเดินจงกรมบ้างหรือยังครับ |
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
  |
 |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
28 ก.ค.2008, 4:40 pm |
  |
คุณสิริกร พรมทองครับ
ผมคิดว่า สิ่งที่เกิดกับคุณ คือ จิตหรือวิญญาณธาตุของคุณพยายามหลุดออกจากร่างกาย
เท่านั้น เพราะคนที่ถอดจิตออกไปได้ ส่วนใหญ่จะถอดออกจากระหว่างคิ้ว ส่วนเรื่องอื่น เช่นเรื่อง
ความกลัว เป็นอาการปกติของคนไม่เคยครับ
สิ่งที่คุณทำได้ แสดงว่าชาติก่อนคุณเลยถอดจิตได้ เลยมาต่อวิชาในชาตินี้
ที่สำคัญที่สุด เมื่อใดที่คุณนำจิตออกไปเที่ยวได้ อย่าให้มันไปนานนะครับ เวลาในโลกกับปรโลกมันไม่
เท่ากัน เดี๋ยวคุณจะเพลิดเพลินกับโลกวิญญาณ พอกลับมาอีกที ก็ช้าเกินไป ไปแค่ 30 นาที กลายเป็น
3 วัน เลยกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนในปรโลกไป |
|
|
|
  |
 |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
28 ก.ค.2008, 7:04 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
ที่สำคัญที่สุด เมื่อใดที่คุณนำจิตออกไปเที่ยวได้ อย่าให้มันไปนานนะครับ เวลาในโลกกับปรโลกมันไม่ เท่ากัน เดี๋ยวคุณจะเพลิดเพลินกับโลกวิญญาณ พอกลับมาอีกที ก็ช้าเกินไป ไปแค่ 30 นาที กลายเป็น 3 วัน เลยกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนในปรโลกไป
พลศักดิ์: 28 กรกฎาคม 2008, 4:40 pm |
ถามคุณพลศักดิ์ว่า กำลังขับรถอยู่ แล้วจิตหรือวิญญาณธาตุ
(แบบของคุณ) ออกจากร่างไปไหนต่อไหน แบบนี้รถจะวิ่งลงข้าง
ทางไหมครับนี่
หรือว่ากายที่นั่งแข็งทือบังคับพวงมาลัยรถกลับบ้านเองได้ หรือไงครับ
อธิบายประเด็นนี้เพิ่มเติมหน่อยครับ ยังไม่ค่อยเข้าใจ
 |
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
29 ก.ค.2008, 12:08 am |
  |
ก็ให้กำหนดรู้ต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ครูบาอาจารย์ที่มีแนวทางนี้คือหลวงปู่ดุลย์ และหลวงพ่อชา หลวงพ่อเทียน
ลองศึกษาจากท่านดูนะคับ |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
แก้ไขล่าสุดโดย คามินธรรม เมื่อ 04 ส.ค. 2008, 1:41 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
29 ก.ค.2008, 12:21 am |
  |
สิริกร พรมทอง พิมพ์ว่า: |
ตอนนี้ได้ตามดูการกระทำของร่างกายแทบจะตลอดเวลาค่ะ ถนนอยู่ ตลอดเวลาที่ขับรถไปก็จะพยายามทำสติกำหนดตามตลอดเวลา เช่นมือขวากำลังจะจับพวงมาลัยก็รู้ตามว่ากำลังจะจับ เท้าขวากำลังจะเหยียบเบรคก็รู้ตามทัน พอหยุดก็รู้ว่ามือขวาจับพวงมาลัยอยู่ เท่้าซ้ายเหยียบเบรคอยู่ ตามองถนนข้างนอก พยายามตามรู้ทันทุกอิริยาบท แปลกนะคะตอนแรกจะเป็นแบบว่าเหมือนเราพยายามที่จะกำหนดให้ทันกับร่างกายที่กำลังจะกระทำอะไร เช่น ไม่ว่าจะเท้ารีบเหยียบเบรคหรือเปลี่ยนมือจับพวงมาลัย ก็จะต้องพยายามตามให้ทัน แต่สักพักขับรถไป รู้สึกพอจะยกแขนขาทำอะไร แทบจะไม่ต้องพยายามตามมัน แต่มันเป็นเองค่ะ มันตามดูทันของมันเอง ไม่ว่าจะเหยียบเบรคเท้าไหน มือไหนจะจับอะไรมันตามดูแบบเร็วทันค่ะ พอมันเป็น AUTO แบบนี้สักพัก รู้สึกว่ามองเห็นรถที่วิ่งที่ถนนมันวิ่งช้าเหมือน SLOW คือค่อยๆ ไปทั้งถนน เลยตกใจค่ะว่าทำไมเขาวิ่งกันช้าอย่างนั้นนะ ท้ั้งๆ ที่รถไม่ติดค่ะ และตอนแรกก็เห็นวิ่งเร็วๆ กันอยู่ พอตกใจเท่านั้นค่ะ สติก็ไม่ได้ตามดูการกระทำของร่างกายแล้ว เลยหลุดจากการเป็น AUTO ตรงนั้น และก็ได้เห็นรถบนถนนกลับมาวิ่งเร็วเหมือนเดิมค่ะ ดิฉันปฏิบัติถูกไหมคะ ?....... |
อันตรายที่สุด คือห้ามดูจิตตอนขับรถ หรือทำงานกับเครื่องจักร
ถ้ามันวูบขึ้นมา อาจะเกิดอันตรายได้
ให้ทำดูจิตเฉพาะสถานการณ์ที่ไม่เสี่ยงอันตรายถ้าจะมีการ warp (วูบ) เกิดขึ้น |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
โปเต้
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
29 ก.ค.2008, 1:05 am |
  |
ฟังคุณ พลศักดิ์ ว่ามา รู้สึกตื่นเต้น น่าสนุกสนาน จนไม่อยากกลับมาที่สติปัฏฐานเลยนะคะ
ถอดจิตออกเที่ยวได้ ฟังดูดีจัง เริ่มจะไม่ธรรมดาละ
(คนธรรมดาทั่วไปทำไม่ได้นะเนี่ย ) |
|
_________________ สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา |
|
  |
 |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
29 ก.ค.2008, 3:33 pm |
  |
โปเต้ พิมพ์ว่า: |
ฟังคุณ พลศักดิ์ ว่ามา รู้สึกตื่นเต้น น่าสนุกสนาน จนไม่อยากกลับมาที่สติปัฏฐานเลยนะคะ
ถอดจิตออกเที่ยวได้ ฟังดูดีจัง เริ่มจะไม่ธรรมดาละ
(คนธรรมดาทั่วไปทำไม่ได้นะเนี่ย ) |
คุณโปเต้ครับ
คุณยังไม่รู้ว่า มีคนถอดจิตวิญญาณออกไปเที่ยวคิดว่าเป๊ปเดียว พอกลับไปร่างก็เข้าร่างไม่ได้
ตายไปไม่รู้มากขนาดไหน ขนาดพระเมืองไทย หลวงพ่อโอภาสี ถอดจิตออกไปประชุมใน
ต่างประเทศ แต่กลับร่างไม่ได้ ตายกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนไปเลย
ผมถอดจิตได้ แต่ก็บังคับฝืนให้มันอยู่กับร่าง เพราะผมต้องเลี้ยงดูครอบครัว รออีก 20-30 ปี
เมื่อหลานๆผมโตแล้ว และแม่ผมตายแล้ว ผมจะไปเที่ยวสวรรค์นรกและพรหมโลกให้หมดทุกภูมิเลย |
|
|
|
  |
 |
ฌาณ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์
|
ตอบเมื่อ:
29 ก.ค.2008, 4:13 pm |
  |
แสดงว่าเป็นจิตเก๊ ที่ถอดได้
จิตเดิมคือพระเจ้าถอดไม่ได้
ดังนั้นถอดจิตปลอม จึงไม่ตาย
แม้กลับมาเข้าร่างไม่ทันใช่ไหมครับอาจารย์พลศักดิ์ |
|
_________________ ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ |
|
  |
 |
|